โอบรัก
“ทำไมพี่ชายต้องขอหมั้นกับบัวด้วย”


“ก็เพราะพี่รักบัวนะสิ”


“ไม่จริง...พี่ชายโกหก ก็พี่ชายเคยบอกว่า ไม่ชอบเด็ก”


“ก็ตอนนี้พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่ไม่ใช่แค่ชอบบัวนะ แต่รักแล้วก็หวงมากๆ ด้วย ต่อไปนี้พี่ขอสั่งห้
Tags: นิยายกุ๊กกิ๊ก ดราม่า แนวกินเด็ก

ตอน: บทนำ

บทนำ

อาคารตึกสามหลังที่ตั้งอยู่ติดริมน้ำนี้มีอายุมากกว่าร้อยปีแล้ว สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เรือนเป็นสีครีมไข่ไก่ตัดขอบสีเขียว ทุกตึกมีสองชั้นยกเว้นอาคารหลังกลางซึ่งสูงถึงสามชั้นด้วยกัน ด้านบนสร้างเป็นโดมหลังคาสูง ชายคาเป็นไม้ขอบหน้าจั่วแกะสลักลวดลายอย่างงดงาม เสาที่ทำจากปูนล้วนเป็นลายปูนปั้นบริเวณหัวเสา ซึ่งถือเป็นสไตล์ของต่างประเทศ เมื่อเวลาผ่านไปอาคารทั้งหมดก็สีจางไปตามเวลา หม่อมเจ้าพีรพงษ์จึงได้โปรดเกล้าให้ช่างทาสีและปรับปรุงเพิ่มเพื่อให้คงความทันสมัยแต่ยังคงลักษณะดั้งเดิมของตึกเอาไว้เกือบทั้งหมด

ภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตาเวลาผ่านไปมาคือ เหล่าอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เฟอร์นิเจอร์ด้านในแต่เดิมเป็นไม้ แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนใหม่ในบางห้องเพื่อทำให้ประโยชน์ในการใช้สอย ยกเว้นแต่เพียงห้องบรรทมของพระองค์ที่ยังคงเป็นเตียงไม้หลังเดิมตั้งแต่สมัยเสด็จพ่อยังทรงพระชนม์อยู่


ห้องรับประทานอาหารและห้องรับแขก ถือว่า เป็นจุดเด่นของบ้านหลังนี้เพราะนอกจากจะเป็นที่พบปะพูดคุยระหว่างสมาชิกในทุกวันแล้ว ยังเป็นพื้นที่ซึ่งหม่อมเจ้าพีรพงษ์มักจะตรัสเรียกพระโอรสมาเข้าเฝ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันเสาร์ซึ่งหากสมาชิกทุกคนไม่ติดธุระสำคัญอะไรจะต้องกลับมารับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน


คุณวิมาลินในฐานะประมุขรองของบ้านจะเข้าครัวตั้งแต่บ่ายเพื่อปรุงอาหารอย่างสุดฝีมือเตรียมต้อนรับลูกชายทั้งสามคน หม่อมพีรพงษ์มีพระโอรสทั้งหมด 3 พระองค์ พระโอรสองค์โตมีชื่อว่า หม่อมราชวงศ์กนต์ธร เป็นผู้รับสืบทอดกิจการบริษัทจากหม่อมเจ้าพีรพงษ์ นับตั้งแต่เขาเข้ามาบริหารเอส เค พร๊อพเพอร์ตี้กิจการก็รุ่งเรืองขึ้นมาก หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นราวกับว่าวติดลมบน ส่วนพระโอรสองค์รองมีชื่อว่า หม่อมราชวงศ์กรกันต์ นั้นมีอาชีพแตกต่างกับพี่น้องโดยสิ้นเชิงเพราะเป็นถึงแพทย์ประจำห้องฉุกเฉิน เมื่อหนึ่งปีก่อนเขาเพิ่งเดินทางกลับจากการศึกษาต่อเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แทนที่เข้าทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแต่กลับเลือกที่จะเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์แทนเพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชน


ส่วนพระโอรสองค์สุดท้องคือ หม่อมราชวงศ์กวินภพก็มีเส้นทางชีวิตที่ต่างกับคนอื่น เขารับราชการทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษของกองทัพ งานภาระหน้าที่ซึ่งต้องเสี่ยงตายเพราะต้องออกปฏิบัติการในพื้นที่อันตรายริมชายแดนแถมยังต้องปะทะกับผู้ก่อการร้ายอยู่บ่อยครั้ง แต่เพื่อความสบายใจของคุณวิมาลิน ทั้งสามพี่น้องจึงช่วยกันบิดบังเอาไว้ ดังนั้นคุณวิมาลินจึงทราบเพียงแต่ว่า บุตรชายทำงานเป็นอาจารย์ของนักศึกษาทหาร ตลอดสัปดาห์ทั้งสามมักจะว่างไม่ตรงกัน แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งสมาชิกทุกคนจะกลับมาร่วมโต๊ะอาหารยกเว้นติดภารกิจสำคัญจริงๆ จึงถือเป็นเวลาแห่งความสุขของวังสกุลสุวกุลเลยทีเดียวที่จะได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตา


