โอบรัก
“ทำไมพี่ชายต้องขอหมั้นกับบัวด้วย”


“ก็เพราะพี่รักบัวนะสิ”


“ไม่จริง...พี่ชายโกหก ก็พี่ชายเคยบอกว่า ไม่ชอบเด็ก”


“ก็ตอนนี้พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่ไม่ใช่แค่ชอบบัวนะ แต่รักแล้วก็หวงมากๆ ด้วย ต่อไปนี้พี่ขอสั่งห้
Tags: นิยายกุ๊กกิ๊ก ดราม่า แนวกินเด็ก

ตอน: บทที่ ๒ แรกพบ

มาลงให้อ่านต่อแล้วนะคะ ขออภัยที่หายไปนาน เพราะว่า เร่งปั่นเรื่อง บ่วงรัก อัปสรา ค่ะ จะลงให้อ่านทั้งสองเรื่องเลยนะคะ เม้นท์ทักทายกันหน่อยนะคะ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด งานหนังสือนี้น่าจะได้เห็นเป็นรูปเล่มนะคะ

บทที่ ๒ แรกพบ

“ทำไมทำหน้าเหมือนคนท้องผูกอย่างนั้นวะไอ้รักษ์”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเป็นฝ่ายทักขึ้น เขากับอภิรักษ์นัดกันที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง แต่นับตั้งแต่อีกฝ่ายมาถึงก็มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา คงเพราะมีความในใจ

“ฉันกลุ้มใจเรื่องน้อง”


เรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านปากเพื่อนรักทำให้หม่อมราชวงศ์กนต์ธรอดประหลาดใจไม่ได้ เขารู้จักอภิรักษ์มานานตั้งแต่สมัยมัธยมปลายเพราะเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน ครั้นพอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนด้วยกันอีก เพิ่งจะแยกจากกันตอนที่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเดินทางไปศึกษาที่ต่างประเทศ ที่ผ่านมาอภิรักษ์เป็นคนสุขุม รอบคอบ อารมณ์ดี ทุกครั้งที่พบกันก็มักจะมีแต่เรื่องคุยสนุกสนาน แต่ครั้งนี้เพื่อนเหมือนคนอมทุกข์

“น้องสาวนายที่ชื่อ บัวนะหรือ”


ภาพของเด็กหญิงแก้มป่องผมเปีย หน้าตาน่ารักผุดขึ้น หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเคยพบกับเด็กหญิงเพียงสองครั้ง แม้จะเป็นน้องสาวต่างมารดา แต่อภิรักษ์ก็รักน้องสาวคนนี้มากและมักจะพูดถึงอยู่เป็นประจำ และพอเพื่อนๆ แกล้งแหย่ว่า จะจีบน้องสาว ชายหนุ่มก็แสดงอาการฮึดฮัดหวงน้องขึ้นมา

“ใช่ บัวถูกไล่ออกจากโรงเรียน”

“เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนั้น”

วีรกรรมมากมายที่เพื่อนเล่าทำให้หม่อมราชวงศ์กนต์ธร อดไม่สบายใจแทนไม่ได้ เขาเคยคิดเสมอว่า ครอบครัวคือ รากฐานของชีวิต ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้คนในสังคมปัจจุบันมีหลากหลาย คนที่มาจากครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นล้วนแต่เติบโตเป็นคนที่มีความมั่นคงในอารมณ์รับมือกับปัญหาได้ดี ส่วนคนที่มาจากครอบครัวที่แตกแยกนั้นเด็กก็ต้องปรับตัวเพื่อเผชิญกับชีวิตตามลำพัง ถ้าหากพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ได้ใส่ใจดูแลเท่าที่ควร เด็กก็จะมีปัญหาในด้านอารมณ์ตามมา วุฒิชัยไม่ใช่ต้นแบบพ่อที่ดีนัก ข่าวคราวของเขากับผู้หญิงคราวลูกมีให้เห็นแทบทุกอาทิตย์ตามคอลัมน์กอซซิ แต่อภิรักษ์ยังโชคดีที่เป็นคนเข้มแข็งจึงได้ผ่านเรื่องนั้นมาได้


