+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 42

สาวัชลงนามในหนังสือสัญญาการซื้อขายหลักทรัพย์ แล้วเลื่อนเอกสารคืนให้ทนายของสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชัน เขาหันไปทางริสาก็เห็นฝ่ายนั้นถอนหายใจจนไหล่ไหว สายตาที่มองมามีร่องรอยกลัดกลุ้มกังวลชัดเจน

ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงยืนยันความตั้งใจ กระนั้นสีหน้าของริสาก็ยังไม่ดีขึ้น นั่นอาจเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่สาวัชซาบซึ้งอบอุ่นในหัวใจจากการ ‘ถูกรัก’

สาเหตุที่ริสาไม่สบายใจก็เพราะเขายืนกรานว่าต้องการหุ้นสยามดริ๊งค์ฯ แลกกับหุ้น ๐.๖๘% ของพีอาร์เอ็มเท่านั้น อีกสามเปอร์เซ็นต์ที่ธนาโอนให้ตอนยังมีชีวิต เขายกสิทธิ์คืนให้แก่พี่สาว

อีกคนที่มีสีหน้าประหลาดใจคือสุพจน์ เทียมสุบรรณ! บิดาของอิงอรุณจับตามองเขาจนอึดอัด หากไม่ติดว่าเสียมารยาท เขาคงลุกออกไปจากห้องนี้แล้ว เพราะไม่อยากให้ใครเห็นความหม่นหมองที่ตกหล่นอยู่ในซอกใจ ยามต้องยอมรับความจริงว่าเขาถูกอิงอรุณ ‘ใช้’ เป็นเครื่องมือและสะพานเพื่อก้าวเข้ามายึดครองบริษัท

บรรยากาศในการลงนามแลกเปลี่ยนหุ้นเป็นไปอย่างเงียบงัน ทุกคนเก็บความรู้สึกไว้ในหน้า มีเพียงวัชระที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเจรจานี้

“ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงเกินไป คุณสุพจน์พอจะชี้แนะดิฉันบ้างได้ไหมคะ ว่าทำไมถึงใช้ชื่อคุณอิงอรุณถือหุ้นพีอาร์เอ็ม” ริสาถามแทนราวกับนั่งอยู่ในใจเขา

“พีอาร์เอ็มเป็นหุ้นดีสมควรกับการลงทุน ยิ่งเก็บนานก็ยิ่งมีราคา ไม่แปลกที่ผมจะอยากมอบให้ลูกสาว มันก็เหมือนให้หลักทรัพย์ที่มั่นคงกับคนที่เรารักไงละ”

ลึกที่สุดในหัวใจสาวัช เขา ‘ดีใจ’ ที่สุพจน์เลือกมอบสิ่งดี ๆ ให้อิงอรุณ แม้สิ่งดี ๆ นั่นจะหมายถึงธุรกิจซึ่งบรรพบุรุษของเขาฟูมฟักมาก็ตามที!

มโนธรรมก่นประณามเขารุนแรง ไม่ถูกต้องเลยที่เขายินดีกับอิงอรุณทั้งที่กำลังเฉือนหัวใจตัวเองอยู่เช่นนี้ ทว่าสิ่งเดียวที่เขาทำได้ มิใช่การพยายามเกลียดชังอิงอรุณ แต่มันคือการยอมรับสภาพและเลือกชิงชังตัวเองมากกว่า!

ริสาไหว้อีกฝ่ายนอบน้อม “ดิฉันในนามของพนักงานปรเมศวร์เทรดดิ้งทุกคนขอบคุณคุณสุพจน์ที่กรุณาให้เกียรติหุ้นและบริษัทของเราค่ะ”

“ผมก็ขอบคุณคุณริสาที่ส่งมอบบริษัทมาให้ผมดูแลต่อ คนแก่ ๆ คนนี้รู้สึกเป็นเกียรติมากเช่นกัน”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศการปาดอกไม้ พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาโดยไม่รอฟังคำอนุญาต “ขออภัยครับท่าน ผมมีข่าวด่วนแจ้งให้ทราบ” คนพูดวางเครื่องแท็บเล็ตหน้าสุพจน์

สามพี่น้องและธนภูมิมองหน้ากันแล้วลุกขึ้นเอ่ยขอตัวตามมารยาท เจ้าของห้องผงกศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สาวัชก้าวตามพี่สาวพี่ชายไปเป็นคนสุดท้าย จึงทันได้ยินเสียงรายงานร้อนรน

“มีข่าวโจมตีคุณหนูอิงและบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ในโลกโซเชียลครับ ตอนนี้ข่าวกระจายออกไปทั้งทางเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์สื่อแล้ว”

สาวัชชะงักเท้า หันกลับไปทางสุพจน์ทันควัน ก็เห็นฝ่ายนั้นเงยขึ้นมามองสบตาเขาพอดี ชายหนุ่มกดความห่วงใยลงในใจ บอกตัวเองให้ก้าวออกมา เขาไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับอิงอรุณอีกต่อไปแล้ว!

