โอบรัก
“ทำไมพี่ชายต้องขอหมั้นกับบัวด้วย”


“ก็เพราะพี่รักบัวนะสิ”


“ไม่จริง...พี่ชายโกหก ก็พี่ชายเคยบอกว่า ไม่ชอบเด็ก”


“ก็ตอนนี้พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่ไม่ใช่แค่ชอบบัวนะ แต่รักแล้วก็หวงมากๆ ด้วย ต่อไปนี้พี่ขอสั่งห้
Tags: นิยายกุ๊กกิ๊ก ดราม่า แนวกินเด็ก

ตอน: บทที่ ๑๑ ห่วงหรือหึง

บทที่ ๑๑ ห่วงหรือหึง

ขณะที่ลิลินมีแผนเพื่อแก้แค้น ธัญพรก็มีแผนของหล่อนเช่นเดียวกัน เมื่อได้ยินจากน้องสาวหล่อนก็นั่งแทบไม่ติด ดังนั้นพอมารดากลับมาจากต่างประเทศก็รีบเข้าไปประจบทันที
“คุณแม่ขา ญ่าคิดถึงจังเลย”

ธัญเรศเพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อคืนและกำลังเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า ปกติธัญพรต้องเข้ามาทวงของฝาก แต่คราวนี้หล่อนกลับมาช่วยเป็นลูกมือ ลิลินออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและอ้างว่า จะไปค้างบ้านเพื่อน แท้ที่จริงแล้วเพื่อรอให้แผลบนหน้าหายสนิทดีเท่านั้น มือบางสอดเข้าไปกอดเอวมารดาเอาไว้


“วันนี้ญ่ามาแปลกแหะ จู่ๆ มากอดแม่ได้ยังไง แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรือ”
“ไม่ค่ะ...วันนี้ญ่า เบื่อ ไม่อยากไปทำงาน”


“สาวเก่ง เวิร์คกิ้งวูเมนอย่างญ่าเนี่ยนะ เบื่อ มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ แค่เซ็ง”

ธัญเรศดึงลูกสาวมานั่งบนเตียง มือลูบเส้นผม ลูกสาวคนโตนั้นได้ดังใจทุกอย่าง เรียนเก่ง ทำงานเก่ง หาเงินเก่ง


“บอกแม่มาตามตรงดีกว่า ว่า มีใครทำอะไรให้กลุ้มใจ”
“แม่ก็...รู้ทันญ่าอยู่เรื่อย”

“แม่เป็นแม่ของลูกนะ เลี้ยงมาตั้งกี่ปีทำไมถึงจะไม่รู้”
“ญ่ากลุ้มใจเรื่องคุณชายรัน”


ชื่อของหม่อมราชวงศ์กนต์ธรทำให้ธัญเรศประหลาดใจ คุณวิมาลินเคยเปรยว่า อยากได้ลูกสาวไปเป็นลูกสะใภ้แต่จนแล้วจนรอด เรื่องก็ยังเงียบ
“คุณชายรันทำไมหรือจ๊ะ”

“คือว่า คุณชายรันไม่ได้ติดต่อหนูนานแล้ว”


ธัญเรศกับคุณวิมาลินเคยเป็นสื่อกลางให้ทั้งสองได้เจอกัน ในความตั้งใจของแม่ก็คือ ให้หนุ่มสาวได้สานต่อความสัมพันธ์ แต่ติดที่ฝ่ายชายเอาแต่เงียบ
“คุณชายรัน อาจะงานยุ่งก็ได้นะจ้ะ บริษัทเอส เค พร็อพเพอร์ตี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น คนหนุ่มไฟแรงอย่างคุณชายก็ต้องบ้างานเป็นธรรมดา”

“แต่ช่วงนี้มีข่าวลือว่า คุณชายไปไหนมาไหนกับผู้หญิงบ่อย”

ธัญพรเลือกที่จะไม่เอาลิลินขึ้นมาอ้าง เพราะหากรู้ว่า น้องสาวหล่อนมีเรื่องกับเด็กสาวคนนั้น อาจส่งทำให้มารดาตำหนิได้

“ใครกัน”
“ญ่าก็ไม่ทราบค่ะ แต่เขาลือกันว่า คุณชายรันกำลังหลงผู้หญิงคนนี้ แล้วแม่จะให้ญ่าเอาหน้าไปไว้ที่ไหนละคะ ใครๆ เขาก็รู้กันว่า คุณวิมาลินทาบทามญ่าไปเป็นสะใภ้”
“ถ้าอย่างนั้นแม่จะลองถามคุณวิมาลินดูดีไหมจ้ะ”

“จะน่าเกลียดไหมคะแม่ เราเป็นฝ่ายผู้หญิง ญ่ากลัวว่า ท่านจะมองไม่ดี” ธัญพรแอบหรี่ตา แท้จริงแล้วก็ต้องการให้มารดาออกหน้า

“ไม่หรอก แม่มีวิธี แค่ลองแย็บๆ ไป บางทีคุณวิมาลินอาจจะช่วยนัดให้คุณชายรันมาหาลูกสาวแม่ก็ได้นะ แม่เองก็อยากจะเป็นแม่ยายคุณชายใจจะขาด”

สกุลสุวกุลนั้นมั่งคั่ง เอส เค พร็อพเพอร์ตี้เองก็ร่ำรวย เรียกได้ว่า เปิดโครงการครั้งใดก็ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว

“คุณแม่ช่วยญ่าได้ใช่ไหมคะ”

“ได้สิจ้ะ ถ้าไม่ช่วยลูกสาวตัวเองจะไปช่วยใคร ญ่าของแม่ทั้งสวย ทั้งน่ารัก การศึกษาก็สูง เหมาะที่จะเป็นหุ้นส่วนชีวิตของคุณชายรันกว่าใครทั้งหมด”
“ขอบคุณคุณแม่มากนะคะ

