โอบรัก
“ทำไมพี่ชายต้องขอหมั้นกับบัวด้วย”


“ก็เพราะพี่รักบัวนะสิ”


“ไม่จริง...พี่ชายโกหก ก็พี่ชายเคยบอกว่า ไม่ชอบเด็ก”


“ก็ตอนนี้พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่ไม่ใช่แค่ชอบบัวนะ แต่รักแล้วก็หวงมากๆ ด้วย ต่อไปนี้พี่ขอสั่งห้
Tags: นิยายกุ๊กกิ๊ก ดราม่า แนวกินเด็ก

ตอน: บทที่ ๗ เพื่อนหรือศัตรู

บทที่ ๗ เพื่อนหรือศัตรู


หม่อมราชวงศ์กนต์ธรรับรู้ข้อมูลด้วยความประหลาดใจ เขาพารวินทร์รดาไปยังโรงเรียนอินเตอร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น เพื่อสมัครเรียนแต่นึกไม่ถึงว่า อภิรักษ์ใจตรงกัน
“คุณอภิรักษ์จ่ายค่าเทอมเอาไว้หมดแล้วค่ะ”

“เมื่อไหร่หรือครับ”


จากเวลาที่คุณครูบอกก็คือ หลังจากที่อภิรักษ์กลับจากอังกฤษ และเป็นวันก่อนที่จะนัดพบกับกนต์ธร นั่นหมายถึงว่า เพื่อนรักเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วแล้ว โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแม้จะไม่ใช่โรงเรียนอันดับหนึ่งในประเทศ แต่การศึกษาก็ได้มาตรฐาน แถมยังมีระบบการเรียนการสอนที่คล้ายกับประเทศอังกฤษ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนเป็นลูกผู้ดีมีเงิน แต่กฎระเบียบที่เข้มงวดทำให้นักเรียนไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ค่าเรียนแม้จะสูง แต่ถ้าชำระเป็นรายปีจะทำให้ลดลงไปได้มาก


“คุณอภิรักษ์บอกว่า จะพาน้องสาวมามอบตัวทันทีที่เธอกลับมาถึง ดังนั้นพอดิฉันเห็นข่าวคุณอภิรักษ์เสียชีวิตก็ตกใจมาก ดิฉันโทรไปที่บ้านของคุณวุฒิชัยหลายครั้ง แต่แม่บ้านบอกว่า ไม่มีใครอยู่เพราะไปวัดกันหมด พอจะฝากเรื่องไว้ก็ไม่มีใครให้รับฝาก ดิฉันส่งอีเมลไปทางคุณรวินทร์รดา แต่ไม่มีใครตอบเลย”


“หนูขอโทษด้วยค่ะ หนูมัวแต่ยุ่งเลยไม่ได้เช็คเมล”


หล่อนหมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ปัจจุบันคนนิยมใช้กัน นับตั้งแต่มาเมืองไทย หญิงสาวก็ไม่มีเวลาได้เข้าไปดูเลย หล่อนวิ่งวุ่นกับงานศพของพี่ชาย และต่อด้วยงานศพของวุฒิชัย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ครูตั้งใจว่า รอให้ผ่านไปสักสองอาทิตย์แล้วจะติดต่อไปที่คุณพัสวี อีกครั้งแต่โชคดีที่หนูมาก่อน”

“ห้ามติดต่อพัสวีเด็ดขาด หนูกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว”


อาจารย์ใหญ่ชักสีหน้าอย่างประหลาดใจ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรจึงรีบอธิบาย
“คือ ตอนนี้รวินทร์รดาไม่ได้พักอยู่ในบ้านนั้นแล้วครับ เธอย้ายออกมาแล้ว ตอนนี้เธออยู่ในความดูแลของผมกับเสด็จพ่อ หม่อมเจ้าพีรพงษ์”


หม่อมราชวงศ์กนต์ธรจำต้องเอาบิดามาอ้าง ถึงยังไงรวินทร์รดาก็เป็นเด็กผู้หญิง หากคนรู้ว่า เขาคือ ผู้ปกครอง โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอาจเกิดคำครหาได้


“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณชายถึงได้พาหนูรวินทร์รดามาที่นี่ด้วยตัวเอง”

“ใช่ครับ นี่คือ คำสั่งเสียสุดท้ายของอภิรักษ์ เขาอยากให้น้องสาวได้เข้าเรียนที่นี่”
“ค่ะ คุณอภิรักษ์ก็เคยพูดกับดิฉัน แต่บอกตามตรงนะคะ ว่า ผลการเรียนของคุณรวินทร์รดาค่อนข้างจะมีปัญหา”
“ยังไงหรือครับ”
“คือว่า เธอยังลงเรียนบางวิชาไม่จบ แต่ว่า...เอ่อ ...ออกมากลางคัน แล้วนี่เด็กๆ ก็เริ่มเรียนกันไปแล้วด้วย ดิฉันเกรงว่า จะเรียนตามไม่ทันเพื่อนๆ อาจจะต้องซ้ำชั้น”
“ฉันไม่ซ้ำชั้นเด็ดขาด ฉันเรียนได้”


“บัว...มีมารยาทหน่อย นี่คือ คุณครูของบัวต้องให้ความเคารพ”

รวินทร์รดาหน้าสลด หล่อนก้มมองมือบนตัก ทำตัวสงบเสงี่ยมมากขึ้น หม่อมราชวงศ์กนต์ธรจึงเป็นฝ่ายพูดกับครู

