+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน
ตอน: ตอนที่ 3
วันจันทร์ถัดมา ณ ห้องประชุมของปรเมศวร์เทรดดิ้ง ผู้ผลิตและจำหน่ายซูเปอร์โคลาซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดน้ำดำอันดับหนึ่งในประเทศไทย บัดนี้คลาคล่ำด้วยผู้บริหารจากทุกแผนกที่เดินทางมาประชุมตามที่จดหมายเวียนเรียกตัว
ครั้นประธานบริษัทก้าวเข้ามา เสียงจอแจเงียบลงทันควัน ทุกสายตาเปลี่ยนไปจับจ้องผู้มาใหม่ จึงเห็นว่าธนา ปรเมศวร์ เดินกระฉับกระเฉงด้วยมาดภูมิฐาน สง่างามเช่นเคยโดยมีทายาท ‘ทั้งสอง’ ประกบซ้ายขวา บุตรสาวคนโตนั้นหน้าเชิดหลังไหล่ตึง มาดมั่น ส่วนน้องชายโขยกเขยกเล็กน้อย กระนั้นโดยรวมก็ยังดูดีน่ามอง สาวัชก้าวตามหลังไปห่าง ๆ รั้งท้ายขบวนด้วยบุคลิกเยือกเย็นเงียบขรึม
ธนานั่งตรงหัวโต๊ะ บุตรธิดาทั้งสองเลือกเก้าอี้ฝั่งขวา เหลือเพียงเก้าอี้ว่างทางซ้ายของบุรุษอาวุโส ที่นั่งนั้นจึงตกเป็นของสาวัช
หลังผู้บริหารทุกแผนกรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา ทางแก้ รวมถึงแผนงานในอนาคตเรียบร้อย ก่อนปิดประชุมธนาจึงประกาศ
“ผมขอถือโอกาสนี้แนะนำให้รู้จักลูกชายคนเล็กของผม ดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์” เสียงฮือฮาดังหึ่ง ธนาหันไปทางเจ้าของชื่อ สาวัชในสูทสีกากีลุกขึ้น มองผู้เข้าประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย และก้มศีรษะแทนการทักทาย ขณะบิดาเอ่ยต่อ
“สาวัชจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัด ผมฝากผู้เกี่ยวข้องช่วยเคี่ยวกรำเขาให้เป็นผู้บริหารที่ดี เหมือนที่พวกคุณเคยสอนริสาและวัชระ ภายในสี่เดือนผมหวังว่าจะได้ผู้บริหารชั้นยอดอีกคนนึงมาช่วยดูแลบริษัทนะ เอ้า! สาวัชทักทายเพื่อนร่วมงานสิ” ท่านหันมาทางบุตรชายคนเล็กให้หน้าเป็นเชิงอนุญาต
เสียงพูดคุยหึ่ง ๆ แผ่วลง สาวัชรู้ดีว่าทุกคนสงสัยที่มาของเขา เพราะแต่ไหนแต่ไรวงสังคมรับรู้ว่าภรรยา ‘ตามกฎหมาย’ ของธนามีบุตรธิดาแค่สองคน การที่จู่ ๆ เขาโผล่มาเป็นลูกชายคนเล็ก คนที่ไม่โง่จนเกินไปย่อมเดาสถานะของเขาได้ไม่ยาก
“ฝากตัวด้วยครับ” สาวัชค้อมศีรษะแล้วนั่ง ไม่แยแสว่าใครจะคิดอย่างไร สนใจเพียงปฏิกิริยาของพี่สาวพี่ชาย ริสาบิดริมฝีปากไม่พอใจเปิดเผย ส่วนวัชระยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ สาวัชกะพริบตาช้าลง หนักใจและเหนื่อยใจไปพร้อมกัน บิดาแถลงอีกสองสามประเด็น แล้วจึงปิดการประชุม
ผู้อำนวยการฝ่ายทยอยกันเข้ามาทักทายตามมารยาท และชวนไปรับประทานอาหารกลางวันเพื่อทำความรู้จักกัน ไม่มีท่าทีนอบน้อมหรือประจบประแจง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีความนับถือเช่นกัน
ชายหนุ่มขึงหน้านิ่งทั้งที่หัวใจแห้งผาก ใคร ๆ ก็ดูแคลนศักยภาพของเขา ไม่อยากนึกภาพเลยว่าชีวิตนับจากนี้จะหลีกเลี่ยงหนทางมุ่งตรงสู่หายนะได้อย่างไร!