“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่จะรีบนัดคุณวิมาลิน พรุ่งนี้เลย”

“อุ๊ยทำไมต้องเอาของมาฝากเยอะขนาดนี้คะคุณน้อง”
ธัญเรศนัดเจอกับคุณวิมาลินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หล่อนนำของฝากจากต่างประเทศ ทั้งช็อกโกแลต น้ำหอมมาเพื่อเป็นใบเบิกทาง

“ไม่เลยค่ะคุณพี่ แค่ของฝากเล็กๆ น้อยๆ พอดีดิฉันไปต่างประเทศกับท่านนายพลก็เลยคิดถึงคุณพี่ เราสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

“คุณธัญเรศไปประเทศไหนมาคะ พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดี ว่าจะโทรหา”

“ดิฉันตามสามีไปสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ ท่านมีประชุม แล้วก็เลยไปเที่ยวต่อ”

“ท่านนายพลสบายดีใช่ไหมคะ” คุณวิมาลินาถาม

“สบายดีค่ะ แต่พักนี้ความดันขึ้น คงเพราะเดินทางบ่อย ดิฉันเลยต้องเคี่ยวเข็ญให้พักผ่อนอยู่กับบ้านบ้าง ชีพจรลงเท้าทุกวัน พอนอนดึกเป็นอย่างนี้ทุกที”
“คนเป็นความดันต้องพักผ่อนเยอะๆ นะคะ”

“คุณพี่วิมาลินล่ะคะ พักนี้ยุ่งหรือเปล่า ดิฉันไม่ค่อยเห็นคุณพี่ออกงานสังคมเลย แล้วคุณชายรัน คุณชายกันต์ คุณชายกวินด้วย”

“สองคนหลังนั้นเขายุ่งค่ะ ส่วนคุณชายรันก็ทำงานที่บริษัท วันทั้งวันก็ขลุกอยู่ที่นั่น จนจะเป็นหุ่นยนต์แล้ว พี่เองก็บอกว่า ไม่ต้องหักโหมมาก แต่เขาคนหนุ่มไฟแรงก็อยากจะพัฒนาบริษัทให้ก้าวไกลสู่สากล”

“มิน่า พักนี้ถึงไม่ได้พบคุณชายรันเลย นี่หนูญ่าก็ถามถึง”

ได้ทีคุณธัญเรศก็รีบตรงเข้าเรื่อง เพราะรู้ว่า วิมาลินถูกใจธัญพรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงกับเคยเอ่ยปากว่า อยากเป็นลูกสะใภ้


“ตายจริง นี่ชายรัน ไม่ได้โทรหาหนูญ่าเลยหรือคะ เห็นว่า ตอนนั้นติดต่อกับบริษัทด้วยไม่ใช่หรือ”
“ใช่ค่ะ คุณชายรันคุยเรื่องงานแล้วก็เงียบหาย สงสัยคงไม่สนใจลูกญ่าแล้ว คุณชายน่าจะมีที่หมายในใจแล้วใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้ทำใจ”
“อุ้ยไม่ใช่นะคะ อย่าเข้าใจผิด ชายรันบ้างานจริง ๆ ค่ะ เรื่องผู้หญิงไม่มีรับรองได้”
“แต่เราก็แก่ตัวลงทุกวันๆ แล้วนะคะ ไม่รู้ว่า จะมีวาสนาได้อุ้มหลานหรือเปล่า”
ธัญเรศหยอด หล่อนได้ยินมาว่า หม่อมราชวงศ์อติกันต์กำลังจะแต่งงาน และแน่นอนว่า สกุลสุวกุลทั้งหมดคงได้การ์ดเชิญ คุณวิมาลินเองก็อยากจะมีหลานถึงกับเปรยให้เพื่อนสนิทฟังหลายครั้ง


“พี่ก็คิด แต่พูดไปแล้ว หนุ่มๆ ไม่มีใครรับลูกเลย”


“คุณชายทั้งสามไม่มีใครอยากแต่งงานเลยหรือคะคุณพี่” ธัญเรศแกล้งปล่อยระเบิดลูกโต แท้ที่จริงเพื่อลองใจ หากคุณชายกนต์ธรมีผู้หญิงคนอื่นจริงๆ คุณวิมาลินก็น่าจะรู้

“ไม่เลยค่ะ ชายกันต์กับชายกวิน คนนั้นสองคนลอยตัว ส่วนชายรัน คงจะแต่งกับงานเสียมากว่า พี่ละกลุ้มใจ กระแซะหลายทีแล้ว แต่ไม่มีใครกระดิก”

“คุณพี่จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าดิฉันจะเสนอว่า เราสองคนน่าจะเป็นแม่สื่อ”
“แม่สื่อ”คุณวิมาลินตาโต

“วันเสาร์หน้านี้จะมีงานการกุศล ถ้าหากคุณพี่ชวนคุณชายรันไป ส่วนดิฉัน ก็พาลูกญ่าไป ไม่รู้มันจะน่าเกลียดหรือเปล่า”

“โอ๊ยไม่เลยค่ะ ไม่น่าเกลียด”


“ความจริงดิฉันก็อายนะคะ เราเป็นฝ่ายหญิง จะมาเร่งเร้ามากก็ดูจะไม่งาม”
วิมาลินแตะบ่าธัญเรศ

“อย่าคิดมากค่ะคุณน้อง พี่ยินดีเสียด้วยซ้ำ บอกตามตรงว่า ถูกใจหนูญ่ามาก ทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมเรียนมาด้านนี้ ถ้าได้แต่งงานกัน คงจะช่วยชายรันได้เยอะทีเดียว”


“แสดงว่า คุณพี่เห็นด้วย”

