พนาพร่ำรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อ 'พนสณฑ์' ทายาทเจ้าสัวพันล้าน ถูกกลั่นแกล้งให้รับมรดกเป็นที่ดินรกร้าง พร้อมเงื่อนไขต้องสร้างเงินล้านให้ได้ภายในปีเดียว แถมยังพ่วงเมียขัดดอก ลูกสาวนักพนันมาด้วย จะไหวไหมงานนี้...
***************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
**************
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์
(หนังสือพร้อมส่ง)
ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
***************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
**************
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์
(หนังสือพร้อมส่ง)
ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
Tags: แบดบอย ทายาทเศรษฐี ลูกสาวนักพนัน เมียขัดดอก น่ารัก ละมุน คู่ชีวิต ท้องไร่ท้องนา
ตอน: บทที่ 7 - 100%
“ทำไม เมื่อไหร่ สณฑ์ไปคบกับ เอ่อ ลูกแก้วตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ตาเพิ่งไปอังกฤษได้แค่สามเดือน ตอนนั้นเรายัง เอ่อ”
“เธอเป็นคนที่เจ้าสัวส่งมาแต่งงานกับผม”
“ตายจริง เรื่องบ้าอะไรกันคะนี่ การแต่งงานกำมะลอเหรอคะ นี่มันพอศอไหนแล้ว สณฑ์ยอมได้ยังไงกันคะ”
“ผมทำเพื่อป๋า ตาก็รู้ดีว่าป๋าอยากคืนดีกับเจ้าสัวขนาดไหน”
“โธ่ แล้วทำไมต้องถึงกับแต่งงานกับคนแปลกหน้ายังงั้นด้วยล่ะคะ”
“อย่าซักให้สณฑ์มันลำบากใจไปหน่อยเลยน่าตา” อรรณพปรามเพื่อนสาวอีกครั้ง ศรุตาเงียบ เป็นไปได้อย่างไรที่ยายเด็กชาวไร่เชยๆ นั่นจะกลายมาเป็นเมียของทายาทมหาเศรษฐีอย่างพนสณฑ์ ความรู้สึกแหนหวงก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่เคยคิดว่าเป็นของตายที่ตนจะกลับมาหาเมื่อไหร่ก็ได้กำลังจะถูกแย่งไป หล่อนจะยอมได้หรือ
“สณฑ์ก็เลยหันหลังให้วงการ มาหมกตัวเป็นเงาะป่า อยู่กับนางรจนาที่กระท่อมนี้น่ะหรือคะ”
“ครับ ผมมีความสุขดี”
“เอ้า งั้น เชียรส์ ชนแก้วฉลองกันหน่อยเว้ย” รชตเป็นฝ่ายช่วยกลบเกลื่อนบรรยากาศตึงเครียด ไม่นานฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงบ้าง สมชัยเข้ามาร่วมวงเมื่อตะวันคล้อยต่ำ มื้อค่ำมีป้านวลมาช่วยเตรียมการก่อนที่แกจะกลับบ้านไป พนสณฑ์สั่งให้เดินเครื่องปั่นไฟเพื่อเปิดใช้พัดลมและแสงสว่างบนกระท่อมเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น รุจิรัตน์พาศรุตาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หล่อนเอาติดตัวมาด้วย
“เดี๋ยวฉันจะรออยู่แถวนี้นะคะ ว่าจะรดผักพอดี คุณตาเสร็จแล้วเรียกได้เลยนะคะ ทางเดินค่อนข้างมืดต้องระวังค่ะ”
“ขอบใจ”
สวนผักของรุจิรัตน์งามดีเหลือเกินเพราะดินเป็นดินใหม่ ร่วนซุยมีสารอาหารที่ผักชอบมากมาย เมื่อหล่อนพรวนดินรอบๆ แปลงผักมักจะมีเจ้าไส้เดือนดินตัวอ้วนขึ้นมาเสมอ ผักของหล่อนเริ่มงาม ไม่นานคงได้เก็บไปรับประทาน รุจิรัตน์เคยพยามปลูกผักในบ้านหลังเล็กๆ กลางสลัมของหล่อน แต่ผักในกระถางเล็กๆ แคบๆ ไม่งามเท่าที่ควร หล่อนเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อดินปลูกดีๆ หรือปุ๋ยมาใส่ให้พวกมัน ผักของหล่อนเหี่ยวเฉาตายไปจนหมด
“ชอบทำสวนหรือ” เสียงกังวานหวานดังมาจากด้านหลัง รุจิรัตน์จึงหันมามอง ร่างสูงโปร่งแบบนางแบบอยู่ในชุดกางเกงรัดรูปยาวถึงข้อเท้า กับเสื้อกล้ามตัวบางเบาที่ทิ้งตัวผ่านหน้าอกอิ่มงามจนจรดหน้าท้องแบนราบ ด้านหลังทิ้งชายไหวๆ ไว้กับบั้นท้ายงอนน่าดูของหล่อน
“ชอบค่ะ ชอบมาก ที่บ้านเก่าค่อนข้างคับแคบปลูกอะไรไม่ได้เลย”
“เหรอคะ ที่บ้านฉันมีต้นอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่เจ้าของบ้านไม่รู้จักหรอก ปลูกไว้ไม่เคยได้กิน คนสวนเขาปลูก เขาเก็บของเขาเอง เราก็เห็นแต่เขียวๆ ไปวันๆ”
“ค่ะ กลับขึ้นบ้านเลยไหมคะ ยุงชุมมาก”
“ไปสิ อยู่นี่ลำบากเหมือนกันนะ”
“ค่ะ แรกๆ ก็อย่างนี้กระมังคะ ต่อไปน่าจะดีขึ้น”
ต่อไปหรือ อนาคตใช่ไหมที่สาวน้อยท่าทางอ่อนต่อโลกคนนี้พูดถึง กับใครล่ะ พนสณฑ์งั้นหรือ ดูท่าหล่อนจะฝันเกินตัวมากไปหน่อยแล้ว
“กับข้าวมีอะไรบ้างครับวันนี้ เยอะแยะไปหมด” สามีมือใหม่เปิดบทสนทนามื้อค่ำหวานเสียจนภรรยาฝึกหัดหน้าแดงก่ำ ปากเขาไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตานี่สิ
“มีผัดผักรวมมิตรง่ายๆ ค่ะ มีผักหวานป่า ไม่ทราบเคยทานผัก หวานป่ากันไหม รสชาติหวานอร่อยดีค่ะ แล้วก็มีแกงเขียวหวานมะเขือเปราะของป้านวลใส่เนื้อไก่ค่ะ เมื่อวันก่อนคุณแม่ให้กุ้งแห้งตัวโตๆ มา ลูกแก้วเลยเอามาทำยำกุ้งแห้ง นอกนั้นก็มีปลานึ่ง ผักนึ่ง น้ำพริกค่ะ ของหวานมีสับปะรดหวานฉ่ำ” รายการอาหารทั้งหมดทำให้ทุกคนท้องร้องไปตามๆ กัน ยิ่งเมื่อแม่ครัวใหญ่เปิดหม้อข้าวที่หุงสวย หอมกรุ่นเป็นไอและตักใส่จานแจกจ่ายทุกคนยิ่งทำให้หิวยิ่งขึ้น จะมีก็แต่...