อิงอรุณโยนปากกาลงบนโต๊ะ บิดคอคลายความเมื่อยขบแล้วดูนาฬิกา ครั้นเห็นว่าเลยเที่ยงแล้ว จึงรีบคว้ากระเป๋าสตางค์วิ่งไปยังห้องข้าง ๆ ซึ่งเปิดประตูค้างไว้ทั้งวัน
“เพชรไปกินข้าวแล้วเหรอเนี่ย” อิงอรุณโอดเมื่อเห็นห้องว่างเปล่า หญิงสาวออกจากสำนักงานหยีตามองแสงแดด แล้วตัดสินใจเลือกร้านอาหารใกล้ ๆ ซึ่งติดแอร์เย็นฉ่ำ เธออ่านรายการอาหาร ขณะพนักงานนำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟ เงามืดบังแสงไฟทำให้หญิงสาววางเมนู เงยขึ้นจะสั่งอาหาร แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า...
“อ้าว! พิมพ์!” อิงอรุณทักอย่างเสียไม่ได้ ยังจำความเจ็บ ๆ ชา ๆ ที่อีกฝ่ายฝากไว้บนแก้มเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ขึ้นใจ
“กินข้าวคนเดียว ไม่เหงาเหรอ ให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนไหม” อีกฝ่ายพยักพเยิดไปยังเก้าอี้เบื้องหน้าแกน ๆ
“ไม่เป็นไร ขอบใจ”
“เปลี่ยนคำขอบใจเป็นอย่างอื่นแทนดีกว่า” คนพูดวางมือบนโต๊ะ โน้มตัวมาสบตาเธอแลคุกคามกลาย ๆ “เลิกกับเทพสิ แล้วคืนเขาให้ฉัน”
“พิมพ์น่าจะหายาสลายมโนมากินหน่อยนะ จะได้เลิกคิดไปเองสักที เทพก็ยืนยันไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าไม่เคยคบพิมพ์ เมื่อไหร่จะตั้งสติยอมรับความจริง และเลิกทำตัวน่าสมเพชเที่ยวตามตื๊อผู้ชายไปทั้งเมืองแบบนี้ ถึงไม่อายคนอื่น อย่างน้อยก็น่าจะอายตัวเองบ้าง” อิงอรุณลุกขึ้นยืนเพื่อลดความเสียเปรียบด้านชัยภูมิ
“แย่งแฟนฉันแล้วยังหน้าด้านมาสั่งสอนฉันอีก!” พิมพ์สนิทผลักอกเธอแรง ๆ
อิงอรุณไม่ทันตั้งตัวจึงเซไปเบื้องหลัง สะโพกกระแทกเก้าอี้ืล้มดังโครมใหญ่ ขณะเกือบจะหงายหลัง ต้นแขนซ้ายก็ถูกคว้าไว้พร้อมทั้งกระชากอย่างแรงจนเธอเซหลุน ๆ ออกห่างจากพิมพ์สนิท
“อุ๊ย!” อิงอรุณอุทาน รู้สึกเย็นวาบที่ร่างกายซีกขวาจนถึงแผ่นหลังแผ่ซ่านไปตามแนวสะโพก เสียงวี้ดว้ายดังพร้อมเก้าอี้ครูดพื้น โต๊ะรอบ ๆ ลุกหนีกันพัลวัน
หญิงสาวเงยขึ้นมองผู้ที่ช่วยเธอไว้ รำพึงประหลาดใจที่โลกกลมดิกอย่างเหลือเชื่อ “คุณสาวัช”
ครั้นนึกได้อิงอรุณจึงเหลียวไปด้านหลัง พบว่ายายผู้หญิงบ้าสติแตกยืนหน้าแดงก่ำ ถลึงตาจิกใส่เธอ มือถือแก้วน้ำว่างเปล่าอยู่!