อาหารโปรดของบุตรชายทั้งสามจัดเตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพโดยฝีมือคุณวิมาลิน ทั้งของคาวหวานพร้อมสรรพ กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่ว เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยคุณวิมาลินจึงไปอาบน้ำผลัดเสื้อผ้าแต่งตัวเต็มยศรอ ไม่นานหม่อมเจ้าพีรพงษ์ก็เสด็จตามมาสบทบ ทรงทอดพระเนตรมองศรีภรรยาที่ผุดลุกผุดนั่งตลอดเวลาด้วยความตื่นเต้าเนื่องจากใกล้เวลาแล้วแต่เก้าอี้ในห้องอาหารยังว่างเปล่า บุตรชายทั้งสามก็ยังไม่กลับ


“นั่งก่อนสิคุณ ลุกขึ้นลุกลงแบบนี้ประเดี๋ยวก็หน้ามืด เป็นลมไปหรอก”
“โธ่เสด็จพี่เพคะ ก็หม่อมฉันเป็นห่วงลูกเรานี่คะ จนป่านนี้แล้วยังไม่มากันอีก”
“รันก็โทรมาบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า อีกห้านาทีจะมาถึง”

ในบรรดาลูกชายทุกคนหม่อมราชวงศ์กนต์ธร เป็นคนตรงต่อเวลาที่สุดเพราะเป็นพี่ใหญ่ต้องรับผิดชอบครอบครัว เขาเป็นคนเจ้าระเบียบ จึงเป็นเรื่องแปลกที่วันนี้ยังกลับไม่ถึงบ้าน ตั้งแต่เล็กจนโตหม่อมราชวงศ์กนต์ธร เป็นคนขยันตั้งใจเรียนไม่เคยทำอะไรให้ครอบครัวต้องเป็นห่วง แม้แต่ตอนที่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็ไม่เคยมีข่าวลือเรื่องสาวตาน้ำข้าวให้รำคาญพระหฤทัย ผิดกับหม่อมราชวงศ์กรกันต์ซึ่งเป็นคนผางตรงไปตรงมา บ่อยครั้งที่ต้องขัดแย้งกับหลายคน แต่ด้วยความดีและตั้งใจทำงานจึงเอาตัวรอดมาได้ ส่วนหม่อมราชวงศ์กวินภพก็มักจะมีเรื่องราวพะบู๊ๆ ลุยๆ ตามวิสัยชายชาติทหาร

“ก็นั่นล่ะคะ มืดแล้วรถไม่น่าติดมาก น่าจะมาถึงได้แล้ว”

บริษัทเอส เค พร๊อพเพอร์ตี้ก็อยู่ห่างจากบ้านไปเพียงแค่สิบห้านาที ปกติแล้วหม่อมราชวงศ์กนต์ธร มักจะเดินทางมาถึงก่อนน้องๆ เสมอ
“เย็นวันเสาร์ละตัวดีเลยคุณ คนอื่นเขาก็ออกไปกินข้าวนอกบ้าน เลี้ยงสังสรรค์ รถราก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา คุณใจเย็นๆ เถอะ เดินไปเดินมาอย่างนี้ผมเวียนหัว”

“แล้วนี่ชายกันต์กับชายกวินโทรมาบ้างไหมคะ” คุณวิมาลินพูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงบุตรชายคนเล็กพูดขึ้น


“ผมมาแล้วครับแม่ มีใครบ่นหาผมอยู่หรือเปล่าเอ่ย”
หม่อมราชวงศ์กวินภพปรี่เข้ามาหาก่อนเพื่อน ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้ามารดาและประนมมือไหว้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกอดเพื่อประจบ เขาเป็นลูกชายคนเล็กสุดจึงช่างออดอ้อนมารดา แต่ใครจะรู้ว่า ยามปฏิบัติติหน้าที่ เขามีความองอาจ กล้าหาญ ชายหนุ่มเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกชนิดรวมถึงศิลปะการป้องกันตัวและการต่อสู้ในระยะประชิดทุกอย่าง แต่ที่ต้องทำตัวเรียบร้อยผิดปกติยามอยู่ในบ้านก็เพราะไม่ต้องการให้มารดาไม่สบายใจนั่นเอง เขาตั้งใจจะปิดบังท่านไว้ก่อนเกี่ยวกับงานของตน


“อ้อนเกินไปหรือเปล่ากวิน ออกนอกหน้าเกินไปแล้วนะโว้ย”

หม่อมราชวงศ์กรกันต์ยื้อไหล่น้องชายและโผเข้าไปกอดคุณวิมาลินบ้าง สองหนุ่มต่างแกล้งยื้อยุดกันจนหม่อมเจ้าพีรพงษ์อดยิ้มไม่ได้

“ไอ้ลูกสองคนนี้ชอบทำตัวเป็นเด็กอ้อนแม่อยู่ได้ อย่างนี้เมื่อไหร่พ่อกับแม่จะได้เจอว่าที่สะใภ้เสียที”
หม่อมราชวงศ์ทั้งสองผงะ ยักคิ้วและรีบส่ายหน้า หม่อมราชวงศ์กวินภพรีบลุกขึ้นประนมมือไหว้หม่อมเจ้าพีรพงษ์

“เสด็จพ่อตรัสแบบนี้เท่ากับปาระเบิดมือใส่พวกเราเลยนะครับ มีหวังวันนี้แม่ไล่เบี้ยพวกเราบนโต๊ะอาหารไม่จบแน่ๆ”

