ทรายล้อมเพชร: สะมะเรีย (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อรจนาอย่างนางรำ ‘เพชรไพลิน’ เสี่ยงพวงมาลัยดอกรักออกไป คนรับหาใช่เจ้าเงาะป่าไม่ แต่กลับเป็นถึง ‘ชีคมุซตาฮ์ซาน บินรามาน อัลซาบาฮัท’ ผู้ปกครองรัฐรามาน
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรมานซ์ ชีค นางรำ พาฝัน ดราม่า ริษยา
ตอน: บทที่ 3 -70%
เมื่อเข็มยาวชี้บอกเวลา ๑๖.๕๐ น. เพชรไพลินก็ลงจากเรือนมานั่งอยู่ที่สวนหย่อมเล็กๆ หน้าบ้านเรือนไทย หญิงสาวชะเง้อมองที่หน้าประตูรั้วสลับกับบนเรือนบ้าน เมื่อได้ยินเสียงเพลงร่ายรำยังคงบรรเลง เธอก็เบาใจได้ว่ามารดาคงกำลังสอนเด็กๆ กลุ่มสุดท้ายของวันนี้อยู่
เธอไม่อยากให้มารดาเห็น เพราะเชื่อว่าท่านต้องไม่เห็นด้วย เธอยังเด็กเกินไปที่จะคบหากับชายหนุ่มฉันชู้สาว แต่ถ้าจะพูดกันถึงความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงสมัยก่อนออกเหย้าออกเรือนกันตั้งแต่อายุสิบสี่ แล้วปัจจุบันเพื่อนนักศึกษาของเธอหลายคนก็แอบอยู่กินกับผู้ชายโดยไม่บอกให้ผู้ปกครองรับรู้
ยุคสมัยและสังคมมันเปลี่ยนไป เธอไม่เห็นด้วยกับหลายๆ อย่างที่แปรเปลี่ยนแต่ก็ไม่อาจต้านทานกระแสสังคมได้ ส่วนเรื่องของชีคมุซตาฮ์ซาน เธอตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยตัวให้เขาเป็นอันขาด แต่กระนั้นเธอก็มิอาจปล่อยให้อายุที่แตกต่าง มาพรากเขาไปจากเธอได้ เธอมีสิทธิ์ที่จะศึกษาดูใจเขาตราบใดที่ยังอยู่ในกรอบระเบียบไม่ออกนอกลู่นอกทาง
อีกอย่าง...เวลานี้หัวใจของเธอกระโจนไปอยู่กับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเซ็กซี่คู่นั้นเสียแล้ว
หญิงสาวตื่นจากภวังค์แล้วมองนาฬิกาสายหนังสีดำ หน้าปัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกะทัดรัดเข้ากับข้อมือเล็กๆ ของเธอ เวลาห้าโมงเย็นแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูรั้วอีกครั้ง
“ท่านชีค” หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืน ทำไมต้องหัวใจเต้นแรงก็แค่ได้เห็นหน้าเขาเท่านั้นเอง แสดงท่าทางดีใจแบบนี้ดูไม่ดีเลย หญิงสาวตำหนิตัวเองแล้วสาวเท้าเดินไปหาชายหนุ่มให้ช้าลง แทนที่จะก้าวยาวจนแทบวิ่งไปหาเขาเหมือนที่ใจต้องการ
“ท่านชีคมานานแล้วหรือคะ เพชรไม่ได้ยินเสียงรถยนต์เลย” เธอเปิดประตูรั้วแล้วก้าวออกไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ชีคหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางไล้สายตาคมปราบมองเธออย่างพินิจจนทั่วทั้งตัว “วันนี้เธอน่ารักมาก ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวเช่นไรก็น่ารัก...”