ศรุตาที่มีสีหน้านิ่งเฉย เพื่อนสนิทต่างรู้ดีว่าหล่อนไม่พอใจ
“ลองผัดผักสิครับตา อร่อย ลูกแก้วใช้น้ำมันน้อยมาก ไม่อ้วนแน่”
ใช้น้ำมันด้วยหรือ กินไปคนเดียวเถอะย่ะ
ศรุตาตักผักนึ่งมาใส่จานสองสามชิ้น ตามด้วยสับปะรดสีเหลืองสดที่หั่นมาเรียบร้อยแล้ว รุจิรัตน์หน้าเสีย ความจริงหล่อนน่าจะขอให้ช่างสักคนลงเขาไปหาซื้อผัดสดๆ กรอบๆ มาทำสลัดให้ศรุตาสักจาน เอาไว้แก้ตัวพรุ่งนี้เถอะนะ
“ตาจำได้ว่าสณฑ์ไม่ทานเผ็ด ตักเข้าไปได้ยังไงคะพริกทั้งนั้น”
ศรุตาติงเมื่อเห็นพนสณฑ์ตักน้ำพริกใส่จานข้าวสองช้อนเต็มๆ ขณะที่รุจิรัตน์เหลือบมองเขา รอยยิ้มแหยๆ จากใบหน้าคมคายที่แดงก่ำกับเหงื่อเม็ดเป้งๆ ที่เกาะปลายจมูกคมเป็นคำตอบได้ดี
“คุณสณฑ์ไม่ทานเผ็ดเหรอคะ” หล่อนถามเสียงอ่อย
“เมียทำอะไรมาก็กินทั้งนั้นล่ะ ไม่เผ็ดก็ไม่อร่อยจริงไหม”
“นั่นสิ แหมไม่ได้ทานอาหารรสชาติไทยแท้ๆ มานานมากแล้วนะ ว่าไหมต๊ะ ไม่รู้ทำไมร้านอาหารไทยแพงๆ ที่โฆษณาว่าไทยแท้ๆ มีแต่ราคาคุย รสออกหวานๆ เลี่ยนๆ เอาใจฝรั่งทั้งนั้น”
“เดี๋ยวท้องไส้ก็พังกันพอดีสิคะ” ศรุตาหน้านิ่ง จิ้มสับปะรดเข้าปากต่อไป
“สณฑ์ นายมาอยู่ที่ไร่อย่างนี้กิจการนำเข้ารถไม่ชะงักหรือวะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกมานะ ช่วงนี้ข้าว่างๆ ที่รีสอร์ตไม่ค่อยมีอะไร” อรรณพเอ่ยถามเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ
“ขอบใจมาก ยังพอไหว ป๋าสิจะเหนื่อยหน่อย แต่เวลามีอะไรชัยก็วิ่งไปวิ่งมา นั่นก็อีกคนเหนื่อยมากเหมือนกัน”
“แหม...ตากำลังอยากได้สปอร์ตสักคัน เจ้าแดงเพลิงที่ขับอยู่น้องชายเขาขอยืมขับอยู่เรื่อย ชักรำคาญ คุณพ่อบ่นว่าขี้เกียจฟังทะเลาะกันจะซื้อให้ตาใหม่”
“ตาสนใจรุ่นไหนล่ะครับ”
นักธุรกิจหนุ่มไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่ม
“ตามใจสนฑ์สิคะ ตาไว้ใจ งานนี้คุณพ่อออกปากจะให้ทั้งทีขอเกทับหนักๆ ไปเลยค่ะ”
“งั้น ว่างๆ ผมจะกลับไปดูที่อู่ให้ ตารีบหรือเปล่า”
“ก็ไม่รีบหรอกค่ะ กลัวแต่คุณพ่อจะเปลี่ยนใจก่อน ตอนนี้ตาพยายามเป็นเด็กดีสุดๆ ไปเลยนะคะนี่ แต่กลัวดีแตกก่อนน่ะสิ สณฑ์ก็รู้จักตาดีนี่คะ” ดวงตานั้นหวาน เย้าหยอก พนสณฑ์ยิ้มเก้อๆ เหลือบมองดวงหน้านิ่งของภรรยาสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“งั้นผมจะรีบไปดูให้”
“ขอบคุณค่ะ”
ศรุตาจิ้มสับปะรดเข้าปากต่อ พลางนึกว่า ในเมื่อหล่อนมาอยู่ป่าอยู่เขาเป็นนางรจนา เล่นบทอาภัพกับเขาไม่ได้ หล่อนก็จะลากเขากลับสู่ความเป็นจริง ความสุขสบายที่เขาคุ้นเคย ดูซิว่าพนสณฑ์จะเลือกชีวิตแบบไหน
“เอาล่ะ พอนอนกันได้ไหม” พนสณฑ์เอ่ยถามทั้งสามคนเมื่อชัยจัด การวางที่นอนปิกนิก และกางมุ้งกันยุงให้เรียบร้อย หลังสีชมพูคือมุ้งที่เคยเป็นของรุจิรัตน์มาก่อน อีกหลังเป็นมุ้งใหม่เพราะหลังสีฟ้าเจ้าของไร่ได้ทำลายไปเสียแล้ว
“พวกข้าน่ะได้สบายมาก เมากรึ่มๆ แบบนี้ ยิ่งได้ลมเย็นสบาย เสียงป่ากล่อมให้หลับยิ่งได้บรรยากาศ ว่าแต่คุณศรุตาน่ะจะไหวไหม”
“ไหวสิคะ ก็ในเมื่อสณฑ์จะนอนกับเมียเขานี่คะ”
“เอายังงี้ไหมคะ คุณตาเข้ามานอนในห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วกับคุณสณฑ์ออกมานอนข้างนอกเอง ดีไหมคะ”
“ก็ดีนะ จะได้ระลึกความหลังในมุ้งชมพูกับเมีย” เจ้าของไร่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่ ศรุตามุดมุ้งเข้าไปนั่งทำหน้ามุ่ย
“ไม่รบกวนล่ะค่ะ เชิญเข้าไปพลอดรักกันตามสบาย”
“ตา ไม่เอาน่า เรามากวนสณฑ์กับคุณลูกแก้วเขานะ” รชตผู้ไม่ค่อยพูดอดออกปากเองไม่ได้
“ค่ะ เข้าใจแล้ว ตาจะนอนแล้วนะคะ กู๊ดไนต์” หล่อนพลิกกายหันหลังให้ หนุ่มๆ ชวนกันนั่งรินเบียร์จิบกันต่อที่ราวระเบียงฝั่งตรงข้าม รุจิรัตน์ไปยกยำกุ้งแห้ง เนื้อแดดเดียวทอดและถั่วลิสงออกมาวางไว้ให้ก่อนจะหายเข้าห้องไป
