กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๔ ผู้เสียหาย (35%)




ศศิพิมพ์อ้างกับธนวัฒน์มาจะไปเข้าห้องน้ำ หลับอยู่ในนั้นราวสิบนาทีเธอก็เดินกลับออกมา แต่ไม่ได้เข้าไปวงคาราโอเกะที่กำลังสนุกกันเต็มที่ หญิงสาวมองหาที่นั่ง ตรงด้านข้างตัวบ้านปูนสองชั้นเยื้องไปด้านหน้ามีพุ่มโมกข์ กับชุดเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่ ศศิพิมพ์จึงเลือกที่จะนั่งลงตรงนั้น

สุนัขของเจ้านายตามเธอมาด้วย พอเธอนั่งพวกมันตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นมานั่งทางฝั่งซ้าย มีตัวหนึ่งที่นอนหงายท้องอยู่แทบเท้า อีกตัวนั่งและใช้ขาหน้ายกขึ้นแตะที่ขาเธอ เป็นเชิงบอกให้เกาคอให้

พวกมันสามตัวเป็นหมาพันทาง อาจเป็นเพราะมาบ่อยและมีขนมติดมือมาฝาก พอเจอกันทีไรพวกมันถึงได้เดินตามเธอต้อยๆ ชนิดไปไหนไปด้วย ไปเข้าส้วมก็ไปนั่งเฝ้าหน้าห้องเลยทีเดียว

ลมเย็นยามดึกพัดมาวูบหนึ่ง พากลิ่นหอมของดอกโมกให้ยิ่งตลบอบอวล ศศิพิมพ์เงยหน้าขึ้นมอง ตายังหมองเพราะใจยังเจ็บ

“พิมพ์ หลบมานั่งเสียไกลเชียว”

เสียงทักทำเธอสะดุ้ง ครั้นมองเจ้าของเสียงก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

“พี่นั่งด้วยนะ” ธนวัฒน์ถือแก้วพันซ์มาให้เธอด้วย เธอยื่นมือรับและขยับที่ว่างให้เขา แต่เจ้าสามตัวนั้นครางขู่งึมงำจนต้องเอ็ดจึงเงียบ

“ดูมันคงจะหวงพิมพ์น่าดู”

ธนวัฒน์บอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“หวงหมดแหละค่ะ พี่วัฒน์ลองให้ขนมสิคะ ขี้คร้านคราวนี้จะได้ตามเป็นเงา”

“ก็น่าลองนะ” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คลึงแก้วเบียร์ในมือเล่นมากกว่าคิดจะดื่ม ใบหน้าคมแหงนเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์สีเหลืองนวลที่โผล่พ้นหมู่เมฆ

บรรยากาศโรแมนติกดี!

“พิมพ์” เขาเรียกและมองเธอ

ศศพิมพ์เงยหน้ามองสบตาเขา “คะ”

“พี่... พี่--”

มาถึงตอนนี้ ศศิพิมพ์เริ่มเห็นท่าว่าไม่ดีแล้ว “เอ่อ เบียร์จะละลายหมดแล้วค่ะ” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง หันเหหัวข้อสนทนาไปเสียเหมือนทุกที แต่ธนวัฒน์คงดื่มมาไม่น้อย เพราะเขายังคงตั้งมั่น

“พี่รักพิมพ์”

ส่วนหนึ่งที่กล้าไม่ใช่เพราะแอลกอฮอร์ แต่ธนวัฒน์ไม่อยากช้าเพราะกลัว จากท่าทีของจิรสินวันนี้ เรื่องอดีตของศศิพิมพ์กับเจ้านายทำเขาชักหวั่นๆ ขืนปล่อยไว้ เขาอาจอกหักโดยที่ยังไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป

แต่กับศศิพิมพ์ นี่เป็นการบอกรักที่อึดอัดมากสำหรับเธอ หญิงสาวได้แต่นิ่ง จะปฏิเสธก็พูดยาก จะตอบรับก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้

“พี่พูดจริง... พิมพ์พี่รักพิมพ์มากนะ รักมานานแล้วด้วย”

แต่...