“ผมทราบดีว่า คุณครูเป็นห่วง แต่ผมขอรับรองในฐานะผู้ปกครองคนใหม่ของรวินทร์รดา เธอจะตั้งใจเรียน และสอบให้ผ่าน เธอจะเข้าเรียนทุกวิชาไม่เกเรแม้แต่วิชาเดียว”


“แต่นี่เด็กๆ ก็เรียนไปพักหนึ่งแล้ว เธอจะตามทันหรือคะ ขนาดเด็กของเราที่เก่งๆ ยังไม่ค่อยจะทัน”

“แน่นอนครับ ถ้าจำเป็นผมจะติวให้เธอเอง ผมอยากให้เธอลงสมัครสอบวัดความรู้ด้วย เพื่อที่ถ้าคะแนนดี เธอจะได้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย”

“คุณชายมั่นใจขนาดนั้นเลยหรือครับ”


“ครับ ผมมั่นใจ รวินทร์รดาเป็นเด็กดี แต่ที่ผ่านมา เธออาจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวบ้าง แต่นับจากนี้เธอจะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ และจะไม่ทำเรื่องให้คุณครูหนักใจเด็ดขาด”
“แต่ฉันได้ยินเอ่อ...กิตติศัพท์ของเธอ จากเพื่อนที่อังกฤษ” คุณครูเอ่ยเสียงอ่อย รวินทร์ดาหันมาถลึงตาดุ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรหันไปปราม


“นั่นเป็นอดีตไปแล้วครับ รวินทร์รดาคนใหม่จะตั้งใจเรียน และทำเกรดให้ดี ขอให้คุณครูกับเพื่อนๆ ทุกคนให้โอกาสเธอด้วยครับ”
“ถ้าคุณชายรับปากอย่างนั้น ดิฉันก็เบาใจค่ะ แต่ขอแจ้งไว้ตรงนี้นะคะ ว่า ทางโรงเรียนของเรามีระเบียบที่เข้มงวดมาก ทั้งเรื่อง การแต่งกาย ทรงผม แล้วก็เอ่อ..สีผม”
คุณครูกำลังหมายถึง ผมสีรุ้งที่ชี้ฟูจนดูไม่เป็นทรง แม้ว่า วันนี้รวินทร์รดาจะยอมใส่ชุดเสื้อกระโปรงติดกันที่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเตรียมไว้ให้ แต่สีผมที่เตะตาก็ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ พากันหันมามอง

“ผมทราบครับ เธอกำลังจะย้อมผมกลับมาเป็นสีดำเร็วๆ นี้”

“ใครบอกคุณ” รวินทร์รดาโพล่งขึ้น ผุดลุกยืน หม่อมราชวงศ์กนต์ธรหันไปเอ็ด
“นั่งลงบัว แล้วก็ห้ามขึ้นเสียง”

“คุณมีสิทธิ์อะไร”


“อย่าลืมสิว่า เราสองคนตกลงกันแล้ว หรือว่า บัวไม่อยากรู้เรื่องคนร้าย” ได้ทีหม่อมราชวงศ์กนต์ธรก็ยกเรื่องคดีขึ้นมาขู่ เขารู้ว่า หญิงสาวอยากรู้สาเหตุการตายของบิดา
“น่าเบื่อชะมัด แค่สีผม มันเกี่ยวกับการเรียนตรงไหน”



“เกี่ยวสิ เกี่ยวมาก เราต้องทำตัวให้กลมกลืน ไม่ใช่ขวางโลก ไม่อย่างนั้นจะเรียนรู้เรื่องได้ยังไง”

“ฉันหัวไวจะตาย เรื่องเรียนให้ทันแค่นี้สบายมาก”

“อย่าเพิ่งอวด จนกว่าจะได้พิสูจน์ว่า ทำได้จริงๆ พี่ไม่ชอบฟังคนโม้ มันน่ารำคาญ”
หญิงสาวกำมือแน่น จ้องมองเขาอย่างเดือดดาล แต่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรกลับยิ้มเย็นๆ หันไปพูดกับครูต่อ” ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง วันที่มาโรงเรียนวันแรก เธอจะเป็นเด็กปกติ”

“ฉันดีใจที่ได้คุณรวินทร์รดามาเป็นนักเรียนของที่นี่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะให้คนเอาเอกสารมอบตัวมาให้เซ็น หลังจากนั้นก็จะพาไปรับชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น รวมถึงพาทัวร์รอบๆ โรงเรียน เพื่อว่า พรุ่งนี้หนูรวินทร์รดามาจะได้ไม่หลง”


“ยินดีครับ ผมขอฝากคุณครูด้วยนะครับ มีอะไรที่รวินทร์รดาทำไม่ถูก ไม่ควร ก็ตักเตือนว่า กล่าวได้ตามสบาย แต่ถ้าหากมีปัญหาอะไร โทรด่วนหาผมได้โดยตรงนะครับตามเบอร์นี้ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมองหญิงสาวข้างกายซึ่งทำหน้าปั้นปึ่งตลอดเวลาที่คุณครูพาชมโรงเรียน เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่แท้จริงแล้วแอบสำรวจ เขามองออกว่า รวินทร์รดาไม่พอใจ แต่เพราะข้อตกลงทำให้หล่อนต้องยอม