“แน่นอนค่ะ ขอพี่ไปคิดก่อนนะคะว่า จะทำยังไงดี ถึงจะชวนชายรันไปงานการกุศลแบบไม่ให้น่าเกลียด ไม่อยากให้เขารู้ตัวและปฏิเสธก่อนค่ะ โอกาสที่จะได้เจอผู้หญิงดีๆ อย่างนี้หายาก เดี๋ยวเกิดไปถูกใจคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าจะยิ่งแย่”

“จริงค่ะคุณพี่ ผู้หญิงที่คู่ควรกับสกุลสุวกุล ควรจะเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม มากกว่าจะเป็นใครก็ไม่รู้ ที่จ้องเข้ามาสร้างแต่ปัญหา”




“งานวันนี้สนุกดีนะคะ”
ธัญพรพูดขึ้น ในที่สุดหล่อนก็รบเร้าให้คุณวิมาลินยอมเป็นแม่สื่อได้สำเร็จ แผนการก็คือ ชวนหม่อมราชวงศ์กนต์ธรมาร่วมงานเลี้ยง หลังจากนั้นคุณวิมาลินกับธัญเรศก็จะปลีกตัวให้ทั้งสองได้คุยกัน

“ครับ”

สีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ช่างขัดกับคำพูด เขาเอาแต่นั่งนิ่ง ครั้นเมื่อธัญพรถามชายหนุ่มก็ตอบ ท่าทางเฉยเมยทำเอาหล่อนเสียความมั่นใจ

“คุณชายรัน เหนื่อยหรือคะ”


“นิดหน่อยครับ พักนี้พี่งานยุ่ง บริษัทกำลังขยายตัว มีเรื่องให้ตัดสินใจค่อนข้างมาก”
“ญ่าปลื้มใจแทนนะคะ ได้ยินว่า บริษัทเอส เค พร็อพเพอร์ตี้ กำลังออกไปสู่สากล”
“นั่นเป็นแผนการในอนาคตครับ แต่เรายังเพิ่งเริ่ม คงใช้เวลาอีกหลายปีทีเดียว”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็ยังน่าชื่นชม ญ่าเองก็ถือว่า คุณชายเป็นไอดอลในการทำงานนะคะ คุณชายมีเทคนิคยังไงถึงได้เก่งขนาดนี้” ธัญพรป้อ หล่อนรู้ว่า ชายหนุ่มเริ่มเบื่อจึงใช้งานเข้ามาบังหน้า

“พี่ไม่ได้เก่งหรอก ก็แค่ฟังความคิดเห็นจากลูกน้อง ฟังจากเพื่อนร่วมงานบ้าง บางครั้งเขาก็มีอะไรดีๆ บ้าง”

“น่าเสียดายที่ทำงานของญ่า ไม่มีคนแบบนี้เลย มีแต่คนทำงานเช้าชามเย็นชาม หรือไม่ก็เอาแต่ป้อผู้หญิงอย่างเดียว”

“เป็นเพราะน้องญ่าเป็นผู้หญิงสวยมั้งครับ ผู้ชายก็เลยเข้ามาจีบ”

“แต่ญ่าไม่ชอบนะคะ ผู้ชายเจ้าชู้ ญ่าชอบคนที่เอาการเอางานมากกว่า จะได้คุยกันรู้เรื่อง คนเราต้องอยู่ในสังคมเดียวกันถึงจะคุยกันถูกคอ”

หล่อนตัดสินใจโยนหินาถามทาง หากข่าวเรื่องรวินทร์รดาสนิทสนมกับหม่อมราชวงศ์กนต์ธรจริง เขาคงต้องคิดหนัก เนื่องจากอายุต่างกันแถมยังฐานะต่างกันเสียอีก แม้หญิงสาวจะเคยร่ำรวย แต่ตอนนี้วีเครดิตล้มละลาย รวินทร์รดาก็เท่ากับไม่เหลืออะไรเลย


“แต่พี่ไม่คิดอย่างนั้นนะ คนสังคมเดียวกัน คุยแต่เรื่องเดิมๆ บางครั้งก็น่าเบื่อ”
“แต่ถ้าต่างกันมาก บางครั้งก็เข้ากันได้ยากนะคะ อย่างเช่นถ้าคนหนึ่งเด็กมาก อีกคนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่มาก”

หล่อนโยนระเบิดลูกโตใส่ ผลก็คือ หม่อมราชวงศ์กนต์ธรหน้าซีด เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบสลัดทิ้งไป ธัญพรยิ้มหวานเมื่อรู้ว่า แผนการของหล่อนสำฤทธิ์ผล
“แต่ก็อย่างว่านะคะ คนที่เป็นผู้ใหญ่ จะทำอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ แต่เด็กส่วนใหญ่ก็หุนหันพลันแล่น อย่างที่บริษัทญ่า มีเด็กจบใหม่มาทำงาน เอะอะก็ใจร้อนทะเลาะกับคนอื่นเขาไปทั่ว ทำให้วุ่นวายกันไปหมด”

“เขาทำอะไรหรือ”

“เขาเพิ่งเข้ามาใหม่ค่ะ พอถูกรุ่นพี่ติงก็โมโหใหญ่โต พูดอะไรก็ไม่ฟัง ญ่าเองก็หนักใจ แต่เราเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องดูแลรุ่นน้อง อันที่จริงถ้าคนรุ่นเดียวกัน น่าจะคุยกันง่ายกว่านะคะ เหมือนเราคบแฟนก็ควรจะให้อายุใกล้เคียงกัน”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรนิ่ง เหมือนกำลังคิดบางอย่าง
“ญ่า ไม่น่าชวนคุณชายรันคุณเรื่องเครียดๆ เลย เราไปตักขนมกินกันดีกว่า ไหมคะ กินของหวาน จะได้สดชื่นขึ้น”