“คุณสาวัช” น้ำเสียงทรงอำนาจของสุพจน์รั้งเขาไว้

“ครับท่าน” ชายหนุ่มหันกลับไปทางบิดาของอิงอรุณ จากหางตาเขาเห็นริสาและวัชระหยุดเช่นกัน

“ไม่อยู่ฟังข่าวด้วยกันก่อนเหรอ”

คำถามดักทางรู้ทันนั้นเป็นผลให้เขาขมขื่นทวีคูณ สุพจน์เลือกใช้อาวุธได้ถูกชิ้นอย่างไร้ที่ติ ฉลาดที่เข้าหาเขาโดยใช้อิงอรุณ รู้...กระทั่งว่าเขาคงไม่มีวันตัดใจจากลูกสาวท่านง่าย ๆ

“ผมเกรงว่า...”

“ออกจากห้องนี้ไป คุณก็ต้องไปหาข่าวอยู่ดี อยู่ฟังซะด้วยกันที่นี่เถอะ” ประโยคนั้นเชื้อเชิญเฉพาะเขาเป็นการส่วนตัว เลขาฯ ของสุพจน์จึงเชิญคนที่เหลือออกจากห้อง สาวัชเห็นว่าคนอื่นไม่มีท่าทีใด มีเพียงวัชระที่ฮึดฮัดจนน่าแปลกใจ เขาเก็บความไม่สบายใจไว้ เตรียมใจรอรับสถานการณ์ตรงหน้าที่อึดอัดยิ่งกว่า

สาวัชย้อนกลับมานั่งเผชิญหน้ากับสุพจน์ ซึ่งอีกฝ่ายเลื่อนเครื่องแท็บเล็ตมาตรงหน้าให้เขาอ่านข่าวได้สะดวก

เนื้อข่าวหลักระบุว่าลูกค้าคนหนึ่งของคิวปิดแอสซิสแทนซ์บังเอิญทราบมาว่าอิงอรุณและแพรวเพชรเปิดบริษัทจับคู่บังหน้า แต่เบื้องหลังเป็นแหล่งซ่องสุมรับสมัครสาวโสด โดยบริษัทเป็นคนกลางติดต่อหญิงสาวพวกนั้นกับผู้มีอำนาจในแวดวงต่าง ๆ ให้บริการตั้งแต่การทานข้าว เป็นเพื่อนคุย เพื่อนดื่ม รวมไปถึงเพื่อนนอน!

ครั้นอิงอรุณและแพรวเพชรระแคะระคายว่ามีคนทราบเรื่อง จึงจับตัวเธอไปทำร้ายร่างกายเพื่อข่มขู่มิให้เปิดเผยความจริง ทั้งยังบังคับให้อัดคลิปคำสารภาพร้ายกาจไว้ข่มขู่แบล็คเมล์ โชคดีที่หญิงสาวผู้นี้ออกอุบายหลบหนีมาได้ จึงโพสต์ข้อความทั้งในเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมเพื่อเตือนภัยผู้ที่จะมาสมัครใช้บริการบริษัทจับคู่ ทั้งยังต้องการเรียกร้องความยุติธรรมและขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครองแก่เธอด้วย

ชายหนุ่มสไลด์หน้าจอผ่านภาพข่าวส่วนใหญ่ซึ่งเป็นรูปของโสมสุรางค์ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนสภาพยับเยินดูไม่ได้ไปเรื่อย จนกระทั่งมาถึงรูปท้าย ๆ

เขาชะงักไม่เชื่อสายตา ครั้นเงยขึ้นจึงพบว่าสุพจน์กำลังมองเขาเขม็ง

เป็นวินาทีแรกในชีวิตที่สาวัชรู้สึกเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้ สมองอันเคยปราดเปรื่องกลับเชื่องช้าคิดไม่ออกว่าควรอธิบาย ‘รูป’ ที่ปรากฏในข่าวอย่างไร

คำบรรยายใต้ภาพระบุว่า ‘รูปถ่ายยืนยันว่านอกจากทำธุรกิจสกปรกแล้ว เจ้าของบริษัทยังมั่วสุมกับผู้ชายในสำนักงานโจ๋งครึ่ม ไม่แคร์สายตาผู้คน’

ภาพที่ชัดเจนระดับฟูลเอชดีรูปนั้นเห็นหญิงสาวร่างเล็กยืนหันหลังเอียงข้างให้กล้อง กำลังกอดรัดกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทั้งยังแหงนเงยขึ้นรับ ‘จุมพิต’ ของฝ่ายชายอย่างเต็มใจ แม้ไม่เห็นใบหน้า แต่ทรงผม เสื้อผ้า และกระเป๋าแอร์เมสสีฟ้าที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหลังก็ค่อนข้างเห็นรายละเอียดชัดเจน

รูปถัดมาเป็นภาพเต็มตัวของอิงอรุณถ่ายที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อโยงให้เห็นว่าภาพด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นคืออิงอรุณ เทียมสุบรรณ!