คำหวานปานน้ำผึ้งทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นราวกับผลทับทิมสุก เธอก้มหน้างุด ชุดเดรสผ้าชีฟองสีครีมกระโปรงยาวถึงเข่า ผูกด้วยผ้าต่วนเนื้อละเอียดสีน้ำตาลที่เอวคอด ชุดนี้เรียบเกินไปด้วยซ้ำในความคิดของหญิงสาว ทว่าเขากลับมองว่ามันน่ารัก อาจเพราะเธอเลือกรองเท้าสีครีมเข้ากับชุด แล้วรวบผมยาวครึ่งศีรษะมัดด้วยริบบิ้นสีน้ำตาลแก่ก็เป็นได้
“ท่านชีคปากหวานเช่นนี้กับสาวๆ ทุกคนหรือเปล่าคะ”
“เธออยากได้ความจริง หรือคำที่แค่พูดออกมาเพื่อให้มันดูสวยงามล่ะเพชร” สองมือเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วพิศมองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้า
ดวงตาของแม่กวางเนื้อทรายเหลือบขึ้นสบตาเขา ดวงตาเธอกลอกไปมาช้าๆ อย่างครุ่นคิด
“เพชรขอความจริงค่ะท่านชีค อย่าถามเพชรแบบนี้อีก เพราะเพชรไม่ชอบอะไรที่มันโกหก ทุกอย่างขอให้มันมาจากความจริงที่ออกมาจากใจได้ไหมคะ”
“เข้าใจพูด” เขายื่นมือไปยีผมเส้นเล็กละเอียดอย่างเอ็นดู
“ฉันไม่เคยโกหกเธอ ฉันแค่อยากกระเซ้าเธอเท่านั้นล่ะ แล้วฉันก็ไม่เคยปากหวานกับผู้หญิงคนไหน ฉันไม่จำเป็นต้องจีบใคร เพราะผู้หญิงทุกคนพร้อมที่จะมากับฉันทั้งที่ฉันยังไม่เอ่ยชวน ยกเว้นเธอ...เพชรไพลิน เธอต่างไปจากผู้หญิงทุกคนที่ฉันรู้จัก”
“เพชรควรจะดีใจหรือคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วน้อยๆ ย้อนถามเขา
ชีคมุซตาฮ์ซานเห็นท่าทางอย่างนั้นก็ได้แต่อมยิ้ม เธอไม่เพียงแต่เรียบร้อยแต่ยังฉลาดมีไหวพริบอีกด้วย แม้เธอจะซื่อเรื่องชู้สาว แต่เรื่องอื่นๆ เขาคงต้องมองเธอใหม่อีกครั้ง
“ฉันแค่อยากให้เธอรู้ไว้ว่าเธอเป็นคนแรกที่ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ จนต้องลุกขึ้นรับพวงมาลัยของเธอในวันนั้น และเดินตามเธอออกไปทั้งที่มันไม่ใช่วิสัยของฉันเลยแม้แต่น้อย เธอเป็นคนแรกที่ฉันได้พบถึงสามครั้ง...” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก แล้วโน้มตัวลงกระซิบข้างหูหญิงสาว “แต่ยังไม่เคยขึ้นเตียงด้วยกันสักครั้ง”
พูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ปล่อยให้คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่เอวบางเบาๆ เปิดประตูให้เธอก้าวขึ้นไปบนรถ
เพชรไพลินพูดไม่ออก ได้แต่นั่งคอแข็งด้วยความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง เธอพอจะรู้อยู่หรอกว่าผู้หญิงทุกคนยอมขึ้นตียงกับชีคหนุ่มรูปงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันนั่นแหละ
ชีคหนุ่มที่เห็นท่าทางหวาดหวั่นของหญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าหาเธออีกครั้ง
“และเธอเป็นคนแรกอีกนั่นล่ะ ที่ทำให้ฉันคิดว่าอยากกอดทั้งตัวในวันแต่งงาน”
พูดจบ ประตูรถก็ถูกปิดลง ร่างสูงเดินอ้อมไปด้านหลังรถมาเซราตีเพื่อไปประจำที่นั่งคนขับ เขามิได้ให้องครักษ์ติดตามใกล้ชิดอย่างทุกครั้ง ด้วยต้องการอยู่กับเธอสองต่อสอง องครักษ์ดาอีจึงทำได้แค่เพียงขับรถตามรักษาความปลอดภัยให้ชีคหนุ่มไกลๆ เท่านั้น
รถยนต์แล่นออกมาไกลพอสมควรแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าของร่างบางจะถูกสาปเป็นหินไปเสียแล้วกระมัง มีเพียงหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะกระโจนออกมานอกอก
แต่งงาน...