“ดีเหมือนกัน พี่เห็นเค้กหลายอย่างน่าทาน”

“คุณชายก็ชอบขนมหรือคะ เหมือนญ่าเลย ญ่าชอบของหวานมาก แต่ไม่กล้ากินเยอะกลัวจะอ้วน” ธัญพรพูดป้องปากอย่างมีจริต

“น้องญ่าไม่เห็นอ้วนเลย”


“ญ่าต้องออกกำลังกายทุกอาทิตย์ค่ะ อย่างน้อยก็วันเว้นวัน คุณชายรันละคะ”
“พี่ก็ออกกำลังเหมือนกัน พี่ชอบวิ่ง”
“ถ้ามีโอกาส ญ่าขอชวนคุณชายไปลงวิ่งการกุศลบ้างนะคะ ญ่าอยากไปแต่หาเพื่อนไม่ได้ หวังว่า คุณชายคงไม่รังเกียจการทำบุญใช่ไหมคะ”
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ ถ้าเรื่องทำบุญ น้องญ่าบอกมาก็แล้วกัน พี่จะพยายามเคลียร์งานให้ว่าง จะได้ไปทำกุศลด้วยกัน”

ช่วงพักเที่ยงรวินทร์รดากำลังนั่งกินอาหารอยู่กับเดือนประดับ พวกหล่อนมีสอบย่อยในตอนบ่าย จึงรีบมาจัดเสบียงลงท้องเพื่อจะไปทบทวนหนังสือ

“พักนี้ตอนเย็นเธออยู่ในห้องสมุดถึงสองทุ่มเลยหรือ”

จู่ๆ เดือนประดับก็ถามขึ้น รวินทร์รดาเงยหน้าขึ้นมาจากก๋วยเตี๋ยวชามโต
“ใช่.. ฉันอยู่อ่านหนังสือที่นี่ เพราะกลับคอนโดฯ ไปก็ง่วงทุกที”

อาทิตย์นี้รวินทร์รดาขอป้าร้านเช่าหนังสือหยุด เพราะหล่อนต้องเตรียมตัวสอบ ทุกเย็นสองสาวจะเข้าห้องสมุด แต่เดือนประดับจะอยู่ถึงห้าโมงเย็นแล้วขอตัวกลับ หล่อนคิดเสมอว่า เพื่อนสาวนั่งต่ออีกไม่นาน จนกระทั่งได้ยินข่าวลือจากเพื่อนคนอื่น
“แล้วใครไปส่งเธอที่รถไฟฟ้า”
“ฉันกลับเอง มีอะไรหรือ”
นับตั้งแต่เจอฐานัส วันนั้น เขาก็มาหาหล่อนแทบทุกเย็น ตอนนี้เกือบสองสัปดาห์แล้ว รวินทร์รดาชอบที่อีกฝ่ายคุยสนุก แถมยังช่วยติวหนังสือให้อีกด้วย แต่เขามักจะมาตอนที่เดือนประดับกลับไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่แปลกก็คือ เขาขอร้องไม่ให้บอกเรื่องนี้กับเดือนประดับ ดังนั้นพออยู่ในห้องรวินทร์รดาจึงไม่ได้คุยกับเขา หล่อนเองก็สบายใจเพราะระแวงมาตลอดว่า ลิลินอาจจะหาเรื่องแกล้งทุกคนที่เข้ามาใกล้ ลำพังเดือนประดับไม่เท่าไหร่ เพราะรู้ว่า เพื่อนสาวมีเขี้ยวเล็บพอดี อีกทั้งยังฉลาดหลักแหลม คอยหลบเลี่ยงได้ตลอด


“ฉันได้ยินว่า มีผู้ชายเดินไปส่งเธอที่สถานีรถไฟฟ้า”

“ใครบอก...”
“ฉันรู้ก็แล้วกันน่า”
“เขาเป็นเพื่อน”

“ฉันรู้จักไหม”
“สายของเธอไม่ได้บอกหรอกหรือ” ไม่รู้เป็นยังไงรวินทร์รดาถึงได้โต้กลับไปแบบนั้น ผลก็คือ เดือนประดับหน้าบึ้ง และลุกขึ้นเก็บชามอาหาร จนหญิงสาวต้องยื้อเอาไว้
“ฉันขอโทษเดือน ฉันหงุดหงิดไปหน่อย คือ ฉันกลัวว่า ลิลินจะรู้ แล้วเขาคนนั้นก็จะเดือดร้อน”
“ฉันหวังดีกับเธอนะบัว ก็แค่เป็นห่วง กลัวว่า จะมีคนมาหลอกเธอ”


“เขาไม่ได้หลอกฉัน เขาเป็นเพื่อนฉันจริงๆ เขาช่วยติวหนังสือให้ฉันเหมือนกับเธอนี่ล่ะ แต่ว่า เขาขอร้องว่า ไม่ให้บอกใคร ฉันก็เลยต้องปิดเป็นความลับ”
เดือนประดับจ้องหน้า สายตาเต็มไปด้วยความกังวล

“ฉันรู้จักไหมเพื่อนคนนี้”

“ฉันไม่แน่ใจ เขาค่อนข้างเก็บตัว เธออย่าน้อยใจเลยนะ เอาไว้ผ่านช่วงสอบไปก่อนแล้วฉันจะบอกว่า เขาคือ ใคร”
“ทำไมต้องลับลมคมนัยด้วย”
“ก็เขาขอร้องเอาไว้ ฉันติดหนี้เขาที่ช่วยติวแคลคูลัสให้ เธอก็รู้ว่า ฉันอ่อนคณิตศาสตร์มากๆ ถ้าไม่ติว มีหวังคงสอบไม่ผ่าน”
เดือนประดับถอนหายใจ หล่อนเอื้อมมือมาแตะบ่ารวินทร์รดาพร้อมกับพูดว่า
“ระวังตัวหน่อยนะบัว คนในโรงเรียนนี้ ไว้ใจไม่ค่อยได้หรอก มีแต่เสือ สิงห์ กะทิงแรดทั้งนั้น ฉันไม่อยากให้เธอพลาดตกเป็นเหยื่อใครอีก”