ใบหน้ารูปไข่งอง้ำ แถมยังค้อนประหลับประเหลือกตลอดเวลา เขายอมรับว่า เผด็จการเกินไปสักหน่อยที่แอบไปรับปากคุณครูใหญ่เรื่องการเรียน แต่เนื่องจากเวลากระชั้น เท่าที่เขาทราบมา การสอบกลางภาคจะเกิดขึ้นในอีกแค่สามเดือน หากหญิงสาวพลาดจุดนี้ไปจะต้องรอไปอีกหนึ่งปีทีเดียว ชายหนุ่มตั้งใจว่า จะช่วยติวให้ เพราะความรู้ที่เขามีนั้นพอจะสอนได้สบายๆ แต่สิ่งที่ไม่แน่ใจคือ เจ้าตัวจะยอมให้หรือไม่


“นึกยังไงถึงไปรับปากคุณครูมั่วๆ เกิดฉันทำไม่ได้ขึ้นมาทำยังไง”
“บัวทำได้อยู่แล้ว ถ้าพยายาม” เขาแกล้งลองใจ ผลก็คือ รวินทร์รดาหน้างอง้ำยิ่งกว่าเก่า
“แต่ฉันต้องทำงานพิเศษ อาจไม่มีเวลาอ่านหนังสือ”

“นั่นมันเป็นสิ่งที่บัวต้องบริหารจัดการเวลาเอาเอง ถ้าริจะดื้อ ไปหางานพิเศษทำทั้งที่ไม่จำเป็น บัวก็ต้องรู้จักจัดการเวลาให้เหมาะสม ทั้งทำการบ้าน และอ่านหนังสือ รวมถึงทำงานไปด้วย อย่างนี้ถึงจะถือว่า เก่งจริง"


“แต่ฉันเพิ่งกลับมาถึงเมืองไทย ยังไม่รู้ระบบการเรียนการสอนของที่นี่”


“บัวก็ต้องพยายามให้มากกว่าเก่า ไม่มีอะไรเกินความสามารถหรอก”


“เผด็จการ เอะอะอะไรก็สั่งๆ ตัวเองไม่ได้มาเรียนเองก็พูดได้”

“งั้นก็เลิกทำงานพิเศษเสียสิ พี่บอกแล้วไงว่า พี่จะให้ยืมเงิน บัวแค่ตั้งใจเรียนแล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย”


“เรื่องอะไรฉันจะต้องแบมือขอเงินจากคุณด้วย คุณจะได้ไปว่าเอาได้ว่า ฉันเป็นกาฝากเกาะคุณกิน”

“เป็นเด็กเป็นเล็ก พูดจาไม่เพราะอีกแล้ว บัวกับพี่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียหน่อย ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองของบัวแล้ว”

รวินทร์รดาเบ้หน้า จ้องมองชายหนุ่ม

“ฉันยังไม่อนุญาตสักหน่อย คนขี้ตู่”

“บัวไม่มีใคร ยังไงก็ต้องยอม หรือจะเปลี่ยนใจ ไม่ต้องเรียน ถ้าอย่างนั้นพี่จะได้พาไปสมัครงานแทน” ร่างสูงที่เอื้อมมือมากุมมือเอาไว้ ทำเอารวินทร์รดาตกใจ หล่อนร้องเสียงหลง
“เรียนสิ...ฉันอยากเรียน พี่รักษ์อยากให้ฉันเรียนให้จบ”



“งั้นก็อย่าดื้อ แล้วก็พยายามเหวี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเด็ดขาด พี่ว่า อันที่จริงโรงเรียนนี้ก็น่าอยู่ดีนะ บัวคงจะหาเพื่อนแท้ได้ไม่ยาก”

“ฉันไม่กล้าหวังหรอก คนอย่างฉันมันไม่มีดวงเรื่องนี้อยู่แล้ว เจอใคร เขาก็พากันเหม็นขี้หน้า”

“เพราะบัวไม่เคยสนใจจิตใจใครนะสิ จำคำพี่ไว้นะ ถ้าบัวอยากให้คนรัก บัวต้องรู้จักรักและเอื้อเฟื้อให้เขาก่อน”



“อย่านั้นมันก็เท่ากับว่า อ่อนแอนะสิ”
“การรู้จักให้ ไม่ใช่อ่อนแอ แต่เขาเรียกว่า มีน้ำใจ สังคมสมัยนี้จะน่าอยู่ขึ้น ถ้าทุกคนหัดมีน้ำใจให้กันและกัน”

“ยุคสมัยไหนแล้ว ทุกคนเขาก็ต่างคนต่างอยู่ทั้งนั้น ใครดีใครได้ ใครเก่ง อีกคนก็ต้องยอมศิโรราบ”

“ไม่จริงหรอก คนเก่งแต่เห็นแก่ตัวก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่คนที่มีน้ำใจก็จะอยู่อย่างรวยเพื่อน มีคนดีๆ เข้ามาแวดล้อม ไม่เชื่อบัวลองดูก็แล้วกัน”


“เอ๊ะลิน นั่นใครหรือ”
เด็กสาวสองคนสวมเครื่องแบบนักเรียนนั่งอยู่บนม้านั่งตัวนอกสุดของโรงอาหาร สายตามองไปยังคุณครูใหญ่ของโรงเรียนซึ่งกำลังพาผู้ชายและเด็กสาวอีกคนเดินชมบริเวณโรงเรียน

“ไม่รู้สิ นักเรียนใหม่มั้ง”