“พิมพ์ พี่วัฒน์อยู่ไหนกัน” เสียงร้องเรียกหาช่วยคลายสถานการณ์ชวนอึดอัดใจนั่น ศศิพิมพ์รีบตะโกนตอบกลับ และกัญญาก็โผล่มาให้เห็น เพราะยืนหันหลังบังแสงไฟ ใบหน้าของคนมาตามจึงเห็นแค่สลัว ความยินดีของศศิพิมพ์ฉายชัดผ่านดวงตา ผิดกับธนวัฒน์ที่ให้ขัดใจอย่างแรง

“เอ้า มาอยู่นี่กันเอง ไปๆ มาหลบอยู่ทำไมเจ้าของวันเกิด”

ใบหน้าธนวัฒน์ยับยู่ยี่ขึ้นไปทุกที

“พี่ด้วยพี่วัฒน์ แอบกินแรงนะพี่ คิวพี่เฝ้าเตาแล้ว”

“เดี๋ยวไปน่า” ชายหนุ่มบอกอย่างฉุนเฉียวปนหัวเสียนิดๆ เมื่อถูกขัดจังหวะ

“ไม่เดี๋ยวล่ะ... แต่เอ๊ะพิมพ์หน้าซีดๆ นะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ้อ” ไม่รู้จริงไหม แต่ศศิพิมพ์ไม่ยอมปล่อยโอกาสไป “ก็เพลียๆ เหนื่อยๆ ไงไม่รู้ซีคะ สงสัยต้องหายากินเสียหน่อย” เธอทำท่าจะขยับลุกแต่เสียงเรียกด้านหลังดังขรม

“เฮ้ย! เวรใครเฝ้าเตา ของกินหมดแล้วทำหน้าที่ด้วยค้าบ”

เป็นเสียงอาทิตย์ นั่นแหละกัญญาจึงพูดซ้ำ

“เห็นมะพี่วัฒน์ กรุณาลุกเลยค่ะพี่” ประโยคต่อมาหล่อนพูดกับศศิพิมพ์ “พิมพ์ไปหายากินแล้วถ้าไหวก็มานั่งกันต่อนะ แต่ถ้าไม่ไหวจะนอนเลยก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจพวกพี่หรอก”

ว่าแล้วมือที่สามก็ฉุดแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากกลับไปประจำเตา แต่ธนวัฒน์ก็ยังไม่วายส่งสายตาละห้อยมองมา

แต่มันคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้าหากท่าทีของธนวัฒน์จะไม่แผกไป แล้วยังกัญญาที่หันกลับมายิ้มแบบเลศนัย และเธอก็เข้าใจเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยขึ้นใกล้ๆ

“หนูพิมพ์ใจร้ายจังค่ะ พี่ชายเขาอุตส่าห์รุกขนาดนั้น ยังจะแกล้งเขาได้ลงคออีก”

จิรสินยืนอยู่ข้างหลัง มือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือซุกในกระเป๋ากางเกง เขาก้มมองเธออยู่ตอนที่เธอเงยหน้ามอง เราสบตากันและใบหน้าของศศิพิมพ์ก็เริ่มร้อน เธอเป็นฝ่ายหลบสายตา ยอมเสียมารยาทที่จะลุกหนีแต่เขาก็ดักเธอไว้อีก

“พี่กำลังหาเพื่อนคุย แต่ไม่ยักรู้ว่าพิมพ์รังเกียจพี่”

หล่อนอยากตอบกลับไปว่าใช่ แต่... ก็คิดได้ว่ามันคงเป็นการพาลอย่างไร้สาเหตุที่ดูงี่เง่าเป็นบ้า ดังนั้นจึงได้แต่นั่งลงตามเดิม

“ใจคอจะไม่ชวนพี่นั่งบ้างเลยเหรอคะ”

คำถามเกิดขึ้นเพราะหญิงสาวตบมือกับพื้นม้านั่ง เรียกให้หมาบ้านเขาที่นั่งให้เกาคอขึ้นไปนั่งบนนั้น

พอไม่ได้คำตอบ จิรสินก็กลอกตาเขาหมุนตัวหันหลังและกึ่งนั่งกึ่งยืนโดยอาศัยพนักพิงของเก้าอี้ ทำให้หลังของเราแทบจะชนกัน

“ถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่รู้นะว่าทำอะไรผิด พิมพ์ถึงได้หลบๆ เลี่ยงๆ พี่แบบนี้ ไอ้พี่ก็นึกว่าเราดีกันแล้วนะคะเนี่ย”