คำพูดของเดือนประดับทำให้รวินทร์รดาไม่ค่อยสบายใจนัก หล่อนไม่แน่ใจว่า เพื่อนสาวรู้หรือไม่ว่า ฐานัส คือ ผู้ชายคนนั้น เขามักจะแอบมาหาหล่อนตอนเย็นหลังจากที่เดือนประดับกลับไปแล้ว แม้ชายหนุ่มจะทำลับๆ ล่อๆ แต่รวินทร์รดาไม่ได้สนใจ เพราะหล่อนมัวแต่กังวลเรื่องสอบ ชายหนุ่มเข้ามาเติมส่วนที่ขาดด้วยการอาสาติวฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์ให้ ดังนั้นรวินทร์รดาจึงมั่นใจขึ้นมา สัปดาห์นี้ก็จะสอบแล้ว หล่อนต้องเร่งอ่านหนังสือทำแบบฝึกหัดเพื่อไล่ให้ทัน
ระหว่างที่กำลังเดินใจลอยชายหนุ่มก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ เขาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นหล่อนตกใจ รวินทร์รดาสังเกตว่า ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ในมือมีลูกบาสกอดเอาไว้ ดูเหมือนเพิ่งเล่นกีฬาเสร็จ

“คิดอะไรอยู่คนสวย”


เขาโปรยคำหวานมาตามลม รวินทร์รดาเคยถามตัวเองว่า ชอบชายหนุ่มหรือไม่ คำตอบที่ผุดขึ้นก็คือ หล่อนเห็นเขาเป็นเพื่อน ชีวิตที่อ้างว้างและมีเพื่อนเพียงคนเดียวทำให้เหงา ยิ่งพักนี้หม่อมราชวงศ์กนต์ธรไม่แวะมารับหล่อนเลย เขาส่งลุงช่วงมาแทน ในโทรศัพท์ว่างเปล่าไม่มีข้อความ ทั้งที่ชายหนุ่มมีทั้งเบอร์โทร ไลน์หรือแม้แต่เฟซบุ๊กของหล่อนแต่เขากลับไม่เคยส่งข้อความมาเลย
“ไม่มีอะไร แค่ห่วงเรื่องสอบ”

“เทสต์เมื่อบ่ายทำได้ไหม”

รวินทร์รดาพยักหน้า เพราะเดือนประดับกับฐานัส ช่วยติวหล่อนถึงทำข้อสอบวันนี้ได้ ถ้าหากสอบปลายภาคข้อสอบเป็นแนวนี้ก็คงจะดี หล่อนคงจะผ่านฉลุย
“พอทำได้ แล้วคุณล่ะ”

“สบาย ผมว่า ผมติวตรงด้วยนะ ข้อสิบหกสิบเจ็ด ตรงที่ผมบอกคุณเปี๊ยบ” ชายหนุ่มโอ่ รวินทร์รดายอมรับว่า การมีเพื่อนช่วยเรียน ทำให้หล่อนสบายขึ้น หล่อนต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นเพราะย้ายโรงเรียน
“ขอบคุณมากนะ ไม่ได้คุณฉันคงแย่ ว่า แต่วันนี้ไม่มาอ่านหนังสือด้วยกันหรือ”
“ไม่ล่ะ วันนี้ผมพักสมอง เลยไปชูทบาสกับเพื่อน แต่นึกได้ว่า วันนี้คุณคงกลับดึกก็เลยอยากไปส่ง”
ฐานัส มาส่งหล่อนทุกวัน เขาจะเดินเป็นเพื่อนไปที่สถานีรถไฟหลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน เขาบอกหล่อนว่า บ้านอยู่แถวสนามกีฬาฯ ซึ่งต้องนั่งรถไฟฟ้าไปคนละทาง

“ความจริงคุณไม่ต้องมาก็ได้นะ ฉันกลับเองได้ เริ่มชินเสียแล้ว”


“ได้ไงคนสวย ผมต้องมาส่งสิ ยิ่งวันนี้ผมว่าง ผมอยากไปส่งคุณที่คอนโดฯ”
รวินทร์ดาอ้าปากค้าง หล่อนไม่เคยให้ใครรู้ว่า พักที่ไหนมาก่อน มีเพียงเดือนประดับที่รู้ แต่เพื่อนที่โรงเรียนหล่อนเลือกที่จะไม่บอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
“อย่าเลย มันคงไม่สะดวก”
“ทำไมล่ะ หรือว่า คุณกลัวผู้ปกครองว่า เขาหวงคุณใช่ไหม”
คำถามนั้นจี้ตรงจุด ยิ่งประกอบกับสิ่งที่คุยกับเดือนประดับไว้เมื่อวันก่อน รวินทร์รดาก็โต้ไปว่า

“เขากับฉันไม่เกี่ยวข้องกัน แค่มาดูแลชั่วคราว”

“แล้วไป ผมยังคิดว่า เขาเลี้ยงต้อยคุณเสียอีก ผมได้ยินมานะว่า ผู้ปกครองของคุณ ชอบทำบุญประเภทนี้”


หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อหู หล่อนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“คุณหมายความว่า ยังไง”


“ก็ฟังเขาเล่าๆ มาน่ะ แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน ผมค่อยสบายใจจะได้จีบคุณอย่างสะดวกๆ หน่อย”

รวินทร์รดาประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม หล่อนคิดว่า ชายหนุ่มอยากเป็นแค่เพื่อน แต่พอชายหนุ่มรุกหนักขนาดนี้ก็อดที่จะตกใจไม่ได้