คุณวิมาลินค้อนและตีเผียะตรงหัวไหล่ลูกชาย

“แม่เคยไล่เบี้ยที่ไหน ลูกก็พูดไปเรื่อย แม่แค่ถามถึงด้วยความเป็นห่วง เมื่อไหร่ลูกชายสุดหล่อทั้งสามของแม่ถึงจะมีแฟน รู้ตัวบ้างไหมว่า ปล่อยให้คุณชายโปรดแซงคิวไปแล้วนะ”
ได้ทีคุณวิมาลินก็เอ่ยถึงญาติสนิทซึ่งวันนี้เพิ่งแวะมาที่วังสุวกุลเพื่อแจกการ์ดแต่งงานทันที หม่อมราชวงศ์อติกันต์อายุไล่เลี่ยกับทั้งสามหนุ่มแถมยังรู้จักสนิทสนมกันดีอีกด้วย

“คุณชายโปรดนะหรือครับ”

คุณชายคนสุดท้ายโผล่เข้ามาในห้องรับแขกพอดี เขาสวมสูทสีกรมท่าตัดเย็บอย่างประณีต เนคไทสีฟ้าอ่อนลายทางเสริมให้ดูหล่อเหลา ในบรรดาทั้งหมดหม่อมราชวงศ์กนต์ธรดูจะผิวขาวกว่าคนอื่นๆ คิ้วเข้มที่พาดอยู่เหนือนัยน์ตาคมกริบ ผนวกกับความจริงจังที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าทำให้บรรดาพนักงานต่างลงความเห็นว่า ทั้งหล่อทั้งดุในเวลาเดียวกัน ยามอยู่ในเวลางาน เขาก็ตัดสินใจเฉียบขาดตรงไปตรงมา แต่ยามนอกเวลางานก็เป็นเจ้านายที่ใจดี คอยรับฟังปัญหาของลูกน้อง


“อ้าว...ชายรันมาพอดี นั่งก่อนสิลูก ทุกคนกำลังรอลูกอยู่”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธร ประนมมือไหว้หม่อมเจ้าพีรพงษ์ ก่อนหันไปหามารดาบ้าง


“ผมขอโทษครับแม่ที่มาผิดเวลา พอดีวันนี้มีรถชนอยู่หน้าบริษัท ก็เลยทำให้ขลุกขลักนิดหน่อย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ แม่เป็นห่วงชายรันเฉยๆ ทุกคนมาเหนื่อยๆ เรากินข้าวกันเลยดีไหมจ้ะ วันนี้แม่ทำของโปรดทุกคนเอาไว้ด้วย”


หม่อมราชวงศ์ทั้งสามกวาดตามองอาหารบนโต๊ะ ซึ่งต่างมีอาหารจานโปรดของเหล่าสมาชิกในครอบครัววางเรียงรายกัน แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า วันนี้คุณวิมาลินคงออกไปจ่ายตลาดตั้งแต่เช้าด้วยตัวเองและคงลงครัวตั้งแต่บ่ายเลยด้วยซ้ำเพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มรสอาหารฝีมือชาววังที่แท้จริง แม้ในวังสุวกุลจะมีแม่ครัวถึงสองคน แต่ยามว่างคุณวิมาลินมักจะแสดงฝีมือทำอาหารด้วยตัวเองโดยเฉพาะของที่หม่อมเจ้าพีรพงษ์ทรงโปรด คือ แกงส้มปลากระบอก รสชาติจัดจ้าน ส่วนหม่อมราชวงศ์กนต์ธรชอบไข่ลูกเขย หรือ ยำถั่วพูกุ้งสด ของโปรดของหม่อมราชวงศ์กรกันต์ และจานสุดท้ายคือ ไข่เจียวปูของโปรดของหม่อมราชวงศ์กวินภพ เมื่อทุกคนนั่งลงแม่บ้านซึ่งยืนเตรียมรออยู่ก็รีบตักอาหารใส่จานทันที


“เมื่อครู่นี้แม่บอกว่า ใครจะแต่งงานนะครับ”

“ก็คุณชายโปรดยังไงล่ะจ้ะ”

หม่อมราชวงศ์อติกันต์เป็นพระโอรสของหม่อมเจ้าพชรกับคุณพัชริดา เขาเป็นทันตแพทย์หนุ่มรูปงามนิสัยดี อีกทั้งยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของหม่อมราชวงศ์ทั้งสามอีกด้วย ทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันดังนั้นพอหม่อมราชวงศ์อติกันต์มาแจกการ์ดแต่งงานคุณวิมาลินจึงดีใจเป็นอันมากและอดที่จะเปรียบเทียบกับลูกชายทั้งสามไม่ได้


“พี่โปรดเนี่ยนะครับแต่งงาน...กับใคร ทำไมผมไม่ยักรู้”

“ว่าที่เจ้าสาวชื่อว่า คุณณิชารีย์จ้ะ เห็นบอกว่า เป็นเจ้าของร้านอาหารตรงสุขุมวิท”


“แต่ผมเคยเจอคุณชายโปรดครั้งหนึ่งนะครับที่ห้างสรรพสินค้าตรงสุขุมวิท มากับว่าที่เจ้าสาว หน้าตาน่ารักมากเลยนะครับ”

“แถมนิสัยดีมากๆ ด้วยจ้ะ วันนี้แม่ได้เจอตัวจริงแล้ว คุณพัชริดายังบอกแม่ว่า ถ้าแต่งงานแล้วจะรีบเร่งให้มีหลานเสียเลย เพราะเธอรอมานานมากแล้ว”