ภาพสุดท้ายเป็นรูปห้องประชุมทิฟฟานีเปรียบเทียบกับฉากในรูปคู่ว่าเป็นห้องเดียวกัน ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดในสำนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์แน่นอน

สุพจน์ไม่เอ่ยสิ่งใด แต่ลุกไปที่โต๊ะหยิบซองสีน้ำตาลจากลิ้นชัก เขาดึงของในซองออกมาวางเขี่ยให้รูปเหล่านั้นกระจายออก บุรุษอาวุโสนั่งหมิ่น ๆ บนโต๊ะ สีหน้าเคร่งขรึมขณะเอ่ยเป็นการเป็นงาน “เมื่อรวมกับรูปพวกนี้ ดูเหมือนจะสรุปได้ว่าผู้ชายในข่าวนั่นคือคุณ ผมเข้าใจถูกไหม”

สาวัชมองรูปตัวเองกับอิงอรุณที่วางกระจายเต็มโต๊ะแล้วหายใจเข้าลึก ผู้ชายในภาพข่าวมีแค่ความคล้ายคลึงของรูปร่าง แนวกรามและทรงผม ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้เด็ดขาด ยิ่งเสื้อผ้าเขาก็ไม่ได้สวมใส่อะไรที่พิเศษชนิดมีเพียงชิ้นเดียวในเมืองไทย หากจะไม่รับซะอย่าง ใครก็บังคับเขาไม่ได้ เพราะในรูปนั่นไม่มีเบาะแสสาวมาถึงตัวเขา ทว่าเพื่อรักษาเกียรติของอิงอรุณ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือ...

“ครับ ผู้ชายในรูปข่าวคือผม แต่มันเป็นมุมกล้อง ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยล่วงเกินคุณอิงแบบนั้นแน่นอน”

สุพจน์พยักหน้า “เอาละ ผมเชื่อคุณ งั้นบอกผมทีว่ารูปนั่นมันมาจากไหน”

“ในรูปนี่เป็นเหตุการณ์ที่คุณอิงสะดุดจะล้มและผมประคองเธอได้ทัน ผู้หญิงคนที่ให้ข่าวใส่ร้ายคิวปิดแอสซิสแทนซ์อาจบังเอิญผ่านไปเห็นและถ่ายภาพเก็บไว้”

“คุณรู้จักผู้หญิงคนนั้นไหม”

“เธอเป็นลูกค้าของบริษัท ซึ่ง...” เขาอึกอัก ไม่แน่ใจว่าควรเปิดเผยเหตุการณ์ที่เขาพาอิงอรุณไปจับโกหกโสมสุรางค์หรือไม่ ถึงจะเป็นพ่อลูกกัน แต่อิงอรุณก็ควรมีพื้นที่ส่วนตัว พื้นที่...ที่หญิงสาวได้ทำอะไรด้วยตัวเองและเพื่อตัวเอง มิใช่อยู่ใต้ปีกการปกป้องคุ้มครองของบุพการี เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น อิงอรุณจะไม่มีวันเดินได้เอง ต้องคอยพึ่งพาคนรอบกายถากถางเส้นทางให้เธอ

“ถ้าคุณรู้อะไร ก็บอกผมมาเถอะ ผมจะไม่ก้าวก่ายงานของลูกจนกว่าน้องอิงจะขอความช่วยเหลือ ผมแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และมีอะไรที่ผมพอจะเตรียมการไว้ช่วยลูกสาวผมได้บ้าง” ประโยคนั้นไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นการขอร้อง!

สาวัชเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกทีที่ยังเดือดร้อนห่วงใยความเป็นไปของอิงอรุณ ชายหนุ่มตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ที่เขาพาอิงอรุณไป ‘สะสาง’ กับโสมสุรางค์ให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด โดยลงท้าย

“คุณอิงอาจโทษตัวเองเรื่องที่เธอไม่ส่งคนร้ายให้ตำรวจตามที่ทุกคนแนะนำ ทำให้คุณมดมีโอกาสโพสต์ข้อความใส่ร้ายคิวปิดแอสซิสแทนซ์”

สุพจน์พยักหน้าขรึม ๆ “คุณมีข้อเสนอแนะไหม”

“เราอัดคลิปคำสารภาพของคุณมดไว้ครับ แต่จากสิ่งที่คุณมดกุขึ้นและโพสต์ในอินเตอร์เน็ต ผมเกรงว่าผู้คนจะหลงเชื่อและเหมารวมว่าคุณมดถูกบังคับให้สารภาพอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้าย”