เขาแค่พูดเล่น หรือคิดจริงๆ กันแน่
หญิงสาวเหลือบมองเสี้ยวหน้าเข้มคร้าม คางตัดรับกับสันกรามแข็งแกร่ง วันนี้เขาแต่งตัวตามสบายแตกต่างจากทุกวัน กางเกงขายาวสีเทาเข้มกับเสื้อโปโลสีขาวมีลายยาวที่แขนและคอปกสีน้ำเงินเข้ม ผมสีดำเส้นหนาปรกลงมาที่หน้าผาก วันนี้เขาไม่ได้สวมฆุตเราะห์คลุมศีรษะอย่างครั้งก่อน อาจเพราะไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ
หญิงสาวยิ้มพราย ต่อให้เขาสวมเสื้อขาดวิ่น เขาก็ยังเป็นจุดสนใจอยู่นั่นเอง ด้วยหุ่นสมาร์ตสูงกว่าร้อยแปดสิบ สีผิวเข้มอย่างนักกีฬากลางแจ้ง ใบหน้าคมคาย และสายตาประดุจเหยี่ยวที่สะกดทุกสรรพสิ่งให้สยบอยู่แทบเท้าของเขา ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเอง
“อะแฮ่ม…” คนตัวโตแสร้งกระแอมขึ้นแล้วจอดรถเข้าข้างทางเขาหันหน้ามาหาหญิงสาวที่เอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนเขาแทบไม่มีสมาธิขับรถ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าเบาะนั่งของเธอ แล้วโน้มตัวเข้าใกล้จนเพชรไพลินถอยชิดประตูข้างที่ตนนั่งอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า” ท่าทางของชีคหนุ่มดูเหมือนหาเรื่องและคุก คาม ทว่ามันกลับดูไม่น่ากลัวแต่กลับให้รู้สึกวาบหวิวได้อย่างประหลาด
เพชรไพลินเบือนหน้าหนี เมื่อเขาก้มลงใกล้จนปลายจมูกเฉียดแก้มไปอย่างฉิวเฉียด
“ไม่มีค่ะ” หญิงสาวตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก
“งั้นหรือ” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะผละจากการคุกคามเธอ “ฉันเห็นเธอเอาแต่จ้องหน้าฉัน เลยคิดว่าเธออาจกำลังสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน” เขายังคงพูดช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ ในขณะที่อีกคนหน้าแดงจัดขึ้นเรื่อยๆ จนเขาแอบกลัวว่าแก้มสุกปลั่งจะแตกออกเสียก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้เชยชม
“เพชรมองท่านชีคไม่ได้หรือคะ ถ้าเราเป็นแฟนกัน เพชรไม่มีสิทธิ์มองท่านหรือคะ” เธอถามออกมาตามประสาซื่อแต่แฝงแววดื้อรั้นเอา ไว้ในความบริสุทธิ์เหล่านั้น
ชายหนุ่มเกือบจะหลุดหัวเราะอยู่แล้วเชียว แต่เขาก็สามารถควบคุมและเก็บอาการเอาไว้ได้อย่างดี
“นั่นสินะ เธอจะมองหน้าฉันนานแค่ไหนก็ได้ ฉันอนุญาต”
เขาอนุญาตแล้ว แต่หญิงสาวกลับไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า รู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวไปหมดทั้งตัว ใบหน้าเห่อร้อนจนแดงก่ำ
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงสงสาร หากขืนแกล้งต่อไปแล้วเธอร้องไห้ขึ้นมา เขาไม่รู้จะปลอบยังไงเสียด้วยสิ
“เดินทางต่อดีกว่า ฉันหิวแล้ว ร้านอยู่ข้างหน้านี่เอง” ชายหนุ่มเอนกายกลับไปนั่งที่เดิม กระนั้นเพชรไพลินก็ยังคงนั่งตัวเล็กลีบ เธอหายใจได้คล่องขึ้นแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เพราะตอนนี้คนที่ลอบมองเธอเป็นระยะกลับเป็นชีคมุซตาฮ์ซานเสียแล้ว
ชีคหนุ่มเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว นั่นล่ะ เธอจึงเงยหน้าขึ้นวางมือลงบนมือหนาที่ยื่นมาแล้วปล่อยให้เขาจับจูงพาเธอเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนหรู หญิงสาวเกร็งจนชายหนุ่มรู้สึกได้ เขาเดินช้าลงแล้วเอ่ยถามเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มแฝงความห่วงใย