“พิมพ์สนิท!” เธอกระแทกเสียง ปลดมือสาวัชจะหันไปเผชิญหน้าคู่กรณี แต่อุ้งมือแข็งแรงยึดต้นแขนเธอแน่น ทั้งยังกระชับเบา ๆ เตือนสติ
อิงอรุณหายใจเข้าลึก สบตาสาวัชแล้วพยักหน้านิด ๆ มือที่กำแขนเธอไว้จึงคลายออก พลันชายหนุ่มก็ถอดเสื้อสูทมาคลุมบ่าให้เธออย่างสุภาพ
“เชิญทางนี้ดีกว่า” เขาแตะข้อศอกดันเธอไปทางประตู
เสียงฝีเท้าย่ำระรัวดังจากเบื้องหลัง พร้อมเสียงปราม “อย่าค่ะคุณลูกค้า”
“อย่าหันไปมอง” สาวัชบอกบท “เขาจะเอาแก้วเขวี้ยงคุณ พนักงานคว้าไว้ละ”
หญิงสาวแทบสะดุดลมหายใจ รู้มานานแล้วว่าพิมพ์สนิทเกลียดเธอ แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าความเกลียดชังนั้นมากมายขนาดไหน!
เมื่อออกมานอกร้าน สาวัชก็ปล่อยมือจากข้อศอกของเธอ
“ขอบคุณมากค่ะ” อิงอรุณทำท่าจะปลดเสื้อสูทคืน
“อย่าเพิ่งถอด คลุมไว้ก่อนเถอะ คุณสวมเชิ้ตขาวน่ะ”
คนฟังหน้าร้อนวาบ มือกระชับเสื้อสูทแน่นเข้าอัตโนมัติ เพิ่งเข้าใจเหตุผลที่เขาสละเสื้อให้ยืม เพราะต่อให้เป็นผ้าเนื้อหนาเพียงใด แต่เสื้อสีขาวเวลาโดนน้ำก็แทบไม่ต่างกับการเปลือยดี ๆ นี่เอง!
อิงอรุณเป่าปากพรู บิดริมฝีปากหงุดหงิด “บ้าจัง นี่ร้านประจำอิงด้วย อีกหน่อยจะมากินข้าวที่นี่ยังไงเนี่ย”
“คุณไม่ได้ทำกิริยาน่าเกลียด คนที่ควรอายคือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”
“คุณพูดจริงด้วย ว่าแต่คุณสาวัชมาทำอะไรแถวนี้หรือคะ” เธอยังไม่ลืมหรอกน่าว่าเคยปฏิญาณไว้ว่าจะต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมมาเป็นวิทยากรของบริษัทให้ได้ ที่ถอยทัพวันนั้นเธอไม่ได้ยอมแพ้นะ แต่กลับมาวางกลยุทธ์ใหม่ต่างหาก
“จำได้ว่าผมไม่จำเป็นต้องรายงานตัวกับใครนะ”
“พูดจาตัดรอนเย็นชาอีกแล้ว” อิงอรุณกระเง้ากระงอด นอกจากเย็นชา เขายังพูดห้วน ๆ ไม่เคยมีคำลงท้ายเลยสักครั้ง ไม่รู้จะขี้เก๊กเป็นอาจารย์ผู้เคร่งขรึมห่างเหินไปถึงหนาย-ย-ย
“ถ้าคุณโอเคแล้ว งั้นผมขอตัว”
“เชิญตามสบายค่ะ” อิงอรุณบุ้ยปากไปยังเสื้อสูท “จะให้อิงเอาไปคืนยังไงคะ”
“ไปฝากไว้กับประชาสัมพันธ์ของอาคารโภไคยทาวเวอร์ละกัน”
“คะ? อาคารโภไคยทาวเวอร์” อิงอรุณหัวหมุนจี๋ ออฟฟิศของคิวปิดแอสซิสแทนซ์อยู่ติดกับตึกโภไคยทาวเวอร์ เธอย่อมต้องรู้ว่าอาคารดังกล่าวเป็นของบริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้ง ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ด้วย งั้นที่คาดว่าสาวัชเป็นญาติสายห่างไกลคงเป็นความเข้าใจผิด สาวัชเกี่ยวพันกับบริษัทนั่นแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มาปรากฏตัวแถวนี้ ทั้งยังเข้านอกออกในให้ฝากของตรงประชาสัมพันธ์ได้
“ไม่เสียมารยาทแน่นะคะ” เธอหยั่งเสียง ลืมควบคุมความตื่นเต้นยินดี
“ฝากไว้กับประชาสัมพันธ์ แล้วผมจะแวะไปรับเอง” เขาย้ำเสียงหงุดหงิด
“อิงจะเอาไปฝากไว้ตามที่คุณบอกค่ะ” อิงอรุณรับคำขึงขัง ผิดศีลข้อมุสาก็ยอม แต่ขืนบอกความคิดจริงให้รู้ มีหวังเขาขอเสื้อคืนตั้งแต่ตอนนี้แหง ๆ
อิงอรุณบอกลา ชายหนุ่มก้มศีรษะรับไหว้และแยกไปยังอาคารสำนักงาน เธอสวมสูททับเสื้อกลับออฟฟิศของคิวปิดฯ บ้าง โดยส่งข้อความให้แพรวเพชรซื้ออาหารกลางวันมาฝากแทน
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูกทำให้อิงอรุณอมยิ้ม รสนิยมการเลือกน้ำหอมของเขาจัดว่าดีเลิศ ผู้ชายคนนี้ช่างสมบูรณ์แบบชนิดไม่มีข้อตำหนิเลยสักประการ อ้อ...ถ้าไม่นับความเย็นชาน่าเบื่อนั่นน่ะ!