เด็กสาวดูเป็นจุดเด่นด้วยเส้นผมสีรุ้งทำให้ทุกคนต่างหันไปมอง ช่วงนี้เป็นช่วงพัก สองสาวจึงมานั่งรับลมอยู่ตรงนี้ การสอนที่น่าเบื่อตลอดชั่วโมงทำให้ลิลินหาวแล้วหาวอีก แต่เพราะเกรงใจครูผู้สอนจึงไม่กล้าลุกออกจากห้อง

“ผู้ชายคนนั้น หน้าคุ้นจัง”

ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินอยู่กับครูใหญ่ ดูหล่อเหลากระแทกตา สังเกตาจากสายตาหลายต่อหลายคู่ที่หันไปมองโดยเฉพาะเด็กนักเรียนสาวๆ ที่ชี้ชวนกันดูราวกับดูดาราเกาหลียังไงอย่างนั้น ชายหนุ่มมีผิวที่ขาวมาก สวมสูทตัดเย็บอย่างดี คะเนด้วยสายตาก็รู้ว่า เป็นของแบรนด์เนม ท่าทางเดินองอาจผ่าเผย ไหล่และหลังตรง ต้องเรียกว่า ดูดีทุกอิริยาบถจริงๆ

“เออ..คุ้นจริงๆ ด้วย ฉันว่า เคยเห็นเขาที่ไหนนะ”

“อ๋อฉันนึกออกแล้วลิน นั่นมันคุณชายรันนี่น่า”

นันทินีโพล่งขึ้น หล่อนกับลิลินเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสองอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่เกรดหนึ่ง ปีนี้เป็นปีสุดท้าย สองสาววางแผนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ครอบครัวของทั้งสองร่ำรวย โดยเฉพาะลิลินที่บิดาเป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มียศเป็นถึงนายพลชื่อว่า จักรภพ ปู่ของลิลินคือ นายพลจักรพันธุ์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้

“คุณชายรันจริงๆ ด้วย เขามาทำอะไรที่นี่นะ”
หญิงสาวเคยเห็นภาพของชายหนุ่มตามหนังสือกอสซิป ไม่มีใครในกรุงเทพฯ ไม่รู้จักหนึ่งในสามคุณชายแห่งสกุลสุวกุล โดยเฉพาะหม่อมราชวงศ์กนต์ธรที่มารดาของลิลินหมายหมั้นปั้นมืออยากได้เขาเป็นลูกเขยใจจะขาด

“หรือว่า เขาจะพากิ๊กมาสมัครเข้าโรงเรียน”

ทุกคนต่างรู้ว่า สกุลสุวกุลไม่มีน้องสาว มีเพียงสามหนุ่มคือ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรคนพี่ คนรองคือ หม่อมราชวงศ์กรกันต์นั้นเป็นแพทย์ ส่วนคนสุดท้องก็เป็นชาย ชื่อว่า หม่อมราชวงศ์กวินภพซึ่งรับราชการทหาร

“จะบ้าหรือ ยังเด็กอยู่เลยนะ คงไม่ใช่กิ๊กหรอก”

“แหมรีบเถียงแทนเลยนะ เธอเป็นห่วงว่า พี่ญ่าจะอกหักงั้นหรือ”

คุณวิมาลินกับครอบครัวของลิลินสนิทกันมาก เพราะคุณธัญเรศเป็นคู่ค้าของบริษัทเอส เค พร็อพเพอร์ตี้ อีกทั้งยังชอบพอกันเป็นการส่วนตัว คุณวิมาลินเคยเปรยๆ ว่า อยากได้ธัญพรเป็นลูกสะใภ้ เพราะนอกจากจะสวยน่ารักแล้วยังทำธุรกิจเก่ง ปัจจุบันธัญพรทำงานอยู่บริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย

“เธอก็เว่อร์ไป พี่ญ่ากับคุณชายรันยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย ยังไม่เคยออกเดทกันด้วยซ้ำ”
“อ้าว...แล้วที่เขาลือกันว่า คุณวิมาลินมาทาบทามพี่สาวเธอไปเป็นลูกสะใภ้ไม่จริงหรือ” นันทินีถาม

“ก็ทาบทามจริง แต่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ”

“ถ้างั้นเด็กสาวคนนั้นเป็นใคร ทำไมจู่ๆ คุณชายรันถึงพามาสมัครเข้าโรงเรียนด้วยตัวเอง”
“อาจจะเป็นญาติฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็ได้นะ”
ลิลินวิเคราะห์ทั้งที่ความจริงแล้วเริ่มไม่สบายใจ พี่สาวของหล่อนเคยบอกว่า หลงรักหม่อมราชวงศ์กนต์ธรแต่ไม่ว่า จะพยายามทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กหรือแม้แต่ใช้แม่ของฝ่ายชายเป็นสื่อ ก็ยังไม่สำเร็จ เขายังคงวางตัวเฉยเมยเสมอต้นเสมอปลาย ครั้นผู้ใหญ่พยายามคะยั้นคะยอให้ออกเดทแต่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรก็หาโอกาสหลบเลี่ยงไปได้ทุกครั้ง

“ฉันว่า เธอต้องคอยจับตาเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ นะ”

“จริงของเธอ...ฉันว่า ต้องมาสมัครเป็นนักเรียนใหม่แน่ๆ ดูแล้ว อายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา อาจจะมาอยู่ห้องเดียวกันก็ได้”

“ขอให้จริงเถอะ จะได้รู้เสียทีว่า ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับคุณชายรันแน่”