สุพจน์หนักใจ และท่านคั่นจังหวะความคิดด้วยการโน้มตัวไปกดเครื่องอินเตอร์คอมบนโต๊ะตั้งคำถามกับเลขาฯ “ติดต่อคุณอิงอรุณได้หรือยัง”

“คุณหนูอิงปิดมือถือค่ะ โทร.สอบถามจากเพื่อน ๆ ทุกคนบอกว่าไม่ได้พบคุณหนูอิงมาหลายวันแล้ว”

สุพจน์หน้าซีดเผือด ตัดการติดต่อแล้วหันมาทางเขา

“เมื่อวานน้องอิงไม่ได้กลับบ้าน บอกแม่เขาไว้ว่าจะไปค้างกับเพื่อน แต่นี่เพื่อนกลับตอบขัดกัน”

สาวัชกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ลง ภาวนาสุดใจขอให้เรื่องที่อิงอรุณหายตัวไป อย่าได้เกี่ยวข้องกับการที่เขาไม่ไปตามนัดเลย!

ขณะเขายังคงหัวหมุนราวจักรผัน เจ้าของห้องก็หยิบโทรศัพท์มาเรียกไปยังเลขหมายหนึ่ง สุพจน์เล่าสถานการณ์สั้น ๆ จากนั้นออกปาก ‘ขอร้อง’

สาวัชเดาได้จากสรรพนามที่ได้ยินว่าปลายสายต้องเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติแน่นอน!

เมื่อสุพจน์วางสาย เขาจึงลุกขึ้น “ถ้าธุระของท่านมีแค่นี้ ผมขอตัวนะครับ”

สาวัชพุ่งออกจากห้องด้วยหัวใจร้อนรุ่ม เขาปัดทุกความถูกต้องออกจากใจ ไม่แคร์หากต้องถูกประณามว่าห่วงใยลูกสาวของ ‘คนที่ฮุบบริษัท’ ไม่ไยดีถ้าใครกล่าวหาว่าเขาอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ

ณ วินาทีนี้สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือความปลอดภัยของอิงอรุณ!



“กูเองนะ” น้ำเสียงดุดันทรงอำนาจกรอกมาตามกระบอกโทรศัพท์โดยไม่ระบุชื่อ มั่นใจว่าคนฟังต้องรู้ว่าผู้พูดเป็นใคร “ที่สั่งให้พาผู้หญิงไปพักร้อนน่ะ”

“ครับ” เขาขยับจะรายงานความคืบหน้า แต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่าย

“กูเปลี่ยนใจละ นังนั่นหมดประโยชน์แล้ว จัดการมันได้เลย”

“จัดการ...” ผู้น้อยลากเสียงไม่แน่ใจ “ท่านหมายถึงจัดการระดับไหนครับ”

“อย่าให้ตาย แค่ให้ฉาวโฉ่ที่สุดก็พอ” คำสั่งไร้ปรานี ไม่หยุดชั่งใจ

แม้ถูกอบรมฝังหัวว่าทหารมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง แต่นั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผู้ใต้บังคับบัญชานึกอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้ง แล้วพาผู้หญิงคนนั้นหนีไปให้พ้นจากเงื้อมมือและอำนาจของเจ้านายให้ไกลสุดขอบโลก ทว่าเขาก็ทำได้แค่คิด เพราะในท้ายที่สุดสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือ

“รับทราบครับ ผมจะจัดการให้หมดจด ไม่มีอะไรสาวกลับมาถึงเราแน่นอน”



แดดช่วงบ่ายราความร้อนไปมากแล้ว ร่มเงาจากไม้ยืนต้นที่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่เบื้องบนรวมถึงบึงน้ำขนาดใหญ่โดยรอบช่วยกรองแสงและลดอุณหภูมิให้เย็นสบาย ทว่ากลับไม่อาจประโลมหัวใจบางคนให้คลายความร้อนรนลงได้เลย

สาวัชวิ่งไปตามทางปูนที่ปูลาดแทรกอยู่ระหว่างสนามหญ้า สอดส่ายสายตาไปยังเก้าอี้ข้างทางทุกตัวหวังว่าจะพบคนที่ตามหา แต่กลับต้องคว้าน้ำเหลวเพราะแม้จะวิ่งวนไปทั่วสวนสาธารณะ แต่กลับไม่พบกระทั่งเงาของอิงอรุณ

ชายหนุ่มคอตกกลับไปที่รถ ครุ่นคิดถึงสถานที่อื่นที่อิงอรุณอาจไป พลันเสียงจ๋อมที่ดังมาจากริมน้ำก็ทำให้เขาเหลียวมองด้วยความฉงน จึงเห็นว่าน้ำในบึงกำลังแผ่กระจายเป็นริ้วคลื่นระลอกบาง ๆ ขยายตัวกว้าง แสดงว่าเพิ่งมีคนโยนของลงในนั้น เขาละสายตากำลังจะเดินต่อ หินอีกก้อนก็ถูกขว้างลงน้ำ!