ระหว่างผ่านอาคารโภไคยทาวเวอร์ หญิงสาวแหงนมองตึกสี่สิบสองชั้น พลางครุ่นคิด เพราะชั้นยิ่งสูงค่าเช่ายิ่งแพง เจ้าของตึกจึงใช้ชั้นล่างเป็นสำนักงานของบริษัทตัวเอง เก็บชั้นบนไว้ปล่อยเช่าทำเงิน ต้องบอกว่าวิสัยทัศน์เสี่ยธนานั้นไม่ธรรมดาเลย!
น่าเสียดายที่ครอบครัวปรเมศวร์เก็บตัว จับกลุ่มอยู่แต่กับคนไทยเชื้อสายจีนด้วยกัน ไม่สุงสิงกับชาวสังคมชั้นสูง เธอจึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวนี้น้อยยิ่งกว่าน้อย
คืนนี้เธอต้องค้นกูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับสาวัชเพิ่มหน่อยละ ในฐานะที่เรียนจิตวิทยา อิงอรุณคิดว่านี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะหากสาวัชเกี่ยวพันกับธนา ปรเมศวร์ จริง ก็น่าคิดว่าเหตุใดผู้ชายดูดีโปรไฟล์น่าดึงดูดใจ ถึงไปหมกตัวอยู่ที่มหาวิทยาลัย ห่างไกลจากชั้นผู้บริหารของปรเมศวร์เทรดดิ้งสุดกู่เช่นนั้น!
ครั้นประธานบริษัทก้าวเข้ามา เสียงจอแจเงียบลงทันควัน ทุกสายตาเปลี่ยนไปจับจ้องผู้มาใหม่ จึงเห็นว่าธนา ปรเมศวร์ เดินกระฉับกระเฉงด้วยมาดภูมิฐาน สง่างามเช่นเคยโดยมีทายาท ‘ทั้งสอง’ ประกบซ้ายขวา บุตรสาวคนโตนั้นหน้าเชิดหลังไหล่ตึง มาดมั่น ส่วนน้องชายโขยกเขยกเล็กน้อย กระนั้นโดยรวมก็ยังดูดีน่ามอง สาวัชก้าวตามหลังไปห่าง ๆ รั้งท้ายขบวนด้วยบุคลิกเยือกเย็นเงียบขรึม
ธนานั่งตรงหัวโต๊ะ บุตรธิดาทั้งสองเลือกเก้าอี้ฝั่งขวา เหลือเพียงเก้าอี้ว่างทางซ้ายของบุรุษอาวุโส ที่นั่งนั้นจึงตกเป็นของสาวัช
หลังผู้บริหารทุกแผนกรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา ทางแก้ รวมถึงแผนงานในอนาคตเรียบร้อย ก่อนปิดประชุมธนาจึงประกาศ
“ผมขอถือโอกาสนี้แนะนำให้รู้จักลูกชายคนเล็กของผม ดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์” เสียงฮือฮาดังหึ่ง ธนาหันไปทางเจ้าของชื่อ สาวัชในสูทสีกากีลุกขึ้น มองผู้เข้าประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย และก้มศีรษะแทนการทักทาย ขณะบิดาเอ่ยต่อ
“สาวัชจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัด ผมฝากผู้เกี่ยวข้องช่วยเคี่ยวกรำเขาให้เป็นผู้บริหารที่ดี เหมือนที่พวกคุณเคยสอนริสาและวัชระ ภายในสี่เดือนผมหวังว่าจะได้ผู้บริหารชั้นยอดอีกคนนึงมาช่วยดูแลบริษัทนะ เอ้า! สาวัชทักทายเพื่อนร่วมงานสิ” ท่านหันมาทางบุตรชายคนเล็กให้หน้าเป็นเชิงอนุญาต