“มากับฉันไม่ต้องกลัวหรอก”
“เพชรไม่ชินกับร้านอย่างนี้ค่ะ” เพชรไพลินบอกออกไปตามตรง เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ชีคหนุ่มขายหน้าหรือเปล่า เพราะไม่เคยทานอาหารอิตาเลียนในร้านหรูเช่นนี้ อาหารอิตาเลียนที่เธอรู้จักมีแค่พิซซ่ากับสปาเกตตีเท่านั้นเอง
“เอาอย่างนี้ เราไปกินกันร้านอื่น ฉันให้เธอเลือก”
“ได้หรือคะ” น้ำเสียงสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลืมอาการเก้อเขินประหม่าเมื่อครู่ไปเสียสิ้น
“ได้สิ ว่าแต่เธออยากไปทานที่ไหน บอกมาได้เลย”
“อืม...” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า
“จะว่าไปแล้วถ้าเพชรมัวแต่กลัวนั่นนี่ แล้วเมื่อไหร่เพชรจะออกสังคมเหมือนคนอื่นเขาได้ ต่อไปภายหน้าหากท่านชีคพาไปไหนมาไหนก็จะลำบาก” เพชรไพลินถอนหายใจก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปในร้านเสียเอง
ชีคมุซตาฮ์ซานอมยิ้ม บางทีเขาอาจจะเจอผู้หญิงที่เขาหามาทั้งชีวิตแล้วก็เป็นได้
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
เธอไม่อยากให้มารดาเห็น เพราะเชื่อว่าท่านต้องไม่เห็นด้วย เธอยังเด็กเกินไปที่จะคบหากับชายหนุ่มฉันชู้สาว แต่ถ้าจะพูดกันถึงความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงสมัยก่อนออกเหย้าออกเรือนกันตั้งแต่อายุสิบสี่ แล้วปัจจุบันเพื่อนนักศึกษาของเธอหลายคนก็แอบอยู่กินกับผู้ชายโดยไม่บอกให้ผู้ปกครองรับรู้
ยุคสมัยและสังคมมันเปลี่ยนไป เธอไม่เห็นด้วยกับหลายๆ อย่างที่แปรเปลี่ยนแต่ก็ไม่อาจต้านทานกระแสสังคมได้ ส่วนเรื่องของชีคมุซตาฮ์ซาน เธอตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยตัวให้เขาเป็นอันขาด แต่กระนั้นเธอก็มิอาจปล่อยให้อายุที่แตกต่าง มาพรากเขาไปจากเธอได้ เธอมีสิทธิ์ที่จะศึกษาดูใจเขาตราบใดที่ยังอยู่ในกรอบระเบียบไม่ออกนอกลู่นอกทาง
อีกอย่าง...เวลานี้หัวใจของเธอกระโจนไปอยู่กับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเซ็กซี่คู่นั้นเสียแล้ว
หญิงสาวตื่นจากภวังค์แล้วมองนาฬิกาสายหนังสีดำ หน้าปัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกะทัดรัดเข้ากับข้อมือเล็กๆ ของเธอ เวลาห้าโมงเย็นแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูรั้วอีกครั้ง
“ท่านชีค” หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืน ทำไมต้องหัวใจเต้นแรงก็แค่ได้เห็นหน้าเขาเท่านั้นเอง แสดงท่าทางดีใจแบบนี้ดูไม่ดีเลย หญิงสาวตำหนิตัวเองแล้วสาวเท้าเดินไปหาชายหนุ่มให้ช้าลง แทนที่จะก้าวยาวจนแทบวิ่งไปหาเขาเหมือนที่ใจต้องการ
“ท่านชีคมานานแล้วหรือคะ เพชรไม่ได้ยินเสียงรถยนต์เลย” เธอเปิดประตูรั้วแล้วก้าวออกไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ชีคหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางไล้สายตาคมปราบมองเธออย่างพินิจจนทั่วทั้งตัว “วันนี้เธอน่ารักมาก ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวเช่นไรก็น่ารัก...”