“น้องสาวนาย ยังทำใจเรื่องที่พ่อแต่งงานใหม่ไม่ได้อีกหรือ”
การแต่งงานของวุฒิชัยจัดขึ้นที่โรงแรมสุดหรูในกรุงเทพฯ เป็นงานใหญ่ สื่อหลายสำนักต่างลงข่าวว่า เขารักและหลงภรรยาคราวลูกมากเพียงใด เครื่องเพชรที่ประโคมใส่ราคาร่วมสิบล้าน แล้วยังสินสอดที่มอบให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงอีก ทั้งที่วุฒิชัยเคยรับปากว่า จะไม่พาผู้หญิงคนไหนเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่พอแต่งงานพัสวีก็ย้ายเข้ามาทันที หล่อนครอบครัวห้องนอนใหญ่ และนำของพิราวรรณไปเก็บไว้ในห้องเก็บของทั้งหมด


“บัวไม่มีวันเข้าใจ แต่ฉันไม่มีทางเลือก ยังไงเสียบัวก็ต้องกลับจากนิวซีแลนด์ ยิ่งถ้ารู้ว่า ห้องของแม่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คงต้องอาละวาดหนัก”
เขาได้ส่งตั๋วเครื่องบินไปให้รวินทร์รดาแล้วแต่เรื่องที่บิดายังทั้งรักและหลงภรรยาคราวลูกและยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ อภิรักษ์ยังคิดไม่ตกว่า จะเอ่ยปากเช่นไร เขายังไม่รู้ว่า รวินทร์รดาจะยอมย้ายกลับเข้ามาในบ้านหรือไม่ แต่หากไม่ยอมเขาก็คงต้องหาคอนโดมิเนียมที่ปลอดภัยให้น้องสาวอยู่


“แต่ถูกไล่ออกจากโรงเรียน แล้วจะทำยังไงต่อ”
“ฉันติดต่อหาโรงเรียนอินเตอร์ที่นี่เอาไว้ แต่ครูใหญ่บอกว่า ต้องขอดูความประพฤติก่อน คงเพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของบัวมาพอสมควร อีกอย่างบัวยังเรียนไม่จบชั้น อาจจะต้องซ้ำชั้น เผลอๆ อาจจะถูกเพื่อนล้อ”


“แกก็ให้น้องสาวสอบประเมินความรู้สิ อันที่จริงอายุของน้องสาวแก ก็น่าจะเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วไม่ใช่หรือ”

เขาหมายถึง การสอบ SAT หรือที่รู้จักกันในชื่อ SAT reasoning test ซึ่งเป็นข้อสอบมาตราฐานสำหรับรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบของสหรัฐอเมริกา เอสเอทีได้รับการพัฒนาโดยองค์กรซึ่งไม่แสวงผลกำไรเพื่อจัดการสอบ
“ใช่น่ะใช่ แต่บัวมัวแต่ประชดพ่อ ทำให้เรียนไม่ถึงไหน ไอ้ฉันก็พยายามบอกเขาให้ปล่อยวาง แต่เขาก็ไม่ยอมทำ”


“มันพูดยากนะ ฉันเข้าใจ ตอนที่แม่เล็กของนายเสีย น้องสาวนายก็ยังเด็ก กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พอมาเจอเรื่องพ่อนายอีกคน ก็คงทำใจลำบากอยู่”

“ฉันละปวดหัวจริง แค่เรื่องตัวเองก็กลุ้มจะแย่อยู่แล้ว” อภิรักษ์เผลอหลุดปาก หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเลิกคิ้วมองเพื่อนรัก

“แกมีอะไรให้ฉันช่วยบอกมาได้เลยนะ”


บริษัทของอภิรักษ์นั้นช่วยบิดาบริหารธนาคาร แต่พักหลังนี้มีข่าวลือไม่สู้ดีเกี่ยวกับวิกฤตทางการเงินของธนาคารเอง สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับลูกค้าเป็นอันมาก
“ยังหรอก ฉันยังสู้ไว้ เพียงแต่ต้องรอให้อะไรเข้าที่เข้าทางเสียหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอกไอ้รัน หากมีอะไร ฉันต้องให้นายช่วยแน่ เพราะนายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน”
“อย่าลืมล่ะ เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กัน มีอะไรต้องนึกถึงฉันก่อน ถึงแม้บริษัทเอส เค พร๊อพเพอร์ตี้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ฉันยินดีช่วยแกเสมอ”

“ฉันรู้ว่า แกคือ เพื่อนแท้ เพื่อนที่ตายแทนกันได้ เราอย่าพูดเรื่องเครียดๆ เลยนะ มากินต่อดีกว่า แล้วบ่ายนี้นายต้องเข้าบริษัทหรือเปล่า ฉันอยากชวนไปดูหนังคลายเครียดสักเรื่อง”
“ไม่นะ...ไม่มีนัดลูกค้า ถ้าไงฉันไปดูหนังเป็นเพื่อนแกก็ได้ จะได้หายกลุ้มยังไงล่ะ”
“ดีเลย...งั้นแกเลือกเรื่องนะโว้ย ไอ้คุณชาย” อภิรักษ์ยื้อไหล่เพื่อนรัก หม่อมราชวงศ์กนต์ธรหัวเราะ