หลังออกจากโรงเรียน หม่อมราชวงศ์กนต์ธรไม่ได้พาหญิงสาวกลับที่พักแต่กลับเลือกไปที่ห้างสรรพสินค้าแทนเพื่อเลือกซื้อของ เขาเข้าไปที่แผนกเสื้อผ้าสตรีและเลือกซื้อชุดสุภาพ เสื้อกับกระโปรงรวมถึงของใช้ส่วนตัว เมื่อเห็นชุดที่เขาเลือกให้ รวินทร์รดาก็เบ้หน้า

“อี๋ ไม่เอาหรอก ชุดนี้เชยจะตาย”

“ชุดแบบนี้ไม่เรียกว่า เชยหรอก เขาเรียกว่า เรียบร้อย”

เสื้อคอบัวกับกระโปรงสีหวานทำให้รวินทร์รดากลายเป็นสาวหวาน หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเลือกกระโปรงที่ยาวคลุมเข่าเพื่อไม่ให้โป๊ เขาเลือกกางเกงมาอีกสองสามตัวที่มีความยาวพอประมาณ อีกทั้งยังซื้อกางเกงยีนกับเสื้อยืดให้

“เขาเรียกชุดป้าต่างหาก ฉันไม่ใส่เด็ดขาด ไม่ใช่แนว”
“แต่บัวต้องใส่”

“ฉันไม่ใส่ ถ้าอยากใส่ ก็เชิญคุณเอาไปใส่เองก็แล้วกัน”

หญิงสาวเดินผลุนพลันออกจากแผนก จนหม่อมราชวงศ์กนต์ธรต้องเดินออกไปตาม วันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้เข้าบริษัทเพราะต้องจัดการธุระเกี่ยวกับหญิงสาวทั้งพาไปโรงเรียนอีกทั้งยังต้องมาเลือกชุดเพื่อเตรียมตัว หลายครั้งที่ชักรู้สึกท้อที่ต้องโต้เถียงกับเด็กกะโปโลอย่าง
ตลอดเวลาแต่ดูเหมือนรวินทร์รดาจะยิ่งสนุกที่ได้ยั่วโมโห

“แล้วบัวอยากได้ชุดแบบไหนล่ะ ไหนลองเลือกมาสิ แล้วพี่จะดูให้อีกทีว่า ผ่านไหม”
รวินทร์รดาเดินกอดอกกลับเข้าไป หล่อนตรงไปที่แผนกเสื้อผ้าและเลือกผ้ายืดสีดำรัดติ้ว กับกางเกงยีนเข่าขาด

“ฉันชอบชุดนี้ แล้วก็ชุดนี้”

ชุดที่หล่อนเลือกมาล้วนแล้วแต่วาบหวิวทั้งนั้น ถ้าไม่รัดแน่นเกินไปก็สั้นเกินไป บางชุดผ้าเนื้อบางเกินไปแถมยังผ่าลึกจนถึงเอว บ้างก็เว้าหลังลงต่ำจนถึงบั้นเอว

“ไม่ผ่าน...ชุดนี้พี่ไม่ซื้อให้”

“ชุดของคุณก็ไม่ผ่านเหมือนกัน ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า ฉันไม่มีวันใส่ชุดเห่ยๆ พวกนั้น”
“แล้วจะเอายังไง ชุดที่บัวเลือก เหมือนเศษผ้า เว้านู่น ขาดนี่ ปิดไม่มิดสักชุด คนอื่นเห็นเขาจะคิดว่า บัวเป็นเด็กแก่แดด”

“เป็นแล้วไง ไม่ได้หนักกระบาลใครสักหน่อย”
“บัว” หม่อมราชวงศ์กนต์ธรโต้ ส่ายหน้าอย่างระอา
“คุณไม่ใช่ผู้หญิงไม่เข้าใจหรอก เดี๋ยวนี้ผู้หญิงยุคใหม่ เขาไม่ได้ใส่ ชุดกรอมเท้ากันแล้วนะ แล้วฉันก็ยังเด็ก แต่มาแต่งตัวแบบคุณ เขาก็ว่า แก่เกินวัยกันพอดี”

หม่อมราชวงศ์กนต์ธรนิ่งไปแบบใช้ความคิด เขาอาจจะอายุมากกว่าหล่อนจริง แต่ก็แค่สิบสามปีเท่านั้น แต่ถ้อยคำค่อนแคะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ตัวเขาเองก็ไม่ถนัดเรื่องเสื้อผ้าเสียด้วย ถ้าให้เขาเลือกแล้วหล่อนเอาแต่โยนทิ้ง วันนี้ทั้งวันก็คงไม่เสร็จ

“เอาอย่างนี้ พี่มีทางออกแล้ว พี่จะให้เพื่อนมาช่วยเลือกให้ เธอคนนี้รสนิยมดี รับรองว่า เลือกเสื้อผ้าได้ดีแน่”


เพื่อนหรือแฟน...นั่นคือ สิ่งที่รวินทร์รดาคิด หล่อนกับหม่อมราชวงศ์กนต์ธรนั่งรออยู่ในห้างสรรพสินค้าอีกครึ่งชั่วโมง ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะปรากฏตัวขึ้น เรือนร่างระหงดูสง่างาม ชุดที่สวมใส่ก็เป็นชุดจากห้องเสื้อชื่อดัง สังเกตได้จากการตัดเย็บที่ประณีตบรรจง รองเท้าส้นสูงสามนิ้วเสริมให้น่องดูเพรียวดูแล้วคล้ายกับนางพญา