คำหวานปานน้ำผึ้งทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นราวกับผลทับทิมสุก เธอก้มหน้างุด ชุดเดรสผ้าชีฟองสีครีมกระโปรงยาวถึงเข่า ผูกด้วยผ้าต่วนเนื้อละเอียดสีน้ำตาลที่เอวคอด ชุดนี้เรียบเกินไปด้วยซ้ำในความคิดของหญิงสาว ทว่าเขากลับมองว่ามันน่ารัก อาจเพราะเธอเลือกรองเท้าสีครีมเข้ากับชุด แล้วรวบผมยาวครึ่งศีรษะมัดด้วยริบบิ้นสีน้ำตาลแก่ก็เป็นได้
“ท่านชีคปากหวานเช่นนี้กับสาวๆ ทุกคนหรือเปล่าคะ”
“เธออยากได้ความจริง หรือคำที่แค่พูดออกมาเพื่อให้มันดูสวยงามล่ะเพชร” สองมือเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วพิศมองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้า
ดวงตาของแม่กวางเนื้อทรายเหลือบขึ้นสบตาเขา ดวงตาเธอกลอกไปมาช้าๆ อย่างครุ่นคิด
“เพชรขอความจริงค่ะท่านชีค อย่าถามเพชรแบบนี้อีก เพราะเพชรไม่ชอบอะไรที่มันโกหก ทุกอย่างขอให้มันมาจากความจริงที่ออกมาจากใจได้ไหมคะ”
“เข้าใจพูด” เขายื่นมือไปยีผมเส้นเล็กละเอียดอย่างเอ็นดู
“ฉันไม่เคยโกหกเธอ ฉันแค่อยากกระเซ้าเธอเท่านั้นล่ะ แล้วฉันก็ไม่เคยปากหวานกับผู้หญิงคนไหน ฉันไม่จำเป็นต้องจีบใคร เพราะผู้หญิงทุกคนพร้อมที่จะมากับฉันทั้งที่ฉันยังไม่เอ่ยชวน ยกเว้นเธอ...เพชรไพลิน เธอต่างไปจากผู้หญิงทุกคนที่ฉันรู้จัก”
“เพชรควรจะดีใจหรือคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วน้อยๆ ย้อนถามเขา
ชีคมุซตาฮ์ซานเห็นท่าทางอย่างนั้นก็ได้แต่อมยิ้ม เธอไม่เพียงแต่เรียบร้อยแต่ยังฉลาดมีไหวพริบอีกด้วย แม้เธอจะซื่อเรื่องชู้สาว แต่เรื่องอื่นๆ เขาคงต้องมองเธอใหม่อีกครั้ง
“ฉันแค่อยากให้เธอรู้ไว้ว่าเธอเป็นคนแรกที่ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ จนต้องลุกขึ้นรับพวงมาลัยของเธอในวันนั้น และเดินตามเธอออกไปทั้งที่มันไม่ใช่วิสัยของฉันเลยแม้แต่น้อย เธอเป็นคนแรกที่ฉันได้พบถึงสามครั้ง...” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก แล้วโน้มตัวลงกระซิบข้างหูหญิงสาว “แต่ยังไม่เคยขึ้นเตียงด้วยกันสักครั้ง”
พูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ปล่อยให้คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่เอวบางเบาๆ เปิดประตูให้เธอก้าวขึ้นไปบนรถ
เพชรไพลินพูดไม่ออก ได้แต่นั่งคอแข็งด้วยความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง เธอพอจะรู้อยู่หรอกว่าผู้หญิงทุกคนยอมขึ้นตียงกับชีคหนุ่มรูปงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันนั่นแหละ
ชีคหนุ่มที่เห็นท่าทางหวาดหวั่นของหญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าหาเธออีกครั้ง