สาวัชเอะใจ ตัดสินใจอ้อมไม้ยืนต้นไปยังริมบึงเพื่อสำรวจให้หายข้องใจ พลันหัวใจก็โลดขึ้นด้วยความยินดี เมื่อเห็นว่ามีสตรีผู้หนึ่งนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ซึ่งบังเธอไว้จนมิด หญิงสาวชันขาวางศีรษะซบเข่าหันไปอีกทางเห็นแต่เรือนผมสั้น ทว่าด้วยเครื่องแต่งกาย กระเป๋าข้างตัว และสร้อยห้อยอัญมณีที่ข้อมือซ้าย ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าต้องเป็นอิงอรุณ ไหล่บอบบางไหวเบาพอเดาได้ว่าเจ้าตัวน่าจะร้องไห้อยู่

คนมองสะท้อนใจ ก้าวเข้าไปยืนนิ่ง ๆ เฝ้ามองเธออย่างเงียบงันพร้อมกับส่งกำลังใจให้โดยไม่เอ่ยสิ่งใด เสียงสะอื้นของอิงอรุณบาดลึกในใจจนสาวัชต้องกำมือแน่นด้วยความหวังว่าความเจ็บทางกายจะบรรเทาความรู้สึกในใจให้บางเบาลง เขาคอยจนเธอคลายสะอื้น จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปรานี

“ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว”

หญิงสาวสะดุ้งโหยง ดวงหน้าที่หันขวับมามอมด้วยคราบน้ำตา ขณะดวงตาหวั่นไหวดุจกวางระแวงภัย ครั้นเห็นเขาแววตานั้นก็แปรเป็นโล่งอก มือยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาพยายามซ่อนรอยหมองไหม้จากเขา...ซึ่งไม่สำเร็จ!

“คุณสาวัช” สีหน้าและรอยยินดีในดวงตาเธอทำให้หัวใจสาวัชโลดเป็นจังหวะประหลาด ทว่าเขารีบกดเก็บมันลงไปสู่ก้นบึ้งของความรู้สึก ย้ำว่าเขาไม่ควรมีหัวใจให้เธอ ไม่ว่าจะด้วยสถานะของสตรีที่มีคู่หมั้นแล้ว หรือจะเป็นฐานะเจ้าของคนใหม่ของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ตาม!

“เมื่อวานทำไมไม่กลับบ้าน ไปนอนที่ไหนมา” เขามัวแต่ข้องใจที่บิดาของ

อิงอรุณเข้าใจว่าลูกสาวหายตัวไป จึงคาดคั้นจริงจังโดยไม่ทันคิดว่านัยของประโยคนั้นฟังคล้ายแฟนหนุ่มขี้หึงมากแค่ไหน!

“แล้วเมื่อวานทำไมคุณสาวัชไม่ไปตามนัดคะ”

“ผมถาม คุณก็ตอบผมก่อนสิ” เขาขึ้นเสียงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยทั้งชีวิต! สาวัชเพิ่งรู้ว่าความห่วงใยขั้นสุดสามารถแปรเป็นความโกรธได้ก็วันนี้!

“อิงไปค้างกับเพื่อนค่ะ”

“พ่อคุณโทร.เช็กกับเพื่อนทุกคน เขาบอกว่าไม่ได้เจอคุณมาหลายวันแล้ว”

“คงไม่ทุกคนหรอกค่ะ เพราะถ้าโทร.ครบจริง ก็ต้องรู้แล้วว่าอิงไปอยู่กับใคร”

คำตอบนั้นเป็นผลให้แผลในใจที่ยังสดใหม่ฉีกขาดอีกครั้งจนเลือดไหลโซมท้นท่วมหัวใจ ชายหนุ่มกลืนรอยขมลงคอเมื่อตระหนักว่า ‘เพื่อน’ ที่อิงอรุณไป ‘ค้าง’ ด้วย คงเป็นคนที่เขาโทร.หา ขอร้องให้ไปรับหญิงสาวยังภัตตาคารฝรั่งเศสนั่น!

แค่คิดว่าอิงอรุณรักพันเทพทั้งที่ฝ่ายนั้นเป็นเกย์ ชายหนุ่มก็ขมร้าวในใจ อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก เขาย้ำกับตัวเองซ้ำ ๆ ภูมิใจสิสาวัช นายเปิดโอกาสให้เธอได้ไปค้างกับคนที่ตัวเองพึงใจ นายกำลังทำให้ผู้หญิงตัวเองรักมีความสุขไง!

“ในเมื่อคุณปลอดภัยดี งั้นผมขอตัว” นี่เป็นโหมดที่สาวัชใช้มาทั้งชีวิต...หนี!