“ได้เลยเพื่อน อย่าลืมนะ ถ้าแกมีเรื่องอะไร กริ๊งมาได้ทุกเมื่อถึงต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ฉันก็ยินดีทำเพื่อนาย”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเพิ่งจะเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์ ขณะที่น้องชายทั้งหมดนั่งอยู่ในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียงกัน นอกจากนั้นหม่อมเจ้าพีรพงษ์ก็ทรงประทับอยู่ด้วย
“กลับเสียดึกเลยนะชายรัน พ่อได้ยินว่า วันนี้ลูกลางานครึ่งวันหรือ”

หม่อมเจ้าพีรพงษ์ตรัส คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพนักงานคนอื่นๆ ที่จะลางาน แต่สำหรับประธานกรรมการบริษัทผู้บ้างานอย่างหม่อมราชวงศ์กนต์ธรแล้ว เรียกว่า สร้างความประหลาดใจได้มากทีเดียว เนื่องจากช่วงบ่ายหม่อมเจ้าพีรพงษ์มีเรื่องต้องการปรึกษากับบุตรชาย จึงโทรเข้าบริษัท ถึงได้รู้ข่าวนี้จากเลขาฯ สาว

“ผมออกไปพบกับเพื่อนมาครับ ขากลับก็เลยแวะดูหนังด้วยกัน”


“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิงครับ” หม่อมราชวงศ์กวินภพซึ่งจับจองโซฟาตัวยาว ไว้สำหรับนอนดูโทรทัศน์รีบถามขึ้น ยักคิ้วเตรียมล้อเลียนเต็มที่ ทุกคนต่างลุ้นให้พี่ชายคนโตมีแฟน
“เฮ้ยกวิน นายกล้าถามพี่ชายรันอย่างนั้นได้ยังไง เดี๋ยวพี่ชายรันโกรธกันพอดี”


“ก็อยากรู้นี่ หรือพี่กันต์ไม่อยากรู้”

“พี่ไปกับเพื่อน...ผู้ชาย...อย่าเพิ่งคิดมาก พวกนายก็รู้จักดี ก็อภิรักษ์ไง”
สองหนุ่มพยักหน้า เช่นเดียวกับหม่อมเจ้าพีรพงษ์ที่ทรงประทับฟังอย่างเงียบๆ ก็ตรัสขึ้น
“ใช่...ลูกชายของคุณวุฒิชัย บอร์ดของธนาคารวีเครดิตหรือเปล่า”

“ครับเสด็จพ่อ รักษ์กับผมเราเรียนมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม”
“แล้วเขาดูเครียดบ้างไหม พ่อได้ยินว่า สถานการณ์การเงินของธนาคารไม่ดีสักเท่าไหร่ กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายเร็วๆ นี้”

“อะไรนะครับ” หม่อมราชวงศ์กนต์ธรขมวดคิ้ว แม้จะได้ยินข่าวลือมาบ้างแต่ไม่คิดว่า เรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้แต่ทำไมอภิรักษ์ถึงไม่ได้บ่นอะไรให้ฟังเลย เพียงแต่บอกว่า ให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อน

“ข่าวนี้เชื่อถือได้นะครับพี่ชายรัน ผมก็ได้ยินพวกผู้ใหญ่ในวงการทหารพูดกัน ว่า คุณวุฒิชัยขาดทุนหนักและมีปัญหาด้านการเงิน เขาไปติดต่อเพื่อกู้ยืมจากหลายคน แต่ได้รับการปฏิเสธ”


“แต่บริษัทวีเครดิตมีฐานลูกค้ากว้างไม่ใช่หรือครับ และพวกเศรษฐีในเมืองไทยก็มอบให้ทางธนาคารดูแลกองทุนและเรื่องเงินให้ ผมยังคิดว่า ขาดทุนกำไรนิดหน่อย”
“นั่นมันเมื่อก่อนแล้วชายรัน พักหลังนี้เศรษฐกิจซบเซา ลูกค้าพากันถอนเงินไปฝากที่อื่น ที่เคยให้ดูแลกองทุนและพวกหุ้นก็เปลี่ยนไปที่อื่นจนหมด และพ่อยังได้ยินมาอีกว่า คุณวุฒิชัยเองใช้เงินมือเติบมาก”
“เป็นเพราะภรรยาคนใหม่หรือเปล่าครับ เพราะลำพังคุณวุฒิชัยก็ไม่น่าจะใช้จ่ายอะไร” หม่อมราชวงศ์กรกันต์พูดขึ้น บ้าง