ห้องนอนนั้นมีเตียงไม้ขนาดกลางตั้งอยู่ มุ้งบนเสาไม้ม้วนไว้ ขาวสะอาดตา เครื่องนอนใหม่เอี่ยมอ่องทั้งชุด รุจิรัตน์นั่งลงบนเตียงนุ่ม เอนกายลงเหยียดยาว แนบหน้ากับหมอนหนุนเนื้อนิ่ม หอมกรุ่น สัมผัสได้ถึงคุณภาพของเนื้อผ้าที่ไม่ธรรมดา
‘ผมมีของขวัญให้คุณ’ คำเขาบอกยังก้องหู
หล่อนก้มลงมองชุดนอนแบบกางเกงขายาว เสื้อกรอมแขนสีชมพูหม่นๆ ของตน นึกอยากได้ชุดที่สมกับเตียงนอนใหม่มากกว่านี้สักหน่อย อย่างน้อยก็ให้มันสูสีกับชุดนอนง่ายๆ แต่ซ่อนเซ็กซี่อย่างของศรุตาก็ยังดี
เอ...ทำไมต้องไปเปรียบเทียบกับหล่อนคนนั้นด้วยนะ
ความจริงหล่อนมีชุดนอนสีขาวลูกไม้สวยทีเดียว อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ ทำงานในร้านกาแฟบ้าง ห้างสรรพสินค้าบ้างเป็นอาทิตย์กว่าจะได้มันมา แต่วันนี้หล่อนไม่อยากใส่เพราะไม่สะดวกในการดูแลแขกของบ้าน ที่สำคัญสายตาวับๆ วาวๆ ของพระสังข์ซ่อนรูปก็ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย
“เฮ้อ...” หล่อนระบายลมหายใจยาวๆ นอนหงายมองเพดานที่แสงเทียนวับแวมส่องสว่าง ลมเย็นๆ จากหน้าต่างที่เปิดกว้างกรูเข้ามาราวกับจะช่วยปัดเป่าความรู้สึกหนักหน่วงในอกหล่อนให้เบาบาง
“คุณสณฑ์ขา ทำไมต้องรวยขนาดนี้ หล่อขนาดนี้ ดีขนาดนี้ด้วย ลูกแก้วไม่ต้องการเลยคนที่เอื้อมไม่ถึงแบบนี้ เป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งให้ลูกแก้วไม่ได้เหรอคะ” หล่อนพึมพำ น้ำตาเม็ดเล็กซึมหางตา ตลอดทั้งบ่ายนี้หล่อนอดเอาแต่เปรียบเทียบตนเองกับเขาไม่ได้ ยิ่งเพื่อนทั้งหญิงชายของเขามาหา หล่อนยิ่งเห็นความแตกต่าง
‘นายหญิงคะ อย่างนี้แถวบ้านป้าเรียกเจตนาแย่งผัวชาวบ้าน นายหญิงจะทำนิ่งๆ ไม่ได้นะจ๊ะ แม่ขายาว นมโตคนนั้นฉกไปแน่ๆ’
คำป้านวลทั้งพร่ำสอน ทั้งบ่นในครัว หล่อนยังจำได้ขึ้นใจ
หล่อนจะเอาอะไรไปสู้กับเขาล่ะ หล่อนมันก็แค่ลูกหนี้คนหนึ่ง ถึงเป็นเมียก็เป็นเมียขัดดอก
“เมียที่เพื่อนๆ คุณแยกไม่ออกจากคนรับใช้ด้วยซ้ำ คุณจะภูมิใจเหรอคะ” หล่อนพร่ำถาม ยิ่งคิดใจยิ่งสั่นระริก รู้สึกเจ็บไปหมดต้องกดหน้ากับหมอนกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ไม่นานความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจก็กล่อมให้หล่อนนอนหลับใหล
“เมียอะไรหลับก่อนผัว เมียที่ดีต้องตื่นก่อนนอนทีหลังรู้ไหม” เสียงกระซิบพร่าข้างหูไม่ทำให้หล่อนตื่นได้ พนสณฑ์รู้ดีว่าหล่อนเป็นคนหลับลึกชนิดที่เขาแอบเอากำไรได้บ่อยๆ
เขาอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว เวลาเกือบเที่ยงคืน สหายทั้งสองเข้ามุ้งหลับสนิท ศรุตาเองก็คงไม่ต่างกัน พนสณฑ์เอนกายลงข้างร่างอรชรของภรรยาสาว เขาจรดริมฝีปากกับแก้มเนียน
“แอบมานอนร้องไห้หรือนี่”
“อื้อ คุณสณฑ์ เข้ามานอนแล้วเหรอคะ”
“ครับ ร้องไห้ทำไม”
“เรื่อยๆ ค่ะ ชีวิตลูกแก้วมันมีเรื่องมากนี่คะ”
หล่อนอดประชดประชันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่วิสัยของหล่อนสักนิด
“เจ้าสำนวนจริงนะเมียเรา สารภาพมาว่าหึงหรือเปล่า”
“บ้า เรื่องอะไรจะหึงคุณคะ” หล่อนเบี่ยงตัวหนี แต่กลับโดนอีกฝ่ายตะครุบไว้ราวกับจับหนู
“แล้วเรื่องอะไรไม่หึงล่ะ มีผัวระดับเกรดเออย่างนี้ก็ต้องหึงต้องหวงบ้างสิจ๊ะ” เสียงเขาอ้อแอ้
“คุณสณฑ์เมาเหรอคะ” หล่อนหน้าแดงก่ำ ใบหน้าคมลอยอยู่ห่างจากใบหน้าหล่อนไม่ถึงคืบ ร่างแกร่งหยัดอยู่บนลำแขนสองข้าง
“ปวดแผลไหมคะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลยน่า วันนี้ไม่ยอมหลงกลแน่” เขาก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง ลมหายใจร้อนผะผ่าว รู้สึกได้ที่ลำคอขาวผ่อง หอมกรุ่น รุจิรัตน์สะดุ้ง หดตัวหนีใจเต้นระรัว
“คุณสณฑ์ อย่า อย่ากัดสิคะ อุ๊ย” หล่อนร้องเมื่อเขาขบฟันลงกับติ่งหูเล็กๆ เขาไม่ตอบ มือแกร่งรุกไล้เลิกชายเสื้อนอนของหล่อนขึ้นสูง อีกมือสอดเข้าไปใต้เอวบาง วนไล้อยู่กับแผ่นหลังและเนินสะโพกมน