พูดจบคุณวิมาลินก็ปรายตามาทางลูกชาย สามหนุ่มต่างรู้ทันว่า การมองเช่นนี้หมายถึงการกดดันกรายๆ เนื่องจากหม่อมราชวงศ์อติกันต์นั้นอายุรุ่นมากกว่าหม่อมราชวงศ์กนต์ธรเพียงแค่ปีเดียว สมัยเรียนทั้งหมดเป็นหนุ่มเนื้อหอม แต่เวลาล่วงเลยมานานแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงาน โดยเฉพาะหม่อมราชวงศ์กนต์ธร ที่ไม่เคยมีแฟน ทั้งที่ปีนี้อายุสามสิบปีแล้ว

“คุณชายโปรดอายุมากกว่าชายรันแค่ไม่กี่ปี ดังนั้นแม่ว่า บ้านเราก็น่าจะมีข่าวดีบ้างเหมือนกัน”
“เอาแล้ว พี่ชายรันงานเข้าแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญรับประทานกันตามสบาย” หม่อมราชวงศ์กวินภพแกล้งทำเป็นรวบช้อนส้อมและลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะ ตามด้วยหม่อมราชวงศ์กรกันต์ที่ทำท่าเหมือนอิ่มเช่นเดียวกัน

“ผมก็รู้สึกตื้อๆ เหมือนกัน”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธร หันไปปรามน้องชาย

“พอเลย นายสองคนไม่ต้องรีบลุกไปไหน แม่ไม่ได้บังคับพวกเราให้แต่งงานสักหน่อยจริงไหม” หม่อมราชวงศ์กนต์ธรปรายตาไปทางมารดา คุณวิมาลินรู้ทันบุตรชาย ดังนั้นแทนที่จะใช้การบังคับจึงใช้วิธีพูดหว่านล้อมแทน

“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรชาย แค่ถามดู เผื่อว่า ในบรรดาลูกทั้งสามคนจะมีใครสักคนในที่นี้พอจะให้แม่ฝากความหวังเอาไว้ได้ เพื่อจะได้มีวาสนาอุ้มหลานกับเขาบ้าง”
คุณวิมาลินหย่อนระเบิดลงกลางวันพร้อมกับปรายสายตาไปมองบุตรชาย ทั้งสามต่างมีสีหน้าพิพักพิพ่วน ขณะที่หม่อมราชวงศ์กวินภพ ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ รีบก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารต่อ หม่อมราชวงศ์กรกันต์ชิงตอบแทน

“โธ่แม่ครับ ยังไม่แต่งงาน แต่พูดไปถึงหลาน ไอ้ผมงานยุ่งครับ คนไข้เยอะทุกวัน แถมยังต้องสอนนักศึกษาอีก คงไม่ว่างมีแฟนตอนนี้ ถ้าจะแต่งก็คงต้องแต่งกับเวรเปลที่ห้องฉุกเฉินแทนละครับ เพราะคลุกคลีกันออกจะบ่อย เรียกว่า กินนอนด้วยกันเลยทีเดียว”


“ตายแล้วชายกันต์พูดอะไรอย่างนั้นจ้ะ อย่ามาขู่ให้แม่ใจเสียนะ สมัยนี้เขายิ่งนิยมเป็นชายรักชายกันอยู่ด้วย”
“ผมล้อเล่นครับแม่ เอาเป็นว่า ผ่านผมไปเลยดีกว่า ผมยังไม่มีแฟน และไม่คิดอยากจะมีแฟนด้วยครับ ขึ้นชื่อว่า ผู้หญิงแล้ว ทำให้ชีวิตยุ่งยากวุ่นวาย ไหนจะต้องเอาใจ ดูแล เทคแคร์ ผมคงขาดใจตายเสียก่อน”


“ชายกันต์” คุณวิมาลินเอ็ด

“ผมก็เหมือนกันครับแม่ ปีนี้ผมต้องสอนนักศึกษาและยังต้องฝึกภาคสนามให้นักศึกษาเป็นเดือนๆ คงไม่มีเวลาคิดเรื่องแต่งงาน”

“ไม่คิดแต่งงาน ทั้งที่ลูกอายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะหรือ งานการก็มั่งคงขนาดนี้แล้ว แน่ใจนะว่า หนูจิดาภาจะทนรอได้”

ในบรรดาสามหนุ่มมีเพียงหม่อมราชวงศ์กวินภพที่มีแฟน ทั้งสองคบกันมานานแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะคืบหน้า เพราะฝ่ายชายที่ทำแต่งงาน

“แน่นอนครับ ผมกับเธอคุยกันเข้าใจแล้ว ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาทหารต้องรู้จักอดทนและเสียสละ เธอต้องเข้าใจว่า เวลาของผมมีไว้เพื่อรับใช้ชาติบ้านเมือง จิด้าเข้าใจในจุดนี้ดี ดังนั้นเราสองคนก็ยังไม่คิดแต่งงานในเร็วๆ นี้แน่”


หม่อมราชวงศ์กวินภพรีบแอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่แก้ตัวกับคุณวิมาลินได้อย่างฉิวเฉียดแม้ว่า คำแก้ตัวนั้นจะดูข้างๆ คูๆ ก็ตาม แท้ที่จริงแล้วเขายังไม่เคยคุยกับจิดาภาเรื่องการแต่งงานเลยสักครั้ง ทั้งสองคบกันเป็นแฟนมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ขณะที่หม่อมราชวงศ์กวินภพก็มีความสุขกับชีวิตโสด คุณวิมาลินปรายตาไปยังความหวังสุดท้ายและเป็นคนที่ควรจะแต่งงานมากที่สุดเนื่องจากเพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงานและวัยวุฒิ

“แล้วชายรันละจ้ะ ไม่คิดจะพาว่าที่ลูกสะใภ้มาให้แม่รู้จักบ้างหรือ”