“คุณพัสวีค่อนข้างเป็นสาวสังคม ออกงานเป็นว่าเล่น มาแต่ละทีเครื่องเพชรวูบวาบเต็มคอ เต็มแขนไปหมด คงรูดบัตรหนักหน่วงประมาณหนึ่ง” หม่อมราชวงศ์กวินภพหมายถึง เครดิตการ์ดที่วุฒิชัยมอบให้ภรรยาสาว พัสวียังเด็กความยับยั้งชั่งใจคงน้อย พอฐานะธนาคารไม่ดี ก็ยิ่งเป็นหนี้มากขึ้น ยิ่งถ้าสามีไม่ทักท้วง รายจ่ายในแต่ละเดือนคงมากโขอยู่



“แต่ประเด็นหลักพ่อว่า น่าจะเป็นโครงการที่วีเครดิตไปลงทุน จนป่านนี้แล้วตึกหลังนั้นยังสร้างไม่ถึงไหน หุ้นคนอื่นๆ ก็พากันถอนไปหมดแล้ว ทุนที่จมอยู่ตรงนั้นมากมายมหาศาลเลยทีเดียว”
“ตึกที่มีคนไปฆ่าตัวตายหรือครับเสด็จพ่อ” หม่อมราชวงศ์กรกันต์ลุกขึ้นมานั่งกอดหมอนและรับฟังอย่างตั้งใจ
ข่าวการพบศพของชาวต่างชาติตีพิมพ์ในหนังสือหลายฉบับ แม้จะไม่ใช่คดีฆาตกรรมแต่ก็ทำให้ลูกค้าเสียความมั่นใจและยอดจองหล่นฮวบ พวกที่ซื้อไปแล้วก็เร่งขาย ทำให้ทุกอย่างชะงักไปหมด


“นายเป็นหมอ รู้เรื่องธุรกิจกับเขาด้วยหรือ”

“ก็พอรู้บ้าง แล้วนายล่ะกวิน เป็นทหารมารู้เรื่องธนาคารมากมายได้ยังไง”
“แต่รักษ์ไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลยครับเสด็จพ่อ เราสองคนคุยเรื่องทั่วๆ ไป”
“เขาอาจจะไม่อยากให้ชายรันเป็นห่วงก็ได้นะ”
“ถ้ามีโอกาสไว้ผมจะลองถามรักษ์ดูครับ ถ้าเป็นอย่างที่เสด็จพ่อตรัส ผมว่า รักษ์คงเครียดมาก เขามีเรื่องให้รับผิดชอบหลายอย่าง”


“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า คุณวุฒิชัยจะแต่งงานกับภรรยาอายุน้อยขาดนั้น แถมยังปรนเปรอข้าวของให้ทุกอย่าง” หม่อมราชวงศ์กรกันต์พูดขึ้นบ้าง วุฒิชัยมีชื่อเรื่องความเจ้าชู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มขนาดนี้
“มันก็พูดยากนะพี่กันต์ เราเป็นคนนอก ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง บางทีเขาอาจจะถูกใจกันก็ได้”
“หลงเมียเด็กละไม่ว่า” หม่อมราชวงศ์กรกันต์พูดอย่างคะนอง
“ชายกันต์ อย่าไปวิจารณ์เขาแบบนั้นมันไม่ดี ถึงยังไง วุฒิชัยก็ถือว่า เป็นพ่อของอภิรักษ์”
“ผมขอประทานอภัยครับ เสด็จพ่อ บังเอิญคะนองปากไปหน่อย แค่สงสารพี่รักษ์ที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ด้วย“


“พวกเรายังโชคดีที่มีพี่ชายรันคอยดูแลบริษัท” หม่อมราชวงศ์กวินภพพูดขึ้นบ้าง
“อย่าล้อกันหน่อยเลย ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ พี่จะพาบริษัทเราให้ดีที่สุด ให้สมกับที่เสด็จพ่อวางพระทัยให้พี่ดูแลบริษัท”
หม่อมเจ้าพีรพงษ์ยื่นพระหัตถ์มาตบบ่า แย้มพระสวรลออกมา
“เรื่องนั้นพ่อไม่เคยห่วงอยู่แล้ว ชายรันเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ไว้ใจ ผมจะทำให้เต็มที่ จะไม่ให้ผิดหวังเด็ดขาด”
“เรื่องงานก็ค่อยๆ ไปเถอะ ส่วนเรื่องอภิรักษ์ ถ้าลูกมีอะไรพอช่วยเขาได้ก็ช่วยเต็มทีเถอะ เพราะว่า เขาคือ เพื่อนแท้”