“คุณสณฑ์เดี๋ยว ขะ...คุยกันก่อนค่ะ นะคะ” หล่อนร้อง เพราะรู้ตัวเองกำลังจะแย่ พนสณฑ์ไม่มีทีท่าว่าจะหยอกเย้าเอากำไรเล่นอย่างเคย
“ถ้าไม่หยุด ลูกแก้วจะร้องนะคะ” หล่อนคิดว่าได้ตะโกนใส่หูเขา แต่เสียงเบาหวิวราวกับลูกแมวเหมียว พนสณฑ์หัวเราะในลำคอ
“อยากให้ร้องอยู่แล้ว” เขาจรดริมฝีปากที่เหนือเนินอกอิ่ม มือหนึ่งเลิกเสื้อนอนของหล่อนออกจนพ้นตัว เหวี่ยงมันไปหล่นอยู่ข้างเตียง กายสาวสั่นสะท้านต่อสายตาคม เปี่ยมด้วยความปรารถนาของสามีหนุ่ม
พนสณฑ์หยัดกายขึ้นนั่ง คร่อมร่างบางไว้ จัดการถอดเสื้อกล้ามสีขาวที่เขามักใส่นอนออกทางหัว เหวี่ยงมันไปในทิศทางเดียวกัน แล้วก็เอนกายทาบทับหน้าทองแบนราบ เขารั้งน้ำหนักตัวเองไว้ หล่อนช่างบอบบางเหลือเกิน
“ตัวนิดเดียวอย่างกับเด็ก”
“ค่ะ ลูกแก้วเป็นเด็กนี่คะ ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับเด็กเลย”
หล่อนร้องใส่ หน้าแดงก่ำ งอง้ำ เบือนหนีไปอีกทาง
“ทำไมวันนี้เมียผมแสนงอนจัง” เขากระซิบถามริมหู อกแกร่งบดกับยอดอกอิ่มเปลือยเปล่า ทำเอาใจเขาแทบขาด
“คุณสณฑ์…แน่ใจหรือคะ”
“จะรักเมียมันต้องคิดอะไรมากมายขนาดนั้นเลยหรือ”
เขาบ่น แกล้งเคลื่อนกายไปมาช้าๆ บนตัวหล่อน
“คำก็เมียสองคำก็เมีย อย่างลูกแก้วจะนับเป็นเมียได้ด้วยหรือคะ”
“ก็ยังไม่เป็นเมียที่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่ แต่อีกสักชั่วโมงก็ไม่แน่”
“คุณสณฑ์”
“นี่ เมียจ๋าคิดจะถ่วงเวลาไปถึงเช้าเลยหรือไงครับ”
“เปล่าค่ะ แต่ลูกแก้ว ไม่เคย เอ่อ ไม่รู้ด้วยนะคะว่าจะต้องทำยังไง คุณจะมาผิดหวังไม่ได้นะคะ”
“ครับ” เขาตัดบทด้วยการก้มลงจุมพิตทรวงอกอิ่ม เชื่องช้า เนิ่นนาน ตั้งอกตั้งใจทรมานหล่อน ได้ผลมือเล็กๆ ค่อยๆ ลูบไล้ท้ายทอยของเขา เสียงกระซิบเรียกชื่อเขาหวานแผ่ว สะท้าน
แผ่นหลังเขากว้างนัก หล่อนโอบกอดไว้ได้เพียงน้อย สองมือเกาะเกี่ยวยามลูกคลื่นอารมณ์โถมเข้าใส่ หน้าอกกว้างแกร่งราวแผ่นหินยามเขาพลิกกายหล่อนขึ้นทาบทับ รุจิรัตน์ลูบไล้แผ่นอกนั้นเบาๆ จากค่อยๆ แตะมือลูบไล้อย่างกลัวๆ กล้าๆ หล่อนเริ่มจุมพิตตอบ และเมื่อริมฝีปากอิ่มฉ่ำคู่นั้นจรดลงที่ยอดอกเขา พนสณฑ์ก็ครางออกมาเสียงดัง เขาพลิกกายให้หล่อนอยู่เบื้องล่าง ดวงตาจับจ้องดวงตาปรือแสนยวนยั่วคู่นั้น ก่อนจะจรดจุมพิตอีกครั้ง ทั่วทั้งกายหล่อน
“เมียจ๋า” เขาคราง ดวงตาสีเข้มจับจ้อง สังเกตกิริยาหล่อน
รุจิรัตน์มองสบดวงตาที่อาบด้วยแรงปรารถนายิ่งยวด หล่อนกัดริมฝีปากล่าง เมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวช้าๆ เนิบนาบของเขาที่เบื้องล่าง พนสณฑ์กดจูบริมฝีปากอิ่มนั้น ปลายลิ้นหยอกเอิน เบี่ยงเบนความสนใจยามค่อยๆ รุกคืบเข้าครอบครองกายหล่อนทีละนิด เขาใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะรู้สึกราวกับกำลังจะคลั่ง
“ลูกแก้วเป็นของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น” เขากระซิบเสียงต่ำราวกับเสียงคำรามกับหูหล่อนก่อนที่จะโยกย้ายจังหวะนำพาหล่อนไปสู่ครรลองของรักอย่างที่มนุษย์โลกพึงกระทำ
มิใยว่าใครต่อใครจะได้ยินบทเพลงรักแรกเข้าหอนั้น ราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงสอง
****************
วาบหวามกันเล็กน้อยค่ะ^^
ตอนนี้หนังสือพนาพร่ำรักเดินทางมาถึงมือสำนักพิมพ์แล้วนะคะ ทีมงานกำลังเตรียมจัดส่งให้นักอ่านทุกท่านที่สั่งจองไว้น้าาาา ส่วนใครที่อยากสั่งซื้อ หนังสือพร้อมส่งแล้วนะคะ
สั่งซื้อได้ในเพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์" หรือเมล์ plaipakkabooks@gmail.com
สำหรับร้านค้านิยายออนไลน์ที่มีวางจำหน่าย ได้แก่ ร้ายนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
ส่วนทางนี้ทีมงานจะลงให้อ่านถึงแค่ "จบบทที่ 12" นะคะ