“อยู่ตรงนี้นานขึ้นอีกสักนาทีได้ไหมคะ” อิงอรุณคว้ามือเขาไว้ ทั้งยังแหงนเงยขึ้นมาด้วยสายตาเว้าวอน

“โทร.เรียก ‘เพื่อนคนนั้น’ ของคุณมาดีกว่า”

“แต่ตอนนี้อิงไม่อยากเจอคนอื่น อิงอยากอยู่ตรงนี้...กับคุณ ไม่ได้เหรอคะ”

น้ำเสียงเครือของเธอสั่นคลอนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจเขาอย่างหนัก หากคำพูดก่อนหน้าทำให้สาวัชน้อยใจ ประโยคนี้ก็เปลี่ยนอารมณ์ชายหนุ่มได้ราวพลิกฝ่ามือ สำหรับอิงอรุณแล้ว เขาไม่ใช่ ‘คนอื่น’ ! แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องเป็นคนสำคัญ ไม่ต้องเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ขอแค่ไม่ใช่ ‘คนอื่น’ ก็พอแล้ว...

สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มทำได้ก็คือนั่งลงเคียงข้าง “ผมเดาว่าคุณเห็นข่าวแล้ว”

หญิงสาวพยักหน้า ยังยึดมือเขาไว้ไม่ปล่อย “อิงไม่ได้โกรธตัวเองที่ใจอ่อน แต่หงุดหงิดที่รู้สึกว่าตัวเองโง่ ดันไปหลงเชื่องูเห่าอย่างคุณมด สุดท้ายก็โดนแว้งกัดจนได้” ยิ่งพูดเสียงเธอก็ยิ่งดังบอกพื้นอารมณ์เอาแต่ใจของเจ้าตัวชัดเจน

“โมโหแล้วทำให้เรื่องคลี่คลายได้หรือเปล่า บางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ การจมอยู่กับมันไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นหรอก แทนที่จะมัวโทษตัวเอง สู้หาทางแก้ไขดีกว่า”

“ก็หาอยู่นี่ล่ะค่ะ แต่ยังไม่เจอเลย คลิปที่คุณมดแบล็กเมล์สมาชิกคนอื่น ๆ ถูกลบไปแล้ว พี่การุณบอกว่าสมุดบัญชีที่จดรายละเอียดว่าใครโดนไปเท่าไหร่ ก็ถูกคุณมดฉีกทิ้งลงชักโครกไปละ มีเหลือก็แต่หลักฐานฝั่งเรานี่แหละที่มัดพวกเราแน่นจนดิ้นไม่หลุดเลย มันน่าโมโหตรงนี้ล่ะค่ะ ขว้างงูไม่พ้นคอชัด ๆ ”

แม้สถานการณ์ตรงหน้าไม่น่าอภิรมย์สักนิด แต่สาวัชกลับพบว่าแค่คำ ‘พวกเรา’ ซึ่งอิงอรุณจัดที่ทางให้เขาไว้ไม่ไกลจากเธอ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าพระเจ้าไม่ได้รังคัดรังแคเขาจนเกินไป ท่านยังเมตตาเขาอยู่!

“คนที่ถูกแบล็กเมล์อาจมีสำเนาคลิปหรือสลิปโอนเงินเก็บไว้ มันต้องมีสักคนสิที่เก็บของพวกนี้ไว้ด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ประโยชน์ในวันหน้า”

อิงอรุณเบิกตากว้างดุจเพิ่งนึกได้ “จริงด้วย! อิงลืมคิดไปสนิทเลย”

“น่าจะมีลูกค้ายินดีนำหลักฐานมาให้ใช้แจ้งความดำเนินคดีกับคุณมด”

“อิงนึกออกละ” อิงอรุณหยิบโทรศัพท์มากดปุ่มเปิดเครื่อง แล้วโทร.เข้าสำนักงานสั่งกัญญา “ดึงรายชื่อลูกค้าทุกคนที่เคยไปเดทกับคุณโสมสุรางค์พร้อมทั้งหมายเลขติดต่อ แล้วส่งอีเมลมาให้พี่ด่วนเลย”

เมื่อวางสายเธอจึงบอกสาวัช “ถึงยังไม่เจอทางออกจัง ๆ แต่อย่างน้อยแค่มีแสงลาง ๆ พอให้เห็นทาง อิงก็จะไม่ยอมแพ้ค่ะ ขอบคุณคุณสาวัชนะคะที่เตือนสติ”

ชายหนุ่มพยักพเยิดไปที่โทรศัพท์ “โทร.บอกพ่อคุณหน่อยว่าอยู่ที่ไหน ท่านติดต่อคุณไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นห่วง”

หญิงสาวไม่เอะใจว่าไฉนเขาจึงสั่งเช่นนั้น เธอทำตามคำแนะนำอย่างรวดเร็ว

“พ่อขา อิงขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง ... อิงโอเคแล้วค่ะ พ่อไม่ต้องกังวลนะคะ” หญิงสาวเติมความแจ่มใสลงในน้ำเสียงชนิดที่สุพจน์ไม่มีทางระแคะระคายเลยว่าลูกสาวจมูกแดงตาบวมช้ำหน้าตามอมเป็นแมวคราวเพียงใด!