“ทาร์ต ”

“ผมล้อเล่นน่า เจ้าหญิง ผมก็แค่ลองแกล้งคุณดู คุณไม่ใช่สเปคผมหรอก เราเป็นเพื่อนกันและดีแล้ว แต่ที่ผมอยากไปส่งคุณที่คอนโดฯ นี่เรื่องจริง ในฐานะที่เราเป็นเพื่อน คุณจะยอมไหม”

รวินทร์ดาลังเล แต่พอเห็นสายตาอ้อนๆ ของชายหนุ่มก็ใจอ่อน เขาช่วยติว ช่วยหาชีท หาหนังสือให้และทำให้หล่อนสอบได้คะแนนดีขึ้น ที่ผ่านมายังไม่ได้ตอบแทน


“เอางี้ ฉันให้คุณไปส่งวันนี้วันเดียว คอนโดฯ ฉันอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟฟ้า ครึ่งทางมีร้านขายไอศกรีมโยเกิร์ต เอาเป็นว่า ฉันเลี้ยงคุณ ถือเป็นการตอบแทน”

“ว้าว ลาภปากแหะ มีคนเลี้ยงผมกำลังอยากกินของหวานอยู่พอดี”
“แต่ฉันต้องโทรบอก คนที่จะมารับก่อนนะ เดี๋ยวเขาจะรอว่า ทำไมฉันกลับช้า”



“บัวจะกลับเองงั้นหรือ ทำไมไม่ให้พี่ไปรับ”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรกำลังขับรถไปจอดรถที่สถานีรถไฟฟ้า โชคดีที่มีห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ เขาจึงไปจอดรอหญิงสาวได้ พักนี้เขาแทบไม่ได้โทรหาหล่อนเลยแถมยังหลีกเลี่ยงการคุยเล่นหัว นั่นเพราะความรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่เกิดขึ้น หลังจากพบกับธัญพรที่งานเลี้ยง ชายหนุ่มก็เริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเอง สิ่งที่เขากลัวคือ นับวันยิ่งคิดถึงรวินทร์รดาบ่อยขึ้น แม้จะส่งนายช่วงไปรับแต่ราชนิกุลหนุ่มก็ต้องโทรเช็คความเคลื่อนไหวทุกครั้ง

“วันนี้บัวจะกลับกับเดือน เราเพิ่งเทสย่อยเสร็จ ก็เลยอยากแวะไปกินไอศกรีมโยเกิร์ต”
หล่อนบอกชื่อร้านที่อยู่ถัดจากคอนโดไปไม่กี่ซอย ที่ตรงนั้นไม่เปลี่ยวและมีคนผ่านไปมาเยอะ อีกทั้งยังมีป้ายรถเมลอยู่ด้วย


“งั้นพี่ไปรอหน้าร้าน”
“ไม่ต้อง...ฉันกลับเองได้”

“ทำไมต้องกลับเอง บัวปิดบังอะไรพี่อยู่หรือเปล่า”


หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเป็นห่วงหญิงสาว ที่ผ่านมาเขาคอยสอบถามครูในโรงเรียนว่า รวินทร์รดาโดนกลั่งแกล้งอีกหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้สบายใจ หลานสาวของคนก่อตั้งโรงเรียนไม่ได้มาวอแวอีก คงเพราะกลัวคำขู่

“เปล่า...ฉันอยากกลับเองจริงๆ ฉันโตแล้วนะ ควรจะมีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง แต่การที่คุณจะคอยคุมแจแบบนี้มันอึดอัด”


ชายหนุ่มอึ้งไป เขายอมรับว่า ดูแลหล่อนใกล้ชิดเกินไปหน่อย แต่สำหรับหม่อมราชวงศ์กนต์ธรคิดว่า หญิงสาวยังเด็ก ในสังคมยุคนี้มีอันตรายรอบด้าน อีกทั้งเขายังกลัวว่า คนร้ายจะตามมาเจอหล่อนอีกด้วย


“งั้นก็ตามใจ แต่ถ้าถึงคอนโดแล้วต้องไลน์บอกพี่”


“เออน่า ฉันไลน์แน่ ว่า แต่คุณจะอ่านหรือเปล่าต่างหาก ส่งอะไรๆ ไปไม่เคยตอบ”

หญิงสาวส่งตัวการ์ตูนมาทางไลน์หลายครั้ง หม่อมราชวงศ์กนต์ธรเดาว่า หญิงสาวคงอยากง้อที่พูดแรงๆ กับเขาวันนั้น เขายอมรับว่า น้อยใจ ไม่ว่า จะผ่านไปนานแค่ไหน รวินทร์รดาก็ยังทำเหมือนเขาเป็นคนอื่น ทุกครั้งที่เขามอบอะไรให้หล่อน หญิงสาวมักจะปฏิเสธเป็นอันดับแรก หล่อนรักษาระยะห่างระหว่างทั้งสองคนไว้อย่างคงเส้นคงวา จนเขาอดคิดไม่ได้ว่า หล่อนรังเกียจ หล่อนคงคิดว่า เขาเป็นผู้ชายแก่ที่จุกจิกจู้จี้ บ่อยครั้งที่เขาอดคิดถึงสิ่งที่ธัญพรพูด เรื่องความรักของคนวัยเดียวกัน

“ครั้งนี้พี่จะอ่าน ว่าแต่เราจะกินไอศกรีมกันสักกี่ชั่วโมง”