ลงเร็วบ้างช้าบ้าง ต้องขออภัยด้วยจ้า แต่รับประกันความสนุกแน่นอนค่ะ อิอิ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“เธอเป็นคนที่เจ้าสัวส่งมาแต่งงานกับผม”
“ตายจริง เรื่องบ้าอะไรกันคะนี่ การแต่งงานกำมะลอเหรอคะ นี่มันพอศอไหนแล้ว สณฑ์ยอมได้ยังไงกันคะ”
“ผมทำเพื่อป๋า ตาก็รู้ดีว่าป๋าอยากคืนดีกับเจ้าสัวขนาดไหน”
“โธ่ แล้วทำไมต้องถึงกับแต่งงานกับคนแปลกหน้ายังงั้นด้วยล่ะคะ”
“อย่าซักให้สณฑ์มันลำบากใจไปหน่อยเลยน่าตา” อรรณพปรามเพื่อนสาวอีกครั้ง ศรุตาเงียบ เป็นไปได้อย่างไรที่ยายเด็กชาวไร่เชยๆ นั่นจะกลายมาเป็นเมียของทายาทมหาเศรษฐีอย่างพนสณฑ์ ความรู้สึกแหนหวงก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่เคยคิดว่าเป็นของตายที่ตนจะกลับมาหาเมื่อไหร่ก็ได้กำลังจะถูกแย่งไป หล่อนจะยอมได้หรือ
“สณฑ์ก็เลยหันหลังให้วงการ มาหมกตัวเป็นเงาะป่า อยู่กับนางรจนาที่กระท่อมนี้น่ะหรือคะ”
“ครับ ผมมีความสุขดี”
“เอ้า งั้น เชียรส์ ชนแก้วฉลองกันหน่อยเว้ย” รชตเป็นฝ่ายช่วยกลบเกลื่อนบรรยากาศตึงเครียด ไม่นานฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงบ้าง สมชัยเข้ามาร่วมวงเมื่อตะวันคล้อยต่ำ มื้อค่ำมีป้านวลมาช่วยเตรียมการก่อนที่แกจะกลับบ้านไป พนสณฑ์สั่งให้เดินเครื่องปั่นไฟเพื่อเปิดใช้พัดลมและแสงสว่างบนกระท่อมเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น รุจิรัตน์พาศรุตาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หล่อนเอาติดตัวมาด้วย
“เดี๋ยวฉันจะรออยู่แถวนี้นะคะ ว่าจะรดผักพอดี คุณตาเสร็จแล้วเรียกได้เลยนะคะ ทางเดินค่อนข้างมืดต้องระวังค่ะ”
“ขอบใจ”
สวนผักของรุจิรัตน์งามดีเหลือเกินเพราะดินเป็นดินใหม่ ร่วนซุยมีสารอาหารที่ผักชอบมากมาย เมื่อหล่อนพรวนดินรอบๆ แปลงผักมักจะมีเจ้าไส้เดือนดินตัวอ้วนขึ้นมาเสมอ ผักของหล่อนเริ่มงาม ไม่นานคงได้เก็บไปรับประทาน รุจิรัตน์เคยพยามปลูกผักในบ้านหลังเล็กๆ กลางสลัมของหล่อน แต่ผักในกระถางเล็กๆ แคบๆ ไม่งามเท่าที่ควร หล่อนเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อดินปลูกดีๆ หรือปุ๋ยมาใส่ให้พวกมัน ผักของหล่อนเหี่ยวเฉาตายไปจนหมด
“ชอบทำสวนหรือ” เสียงกังวานหวานดังมาจากด้านหลัง รุจิรัตน์จึงหันมามอง ร่างสูงโปร่งแบบนางแบบอยู่ในชุดกางเกงรัดรูปยาวถึงข้อเท้า กับเสื้อกล้ามตัวบางเบาที่ทิ้งตัวผ่านหน้าอกอิ่มงามจนจรดหน้าท้องแบนราบ ด้านหลังทิ้งชายไหวๆ ไว้กับบั้นท้ายงอนน่าดูของหล่อน
“ชอบค่ะ ชอบมาก ที่บ้านเก่าค่อนข้างคับแคบปลูกอะไรไม่ได้เลย”
“เหรอคะ ที่บ้านฉันมีต้นอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่เจ้าของบ้านไม่รู้จักหรอก ปลูกไว้ไม่เคยได้กิน คนสวนเขาปลูก เขาเก็บของเขาเอง เราก็เห็นแต่เขียวๆ ไปวันๆ”
“ค่ะ กลับขึ้นบ้านเลยไหมคะ ยุงชุมมาก”
“ไปสิ อยู่นี่ลำบากเหมือนกันนะ”
“ค่ะ แรกๆ ก็อย่างนี้กระมังคะ ต่อไปน่าจะดีขึ้น”
ต่อไปหรือ อนาคตใช่ไหมที่สาวน้อยท่าทางอ่อนต่อโลกคนนี้พูดถึง กับใครล่ะ พนสณฑ์งั้นหรือ ดูท่าหล่อนจะฝันเกินตัวมากไปหน่อยแล้ว
“กับข้าวมีอะไรบ้างครับวันนี้ เยอะแยะไปหมด” สามีมือใหม่เปิดบทสนทนามื้อค่ำหวานเสียจนภรรยาฝึกหัดหน้าแดงก่ำ ปากเขาไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตานี่สิ
“มีผัดผักรวมมิตรง่ายๆ ค่ะ มีผักหวานป่า ไม่ทราบเคยทานผัก หวานป่ากันไหม รสชาติหวานอร่อยดีค่ะ แล้วก็มีแกงเขียวหวานมะเขือเปราะของป้านวลใส่เนื้อไก่ค่ะ เมื่อวันก่อนคุณแม่ให้กุ้งแห้งตัวโตๆ มา ลูกแก้วเลยเอามาทำยำกุ้งแห้ง นอกนั้นก็มีปลานึ่ง ผักนึ่ง น้ำพริกค่ะ ของหวานมีสับปะรดหวานฉ่ำ” รายการอาหารทั้งหมดทำให้ทุกคนท้องร้องไปตามๆ กัน ยิ่งเมื่อแม่ครัวใหญ่เปิดหม้อข้าวที่หุงสวย หอมกรุ่นเป็นไอและตักใส่จานแจกจ่ายทุกคนยิ่งทำให้หิวยิ่งขึ้น จะมีก็แต่...