“ผมยังไม่มีแฟนครับแม่ งานที่บริษัทก็ยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลใคร”

สิ่งที่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรคิดเสมอคือ เขาเป็นพี่ใหญ่ที่สุดจะต้องบริหารกิจการบริษัทให้ดีที่สุดเพื่อให้หม่อมเจ้าพีรพงษ์วางพระทัย ตราบใดที่ทุกอย่างยังไม่เข้าที่ เขาจะไม่มีวันชายตามองผู้หญิงคนไหนเด็ดขาด

“ยุ่งแค่ไหนก็ต้องมีเวลาส่วนตัวบ้างนะจ้ะ ปีนี้ลูกอายุสามสิบแล้ว”


“ผมยังสนุกกับงานบริหารครับแม่ คงไม่คิดจะหาห่วงมาผูกคอตอนนี้แน่บริษัทเรากำลังอยู่ในช่วงพัฒนาและปรับปรุงระบบอีกหลายอย่าง ในเมื่อทุกอย่างยังไม่ลงตัว ผมคงไม่มีกะใจคิดเรื่องส่วนตัวแน่”
“นี่ใจคอจะไม่มีใครช่วยแม่หาลูกสะใภ้เลยหรือไง ทุกคนใจดำปล่อยให้แม่แห้งเหี่ยวอยู่บ้านคนเดียวเนี่ยนะ ขณะที่แม่บ้านอื่นเขามีหลานกันเป็นขโยงแล้ว” คุณวิมาลินโพล่งขึ้น ใบหน้างอง้ำ

“อ้าวแม่ครับ แล้วการที่พวกผมจะมีแฟนหรือไม่มี มันเกี่ยวกันตรงไหน”

“เกี่ยวสิจ้ะ ถ้าลูกมีแฟน ต่อไปก็ต้องมีหลาน ถ้าแม่ได้เลี้ยงหลานคงจะช่วยให้หายเหงาเวลาทุกคนออกไปทำงาน แม่คิดว่า ปีหน้าฤกษ์ดีมากเหมาะที่จะให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของสกุลสุวกุลที่สุด”
บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความเงียบเพราะสามหนุ่มไม่รู้จะหาคำตอบไหนมาบอกมารดาดี โทรศัพท์มือถือของหม่อมราชวงศ์กนต์ธรดังขึ้นพอดีราวกับระฆังเคาะเมื่อหมดยก เขารีบลุกขึ้นไปพร้อมกับพยักหน้าราวกับขออนุญาต

“ผมขอโทษนะครับแม่ พอดีต้องรับสายลูกค้า สายนี้สำคัญมาก ผมจำเป็นจริงๆ”
คุณวิมาลินหันมาทางหม่อมราชวงศ์กรกันต์ซึ่งนั่งอยู่ถัดไป เขารีบรวบช้อนส้อมและผุดลุกขึ้น สีหน้ากระอักกระอ่วล


“ผมเพิ่งนึกได้ว่า ต้องตรวจรายงานลูกศิษย์ พรุ่งนี้ต้องเอาไปคืนแต่เช้า ผมอิ่มแล้ว ขอขึ้นห้องก่อนนะครับ” พูดจบก็รีบลุกไปกอดคุณวิมาลินและเดินเร็วๆ ขึ้นบันไดไปทันที

คุณวิมาลินหันไปทางลูกชายคนสุดท้องซึ่งลุกขึ้นเช่นเดียวกันพร้อมทำท่าวันธยาหัตถ์ทันที
“ผมก็เหมือนกันครับแม่ วันนี้รู้สึกเหนียวตัวยังไงก็ไม่รู้ ตัวก็เหม็นเพราะฝึกภาคสนามมาทั้งวันขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ อาหารอร่อยมากๆ เลย ขอบคุณนะครับแม่”

เขาเน้นคำและยื่นหน้ามาหอมแก้มคุณวิมาลินฟอดใหญ่เพื่อยุติทุกอย่าง ตอนนี้ทั้งโต๊ะจึงเหลือเพียงหม่อมเจ้าพีรพงษ์ซึ่งกำลังเจริญอาหารอยู่เพียงคนเดียว พอเห็นลูกชายทั้งสามแอบหนีไปก็ทรงลอบยิ้ม
“หม่อมฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่าเพคะ ทำไมทุกคนรีบอิ่มกันจังเลย”
“ไม่ผิดหรอก แต่คุณไปจี้ใจดำพวกหนุ่มๆ ต่างหาก พวกเขาก็เลยหาทางหลบกันสุดฤทธิ์”
“ก็หม่อมฉันเป็นห่วงลูกนี่เพคะ” คุณวิมาลินทำตาแดงๆ ก้มหน้า หม่อมเจ้าพีรพงษ์ทรงเอื้อมพระหัตถ์มาแตะหลังมือภรรยาเบาๆ

“ผมเข้าใจ แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพรหมลิขิต คุณเองเชื่อเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือ”
คุณวิมาลินมักจะไปหาหมอดูให้ดูดวงลูกชายและคนในครอบครัวอยู่เสมอ อีกทั้งยามว่างก็ชอบนั่งดูไพ่ยิบซีด้วยตัวเอง หมอดูทุกคนต่างพูดตรงกันว่า ทั้งสามจะได้แต่งงานมีครอบครัวในเร็ววันทำให้คุณวิมาลินตั้งตารอ
“หม่อมฉันเชื่อค่ะ...แต่ก็อดร้อนใจไม่ได้”