พระอาทิตย์ตกดินไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่อภิรักษ์เพิ่งจะเลิกงาน เขาต้องขับรถฝ่าการจราจรอันติดขัดกว่าจะถึงบ้าน แต่พอมาถึงห้องรับแขกและเห็นเอกสารสำคัญลงทะเบียนวางอยู่บนโต๊ะอาหารก็รีบเปิดออกดู ข้อความข้างในทำให้ร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม


อภิรักษ์ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานเพื่อหาบิดาด้วยความร้อนใจ แต่สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าทำให้โมโหสุดขีด เพราะคนที่ควรจะร้อนใจเพราะถูกฟ้องล้มละลายกลับยังหยอกล้อกับภรรยาสาววัยละอ่อน เสื้อผ้าของหญิงสาวหลุดลุ่ยเผยให้เห็นเนินอกขาวเนียน ขณะที่วุฒิชัยระดมจูบอย่างดูดดื่มเมื่อเห็นว่า มีบุคคลที่สามเข้ามาวุฒิชัยก็หน้าบึ้งทันที พัสวีค่อยๆ ลงจากตักอย่างรู้หน้าที หันมายิ้มอย่างมีจริต

“หยกลงไปข้างล่าง หาอะไรดื่มก่อนนะคะ คุณพี่รีบตามมาเร็วๆ นะคะ”
วุฒิชัยส่งยิ้มหวานให้กับภรรยา ก่อนจะหันขวับมาทางลูกชายด้วยสีหน้าโมโหสุดขีดที่โดนขัดจังหวะ


“จะเข้ามาทำไมไม่รู้จักเคาะประตู คำว่า มารยาทสะกดเป็นไหม ไม่เห็นหรือว่า พ่อต้องการเวลาส่วนตัว”

อภิรักษ์หน้าตึง เขาโยนจดหมายหลายฉบับจากทนายความรวมถึงจดหมายทวงหน้าของบริษัทวีเครดิตลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้า เขาไม่คิดเลยว่า นักธุรกิจผู้เก่งกาจอย่างบิดา จะเสียท่าถึงเพียงนี้ ท่านควรจะเรียกประชุมด่วนเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ ดีกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดนี้ แถมยังไม่ได้อนาธรร้อนใจกลับทำตัวเหมือนเดิม บ่อยครั้งที่เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากไม่มีพัสวีเข้ามาในชีวิต วีเครดิตคงไม่ตกต่ำ เพราะโครงการที่สร้างความขาดทุนให้กับบริษัทต้นเหตุก็มาจากความคิดของพัสวี อภิรักษ์เคยคัดค้านบิดาหลายต่อหลายครั้งว่า การลงทุนครั้งนี้เสี่ยง โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจซบเซาแต่บิดาก็ไม่ฟัง กลับฟังแต่คำพูดไร้สาระของพัสวีแทน

“นี่พ่อไม่ร้อนใจบ้างเลยหรือครับ ธนาคารของกำลังจะถูกยึด รวมถึงบ้านหลังนี้ด้วย”
สิ่งที่ชายหนุ่มประหลาดใจก็คือ บิดาไม่มีสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งที่ฐานะทางการเงินย่ำแย่ ขนาดเขาเป็นลูกอ่านจดหมายเหล่านั้นยังแทบล้มทั้งยืน มันเหมือนกับว่า ทุกอย่างที่สั่งสมมาตลอดชีวิตกำลังจะหายวับไปกับตา

การต้องถูกฟ้องล้มละลายนั่นหมายถึงว่า ความเชื่อถือในสังคมจะตกต่ำถึงขีดสุด ยังไม่นับปริมาณหนี้มหาศาลที่ต้องนำเงินมาชดใช้ ยิ่งพอคิดถึงรวินทร์รดาก็ยิ่งเป็นห่วง หากหล่อนรู้ว่า ครอบครัวฐานะไม่เหมือนเดิมแล้วจะรู้สึกยังไง โชคดีหน่อยเรื่องค่าเทอมโรงเรียนที่เขาจัดการไปเรียบร้อยแล้วด้วยเงินเก็บส่วนตัว และด้วยระเบียบของโรงเรียนที่ต้องจ่ายค่าเทอมถึงหนึ่งปีทำให้เรื่องนี้โล่งใจไปหนึ่งเปลาะ