“โอ๊ยคุณ กินไอศกรีมนะ ไม่ใช่กินบุฟเฟ่ต์ จะได้นั่งแช่ มีหวังเจ้าของร้านไล่ออกกันพอดี แล้วมาร์...เฮ้ย...เพื่อนฉันน่ะ เขาก็คงอยากรีบกลับเขาพักอยู่แถวสนามกีฬา”
หม่อมราชวงศ์กนต์ธรชะงักไป เขามั่นใจว่า ได้ยินชื่อเพื่อน แต่สิ่งที่สะดุดหูกลับเป็นที่อยู่ต่างหาก เดือนประดับเพื่อนคนเดียวของรวินทร์รดานั้นพักอยู่แถวลาดพร้าวไม่ใช่หรือ แถมเขายังแอบได้ไลน์ของเพื่อนคนนั้นมาจากครูประจำชั้นที่ชื่อ ลิซ่าอีกด้วย
“เดือนประดับหรือ”


“ก็ใช่สิ...ไม่ใช่เดือนประดับแล้วจะเป็นใคร แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องรีบขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว”
หญิงสาวรีบตัดบทและวางสาย ทิ้งให้หม่อมราชวงศ์กนต์ธรนิ่อย่างครุ่นคิด เขาไม่ชอบจับผิดใครแต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้หล่อนโกหก เขาจึงต้องทำอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มมองถนนเบื้องหน้าก่อนตัดสินใจเลี้ยวรถไปสู่อีกเส้นทางเพื่อพิสูจน์ความจริง..



“ไอศกรีมโยเกิร์ตเจ้านี้อร่อยดีนะ”
รวินทร์รดากับฐานัส เพิ่งเดินออกจากร้าน หลังจากที่ฉลองสอบพรีเทสต์ผ่านด้วยไอศกรีมถ้วยใหญ่ ทั้งสองนั่งคุยกัน ขณะที่ฐานัส ถามนู่นถามนี่ตลอดเวลา
“ใช่...ฉันเล็งไว้หลายวันแล้ว แต่ไม่มีโอกาสมาสักที ขอบคุณนายมากนะ”
“ไม่เป็นไร แค่เพื่อนกิน ฉันสบายมาก ว่าแต่คอนโดฯ นี้บัวอยู่กับใครบ้างหรือ” หลังกินเสร็จเขาก็รบเร้าขอเดินไปส่งที่คอนโด รวินทร์รดาค่อนข้างวางใจจึงยอม ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่ได้ให้เขาขึ้นไปชั้นบนอยู่แล้ว

“อยู่คนเดียว..ทำไมหรือ”

“เปล่าแค่สงสัย ว่า คอนโดฯ นี้คงแพงน่าดู ผู้ปกครองบัวซื้อให้สินะ”
พูดถึงผู้ปกครองรวินทร์รดาก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ หล่อนต้องโกหกหม่อมราชวงศ์กนต์ธรเพราะรู้ดีว่า เขาต้องห้าม ขืนรู้ว่า หล่อนมากับฐานัส อาจจะหาเรื่องว่าเอาอีกก็เป็นได้ เขาคงคิดว่า หล่อนเหมือนพวกนักเรียนที่ต่างประเทศที่ปล่อยตัวปล่อยใจ แต่แท้จริงไม่เลย ตลอดเวลาที่อยู่ต่างประเทศ หล่อนไม่เคยมีแฟนและไม่เคยคบเพื่อนผู้ชายด้วยซ้ำ หล่อนไม่เคยให้เพื่อนชายแตะเนื้อต้องตัว และไม่เคยออกเดทกับหนุ่มๆ ผิดกับเพื่อนในชั้น ดังนั้นสมัยอยู่ต่างประเทสหล่อนจึงเหมือนแกะดำในโรงเรียน การเก็บตัวเพราะปัญหาครอบครัวทำให้เพื่อนแทบไม่อยากคุยกับหล่อน ส่วนคนที่เห็นหล่อนนิ่งก็ยิ่งหมั่นไส้


“เขาให้ฉันพักชั่วคราวเฉยๆ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ฉันเข้ามหาวิทยาลัยได้ค่อยว่า กันอีกที”
“บัวจะยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยหรือ”

เด็กในโรงเรียนอินเตอร์แทบทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอการสอบใหญ่เพื่อนำคะแนนไปยื่นเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ความฝันของรวินทร์รดาคือ เป็นทันตแพทย์ เรียนจบมาหางานทำ และเอาเงินมาใช้หนี้และคืนเงินบางส่วนให้หม่อมราชวงศ์กนต์ธร

“ใช่..แต่ยังไม่รู้จะสอบได้คะแนนดีหรือเปล่า ฉันคงมีเงินพอสมัครสอบได้แค่รอบเดียว” การสอบนั้นมีหลายครั้ง ค่าใช่จ่ายแต่ละครั้งเป็นจำนวนหลายพันบาท รวินทร์รดาพยายามประหยัดที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องรับกวนหม่อมราชวงศ์กนต์ธร


“ผมเอาใจช่วยนะบัว ขอให้ได้คะแนนดีๆ อย่างที่คุณตั้งใจเอาไว้นะเจ้าหญิงของผม”
ฐานัส ชอบเรียกหล่อนว่า เจ้าหญิง และนั่นทำให้รวินทร์รดารู้สึกดี ท่าทางที่แสนสุภาพ และเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสทำให้หล่อนหายเหงา ทั้งสองเดินมาถึงชั้นล่างของคอนโดฯ
“ผมขึ้นไปส่งด้านบนได้ไหม”
“ไม่ได้” รวินทร์รดาโพล่งขึ้น แค่นี้ก็รู้สึกจะแย่อยู่แล้วที่ต้องโกหกหม่อมราชวงศ์กนต์ธร หล่อนรู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้ หากเขารู้เข้าคงโกรธมากแน่

“ทำไมต้องทำเสียงซีเรียสขนาดนั้น”

“คือ...เอ่อ คอนโดฯนี้เข้มงวดมาก ถ้าไม่ใช่คนที่มีชื่อเข้าพัก ยามจะไม่ให้ขึ้นข้างบน ถ้าไม่งั้นก็ต้องแลกบัตรประชาชน”