ศศิพิมพ์ถอนหายใจ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่... คนผิดน่ะคือเธอ เธอโกรธตอนที่เห็นสายตาเขายามที่รู้ว่าณัฐพงษ์เป็นใคร ซึ่งแสดงว่าเขาอาจรู้อะไรจากจิรสุตามาบ้าง เธอไม่โกรธเพื่อน เพราะขานั้นขึ้นชื่อว่าฆ้องปากแตกเก็บความลับได้เสียเมื่อไหร่ เพราะขนาดเรื่องของเขาตอนที่เลิกกันไปแล้ว แม่น้องสาวก็ยังเก็บเอามาเล่า ทั้งที่ฟันหญิงไปกี่คน หรือว่าถูกผู้หญิงตบหน้ามากี่ครั้งเหตุเพราะขอเลิกด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ

“คุณไม่ผิดหรอกค่ะ”

หญิงสาวพึมพำ ใช่เขาไม่ผิด ที่เธอหลบเขาก็เพราะอายมากกว่า เนื่องจากจนป่านนี้เธอก็ยังตัดใจจากณัฐพงษ์ไม่ได้ พอรู้เขากำลังจะมีลูกหัวใจก็ชาวาบ ครู่หนึ่งที่อึ้งไปเพราะอิจฉา ครู่ต่อมาที่รู้สึกตัวถึงได้รู้สึกละอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร

แต่อะไรก็ไม่เจ็บเท่า ที่ณัฐพงษ์บอกว่าดีใจที่เห็นเธอเริ่มต้นใหม่ มันเหมือนย้ำว่าต่อให้ตาย เขาก็ไม่เคยคิดจะรักเธอ

“ฉันผิดเอง เป็นฉันเองที่ทำไม่ถูก คุณก็คงรู้แล้วว่าทำไม”

เขาหัวเราะ “ยัยตามันฆ้องปากแตก แต่นั่นเพราะห่วงหรอกนะ”

จากนั้นก็เงียบกันไปพักใหญ่

“นั่นสิคะ ถ้าใครมีความลับแล้วอยากให้ลับต่อไป ก็ห้ามบอกตา”

“พี่ปลอบคนไม่เก่งค่ะ พิมพ์น่าจะรู้”

ศศิพิมพ์อดยิ้มไม่ได้ “ก็ไม่ได้ต้องการคนปลอบ หรือคำปลอบใจหรอกค่ะ แค่อยากอยู่เงียบๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น มันแค่... อาย อายแก่ใจตัวเองน่ะค่ะ”

เธอได้ยินเสียงเขาหัวเราะขึ้นจมูก

“โมเม้นต์ประทับใจใครสักคนแล้วลืมยากมันมีกันทุกคนแหละพิมพ์ มันไม่ได้น่าอายหรอก คนที่ควรจะละอายใจคือคนที่รู้ว่าผิด แต่ก็ยังทำนั่นมากกว่าที่น่าละอายใจ”

เขาเงียบไปอึดใจ แล้วยกมือข้างที่ถือแก้วเหล้าชี้ไปบนฟ้า

“ดูนั่นสิ วันนี้พระจันทร์สวย”

หญิงสาวพลอยแหงนหน้ามองตาม

เมื่อหัวค่ำท้องฟ้ามีแต่เมฆคล้ายฝนจะตก แต่ตอนนี้กลับไม่มีแม้เมฆสักก้อน พระจันทร์ดวงงามจึงอวดโฉมได้เต็มที่

“ดีว่าที่นี่ไม่ได้อยู่ในเมือง ไม่งั้นคงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ ไฟสว่างกลบหมด” คนพูดเบือนหน้ากลับลงมามองเธอ “ตอนพี่อยู่ใต้ก็ไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้หรอก เมฆฝนมั่ง อยู่ในเมืองมั่ง จะได้เห็นดาวสวยๆ ก็ตอนไปเยี่ยมบ้านหัวหน้า นั่งคุยกันไป จิบเหล้าไป ฟังเสียงคลื่นไป... ก็สงบดี”

เธอเลิกคิ้วขึ้นคล้ายจะถามว่า มันเกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ตรงไหน

“หัวหน้าอายุห้าสิบกว่าแล้ว แก่ แต่ฝีมือนี่เฉียบ ลูกไม่มี เมียตาย ไม่ยอมแต่งงานใหม่ ไม่กิน ไม่เที่ยว เป็นคนที่เหมือนจมอยู่กับอดีตใช่ไหม” คนฟังพยักหน้ารับ เขายิ้ม “ไม่ใช่หรอก ก็แค่งก”



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2561, 19:54:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2561, 19:54:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 796





<< ๓ ผู้สมรู้ร่วมคิด -จบตอน-   ๔ ผู้เสียหาย (70%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account