“และเธอเป็นคนแรกอีกนั่นล่ะ ที่ทำให้ฉันคิดว่าอยากกอดทั้งตัวในวันแต่งงาน”
พูดจบ ประตูรถก็ถูกปิดลง ร่างสูงเดินอ้อมไปด้านหลังรถมาเซราตีเพื่อไปประจำที่นั่งคนขับ เขามิได้ให้องครักษ์ติดตามใกล้ชิดอย่างทุกครั้ง ด้วยต้องการอยู่กับเธอสองต่อสอง องครักษ์ดาอีจึงทำได้แค่เพียงขับรถตามรักษาความปลอดภัยให้ชีคหนุ่มไกลๆ เท่านั้น
รถยนต์แล่นออกมาไกลพอสมควรแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าของร่างบางจะถูกสาปเป็นหินไปเสียแล้วกระมัง มีเพียงหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะกระโจนออกมานอกอก
แต่งงาน...
เขาแค่พูดเล่น หรือคิดจริงๆ กันแน่
หญิงสาวเหลือบมองเสี้ยวหน้าเข้มคร้าม คางตัดรับกับสันกรามแข็งแกร่ง วันนี้เขาแต่งตัวตามสบายแตกต่างจากทุกวัน กางเกงขายาวสีเทาเข้มกับเสื้อโปโลสีขาวมีลายยาวที่แขนและคอปกสีน้ำเงินเข้ม ผมสีดำเส้นหนาปรกลงมาที่หน้าผาก วันนี้เขาไม่ได้สวมฆุตเราะห์คลุมศีรษะอย่างครั้งก่อน อาจเพราะไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ
หญิงสาวยิ้มพราย ต่อให้เขาสวมเสื้อขาดวิ่น เขาก็ยังเป็นจุดสนใจอยู่นั่นเอง ด้วยหุ่นสมาร์ตสูงกว่าร้อยแปดสิบ สีผิวเข้มอย่างนักกีฬากลางแจ้ง ใบหน้าคมคาย และสายตาประดุจเหยี่ยวที่สะกดทุกสรรพสิ่งให้สยบอยู่แทบเท้าของเขา ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเอง
“อะแฮ่ม…” คนตัวโตแสร้งกระแอมขึ้นแล้วจอดรถเข้าข้างทางเขาหันหน้ามาหาหญิงสาวที่เอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนเขาแทบไม่มีสมาธิขับรถ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าเบาะนั่งของเธอ แล้วโน้มตัวเข้าใกล้จนเพชรไพลินถอยชิดประตูข้างที่ตนนั่งอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า” ท่าทางของชีคหนุ่มดูเหมือนหาเรื่องและคุก คาม ทว่ามันกลับดูไม่น่ากลัวแต่กลับให้รู้สึกวาบหวิวได้อย่างประหลาด
เพชรไพลินเบือนหน้าหนี เมื่อเขาก้มลงใกล้จนปลายจมูกเฉียดแก้มไปอย่างฉิวเฉียด
“ไม่มีค่ะ” หญิงสาวตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก
“งั้นหรือ” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะผละจากการคุกคามเธอ “ฉันเห็นเธอเอาแต่จ้องหน้าฉัน เลยคิดว่าเธออาจกำลังสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน” เขายังคงพูดช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ ในขณะที่อีกคนหน้าแดงจัดขึ้นเรื่อยๆ จนเขาแอบกลัวว่าแก้มสุกปลั่งจะแตกออกเสียก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้เชยชม