ศรุตาที่มีสีหน้านิ่งเฉย เพื่อนสนิทต่างรู้ดีว่าหล่อนไม่พอใจ
“ลองผัดผักสิครับตา อร่อย ลูกแก้วใช้น้ำมันน้อยมาก ไม่อ้วนแน่”
ใช้น้ำมันด้วยหรือ กินไปคนเดียวเถอะย่ะ
ศรุตาตักผักนึ่งมาใส่จานสองสามชิ้น ตามด้วยสับปะรดสีเหลืองสดที่หั่นมาเรียบร้อยแล้ว รุจิรัตน์หน้าเสีย ความจริงหล่อนน่าจะขอให้ช่างสักคนลงเขาไปหาซื้อผัดสดๆ กรอบๆ มาทำสลัดให้ศรุตาสักจาน เอาไว้แก้ตัวพรุ่งนี้เถอะนะ
“ตาจำได้ว่าสณฑ์ไม่ทานเผ็ด ตักเข้าไปได้ยังไงคะพริกทั้งนั้น”
ศรุตาติงเมื่อเห็นพนสณฑ์ตักน้ำพริกใส่จานข้าวสองช้อนเต็มๆ ขณะที่รุจิรัตน์เหลือบมองเขา รอยยิ้มแหยๆ จากใบหน้าคมคายที่แดงก่ำกับเหงื่อเม็ดเป้งๆ ที่เกาะปลายจมูกคมเป็นคำตอบได้ดี
“คุณสณฑ์ไม่ทานเผ็ดเหรอคะ” หล่อนถามเสียงอ่อย
“เมียทำอะไรมาก็กินทั้งนั้นล่ะ ไม่เผ็ดก็ไม่อร่อยจริงไหม”
“นั่นสิ แหมไม่ได้ทานอาหารรสชาติไทยแท้ๆ มานานมากแล้วนะ ว่าไหมต๊ะ ไม่รู้ทำไมร้านอาหารไทยแพงๆ ที่โฆษณาว่าไทยแท้ๆ มีแต่ราคาคุย รสออกหวานๆ เลี่ยนๆ เอาใจฝรั่งทั้งนั้น”
“เดี๋ยวท้องไส้ก็พังกันพอดีสิคะ” ศรุตาหน้านิ่ง จิ้มสับปะรดเข้าปากต่อไป
“สณฑ์ นายมาอยู่ที่ไร่อย่างนี้กิจการนำเข้ารถไม่ชะงักหรือวะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกมานะ ช่วงนี้ข้าว่างๆ ที่รีสอร์ตไม่ค่อยมีอะไร” อรรณพเอ่ยถามเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ
“ขอบใจมาก ยังพอไหว ป๋าสิจะเหนื่อยหน่อย แต่เวลามีอะไรชัยก็วิ่งไปวิ่งมา นั่นก็อีกคนเหนื่อยมากเหมือนกัน”
“แหม...ตากำลังอยากได้สปอร์ตสักคัน เจ้าแดงเพลิงที่ขับอยู่น้องชายเขาขอยืมขับอยู่เรื่อย ชักรำคาญ คุณพ่อบ่นว่าขี้เกียจฟังทะเลาะกันจะซื้อให้ตาใหม่”
“ตาสนใจรุ่นไหนล่ะครับ”
นักธุรกิจหนุ่มไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่ม
“ตามใจสนฑ์สิคะ ตาไว้ใจ งานนี้คุณพ่อออกปากจะให้ทั้งทีขอเกทับหนักๆ ไปเลยค่ะ”
“งั้น ว่างๆ ผมจะกลับไปดูที่อู่ให้ ตารีบหรือเปล่า”
“ก็ไม่รีบหรอกค่ะ กลัวแต่คุณพ่อจะเปลี่ยนใจก่อน ตอนนี้ตาพยายามเป็นเด็กดีสุดๆ ไปเลยนะคะนี่ แต่กลัวดีแตกก่อนน่ะสิ สณฑ์ก็รู้จักตาดีนี่คะ” ดวงตานั้นหวาน เย้าหยอก พนสณฑ์ยิ้มเก้อๆ เหลือบมองดวงหน้านิ่งของภรรยาสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“งั้นผมจะรีบไปดูให้”
“ขอบคุณค่ะ”
ศรุตาจิ้มสับปะรดเข้าปากต่อ พลางนึกว่า ในเมื่อหล่อนมาอยู่ป่าอยู่เขาเป็นนางรจนา เล่นบทอาภัพกับเขาไม่ได้ หล่อนก็จะลากเขากลับสู่ความเป็นจริง ความสุขสบายที่เขาคุ้นเคย ดูซิว่าพนสณฑ์จะเลือกชีวิตแบบไหน
“เอาล่ะ พอนอนกันได้ไหม” พนสณฑ์เอ่ยถามทั้งสามคนเมื่อชัยจัด การวางที่นอนปิกนิก และกางมุ้งกันยุงให้เรียบร้อย หลังสีชมพูคือมุ้งที่เคยเป็นของรุจิรัตน์มาก่อน อีกหลังเป็นมุ้งใหม่เพราะหลังสีฟ้าเจ้าของไร่ได้ทำลายไปเสียแล้ว
“พวกข้าน่ะได้สบายมาก เมากรึ่มๆ แบบนี้ ยิ่งได้ลมเย็นสบาย เสียงป่ากล่อมให้หลับยิ่งได้บรรยากาศ ว่าแต่คุณศรุตาน่ะจะไหวไหม”
“ไหวสิคะ ก็ในเมื่อสณฑ์จะนอนกับเมียเขานี่คะ”
“เอายังงี้ไหมคะ คุณตาเข้ามานอนในห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วกับคุณสณฑ์ออกมานอนข้างนอกเอง ดีไหมคะ”
“ก็ดีนะ จะได้ระลึกความหลังในมุ้งชมพูกับเมีย” เจ้าของไร่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่ ศรุตามุดมุ้งเข้าไปนั่งทำหน้ามุ่ย
“ไม่รบกวนล่ะค่ะ เชิญเข้าไปพลอดรักกันตามสบาย”
“ตา ไม่เอาน่า เรามากวนสณฑ์กับคุณลูกแก้วเขานะ” รชตผู้ไม่ค่อยพูดอดออกปากเองไม่ได้
“ค่ะ เข้าใจแล้ว ตาจะนอนแล้วนะคะ กู๊ดไนต์” หล่อนพลิกกายหันหลังให้ หนุ่มๆ ชวนกันนั่งรินเบียร์จิบกันต่อที่ราวระเบียงฝั่งตรงข้าม รุจิรัตน์ไปยกยำกุ้งแห้ง เนื้อแดดเดียวทอดและถั่วลิสงออกมาวางไว้ให้ก่อนจะหายเข้าห้องไป
ห้องนอนนั้นมีเตียงไม้ขนาดกลางตั้งอยู่ มุ้งบนเสาไม้ม้วนไว้ ขาวสะอาดตา เครื่องนอนใหม่เอี่ยมอ่องทั้งชุด รุจิรัตน์นั่งลงบนเตียงนุ่ม เอนกายลงเหยียดยาว แนบหน้ากับหมอนหนุนเนื้อนิ่ม หอมกรุ่น สัมผัสได้ถึงคุณภาพของเนื้อผ้าที่ไม่ธรรมดา