เสียงพูดคุยหึ่ง ๆ แผ่วลง สาวัชรู้ดีว่าทุกคนสงสัยที่มาของเขา เพราะแต่ไหนแต่ไรวงสังคมรับรู้ว่าภรรยา ‘ตามกฎหมาย’ ของธนามีบุตรธิดาแค่สองคน การที่จู่ ๆ เขาโผล่มาเป็นลูกชายคนเล็ก คนที่ไม่โง่จนเกินไปย่อมเดาสถานะของเขาได้ไม่ยาก
“ฝากตัวด้วยครับ” สาวัชค้อมศีรษะแล้วนั่ง ไม่แยแสว่าใครจะคิดอย่างไร สนใจเพียงปฏิกิริยาของพี่สาวพี่ชาย ริสาบิดริมฝีปากไม่พอใจเปิดเผย ส่วนวัชระยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ สาวัชกะพริบตาช้าลง หนักใจและเหนื่อยใจไปพร้อมกัน บิดาแถลงอีกสองสามประเด็น แล้วจึงปิดการประชุม
ผู้อำนวยการฝ่ายทยอยกันเข้ามาทักทายตามมารยาท และชวนไปรับประทานอาหารกลางวันเพื่อทำความรู้จักกัน ไม่มีท่าทีนอบน้อมหรือประจบประแจง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีความนับถือเช่นกัน
ชายหนุ่มขึงหน้านิ่งทั้งที่หัวใจแห้งผาก ใคร ๆ ก็ดูแคลนศักยภาพของเขา ไม่อยากนึกภาพเลยว่าชีวิตนับจากนี้จะหลีกเลี่ยงหนทางมุ่งตรงสู่หายนะได้อย่างไร!
อิงอรุณโยนปากกาลงบนโต๊ะ บิดคอคลายความเมื่อยขบแล้วดูนาฬิกา ครั้นเห็นว่าเลยเที่ยงแล้ว จึงรีบคว้ากระเป๋าสตางค์วิ่งไปยังห้องข้าง ๆ ซึ่งเปิดประตูค้างไว้ทั้งวัน
“เพชรไปกินข้าวแล้วเหรอเนี่ย” อิงอรุณโอดเมื่อเห็นห้องว่างเปล่า หญิงสาวออกจากสำนักงานหยีตามองแสงแดด แล้วตัดสินใจเลือกร้านอาหารใกล้ ๆ ซึ่งติดแอร์เย็นฉ่ำ เธออ่านรายการอาหาร ขณะพนักงานนำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟ เงามืดบังแสงไฟทำให้หญิงสาววางเมนู เงยขึ้นจะสั่งอาหาร แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า...
“อ้าว! พิมพ์!” อิงอรุณทักอย่างเสียไม่ได้ ยังจำความเจ็บ ๆ ชา ๆ ที่อีกฝ่ายฝากไว้บนแก้มเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ขึ้นใจ
“กินข้าวคนเดียว ไม่เหงาเหรอ ให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนไหม” อีกฝ่ายพยักพเยิดไปยังเก้าอี้เบื้องหน้าแกน ๆ
“ไม่เป็นไร ขอบใจ”
“เปลี่ยนคำขอบใจเป็นอย่างอื่นแทนดีกว่า” คนพูดวางมือบนโต๊ะ โน้มตัวมาสบตาเธอแลคุกคามกลาย ๆ “เลิกกับเทพสิ แล้วคืนเขาให้ฉัน”