“ถ้ามีอะไรที่พ่อช่วยได้ สัญญาว่าอิงจะบอกทันที ขอบคุณค่ะ อิงรักพ่อนะคะ”

ทุกประโยคที่บรรจุไปด้วยคำว่าพ่อ ทำให้คนที่นั่งฟังอยู่เผลอใจหวนระลึกถึงตนเอง เขาเองก็เคยมีพ่อ ทว่าเขากลับปล่อยให้ทิฐิและความหยิ่งทะนงแบบโง่ ๆ เข้ามาคั่นกลางสายสัมพันธ์ระหว่างตนกับบิดา ทำให้ไม่เคยมีวันเวลาอบอุ่นงดงามเยี่ยงอิงอรุณและสุพจน์ ครั้นบัดนี้ตระหนักถึงสิ่งที่เคยมี ก็สายเสียแล้ว ต่อให้เสียใจอีกกี่ร้อยพันเท่า ก็เรียกย้อนเวลาเพียงเสี้ยววินาทีกลับคืนมาไม่ได้

“คุณสาวัชคะ” นอกจากเสียงที่ดังอยู่ใกล้ ๆ แล้ว แรงเขย่าที่ท่อนแขนก็ช่วยเรียกสติเขาได้อีกครั้ง

“ว่าไงครับ” รอยยิ้มของอิงอรุณคงเป็นมนต์วิเศษ เพราะมันปัดเป่าทุกความหม่นหมองจากใจเขาได้ง่ายดาย

“ถ้าคุณสาวัชไม่มีธุระอะไร อยู่เป็นเพื่อนอิงระหว่างที่อิงไล่โทร.หาลูกค้าที่เคยไปเดตกับคุณมดได้ไหมคะ”

“ได้สิ” เขาอาสาโดยไม่ได้หยุดถามใจตัวเอง เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้เหตุผลเป็นใหญ่เมื่อไร สิ่งที่เขาควรทำคือลุกออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด!

อิงอรุณทำท่าจะเอ่ยบางอย่าง แต่สัญญาณเตือนว่ามีอีเมลเข้าก็ขัดจังหวะเสียก่อน หญิงสาวดึงข้อมูลจากไฟล์มาใส่สมุดโทรศัพท์ เรียกหมายเลขแรกขึ้นบนหน้าจอ แล้วหันมาทางสาวัชคล้ายขอความมั่นใจ

ครั้นเขาพยักหน้าสนับสนุนให้เธออุ่นใจ อิงอรุณจึงวางมือทับมือเขาที่เท้าอยู่บนพื้นสนามหญ้า แล้วขึงดวงตากลมโตใส่เขา บังคับด้วยสายตามิให้ดึงมือออก

สาวัชมองมือขาวบางนั้นด้วยใจที่อัดแน่นด้วยความขื่นขม ทว่ากลับพยายามเค้นรอยยิ้มประโลมอิงอรุณ เขาพยักพเยิดไปที่โทรศัพท์ “เริ่มโทร.ได้แล้ว”

กามเทพสาวทำตามอย่างว่าง่าย สายแรก ๆ เธอยังตะกุกตะกัก แต่สายถัดมา อิงอรุณก็เริ่มสรุปเรื่องราวเป็นสคริปต์ได้คล่องปาก ทั้งยังผ่อนคลายขึ้นชัดเจน

ทว่าสถานการณ์สบาย ๆ นั้นเป็นไปไม่นาน เมื่อรายชื่อที่มีเริ่มเหลือน้อยลง โดยยังไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ สีหน้าอิงอรุณเริ่มเคร่งเครียด อารมณ์หดหู่อีกครั้ง

สาวัชกำมือแน่น ไม่รู้ตัวสักนิดว่าหญ้าที่อยู่ในมือชอกช้ำยับเยินปานใด

“คุณสาวัชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ โกรธอะไรอยู่หรือ” ดวงตาเธอมองมาด้วยความห่วงใย ทั้งยังบุ้ยปากไปยังมือตัวเองที่กุมทับมือเขาไว้ดังเดิม “คุณกำมือซะแน่นเชียว เหมือน...โกรธ หรือว่ารำคาญอิงที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลย”

“ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่นั่งมอง ไร้ประโยชน์...”