“แกขึ้นเสียงกับพ่อได้ยังไงหึ ไอ้รักษ์ บริษัทมีปัญหา แกก็หาทางแก้ไปสิ มาตะคอกใส่พ่อทำไม”
“แต่ผมแก้ทุกเรื่องให้ไม่ได้ ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่หยุดผลาญเงิน พ่อรู้ไหมว่า เดือนที่แล้ว เธอรูดเครดิตไปเท่าไหร่ พ่อได้ดูบ้างไหม”


พัสวีเป็นคนใช้เงินมือเติบ ยิ่งหล่อนมีบัตรพ่วงกับวุฒิชัยก็ทำให้วงเงินมากขึ้นไปอีก อภิรักษ์จำได้ว่า เดือนก่อนหน้านี้พอเห็นตัวเลขในใบแจ้งหนี้เขาก็แทบเป็นลม เขาเคยพยายามคัดค้านหลายครั้งให้บิดาปรามภรรยาสาวบ้างแต่บิดากลับเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ แถมยังทำหน้าบึ้งใส่อีก
“แกกล้าดียังไงถึงเรียกหยกว่า ผู้หญิงคนนั้น เขาเป็นแม่ของแกรู้ไหม” วุฒิชัยโพล่งขึ้น หน้าแดงก่ำ
“แม่ผมมีแค่สองคนเท่านั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ตัวสูบเลือด เมื่อไหร่พ่อจะตาสว่างเสียที ว่า เธอหวังเงิน และตอนนี้พวกเราก็จะไม่เหลืออะไรแล้ว เราอาจจะต้องนอนข้างถนนในเร็วๆ นี้”

อภิรักษ์วางแผนไว้คร่าวๆ ก่อนหน้าที่จะได้รับเอกสารเหล่านี้ เขารู้ดีว่า วีเครดิตกำลังจะล้ม ธนาคารจะโดนยึด อีกทั้งบ้านหลังนี้ก็จะโดนด้วย บ้านที่เคยซื้อเอาไว้จะต้องถูกขายเพื่อใช้หนี้ ดังนั้นเขาจึงกันคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองเอาไว้เพื่อเป็นที่อยู่ของทุกคน แต่ลึกๆ ลงไปแล้ว อภิรักษ์ก็ไม่แน่ใจว่า คนที่จมไม่ลงอย่างพัสวีจะยินยอมหรือเปล่า หล่อนอาจจะหาเรื่องให้พ่อเขาซื้อบ้านหลังใหม่ให้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นคงลำบากมากเลยทีเดียว แค่ลำพังเงินที่มีอยู่ตอนนี้ก็คงไม่พอใช้หนี้ ถ้าหากไปซื้อบ้านใหม่ตามคำขอ ก็คงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่


“มีสิ...เรายังมีที่ดิน”
“มันหมดแล้ว เพราะพ่อประเคนให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา และสมบัติทั้งหมดที่มี เราก็ต้องขายเพื่อใช้หนี้ หรือพ่ออยากจะติดคุก แต่ผมเชื่อว่า ถ้าพ่อติดคุก เมียของพ่อไม่มีวันไปเยี่ยมแน่ หล่อนคงจะเก็บข้าวของกลับไปอยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่วันแรกเลยด้วยซ้ำ”
อภิรักษ์โต้กลับ ขอบตาร้อนผ่าว เขาไม่คิดว่า ตัวเองจะต้องมาพูดคุยกับบิดาเรื่องนี้ วันที่เขาต้องเตือนสติเสือผู้หญิงอย่างบิดาว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รักจริง เขาถึงว่า ความรักทำให้คนตาบอดแต่สำหรับบิดา ควรจะเป็นความหลงอย่างไม่ลืมหูลืมตามากกว่า

“ไม่...หยกไม่ได้เป็นอย่างที่แกกล่าวหา เธอรักฉัน”

“จนป่านนี้แล้วพ่อยังไม่เข้าใจอีกหรือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นงูพิษ เธอต้องการสมบัติทั้งหมด และตอนนี้ธนาคารของเราก็กำลังจะล้มละลาย”
“แกโกหก...เรามีสมบัติตั้งเยอะ แกก็หาทางขายออกไปเพื่อใช้หนี้สิ”
“เราไม่เหลืออะไรแล้วพ่อ นางบำเรอตัวดีของพ่อผลาญทุกอย่างของเราจนหมด เครดิตที่รูดเกินวงเงินตั้งเท่าไหร่ เราต้องขายสมบัติกี่ชิ้นเพื่อมาจ่ายค่า สร้อยคอ ต่างหู กำไล และเครื่องประดับที่เธอประโคมซื้อ เมื่อไหร่พ่อจะตาสว่างเสียที เราควรจะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากบ้านได้แล้ว เพื่อให้เสนียดจัญไรในบ้านน้อยลง"