ใบหน้ารูปไข่ กับนัยน์ตากลมโต และการแต่งหน้าอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ผู้หญิงคนนี้มีมากกว่าความสวย ท่าทางยามเดินช่างสง่างาแต่ส่วนที่ทำให้รวินทร์รดาใจอ่อนยวบ คงเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกสว่างไสวนั้นต่างหาก

“รอพลอยนานไหมคะ ขอโทษที พอดีติดลูกค้าอยู่”

พลอยไพลินยิ้มและเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นมาทางรวินทร์รดาด้วย จากที่เคยตั้งป้อมก็อดรู้สึกดีไม่ได้ นานแล้วที่ไม่มีคนยิ้มหวานให้หล่อน เป็นยิ้มที่จริงใจและอารี บางอย่างในตัวพลอยไพลินทำให้คิดถึงแม่ หญิงสาวเปิดร้านขายกระเป๋าถืออยู่ในห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงข้าม หลังจากทุลักทุเลในการเลือกเสื้อผ้า หยิบเข้าหยิบออกจากราว สุดท้ายหม่อมราชวงศ์กนต์ธรก็ยอมแพ้ โทรไปเรียกตัวช่วยมาแทน
“ไม่นานเลย พลอยกินอะไรมาหรือยัง”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ พลอยยังไม่หิว เรามาช่วยคุณรวินทร์รดาเลือกเสื้อผ้าเลยดีกว่า ชื่อเล่นว่า น้องบัวใช่ไหม ” พลอยไพลินหันมายิ้ม” ว่า แต่น้องบัวชอบเสื้อผ้าแบบไหนคะ บอกพี่หน่อย พี่จะได้ช่วยเลือกถูก”

รอยยิ้มของหญิงสาวทำเอารวินทร์รดาถึงกับตาพร่า หล่อนไม่เคยเห็นใครยิ้มสวยเท่านี้มาก่อน พลอยไพลินช่างอ่อนหวาน น่ารักและดูเป็นธรรมชาติมากๆ

“บัว อยากได้เสื้อผ้าที่ดูทันสมัยหน่อย ใส่ได้หลายๆ โอกาส”

“พี่เข้าใจแล้ว งั้นมาทางนี้ดีกว่า ค่ะ ร้านนี้น่าจะเหมาะกับน้องบัว เจ้าของร้านเป็นเพื่อนพี่เอง”

พลอยไพลินพารวินทร์รดาไปยังร้านเสื้อผ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมื่อครู่แทน ภายในเป็นเสื้อผ้าลำลองของวัยรุ่น เนื้อผ้าบางใส่สบาย หลายชิ้นเป็นผ้าฝ้าย ส่วนกางเกงก็เป็นผ้าเนื้อนิ่มใส่สบาย

“ชุดนี้เหมาะกับน้องบัวนะคะ เสื้อผ้าฝ้าย กับกางเกงยีน”

รวินทร์รดานำชุดขึ้นมาทาบ ต้องยอมรับว่า พลอยไพลินรสนิยมดีจริงๆ เสื้อผ้าที่หล่อนเลือก ไม่ได้หรูมากแต่ดูเก๋ไก๋ เหมาะกับวัย ใส่แล้วไม่เป็นทางการแต่ก็ดูเรียบร้อยสมวัย หล่อนเดินเข้าออกห้องลองชุด ขณะที่หม่อมราชวงศ์กนต์ธรไปจับจองเก้าอี้หน้าห้องลอง เพื่อตรวจความเรียบร้อยอีกที หล่อนเห็นเขาอมยิ้มและยกมือ คล้ายเวลาพวกดีไซน์เนอร์ไปชมแฟชั่นโชว์ ด้วยความหมั่นไส้จึงเบ้หน้าใส่ แต่ชายหนุ่มกลับแกล้งนั่งไขว้ห้าง ยกกาแฟจากร้านดังขึ้นจิบ ยิ้มอย่างล้อเลียน

“อย่าไปสนใจคุณชายรันเลย เราไปดูชุดที่ราวนั้นดีกว่า”

เสื้อยืด กางเกงยีน ช่างสวยจับใจ รวมถึงเสื้อคอปาดลายกะลาสี ดูเก๋ไก๋

“แล้วก็กางเกงยีนสีเข้มกับเสื้อยืดนี้ไว้ใส่ เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ดีไหมคะ ช่วงนี้กำลังฮิต กางเกงเอวต่ำนิดหน่อย แต่ไม่โป๊” พลอยไพลินเลือกเสื้อยืดที่แนบไปกับลำตัว แต่ไม่รัดเกินไป เนื่องจากรวินทร์รดาเป็นคนมีเอว และมีหน้าอก การใส่เสื้อรัดรูปมากและสีเข้มจะเน้นสัดส่วนเกินไป ส่วนกางเกง เป็นยีนยืด รับกับสะโพกกลมมน

“น้องบัว หุ่นดีนะคะ ใส่กางเกงยีนสวยมาก พี่ว่า เอาไปสักสามสี่ตัวเลยดีกว่า จะได้ใส่สลับกัน”
“อย่าเลยค่ะ บัวเกรงใจเฮ้ย... ไม่อยากรบกวน เดี๋ยวโดนคนนินทา”
หล่อนปรายตาไปทางหม่อมราชวงศ์กนต์ธรที่นั่งรออยู่ เขาชูนิ้วโป้งเป็นอันบอกว่า เห็นด้วยเมื่อเห็นหล่อนลองกางเกงยีน