“พิมพ์น่าจะหายาสลายมโนมากินหน่อยนะ จะได้เลิกคิดไปเองสักที เทพก็ยืนยันไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าไม่เคยคบพิมพ์ เมื่อไหร่จะตั้งสติยอมรับความจริง และเลิกทำตัวน่าสมเพชเที่ยวตามตื๊อผู้ชายไปทั้งเมืองแบบนี้ ถึงไม่อายคนอื่น อย่างน้อยก็น่าจะอายตัวเองบ้าง” อิงอรุณลุกขึ้นยืนเพื่อลดความเสียเปรียบด้านชัยภูมิ
“แย่งแฟนฉันแล้วยังหน้าด้านมาสั่งสอนฉันอีก!” พิมพ์สนิทผลักอกเธอแรง ๆ
อิงอรุณไม่ทันตั้งตัวจึงเซไปเบื้องหลัง สะโพกกระแทกเก้าอี้ืล้มดังโครมใหญ่ ขณะเกือบจะหงายหลัง ต้นแขนซ้ายก็ถูกคว้าไว้พร้อมทั้งกระชากอย่างแรงจนเธอเซหลุน ๆ ออกห่างจากพิมพ์สนิท
“อุ๊ย!” อิงอรุณอุทาน รู้สึกเย็นวาบที่ร่างกายซีกขวาจนถึงแผ่นหลังแผ่ซ่านไปตามแนวสะโพก เสียงวี้ดว้ายดังพร้อมเก้าอี้ครูดพื้น โต๊ะรอบ ๆ ลุกหนีกันพัลวัน
หญิงสาวเงยขึ้นมองผู้ที่ช่วยเธอไว้ รำพึงประหลาดใจที่โลกกลมดิกอย่างเหลือเชื่อ “คุณสาวัช”
ครั้นนึกได้อิงอรุณจึงเหลียวไปด้านหลัง พบว่ายายผู้หญิงบ้าสติแตกยืนหน้าแดงก่ำ ถลึงตาจิกใส่เธอ มือถือแก้วน้ำว่างเปล่าอยู่!
“พิมพ์สนิท!” เธอกระแทกเสียง ปลดมือสาวัชจะหันไปเผชิญหน้าคู่กรณี แต่อุ้งมือแข็งแรงยึดต้นแขนเธอแน่น ทั้งยังกระชับเบา ๆ เตือนสติ
อิงอรุณหายใจเข้าลึก สบตาสาวัชแล้วพยักหน้านิด ๆ มือที่กำแขนเธอไว้จึงคลายออก พลันชายหนุ่มก็ถอดเสื้อสูทมาคลุมบ่าให้เธออย่างสุภาพ
“เชิญทางนี้ดีกว่า” เขาแตะข้อศอกดันเธอไปทางประตู
เสียงฝีเท้าย่ำระรัวดังจากเบื้องหลัง พร้อมเสียงปราม “อย่าค่ะคุณลูกค้า”
“อย่าหันไปมอง” สาวัชบอกบท “เขาจะเอาแก้วเขวี้ยงคุณ พนักงานคว้าไว้ละ”
หญิงสาวแทบสะดุดลมหายใจ รู้มานานแล้วว่าพิมพ์สนิทเกลียดเธอ แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าความเกลียดชังนั้นมากมายขนาดไหน!
เมื่อออกมานอกร้าน สาวัชก็ปล่อยมือจากข้อศอกของเธอ
“ขอบคุณมากค่ะ” อิงอรุณทำท่าจะปลดเสื้อสูทคืน
“อย่าเพิ่งถอด คลุมไว้ก่อนเถอะ คุณสวมเชิ้ตขาวน่ะ”
คนฟังหน้าร้อนวาบ มือกระชับเสื้อสูทแน่นเข้าอัตโนมัติ เพิ่งเข้าใจเหตุผลที่เขาสละเสื้อให้ยืม เพราะต่อให้เป็นผ้าเนื้อหนาเพียงใด แต่เสื้อสีขาวเวลาโดนน้ำก็แทบไม่ต่างกับการเปลือยดี ๆ นี่เอง!