“หยุดพูดจาให้ร้ายหยกเดี๋ยวนี้นะ”

คุณวุฒิชัยปราดเข้ามาตบหน้าบุตรชายฉาดใหญ่ เขาจ้องหน้ากลับด้วยความเดือดดาล
“พ่อเป็นเอามากถึงขนาดนี้เลยหรือ”
“ฉันเป็นอะไร แกพูดมาดีๆ นะ”

“พ่อหลงผู้หญิงจนลืมลูก ลืมครอบครัว ลืมความฝันของตัวเองและตอนนี้พ่อก็กำลังจะสูญเสียทุกอย่างกลายเป็นบุคคลล้มละลาย”

“ไอ้รักษ์ ไอ้ลูกอกตัญญู แกกล้าด่าพ่องั้นหรือ”
“พ่อจะว่ายังไงก็ได้ แต่ขอให้พ่อฟังคำผมไว้ให้ดีๆ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรักใครจริง สิ่งที่เธอรักก็มีแต่เงินเท่านั้นและในวันที่พ่อไม่เหลืออะไรเลย ผู้หญิงคนนั้นก็จะทิ้งพ่อไป”
วุฒิชัยผลักอกลูกชายอย่างแรงและเดินชนไหล่ออกจากห้อง อภิรักษ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เขาเดินกลับห้องตัวเองบ้างแต่ยังไม่ถึง มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน ข้อความที่ได้ยินทำให้หน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม


“คุณแน่ใจหรือว่า ข่าวไม่ผิด”

ปลายสายพูดอะไรอีกหลายประโยคและนั่นทำให้อภิรักษ์ยิ่งมั่นใจ
“ส่งข้อมูลทุกอย่างที่คุณรู้ในตอนนี้มาให้ผมทางอีเมลล์ด่วนที่สุด ส่วนค่าจ้างงวดสุดท้าย ผมจะโอนไปให้ทันทีที่ข้อมูลเรียบร้อย”
ชายหนุ่มสนทนากับนักสืบเอกชนอีกครู่ใหญ่ หลังจากนั้นก็วางสาย เขารีบเปิดคอมพิวเตอร์และโหลดข้อมูลที่ส่งเข้ามา เนื่องจากเป็นไฟล์ที่มีขนาดใหญ่จึงใช้เวลา ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็นั่งรอ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีข้อความจากแมสเซนเจอร์กระเด้งขึ้น ข้อความที่เห็นทำให้เบิกตากว้าง
“อย่ายุ่งกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นแกกับครอบครัว....ตาย”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมองโทรศัพท์มือถือในมือพร้อมกับเลิกคิ้วมองน้องชายด้วยความประหลาดใจ เขากำลังจะออกไปทำงานในตอนเช้า แต่มือถือก็มีข้อความส่งเข้ามาทางไลน์เสียก่อน



“นี่มันอะไรกันกวิน ...นายส่งอะไรมาให้พี่”
ข้อความที่กระเด้งขึ้นบอกให้รู้ว่า หม่อมราชวงศ์กวินภพส่งรายชื่อมาให้แอดไลน์ แต่เป็นชื่อของใครกันนั่นคือสิ่งที่เขาไม่รู้

“รายชื่อสาวๆ ผู้เข้าชิงตำแหน่งว่าที่ แฟนพี่ชายรันไงครับ”
“นี่นายเพ้อเจ้ออะไรแต่เช้า” หม่อมราชวงศ์กนต์ธรโต้กลับ น้ำเสียงเคร่งเครียด หลังจากถูกมารดาถามเรื่องแฟน ก็ส่งผลให้น้องชายตัวดีทั้งสองพากันมีท่าทางแปลกๆ อย่างเมื่อคืนก่อนก็ส่งรูปผู้หญิงเข้ามาให้ดู และวันนี้อีก

“โธ่ พี่ชายช่วยเปิดดูหน่อยสิครับ ผมกับพี่ชายกันต์ อุตส่าห์คัดแต่ที่เด็ดๆ มาเลยนะครับ รับรองว่า สวยปิ๊งทุกคน”
“ใครใช้ให้นายสองคนรวมหัวกันมาเป็นพ่อสื่อ”
“ผมเปล่า...แค่ทำข้อตกลงสนธิสัญญาสงบสุข ผมกับพี่ชายกันต์เรามีมติแล้วว่า เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัวรวมถึงแม่ เราจะช่วยกันหาสะใภ้คนแรกให้สกุลสุวกุลของเรา”
“ทำไมนายต้องทำอย่างนั้น”