“แค่นี้ขนหน้าแข็งไม่ร่วงหรอกค่ะ คิดเสียว่า แก้เผ็ดคนขี้เก๊ก”

พลอยไพลินหันมากระซิบข้างหู รวินทร์รดาอมยิ้ม

“พี่พลอยคิดว่า อีตาคุณชายขี้เก๊กจริง ๆ ใช่ไหมคะ บัวคิดว่า คิดไปเองคนเดียวเสียอีก”
“เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ รู้จักกันมาสิบปี เก๊กตลอด แต่อย่างนี้ทำให้สาวๆ หลงเสน่ห์กันน่าดูนะคะ สมัยอยู่มหาวิทยาลัย มีสาวชะเง้อรออยู่หน้าห้องเล็คเชอร์เป็นโหลๆ เลย”

รวินทร์รดาเบ้ปาก เหลือบมองชายหนุ่ม เขาดูดีในสูทแสนเนี๊ยบ คงเพราะท่าทางเหมือนผู้ดีนั่นหรือเปล่า ไม่ว่า จะนั่ง เดิน หรือแม้แต่ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก็ดูโก้ทุกองศา
“คุณชายเกิ้น” หล่อนค่อน
“แต่คุณชายรันเป็นคนใจดีนะคะ ส่วนรักษ์ก็นิสัยดีมาก พี่ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ”

“พี่พลอย รู้จักพี่ชายบัวด้วยหรือคะ”

“ใช่ค่ะ เคยเจอกันสมัยเรียน รักษ์เป็นคนเอื้อเฟื้อ ใจดี ช่วยเพื่อนทุกอย่าง น่าเสียดายที่อายุสั้น น้องบัวต้องเข้มแข็งนะคะ พี่จะเอาใจช่วย”

รวินทร์รดาประนมมือไหว้ ครั้งนี้เป็นการไหว้อย่างจริงใจ ไม่ใช่ทักทายตามมารยาท หล่อนรู้สึกว่า พลอยไพลินสวยมาจากข้างใน แค่เจอกันไม่นานแต่หล่อนก็แอบหลงรักพี่สาวคนนี้เสียแล้ว

“ขอบคุณนะคะพี่พลอย”

“เรามาดูชุดราตรีบ้างดีกว่าค่ะ เอาไว้เผื่อออกงาน ชุดนี้เป็นผ้าเนื้อชีฟองแต่ไม่อู้ฟู่เกินไป ใช้ได้ทั้งงานตอนเย็นและก็งานตอนค่ำ ดูสบายๆ ทั้งสองช่วง”

“ทำไมต้องซื้อชุดสำหรับออกงานด้วยค่ะ ในเมื่อบัวไม่ได้ไปที่ไหนสักหน่อย”

“เผื่อไว้เถอะค่ะน้องบัว พวกเสื้อผ้าซื้อเอาไว้ก็ไม่เสียหายหรอกค่ะ ไหนๆ มีสปอนเซอร์มารูดบัตรให้แล้ว ซื้อให้คุ้ม”

รวินทร์รดาเหลือบมองไปทางชายหนุ่มอีกครั้ง เขาไม่ได้เข้ามาวุ่นวายแต่ปล่อยให้หล่อนเลือกเสื้อผ้าอย่างสบายใจ คงเพราะเบื่อกับการโต้เถียงกับหล่อนนั่นเอง

“แต่ชุดมันแพง บัวยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาคืนเลย”

“ไม่เห็นเป็นไรหรอกค่ะ เชื่อพี่เถอะว่า คุณชายรันเต็มใจให้ ถือเสียว่า เขาตอบแทนรักษ์ด้วยการดูแลน้องบัว อย่างนี้เขาจะได้ไม่รู้สึกผิด”


“เอาล่ะทีนี้ก็ถึงขั้นตอนสำคัญต่อไป”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรกึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวออกจากร้านเสื้อ ขณะที่พลอยไพลินขอตัวกลับไปดูแลร้านของหล่อนต่อ จึงเหลือเพียงชายหนุ่มกับรวินทร์รดาเพียงสองคน เขาปล่อยให้หล่อนเลือกเสื้อผ้าอยู่เกือบสองชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อไปโรงเรียนจะไม่ถูกครูร้องเรียนเรื่องการแต่งกายอีก

“เราจะไปไหน”

รวินทร์รดายื้อมือไว้อย่างไม่ยอม หล่อนสะบัดออก หม่อมราชวงศ์กนต์ธรมองหญิงสาวอย่างขบขัน

“ก็ร้านทำผมยังไงล่ะ”

“ไม่เอา ฉันไม่ไป”

หญิงสาวใช้มือสองข้างจับผมเอาไว้ แม้ตอนนี้ผมจะถูกย้อมและกัดสีจนเป็นสีรุ้งแต่ก็ยังนุ่มสลวย คงเพราะหล่อนดูแลเส้นผมเป็นอย่างดี ถ้าหากไม่ได้เพราะต้องการประชดบิดา รวินทร์รดาไม่มีทางย้อมผมเป็นแน่

“บัวต้องไป เพราะพี่รับปากคุณครูใหญ่เอาไว้แล้ว ว่า บัวจะทำสีผมให้ปกติ”

“แล้วนี่ไม่ปกติตรงไหน คุณรับปากเองก็ไปทำเองสิ นี่มันหัวฉัน คุณไม่ต้องยุ่ง”