“ไม่มีแต่ ถ้าคุณเชื่อ คุณก็ต้องอดทนรอ ผมว่าอีกไม่นานเจ้าลูกชายของเราทั้งสามจะต้องมีข่าวดีมาให้พวกเราชื่นใจแน่นอน แต่สำหรับตอนนี้ขืนเร่งรัดไปก็เท่านั้น มีแต่ทำให้พวกหนุ่มๆ หนีทัพแตกกระเจิงกันพอดี”
“แหมเสด็จพี่ก็ตรัสแบบนี้ หม่อมฉันรู้สึกผิดนะเพคะ”
“อย่าน้อยใจไปเลย ผมเข้าใจความหวังดีของคุณ เราสองคนมาช่วยกันกินอาหารบนโต๊ะให้หมดดีกว่า คุณรึอุตส่าห์แสดงฝีมือเต็มที่ไม่ใช่หรือ เรื่องเนื้อคู่เดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่ พระพรหมท่านก็จัดสรรให้เองนั่นล่ะ”



เรือนไม้ริมน้ำแห่งนี้เป็นส่วนที่รื้อขึ้นสร้างใหม่จากเรือนหลังเดิมที่ผุพังไป หม่อมเจ้าพีรพงษ์เห็นว่า พระโอรสคงอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างตามประสาหนุ่มๆ จึงให้คนสร้างตึกหลังเล็กขึ้นติดริมน้ำ หน้าต่างเป็นกระจกใสบานใหญ่ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ริมน้ำเจ้าพระยา ตรงกลางห้องมีโซฟาและโต๊ะเคียงตัวเล็กสำหรับวางอาหารว่าง ส่วนชั้นวางหนังสืออยู่ด้านในอีกฝั่งและมีผนังกั้นเพื่อไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรงอันจะส่งผลให้หนังสือเก่าจำนวนมากที่เก็บสะสมเอาไว้เสื่อมสภาพ


ชั้นหนังสือที่สูงติดเพดานเต็มไปด้วยหนังสือมากมายกว่าพันเล่มจัดเรียงเป็นระเบียบ หนังสือส่วนหนึ่งเป็นของหม่อมเจ้าพีรพงศ์ ส่วนที่เหลือเป็นของพระโอรสทั้งสามที่ต่างเป็นหนอนหนังสือด้วยกันทุกคน ห้องนี้นอกจากใช้เป็นที่ค้นคว้าหาความรู้และพักผ่อนหย่อนใจแล้วยังถูกใช้เป็นสถานที่หลบภัยของทั้งสามหนุ่มอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคุณวิมาลินหย่อนระเบิดลงกลางโต๊ะอาหารจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สามหนุ่มจะเป็นอันรู้กันว่า จะต้องหลบมาถกเถียงประเด็นร้อนนั้นในห้องแห่งนี้

หม่อมราชวงศ์กวินภพผลักประตูเข้ามาเป็นคนแรก รีบสอดส่ายสายตามองหาคนอื่นๆ เมื่อไม่เห็นใครก็รีบจับจองที่บนโซฟาหนังตัวโปรดทันที เขามองจ้องไปที่ประตูเพราะมั่นใจว่า อีกไม่นานพี่ชายทั้งสองจะต้องเข้ามาในนี้แน่ แม้ตัวเขาจะหลบการคาดคั้นจากคุณวิมาลินมาได้อย่างฉิวเฉียด แต่หม่อมราชวงศ์กวินภพก็มั่นใจว่า เรื่องคงไม่จบแค่นี้แน่ๆ อีกไม่นานทุกคนจะต้องเข้ามาในห้องแห่งนี้จนครบองค์ประชุม


ประตูห้องเปิดออกแทบจะทันทีพร้อมกับพี่ชายคนรองเดินเข้ามา หม่อมราชวงศ์กรกันต์สวมชุดนอนกางเกงขายาวผ้าเนื้อนิ่มตัวโปรด ดูก็รู้ว่า เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จหมาดๆ กลิ่นของอาฟเตอร์เชพกับโคโลจน์ที่ใช้ประจำโชยมา ขณะที่หม่อมราชวงศ์กวินภพสวมเสื้อยืดสีเขียวแบบทหารกับกางเกงขาสั้น ยามไม่ต้องเข้าประจำการเขามักจะแต่งตัวสบายๆ ผมตัดสั้นตามระเบียบทหารบัดนี้เปียกหมาดๆ เพราะเจ้าตัวเพิ่งสระผมเสร็จ

“แล้วพี่ชายรันละครับ เดินตามมาหรือเปล่า”
“พี่ยังไม่เห็นนะ”

หม่อมราชวงศ์กรกันต์เพิ่งจะเดินผ่านทางเชื่อมตึกเข้ามา แต่ก็ยังไม่เห็นพี่ชายคนโตเดินตามมาอย่างที่เคย
“แปลกแหะ วันนี้พี่ชายรันหายไปไหน ปกติต้องมาถึงหลุมหลบภัยก่อนพวกเราด้วยซ้ำ”
กลิ่นหอมของอาหารที่รวยรินผ่านประตูเข้ามาทำให้หม่อมราชวงศ์กวินภพได้คำตอบในทันที เขาคลี่ยิ้มอย่างรู้ทัน
“รู้แล้ว พี่ชายรันต้องเข้าครัว ไปทำอะไรมาให้พวกเรากินแน่นอน สมแล้วที่เป็นพี่ชายสุดที่รัก”
พูดจบท้องก็ร้องจ๊อกขึ้นมาทันที เขารีบปราดไปเปิดประตูอย่างรู้หน้าที่ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรถือถาดใส่อาหารเข้ามา เขายื่นมือออกไปรับแต่เดินยังไม่ถึงโต๊ะเคียงกลางห้องก็เอื้อมมือไปหยิบเปาะเปี๊ยะทอดมากินหนึ่งชิ้นขึ้นมาชิมอย่างอดใจไว้ไม่ไหว คนที่ยังไม่ได้กินรีบโวยเมื่อเห็นหม่อมราชวงศ์กรกันต์เคี้ยวตุ้ยๆ และทำท่าจะเหมาทั้งหมด