‘ผมมีของขวัญให้คุณ’ คำเขาบอกยังก้องหู
หล่อนก้มลงมองชุดนอนแบบกางเกงขายาว เสื้อกรอมแขนสีชมพูหม่นๆ ของตน นึกอยากได้ชุดที่สมกับเตียงนอนใหม่มากกว่านี้สักหน่อย อย่างน้อยก็ให้มันสูสีกับชุดนอนง่ายๆ แต่ซ่อนเซ็กซี่อย่างของศรุตาก็ยังดี
เอ...ทำไมต้องไปเปรียบเทียบกับหล่อนคนนั้นด้วยนะ
ความจริงหล่อนมีชุดนอนสีขาวลูกไม้สวยทีเดียว อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ ทำงานในร้านกาแฟบ้าง ห้างสรรพสินค้าบ้างเป็นอาทิตย์กว่าจะได้มันมา แต่วันนี้หล่อนไม่อยากใส่เพราะไม่สะดวกในการดูแลแขกของบ้าน ที่สำคัญสายตาวับๆ วาวๆ ของพระสังข์ซ่อนรูปก็ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย
“เฮ้อ...” หล่อนระบายลมหายใจยาวๆ นอนหงายมองเพดานที่แสงเทียนวับแวมส่องสว่าง ลมเย็นๆ จากหน้าต่างที่เปิดกว้างกรูเข้ามาราวกับจะช่วยปัดเป่าความรู้สึกหนักหน่วงในอกหล่อนให้เบาบาง
“คุณสณฑ์ขา ทำไมต้องรวยขนาดนี้ หล่อขนาดนี้ ดีขนาดนี้ด้วย ลูกแก้วไม่ต้องการเลยคนที่เอื้อมไม่ถึงแบบนี้ เป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งให้ลูกแก้วไม่ได้เหรอคะ” หล่อนพึมพำ น้ำตาเม็ดเล็กซึมหางตา ตลอดทั้งบ่ายนี้หล่อนอดเอาแต่เปรียบเทียบตนเองกับเขาไม่ได้ ยิ่งเพื่อนทั้งหญิงชายของเขามาหา หล่อนยิ่งเห็นความแตกต่าง
‘นายหญิงคะ อย่างนี้แถวบ้านป้าเรียกเจตนาแย่งผัวชาวบ้าน นายหญิงจะทำนิ่งๆ ไม่ได้นะจ๊ะ แม่ขายาว นมโตคนนั้นฉกไปแน่ๆ’
คำป้านวลทั้งพร่ำสอน ทั้งบ่นในครัว หล่อนยังจำได้ขึ้นใจ
หล่อนจะเอาอะไรไปสู้กับเขาล่ะ หล่อนมันก็แค่ลูกหนี้คนหนึ่ง ถึงเป็นเมียก็เป็นเมียขัดดอก
“เมียที่เพื่อนๆ คุณแยกไม่ออกจากคนรับใช้ด้วยซ้ำ คุณจะภูมิใจเหรอคะ” หล่อนพร่ำถาม ยิ่งคิดใจยิ่งสั่นระริก รู้สึกเจ็บไปหมดต้องกดหน้ากับหมอนกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ไม่นานความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจก็กล่อมให้หล่อนนอนหลับใหล
“เมียอะไรหลับก่อนผัว เมียที่ดีต้องตื่นก่อนนอนทีหลังรู้ไหม” เสียงกระซิบพร่าข้างหูไม่ทำให้หล่อนตื่นได้ พนสณฑ์รู้ดีว่าหล่อนเป็นคนหลับลึกชนิดที่เขาแอบเอากำไรได้บ่อยๆ
เขาอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว เวลาเกือบเที่ยงคืน สหายทั้งสองเข้ามุ้งหลับสนิท ศรุตาเองก็คงไม่ต่างกัน พนสณฑ์เอนกายลงข้างร่างอรชรของภรรยาสาว เขาจรดริมฝีปากกับแก้มเนียน
“แอบมานอนร้องไห้หรือนี่”
“อื้อ คุณสณฑ์ เข้ามานอนแล้วเหรอคะ”
“ครับ ร้องไห้ทำไม”
“เรื่อยๆ ค่ะ ชีวิตลูกแก้วมันมีเรื่องมากนี่คะ”
หล่อนอดประชดประชันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่วิสัยของหล่อนสักนิด
“เจ้าสำนวนจริงนะเมียเรา สารภาพมาว่าหึงหรือเปล่า”
“บ้า เรื่องอะไรจะหึงคุณคะ” หล่อนเบี่ยงตัวหนี แต่กลับโดนอีกฝ่ายตะครุบไว้ราวกับจับหนู
“แล้วเรื่องอะไรไม่หึงล่ะ มีผัวระดับเกรดเออย่างนี้ก็ต้องหึงต้องหวงบ้างสิจ๊ะ” เสียงเขาอ้อแอ้
“คุณสณฑ์เมาเหรอคะ” หล่อนหน้าแดงก่ำ ใบหน้าคมลอยอยู่ห่างจากใบหน้าหล่อนไม่ถึงคืบ ร่างแกร่งหยัดอยู่บนลำแขนสองข้าง
“ปวดแผลไหมคะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลยน่า วันนี้ไม่ยอมหลงกลแน่” เขาก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง ลมหายใจร้อนผะผ่าว รู้สึกได้ที่ลำคอขาวผ่อง หอมกรุ่น รุจิรัตน์สะดุ้ง หดตัวหนีใจเต้นระรัว
“คุณสณฑ์ อย่า อย่ากัดสิคะ อุ๊ย” หล่อนร้องเมื่อเขาขบฟันลงกับติ่งหูเล็กๆ เขาไม่ตอบ มือแกร่งรุกไล้เลิกชายเสื้อนอนของหล่อนขึ้นสูง อีกมือสอดเข้าไปใต้เอวบาง วนไล้อยู่กับแผ่นหลังและเนินสะโพกมน
“คุณสณฑ์เดี๋ยว ขะ...คุยกันก่อนค่ะ นะคะ” หล่อนร้อง เพราะรู้ตัวเองกำลังจะแย่ พนสณฑ์ไม่มีทีท่าว่าจะหยอกเย้าเอากำไรเล่นอย่างเคย