บทจะดื้อ รวินทร์รดาก็ทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติ จนบัดนี้หล่อนก็ยังไม่คุ้นเคยกับเขา แม้แต่คำสรรพนามหรือการโต้ตอบก็ยังเหมือนกับคนแปลกหน้า คงอีกนานกว่าหญิงสาวจะทำตัวให้ชิน และยอมเรียกเขาว่า พี่

“คุณครูใหญ่บอกแล้วว่า ถ้าบัวจะเข้าเรียนก็ต้องทำตัวให้อยู่ในระเบียบ”
“ทำไมฉันถึงทำผมสีรุ้งไม่ได้ ในเมื่อนักเรียนคนอื่นๆ ก็ยังโกรกผมสีต่างๆ เลย” ระเบียบในโรงเรียนอินเตอร์นั้นไม่ได้เข้มงวดเหมือนโรงเรียนรัฐ นักเรียนบางคนมีผมสีน้ำตาลทอง บ้างก็สีน้ำตาลแดงตามสมัย

“แต่ไม่ใช่เจ็ดสีแบบนี้เพราะมันไม่เหมือนนักเรียน”

“นักเรียนใช้สมองเรียน ไม่ได้ใช่ทรงผมเสียหน่อย มีแต่คนคร่ำครึเท่านั้นที่ติเรื่องทรงผม อย่างที่อังกฤษ ครูไม่เคยสนใจเครื่องแบบหรือ ทรงผมนักเรียนด้วยซ้ำ จะผมสั้นหรือผมยาว ไม่เห็นสำคัญ ขอเพียงให้ตั้งใจเรียน”

“แต่ในเมืองไทย เราถือว่า การทำตัวอยู่ในกฎระเบียบถือเป็นการให้ความเคารพสถาบัน”

“ฉันก็เคารพอยู่นี่ไง” รวินทร์รดาโต้ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรส่ายหน้าอย่างระอา หญิงสาวเป็นคนดื้อและชอบเถียงข้างๆ คูๆ อยู่เป็นประจำ

“เคารพมองได้หลายอย่าง ทั้งตั้งใจเรียน ตั้งใจทำตามกฎ เคารพในสิ่งที่ทุกคนในโรงเรียนยอมปฏิบัติตาม ถือเป็นการเคารพสิทธิผู้อื่น บัวควรจำเอาไว้”

“คุณนี่แปลกนะ ชอบบ่นเป็นพ่อแก่อยู่เรื่อย ไม่เห็นมีใครอยากฟังสักหน่อย”
“สรุปว่า จะย้อมผมหรือไม่ย้อม แต่ถ้าบัวไม่ยอมทำตามกฎ พี่จะได้โทรลาออกกับครูที่โรงเรียน”
พอโดนไม้นี้เข้าไปรวินทร์รดาถึงกับอึ้ง ดูเหมือนหม่อมราชวงศ์กนต์ธรไม่แคร์หล่อนเลยแม้แต่น้อย ว่าหล่อนจะเรียนหรือไม่เรียน พอหล่อนดื้อ เขาก็ขู่ว่า จะพาออกเสียอย่างนั้น

“ใครบอกว่า ฉันจะลาออก ค่าเทอมก็จ่ายไปแล้ว ครูเขาก็บอกว่า ถ้าลาออกกะทันหัน จะไม่จ่ายเงินค่าเทอมคืนแม้แต่บาทเดียว”

“สรุปว่า เสียดายเงินค่าเทอมงั้นสิ”
“ก็ทำนองนั้น”
“งั้นต้องย้อมผม”
“ย้อมก็ย้อมสิ...ไม่เห็นจะกลัวเลย...คนแก่ก็เงี้ย ขี้บ่น..ชิ”
รวินทร์รดาบ่นพึมพำ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรแอบมองเงาสะท้อนในกระจก เขาชักไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองว่า ดูแก่ อย่างที่หล่อนบอกหรือเปล่า ก็แค่อายุสามสิบ แต่ทุกเช้าที่ส่องกระจกไม่เคยเห็นตีนกาเลยสักอัน หรือว่า จะมี..เขามัวแต่มองกระจกจนหยุดเดินก็รู้ว่า เสียรู้เด็กสาวเข้าให้เสียแล้ว..

“เราหลอกพี่งั้นหรือ”

“ไม่ได้หลอก แต่พูดความจริง...แก่ๆๆๆ ลุงๆๆ”

ชายหนุ่มหน้าตึง เดินตรงลิ่วไม่ยอมรอหญิงสาวอีก เขาได้ยินแต่เสียงหัวเราะกวนประสาทลอยลมมาจากด้านหลัง เขาแค่นเสียงผ่านริมฝีปาก

“ฝากไว้ก่อนเถอะ เด็กแสบ”





tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2561, 16:43:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2561, 16:43:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 762





<< บทที่ ๖ มัจจุราชและคุณชายขี่ม้าขาว   บทที่ ๘ โรงเรียนใหม่และเพื่อนแสนดี >>
แว่นใส 12 มี.ค. 2561, 07:36:10 น.
จะได้เพื่อนหรือศัตรูเพิ่มจากโรงเรียนแน่


tangtangmeow 27 มี.ค. 2561, 14:10:42 น.
ต้องรอลุ้น รู้สึกว่า เรื่องนี้นางเอกมีเคราะห์อยู่บ่อยครั้งค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account