“เฮ้ยได้ไง กวินกินคนเดียว รอกันบ้างดิ”


หม่อมราชวงศ์กรกันต์โผไปที่จานและเอื้อมมือไปหยิบบ้าง หม่อมราชวงศ์กนต์ธรหันไปเอ็ดน้องทั้งสอง
“ระวังหน่อย พวกนาย เปาะเปี๊ยะร้อนมากๆ เพิ่งทอดเสร็จเดี๋ยวก็ลวกมือลวกปากกันพอดี ไปนั่งกินดีๆ อย่ามูมมาม”
“ก็มันอร่อยนี่ครับ พี่ชายรันนี่เป็นพ่อบ้านพ่อเรือนชะมัดเลย อย่างนี้ผู้หญิงคนไหนได้ไปเป็นสามีรับรองสบายไปทั้งชาติ”


หม่อมราชวงศ์กวินภพเคี้ยวตุ้ยๆ แม้ว่า จะต้องอ้าปากเป็นระยะๆ เนื่องจากไส้ในของเปาะเปี๊ยะยังร้อนจัดเพราะเพิ่งขึ้นจากเตา กลิ่นหอมของวุ้นเส้นกับหมูสับหั่น ผสมผสานกับพริกไทยและผักหั่นละเอียดทำให้เปาะเปี้ยะมีรสชาติอร่อยล้ำ แป้งที่บางกรอบ ไม่อมน้ำมัน เขานึกถึงตอนที่เคยไปยืนดูหม่อมราชวงศ์กนต์ธรทำอาหารชนิดนี้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก

เริ่มจากการแช่วุ้นเส้นในน้ำให้นุ่มและยกขึ้นพักไว้ หลังจากนั้นก็นำเครื่องเคียงทั้งหมดลงไปผัดในกระทะให้หอมปรุงรสชาติด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาล ปรุงรส แล้วพักให้เย็นจึงนำมาห่อด้วยแป้ง เทคนิคก็คือ ต้องไม่ใส่ไส้เยอะเกินไปจนห่อไม่รอบ เพราะระหว่างทอดไส้อาจจะปริแตกทำให้ปอเปี๊ยะดูไม่น่ารับประทาน นอกจากนั้นน้ำมันที่ใช้ทอดต้องร้อนจัดปอเปี๊ยะจึงจะเหลืองกรอบและต้องคอยดูอย่าให้ไหม้ หลังจากทอดจนเป็นสีเหลืองทองก็นำมาพักไว้รองด้วยกระดาษซับมันก่อนนำมาเสิร์ฟ ส่วนน้ำจิ้มนั้นก็เป็นสูตรเฉพาะซึ่งนมเยื้อนถ่ายทอดให้กับหม่อมราชวงศ์กนต์ธร จึงมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานนิดๆ กินคู่กันอร่อย
“นายก็พูดเกินไป นี่แค่อาหารพื้นๆ ใครๆ ก็ทำได้”


“ใครทำได้ แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน เรื่องเข้าครัวขอบายเป็นคนแรก แต่ถ้าเรื่องกิน สู้ไม่ถอย” หม่อมราชวงศ์กรกันต์โบกมือ พร้อมกับหยิบปอเปี๊ยะชิ้นที่สองเข้าปาก มืออีกข้างก็โบกไล่ความร้อนไปด้วย สองพี่น้องต่างไม่มีใครยอมใคร จนปอเปี๊ยะซึ่งมีถึงสิบชิ้นเริ่มพร่องลง
“ผมก็เหมือนกัน ถ้าให้ทำเมนูสิ้นคิดแบบกระเพรา ไข่ดาว พอไหว แต่ถ้าต้องประดิดประดอยห่อคงก็คงไม่ไหวเหมือนกัน”


“พวกนายนี่มันจริงๆ เลยนะ ทั้งที่นมเยื้อนก็อยากจะคนมารับสืบทอดวิชาทำอาหารแต่นายก็รีบปฏิเสธเสียก่อนแล้ว อย่างนี้ต่อไปใครจะทำให้กิน”

“ก็พี่ชายรันยังไงล่ะครับ ผมยอมรับว่า ตัวเองใจร้อน ถ้าให้ถือปืนจับอาวุธค่อยถนัดหน่อย” หม่อมราชวงศ์กวินภพโอ่

“เอาเถอะ พวกนายถือไปวางบนโต๊ะเคียงและนั่งกินดีๆ ไป ยืนกินแบบนี้เดี๋ยวจะหกเลอะเปล่าๆ พี่สงสารแม่บ้านที่ต้องเข้ามาทำความสะอาด”
“ครับผ้ม” หม่อมราชวงศ์กวินภพแสร้งตะเบ๊ะ แล้วถือจานไปวาง หม่อมราชวงศ์กรกันต์ตามไปติดๆ ทั้งสามนั่งล้อมวงกัน ก่อนที่หม่อมราชวงศ์ผู้พี่จะใช้ช้อนตักปอะเปี๊ยะใส่จานรับประทานอย่างเรียบร้อย
“ดูเหมือนพี่ชายรันจะไม่ร้อนใจเลยนะครับ เรื่องที่แม่ถามถึง หรือว่า ที่จริงแล้วพี่แอบเล็งเจ้าสาวเอาไว้แล้ว”