“เพชรมองท่านชีคไม่ได้หรือคะ ถ้าเราเป็นแฟนกัน เพชรไม่มีสิทธิ์มองท่านหรือคะ” เธอถามออกมาตามประสาซื่อแต่แฝงแววดื้อรั้นเอา ไว้ในความบริสุทธิ์เหล่านั้น
ชายหนุ่มเกือบจะหลุดหัวเราะอยู่แล้วเชียว แต่เขาก็สามารถควบคุมและเก็บอาการเอาไว้ได้อย่างดี
“นั่นสินะ เธอจะมองหน้าฉันนานแค่ไหนก็ได้ ฉันอนุญาต”
เขาอนุญาตแล้ว แต่หญิงสาวกลับไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า รู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวไปหมดทั้งตัว ใบหน้าเห่อร้อนจนแดงก่ำ
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงสงสาร หากขืนแกล้งต่อไปแล้วเธอร้องไห้ขึ้นมา เขาไม่รู้จะปลอบยังไงเสียด้วยสิ
“เดินทางต่อดีกว่า ฉันหิวแล้ว ร้านอยู่ข้างหน้านี่เอง” ชายหนุ่มเอนกายกลับไปนั่งที่เดิม กระนั้นเพชรไพลินก็ยังคงนั่งตัวเล็กลีบ เธอหายใจได้คล่องขึ้นแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เพราะตอนนี้คนที่ลอบมองเธอเป็นระยะกลับเป็นชีคมุซตาฮ์ซานเสียแล้ว
ชีคหนุ่มเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว นั่นล่ะ เธอจึงเงยหน้าขึ้นวางมือลงบนมือหนาที่ยื่นมาแล้วปล่อยให้เขาจับจูงพาเธอเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนหรู หญิงสาวเกร็งจนชายหนุ่มรู้สึกได้ เขาเดินช้าลงแล้วเอ่ยถามเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มแฝงความห่วงใย
“มากับฉันไม่ต้องกลัวหรอก”
“เพชรไม่ชินกับร้านอย่างนี้ค่ะ” เพชรไพลินบอกออกไปตามตรง เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ชีคหนุ่มขายหน้าหรือเปล่า เพราะไม่เคยทานอาหารอิตาเลียนในร้านหรูเช่นนี้ อาหารอิตาเลียนที่เธอรู้จักมีแค่พิซซ่ากับสปาเกตตีเท่านั้นเอง
“เอาอย่างนี้ เราไปกินกันร้านอื่น ฉันให้เธอเลือก”
“ได้หรือคะ” น้ำเสียงสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลืมอาการเก้อเขินประหม่าเมื่อครู่ไปเสียสิ้น
“ได้สิ ว่าแต่เธออยากไปทานที่ไหน บอกมาได้เลย”
“อืม...” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า
“จะว่าไปแล้วถ้าเพชรมัวแต่กลัวนั่นนี่ แล้วเมื่อไหร่เพชรจะออกสังคมเหมือนคนอื่นเขาได้ ต่อไปภายหน้าหากท่านชีคพาไปไหนมาไหนก็จะลำบาก” เพชรไพลินถอนหายใจก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปในร้านเสียเอง
ชีคมุซตาฮ์ซานอมยิ้ม บางทีเขาอาจจะเจอผู้หญิงที่เขาหามาทั้งชีวิตแล้วก็เป็นได้
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2561, 19:28:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2561, 19:28:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 643
<< บทที่ 3 -30% | บทที่ 3 -100% >> |