“ก็พวกผมสงสารแม่ เมื่อวานนี้ตอนที่พี่ชายยังไม่กลับ แม่มาปรับทุกข์ บอกว่า ทางญาติๆ เปรยมา และแม่เองก็กดดันมากที่ต้องตอบญาติไปว่า พี่ชายรันยังไม่มีแฟน ดังนั้นพอคิดๆ ดูแล้ว นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด วินๆ สำหรับทุกคน” หม่อมราชวงศ์กวินภพพูดขึ้น
“เออดี ระหว่างที่ฉันไปทำงาน พวกนายก็แอบลงมติกันเองสินะ จะเป็นเผด็จการงั้นสิ” หม่อมราชวงศ์กนต์ธรปั้นเสียงดัง

“อย่าโมโหไปหน่อยเลยน่าพี่ชายรัน ลองเปิดดูรูปสาวๆ ที่พวกผมส่งไปให้ก่อนสิ ผมคัดแต่เด็ดๆ ทั้งนั้น อย่างเช่นคนแรกเพื่อนคณะฯ เดียวกับพี่ชายกันต์ ชื่อว่า คุณหมอปานประดับ ชื่อเล่นว่า หมอเดือน สวย ฉลาด เรียนเก่ง ทำตัวไม่เป็นภาระ สเปคที่พี่ชายรันต้องการเปี๊ยบ”

“แต่พี่คงไม่เหมาะกับหมอ”
“งั้นลองรายที่สองเป็นยังไง เพื่อนผมเอง ชื่อจริงชื่อ วีรนุช ชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียกกันว่า วีวี่ เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัย ดาวมหาวิทยาลัยสองปีซ้อน เชียร์หลีดเดอร์ ดรัมเมเยอร์ สวย ฉาด ฐานะร่ำรวย บุคลิกดีเยี่ยม”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรสั่นศีรษะ ใช้มือผลักไหล่น้องชาย
“พอเลย พี่จะรีบไปทำงานแล้ว ส่วนนายก็น่าจะหาภารกิจอะไรมาทำเสียบ้าง จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน จะเข้าไปทลายแหล่งพ่อค้ายาหรือว่า จะไปช่วยกวาดล้างผู้ก่อการร้าย...”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรยังพูดไม่ทันจบ หม่อมราชวงศ์กวินภพก็กระโดดมาล็อกคอพร้อมกับจุ๊ปากให้เงียบ
“เบาๆ หน่อยพี่ชายรัน เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”
“ทำไมกลัวหรือ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกยัดเยียดภาระแบบนี้ให้พี่ได้แล้ว ไม่งั้นพี่เคืองจริงๆ เอ..หรือว่า พี่ควรจะเปิดโปงความลับของนายให้แม่รู้ เราจะได้วินๆ อย่างที่นายบอก”

“ไม่นะครับพี่ชายรัน” หม่อมราชวงศ์กวินภพพ้อเสียงอ่อย จุดอ่อนของเขามีเรื่องเดียวก็คือ ความลับเกี่ยวกับเรื่องงาน จนป่านนี้คุณวิมาลินยังไม่รู้ว่า เขาทำงานอะไร

“ถ้าไม่อยากโดนแฉก็เลิกจับคู่ให้พี่เสียที และก็ขอร้อง อย่าส่งรูปไร้สาระพวกนี้เข้ามือถืออีก พี่มีงานต้องทำ”
“ก็ได้ครับ ผมไม่วุ่นกับพี่ชายรันแล้ว ขอให้ทำงานให้สนุกนะครับวันนี้” หม่อมราชวงศ์กวินภพเอ่ยเสียงอ่อย โบกมือเป็นเชิงส่ง



“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่เจอนายมาขัดคอแต่แรก ป่านนี้ พี่คงไปถึงบริษัทแล้ว และก็อย่าลืมบอกกันต์ด้วยว่า พี่ไม่ปลื้มมากๆ กับแผนการนี้ ระวังจะเจอดาบนั้นคืนสนอง และถ้าพี่คิดจะเล่นงานนายสองคน รับรองว่า หนักแน่”





tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.พ. 2561, 21:29:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.พ. 2561, 21:29:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 896





<< บทที่ ๑ น้องสาว    บทที่ ๓ สูญเสีย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account