“ถ้าไม่หยุด ลูกแก้วจะร้องนะคะ” หล่อนคิดว่าได้ตะโกนใส่หูเขา แต่เสียงเบาหวิวราวกับลูกแมวเหมียว พนสณฑ์หัวเราะในลำคอ
“อยากให้ร้องอยู่แล้ว” เขาจรดริมฝีปากที่เหนือเนินอกอิ่ม มือหนึ่งเลิกเสื้อนอนของหล่อนออกจนพ้นตัว เหวี่ยงมันไปหล่นอยู่ข้างเตียง กายสาวสั่นสะท้านต่อสายตาคม เปี่ยมด้วยความปรารถนาของสามีหนุ่ม
พนสณฑ์หยัดกายขึ้นนั่ง คร่อมร่างบางไว้ จัดการถอดเสื้อกล้ามสีขาวที่เขามักใส่นอนออกทางหัว เหวี่ยงมันไปในทิศทางเดียวกัน แล้วก็เอนกายทาบทับหน้าทองแบนราบ เขารั้งน้ำหนักตัวเองไว้ หล่อนช่างบอบบางเหลือเกิน
“ตัวนิดเดียวอย่างกับเด็ก”
“ค่ะ ลูกแก้วเป็นเด็กนี่คะ ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับเด็กเลย”
หล่อนร้องใส่ หน้าแดงก่ำ งอง้ำ เบือนหนีไปอีกทาง
“ทำไมวันนี้เมียผมแสนงอนจัง” เขากระซิบถามริมหู อกแกร่งบดกับยอดอกอิ่มเปลือยเปล่า ทำเอาใจเขาแทบขาด
“คุณสณฑ์…แน่ใจหรือคะ”
“จะรักเมียมันต้องคิดอะไรมากมายขนาดนั้นเลยหรือ”
เขาบ่น แกล้งเคลื่อนกายไปมาช้าๆ บนตัวหล่อน
“คำก็เมียสองคำก็เมีย อย่างลูกแก้วจะนับเป็นเมียได้ด้วยหรือคะ”
“ก็ยังไม่เป็นเมียที่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่ แต่อีกสักชั่วโมงก็ไม่แน่”
“คุณสณฑ์”
“นี่ เมียจ๋าคิดจะถ่วงเวลาไปถึงเช้าเลยหรือไงครับ”
“เปล่าค่ะ แต่ลูกแก้ว ไม่เคย เอ่อ ไม่รู้ด้วยนะคะว่าจะต้องทำยังไง คุณจะมาผิดหวังไม่ได้นะคะ”
“ครับ” เขาตัดบทด้วยการก้มลงจุมพิตทรวงอกอิ่ม เชื่องช้า เนิ่นนาน ตั้งอกตั้งใจทรมานหล่อน ได้ผลมือเล็กๆ ค่อยๆ ลูบไล้ท้ายทอยของเขา เสียงกระซิบเรียกชื่อเขาหวานแผ่ว สะท้าน
แผ่นหลังเขากว้างนัก หล่อนโอบกอดไว้ได้เพียงน้อย สองมือเกาะเกี่ยวยามลูกคลื่นอารมณ์โถมเข้าใส่ หน้าอกกว้างแกร่งราวแผ่นหินยามเขาพลิกกายหล่อนขึ้นทาบทับ รุจิรัตน์ลูบไล้แผ่นอกนั้นเบาๆ จากค่อยๆ แตะมือลูบไล้อย่างกลัวๆ กล้าๆ หล่อนเริ่มจุมพิตตอบ และเมื่อริมฝีปากอิ่มฉ่ำคู่นั้นจรดลงที่ยอดอกเขา พนสณฑ์ก็ครางออกมาเสียงดัง เขาพลิกกายให้หล่อนอยู่เบื้องล่าง ดวงตาจับจ้องดวงตาปรือแสนยวนยั่วคู่นั้น ก่อนจะจรดจุมพิตอีกครั้ง ทั่วทั้งกายหล่อน
“เมียจ๋า” เขาคราง ดวงตาสีเข้มจับจ้อง สังเกตกิริยาหล่อน
รุจิรัตน์มองสบดวงตาที่อาบด้วยแรงปรารถนายิ่งยวด หล่อนกัดริมฝีปากล่าง เมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวช้าๆ เนิบนาบของเขาที่เบื้องล่าง พนสณฑ์กดจูบริมฝีปากอิ่มนั้น ปลายลิ้นหยอกเอิน เบี่ยงเบนความสนใจยามค่อยๆ รุกคืบเข้าครอบครองกายหล่อนทีละนิด เขาใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะรู้สึกราวกับกำลังจะคลั่ง
“ลูกแก้วเป็นของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น” เขากระซิบเสียงต่ำราวกับเสียงคำรามกับหูหล่อนก่อนที่จะโยกย้ายจังหวะนำพาหล่อนไปสู่ครรลองของรักอย่างที่มนุษย์โลกพึงกระทำ
มิใยว่าใครต่อใครจะได้ยินบทเพลงรักแรกเข้าหอนั้น ราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงสอง
****************
วาบหวามกันเล็กน้อยค่ะ^^
ตอนนี้หนังสือพนาพร่ำรักเดินทางมาถึงมือสำนักพิมพ์แล้วนะคะ ทีมงานกำลังเตรียมจัดส่งให้นักอ่านทุกท่านที่สั่งจองไว้น้าาาา ส่วนใครที่อยากสั่งซื้อ หนังสือพร้อมส่งแล้วนะคะ
สั่งซื้อได้ในเพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์" หรือเมล์ plaipakkabooks@gmail.com
สำหรับร้านค้านิยายออนไลน์ที่มีวางจำหน่าย ได้แก่ ร้ายนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
ส่วนทางนี้ทีมงานจะลงให้อ่านถึงแค่ "จบบทที่ 12" นะคะ
ลงเร็วบ้างช้าบ้าง ต้องขออภัยด้วยจ้า แต่รับประกันความสนุกแน่นอนค่ะ อิอิ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2561, 11:54:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2561, 11:54:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 825
<< บทที่ 7 - 70% | บทที่ 8 - 45% >> |