อิงอรุณวางโทรศัพท์บนตัก พร้อมกับส่ายศีรษะนิด ๆ ปรามมิให้เขาพูดจบ “ถ้าอิงต้องการความช่วยเหลือ อิงโทร.กริ๊งเดียว เงินของพ่อก็รับมือทุกเรื่องได้อยู่แล้ว แต่คนที่จะนั่งอยู่ตรงนี้แล้วทำให้อิงอุ่นใจ ไม่อึดอัด มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น”

หากนำโน้ตทุกตัวบนโลกนี้มารวมกันยังไพเราะไม่ได้ครึ่งของสิ่งที่อิงอรุณเพิ่งเอ่ยออกมา สาวัชเชื่อว่าการได้ไปเยี่ยมเยือนสรวงสวรรค์คงรู้สึกดีไม่มากเท่านี้

วินาทีถัดมาเขาจึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด เพราะหญิงสาวยกสองมือขึ้นมาประคองใบหน้าเขา ลากปลายนิ้วไล้จากแก้มมายังมุมปากบังคับให้เขา...ยิ้ม!

“อย่าทำหน้าเครียดสิคะ รู้ไหมว่าเวลาคุณยิ้ม อิงรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่น่ากลัวสักนิด ยิ้มให้อิงดีกว่านะคะ”

นั่นเป็นความสนิทสนมชิดเชื้ออย่างที่เคยมีใครกระทำต่อเขาได้อ่อนโยนเช่นนี้

“อิงเพิ่งรู้ว่าผงเข้าตาตัวเองมันเขี่ยไม่ออกก็ตอนนี้เอง ครั้งนึงนานมาแล้วอิงเคยบอกใครคนนึงว่าเวลาเจอปัญหาให้ถามตัวเองว่ามีทางแก้ไหม ถ้ามี ก็ไม่เห็นต้องกังวลอะไร แค่แก้ปัญหาไปตามที่คิดก็พอ แต่ถ้าเกิดปัญหานั้นไม่มีทางแก้ ก็ยิ่งไม่ต้องเครียดใหญ่เลย เพราะเครียดไปก็แก้มันไม่ได้อยู่ดี คุณสาวัชจำได้ไหมคะ”

ใครจะลืมลง อิงอรุณเคยใช้ประโยคนั้นปลอบโยนเขา และวันนี้เธอหยิบยกมันกลับขึ้นมาปลอบใจตัวเอง สำหรับเขาแล้วการรับรู้ว่าหญิงสาวจดจำเรื่องราวระหว่างกันไว้ในความทรงจำ บางครั้งก็เจ็บปวดเกินกว่าจะเป็นความรื่นรมย์ ด้วยเขารู้ดีว่าเส้นทางสายนี้เป็นเพียงเส้นขนาน เห็นกัน แต่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้

ยิ่งเธอมอบความเอื้ออาทรให้มาเท่าไร เขาก็รู้...ยามต้องอยู่ลำพังกับความทรงจำเก่า ๆ ในวันหน้า เขาจะมีเรื่องราวให้ระลึกถึงด้วยความเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

สาวัชปลดมือหญิงสาวออก กดเสียงให้ราบเรียบ “ใครเห็นเข้าจะไม่ดี”

“ทำไมคุณถึงแคร์ชื่อเสียงอิงจังเลยคะ” อิงอรุณตั้งใจรอฟังคำตอบ

“คุณเป็นผู้หญิง ยังไงก็เป็นฝ่ายเสียหาย”

คนฟังทำปากยื่นหน้าม่อย “ตอบไม่ตรงกับที่อยากได้ยินเลย”

“แล้วคุณอยากได้ยินอะไร”

“ก็คำพูดประมาณว่า คุณห่วงชื่อเสียงอิง เพราะคุณชอบอิง อะไรแบบเนี้ย! ”

รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหญิงสาว มีแต่จะทำให้ยิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ เขาติงเสียงขรึม “อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”

“ห้ามล้อเล่น แปลว่าพูดจริงได้ ใช่ไหมคะ”

“อิงอรุณ ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่า...”

เธอยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากเขา เสี้ยววินาทีที่สาวัชชะงัก หญิงสาวก็บิดข้อมือ นำปลายนิ้วนั้นไปจรดปากตัวเอง สบตาเขานิ่ง เมื่อลดมือลง อิงอรุณจึงเอ่ยช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อิงชอบคุณสาวัช แล้วก็มั่นใจด้วยว่าคุณรู้สึกไม่ต่างกัน”



------------------------------------

พยศดอกฟ้ามีขายทั้งฉบับหนังสือและอีบุ๊ค

** ความยาว 61 ตอน + ตอนพิเศษ 6 ตอน **

จำนวน 600 หน้า ราคา 450 บาท ค่าส่ง 30 บาท



สั่งซื้อหนังสือกับสิริณ https://goo.gl/HA1QWz

หรือซื้อจากร้านนิยายรัก https://goo.gl/uPTdCs

ร้าน Booksforfun https://goo.gl/Z13fKy



E-book

mebmarket >>https://goo.gl/o9FXn6

ookbee >>https://goo.gl/rf274b

Hytexts >>https://goo.gl/KcekzB





สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2561, 21:43:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2561, 21:43:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 633





<< ตอนที่ 41   ตอนที่ 43 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account