“ไม่ต้องมาโยนภาระให้พี่หน่อยเลย พี่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ เราก็รู้”
“อ้าวก็พี่เป็นลูกคนโต ก็ต้องเป็นความหวังให้แม่ไม่จริงหรือครับ” หม่อมราชวงศ์กวินภพยักไหล่ ยิ้มยียวน
“พวกนายสองคนนี่รู้จักเอาตัวรอดนะ แต่ฝันไปเถอะ พี่ยังไม่คิดแต่งงานตอนนี้แน่ งานที่บริษัทก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางเลย จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลผู้หญิงล่ะ”
“ไม่เข้าที่ตรงไหนครับ ผมเห็นกิจการดีออก หุ้นของบริษัทเราพุ่งติดลมบนเลยนะครับ ใครๆ ก็อยากจะซื้อหุ้นด้วยกันทั้งนั้น ถ้าไม่ติดว่า ท่านพ่อไม่ต้องการให้หุ้นส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น มีหวังเรารวยกว่านี้อีก”


“ดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป ยังมีปัญหาอีกมากที่ต้องปรับเปลี่ยน พี่ต้องการวางรากฐานระบบให้มั่นคงเพื่อที่เราจะได้เติบโตมากขึ้นอีกในอนาคต พี่มองถึงโครงการระดับข้ามประเทศ ซึ่งถ้าทำได้ เราจะสร้างงานให้กับคนไทยอีกมาก”


“ผมละทึ่งพี่ชายรันจริงๆ ทำงานหนักขนาดนี้ยังคิดแผนการอนาคตได้อีก”



“พี่ต้องทำ...เพราะบริษัทแห่งนี้คือ ความหวังของท่านพ่อ ท่านคงไม่อยากให้บริษัทหยุดอยู่กับที่หรอก”
“แต่การแต่งงานก็เป็นความหวังของแม่เหมือนกันนะครับ ผมว่า พี่ชายรันน่าจะวางแผนสำหรับเรื่องนี้บ้าง” หม่อมราชวงศ์กรกันต์หยอด
“บอกตรงๆ พี่ไม่สบายใจเลย เท่าที่เราสามคนรีบตัดบทและลุกจากโต๊ะอาหารก็คงทำให้แม่เครียดมากพอแล้ว”

แม้จะรู้ว่า มารดาคงน้อยใจที่จู่ๆ ลูกชายทั้งสามต่างไม่ยอมคุยเรื่องแต่งงานต่อ แต่หม่อมราชวงศ์กันต์ธรก็ไม่มีทางเลือก เขายังสนุกกับงาน อีกทั้งยังไม่อยากหาห่วงมาผูกคอในตอนนี้ นับตั้งแต่เข้ามาบริหารงานในบริษัท เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หม่อมราชวงศ์กันต์ธรต้องปรับแผนงานใหม่ และวางระเบียบเกี่ยวกับพนักงานให้เข้มงวดขึ้น นอกจากนั้นยังเน้นให้พนักงานสร้างผลงานควบคู่กับการปรับเงินเดินทั้งนี้เพื่อสร้างแรงจูงใจ
“ผมว่า บางทีแม่อาจจะไม่จริงจังก็ได้ ตอนนี้อาจจะแค่คิดขึ้นมาเพราะได้คุยกับพี่ชายโปรด แต่พอจบงานแต่งก็อาจจะลืมไปแล้วก็ได้”

“พี่ก็หวังว่า ให้ลืม เพราะถ้าหากแม่ยังพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พี่คงจะต้องเปิดอกคุยกับท่านตรงๆ ว่าพวกเรายังไม่พร้อม”


“แม่จะฟังหรือครับพี่ชายรัน”

“ฟังสิ แต่ไหนแต่ไรมา แม่เป็นคนมีเหตุผล ท่านไม่เคยบังคับเราเรื่องมีคู่ นายก็รู้ แต่ครั้งนี้คงเพราะญาติทางผู้ใหญ่ถามมา ท่านก็เลยลองมาเปรยๆ เรื่องนี้กับเรา”


“ว่าแต่พี่ชายรันไม่คิดจะหาสะใภ้ให้แม่บ้างหรือครับ”
“กันต์ พี่รู้นะว่า นายคิดอะไร อย่ามายุเสียให้ยาก”

“รู้ทันอีกแล้ว ผมแค่แหย่ครับ เผื่อพี่ชายรันจะใจอ่อน ยอมรับภาระหนักอึ้งนี้ไป”

“ไม่มีทาง คนอย่างพี่จะไม่แต่งงานเพราะถูกหว่านล้อมเด็ดขาด พี่จะแต่งงานก็ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่า พร้อมจะดูแลผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”

“พี่ชายรันพูดเป็นจริงเป็นจังเลยนะครับ ผมชักอยากรู้เสียแล้วว่า สเปคผู้หญิงของพี่ต้องเป็นยังไงน้า”
“พี่ชอบคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนที่ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวเราได้ แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนทำให้วุ่นวายมากไปกว่าเดิมละก็ พี่ขอบายชั่วชีวิต”






tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2561, 22:12:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2561, 22:12:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 798





   บทที่ ๑ น้องสาว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account