“ตรวจเข้มขนาดนั้นเลยหรือ ถ้างั้นบัวก็ปลอดภัยแน่นอน ดีแล้วผมจะไม่ได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ฐานัส พูดกลั้วหัวเราะ รวินทร์รดาสังเกตว่า ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ แต่พอเห็นหล่อนมองเขาก็ยิ้มออกมา ทั้งสองเดินมาถึงปากทางเข้าคอนโดมิเนียมพอดี

“ขอบคุณมากทาร์ตที่มาส่ง ฉันติดหนี้คุณเยอะเลย เอาไว้ให้สอบไล่เสร็จก่อนแล้วเรานัดไปกินข้าวพร้อมกับเดือนนะ”
“เดือนประดับ” เขาถามย้ำ

“ใช่ เดือนเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ก็เหมือนกับคุณ” เขายิ้มด้วยรอยยิ้มแปลกๆ แต่รวินทร์รดาไม่ทันสนใจเพราะมัวแต่ระแวงว่า หม่อมราชวงศ์กนต์ธรจะมาเห็นเข้า


“ผมดีใจนะที่คุณรับผมเป็นเพื่อน บอกตามตรงว่า ตอนอยู่โรงเรียนคุณเงียบมาก จนเพื่อนๆ หลายคนคิดว่า คุณไม่อยากสุงสิงกับใคร”

“เพราะฉันไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะฉันต่างหากล่ะ” รวินทร์รดาพยายามเลี่ยงที่จะสนิทสนมกับใคร นั่นก็เพราะหล่อนยังไม่รู้ว่า ลิลินจะลุกขึ้นมาอาละวาดเมื่อไหร่
“ผมไม่กลัวหรอก ถึงใครจะว่ายังผมก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณ” ฐานัส พูดพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ พักนี้หล่อนรู้สึกเหมือนเขาชอบมองแปลกๆ แต่รวินทร์รดาก็เลือกที่จะปัดมันทิ้งไป หล่อนเห็นชายหนุ่มเป็นแค่เพื่อนและไม่เคยคิดเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น แต่ชายหนุ่มคงไม่คิดอย่างนั้น เพราะในวินาทีที่เผลอสบตา เขาก็ถือวิสาสะดึงมือหล่อนไปกุมเอาไว้
“ทาร์ต”

“ถ้าผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อนล่ะ พอจะเป็นไปได้ไหม”


ร่างสูงยื่นหน้ามาใกล้ คงเพราะไม่ทันระวังตัว รวินทร์รดาถึงกับยืนอึ้ง จมูกโด่งเกือบจะชนกับหล่อนอยู่แล้วเช่นเดียวกับริมฝีปากที่โน้มเข้ามาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตกใจสุดขีด เขาเกือบจะจูบหล่อนอยู่แล้ว ในเสี้ยววินาทีหล่อนก็รีบยันแผ่นอกเขาไว้อย่างแรง
“หยุดนะทาร์ตถ้าไม่หยุดฉันโกรธจริงๆ ด้วย” หล่อนผลักเขาพร้อมกับกระโดดหนีไปอยู่อีกฝั่ง ฐานัส ชะงักหน้าบึ้งตึง แต่เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนมาหัวเราะและลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขิน
“ผมคงก้าวเร็วไปสินะ ขอโทษที”

“ไม่ใช่ก้าวเร็วไป แต่คุณไม่ควรทำอย่างนี้ เราสองคนเป็นเพื่อนกัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเด็ดขาดเข้าใจไหม แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะไม่คุยกับคุณอีก”


ชายหนุ่มชูสองมืออย่างยอมแพ้ เขาหัวเราะและโค้งต่อหน้ารวินทร์รดา

“ผมเข้าใจแล้วเจ้าหญิง ซอรี่นะ ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก อย่าโกรธผมเลย เรามาดีกันเถอะ” เขาดึงนิ้วก้อยหล่อนไปเกี่ยวไว้ รวินทร์รดาชักนิ้วกลับ กอดอกหน้าบึ้ง หล่อนโต้
“นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับไปเสียเถอะ เกิดคนอื่นมาเห็นเข้าคงจะไม่ดี” รวินทร์รดาโต้ หมดอารมณ์ที่จะคุยกับเขาอีก หล่อนไม่แน่ใจว่า เขาตั้งใจหรือไม่ แต่ที่ถือโอกาสจูบและกอดแต่พอจ้องมอง ชายหนุ่มก็ใช้ท่าทางร่าเริงเพื่อกลบเกลื่อน

ฐานัส พยักหน้า โค้งทำท่าล้อเลียนเหมือนกำลังขอหล่อนเต้นรำ ก่อนจะกระโดดไปมาคล้ายเต้นระบำ พอเห็นรวินทร์รดาไม่ขำด้วย ก็พูดว่า

“ผมไปจริงๆ แล้ว กู๊ดไนท์นะเจ้าหญิงของผม ไว้พบกันที่โรงเรียน”


รวินทร์รดาไม่ยิ้มตอบ หล่อนหมุนตัวกลับมาเพื่อเดินเข้าคอนโดฯ ในจังหวะนั้นเองก็ได้เจอกับชายร่างสูงสวมชุดสูทยืนกอดอกหน้าบึ้งอยู่...




tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2561, 20:15:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2561, 20:15:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 819





<< บทที่ ๑๐ ศัตรูหมายเลขหนึ่ง   
แว่นใส 10 เม.ย. 2561, 07:33:41 น.
ไม่ฟังคำเตือนเลย มาแบบลัล ๆ ล่อ ๆ ส่อเจตนาอยู่ละ


Kim 15 เม.ย. 2561, 15:41:31 น.
ดื้อจริงๆ ไม่ฟังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account