อิงอรุณเป่าปากพรู บิดริมฝีปากหงุดหงิด “บ้าจัง นี่ร้านประจำอิงด้วย อีกหน่อยจะมากินข้าวที่นี่ยังไงเนี่ย”
“คุณไม่ได้ทำกิริยาน่าเกลียด คนที่ควรอายคือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”
“คุณพูดจริงด้วย ว่าแต่คุณสาวัชมาทำอะไรแถวนี้หรือคะ” เธอยังไม่ลืมหรอกน่าว่าเคยปฏิญาณไว้ว่าจะต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมมาเป็นวิทยากรของบริษัทให้ได้ ที่ถอยทัพวันนั้นเธอไม่ได้ยอมแพ้นะ แต่กลับมาวางกลยุทธ์ใหม่ต่างหาก
“จำได้ว่าผมไม่จำเป็นต้องรายงานตัวกับใครนะ”
“พูดจาตัดรอนเย็นชาอีกแล้ว” อิงอรุณกระเง้ากระงอด นอกจากเย็นชา เขายังพูดห้วน ๆ ไม่เคยมีคำลงท้ายเลยสักครั้ง ไม่รู้จะขี้เก๊กเป็นอาจารย์ผู้เคร่งขรึมห่างเหินไปถึงหนาย-ย-ย
“ถ้าคุณโอเคแล้ว งั้นผมขอตัว”
“เชิญตามสบายค่ะ” อิงอรุณบุ้ยปากไปยังเสื้อสูท “จะให้อิงเอาไปคืนยังไงคะ”
“ไปฝากไว้กับประชาสัมพันธ์ของอาคารโภไคยทาวเวอร์ละกัน”
“คะ? อาคารโภไคยทาวเวอร์” อิงอรุณหัวหมุนจี๋ ออฟฟิศของคิวปิดแอสซิสแทนซ์อยู่ติดกับตึกโภไคยทาวเวอร์ เธอย่อมต้องรู้ว่าอาคารดังกล่าวเป็นของบริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้ง ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ด้วย งั้นที่คาดว่าสาวัชเป็นญาติสายห่างไกลคงเป็นความเข้าใจผิด สาวัชเกี่ยวพันกับบริษัทนั่นแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มาปรากฏตัวแถวนี้ ทั้งยังเข้านอกออกในให้ฝากของตรงประชาสัมพันธ์ได้
“ไม่เสียมารยาทแน่นะคะ” เธอหยั่งเสียง ลืมควบคุมความตื่นเต้นยินดี
“ฝากไว้กับประชาสัมพันธ์ แล้วผมจะแวะไปรับเอง” เขาย้ำเสียงหงุดหงิด
“อิงจะเอาไปฝากไว้ตามที่คุณบอกค่ะ” อิงอรุณรับคำขึงขัง ผิดศีลข้อมุสาก็ยอม แต่ขืนบอกความคิดจริงให้รู้ มีหวังเขาขอเสื้อคืนตั้งแต่ตอนนี้แหง ๆ
อิงอรุณบอกลา ชายหนุ่มก้มศีรษะรับไหว้และแยกไปยังอาคารสำนักงาน เธอสวมสูททับเสื้อกลับออฟฟิศของคิวปิดฯ บ้าง โดยส่งข้อความให้แพรวเพชรซื้ออาหารกลางวันมาฝากแทน
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูกทำให้อิงอรุณอมยิ้ม รสนิยมการเลือกน้ำหอมของเขาจัดว่าดีเลิศ ผู้ชายคนนี้ช่างสมบูรณ์แบบชนิดไม่มีข้อตำหนิเลยสักประการ อ้อ...ถ้าไม่นับความเย็นชาน่าเบื่อนั่นน่ะ!
ระหว่างผ่านอาคารโภไคยทาวเวอร์ หญิงสาวแหงนมองตึกสี่สิบสองชั้น พลางครุ่นคิด เพราะชั้นยิ่งสูงค่าเช่ายิ่งแพง เจ้าของตึกจึงใช้ชั้นล่างเป็นสำนักงานของบริษัทตัวเอง เก็บชั้นบนไว้ปล่อยเช่าทำเงิน ต้องบอกว่าวิสัยทัศน์เสี่ยธนานั้นไม่ธรรมดาเลย!
น่าเสียดายที่ครอบครัวปรเมศวร์เก็บตัว จับกลุ่มอยู่แต่กับคนไทยเชื้อสายจีนด้วยกัน ไม่สุงสิงกับชาวสังคมชั้นสูง เธอจึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวนี้น้อยยิ่งกว่าน้อย
คืนนี้เธอต้องค้นกูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับสาวัชเพิ่มหน่อยละ ในฐานะที่เรียนจิตวิทยา อิงอรุณคิดว่านี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะหากสาวัชเกี่ยวพันกับธนา ปรเมศวร์ จริง ก็น่าคิดว่าเหตุใดผู้ชายดูดีโปรไฟล์น่าดึงดูดใจ ถึงไปหมกตัวอยู่ที่มหาวิทยาลัย ห่างไกลจากชั้นผู้บริหารของปรเมศวร์เทรดดิ้งสุดกู่เช่นนั้น!
สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2561, 18:54:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2561, 18:54:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 795
<< ตอนที่ 2 | ตอนที่ 4 >> |