ทรายล้อมเพชร: สะมะเรีย (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อรจนาอย่างนางรำ ‘เพชรไพลิน’ เสี่ยงพวงมาลัยดอกรักออกไป คนรับหาใช่เจ้าเงาะป่าไม่ แต่กลับเป็นถึง ‘ชีคมุซตาฮ์ซาน บินรามาน อัลซาบาฮัท’ ผู้ปกครองรัฐรามาน
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรมานซ์ ชีค นางรำ พาฝัน ดราม่า ริษยา
ตอน: บทที่ 5 -100%
แสงแดดแผดจ้าเมื่อครู่ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดช่วงบ่าย จึงพากันหลีกลี้พร่างแสงจนจางอ่อน เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงสวนรถไฟ หรือสวนวชิรเบญจทัศ ลมเย็นโน้มตัวลงต่ำพัดไอเย็นมากระทบใบหน้าทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“เราไปนั่งเล่นตรงนู้นกันดีกว่าค่ะท่านชีค”
เพชรไพลินจูงมือชีคหนุ่มแล้วเดินนำทางไป เพราะเธอและเพื่อนๆ เคยมาที่สวนรถไฟแห่งนี้ ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาจนแทบจดลงบนผืนดิน
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ชีคหนุ่มเงยหน้าขึ้นสูดอากาศอีกครั้ง ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยต้องไปเดินเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากเช่นนี้มาก่อน แต่ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ดี หากไม่รู้จักเพชรไพลินเขาคงไม่ได้มีโอกาสลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ นี่ยังไม่นับร้านอาหารอีสานรสเด็ดที่เพชรไพลินพาเขาไปนั่งเปิบข้าวเหนียวด้วยมือเปล่า เล่นเอาเหงื่อแตกลิ้นห้อย แถมด้วยท้องเสียไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ เพราะไม่คุ้นเคยกับอาหารรสจัดจ้าน
การเดินเยาวราชยามค่ำคืนแวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวข้างถนน ต่อด้วยคลองถมก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่อีกอย่างหนึ่ง แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลกว่าที่เขาคิดไว้มาก โดยเฉพาะเมื่อมีสิ่งของล่อตาล่อใจ เธอจะเดินชอปปิงโดยไม่บ่นสักคำ
และอีกอย่างที่หญิงสาวแปลกมาก แปลกจนเขาต้องเอ่ยถามซ้ำอยู่หลายครั้งด้วยความไม่เข้าใจ นั่นก็คือ เธอชอบเดินดูข้าวของ แต่กลับซื้อในสิ่งที่จำเป็น หรือเลือกแล้วว่าต้องใช้ประโยชน์เท่านั้น ทั้งยังไม่เคยออดอ้อนขอให้เขาซื้อของเหล่านั้นให้
ถ้าเป็นคนอื่นแค่พาไปเดินชอปปิงเขาก็หมดไปร่วมแสน แต่มาเดินชอปปิงกับเพชรไพลิน เขากลับใช้เงินไม่ถึงหนึ่งพันบาท เพราะเธอยอมให้เขาเลี้ยงอาหารเท่านั้น ซึ่งอาหารก็เป็นร้านข้างทางราคาถูกชามละไม่ถึงห้าสิบบาท เขากล้าพูดเลยว่ารักผู้หญิงคนนี้ รักในทุกสิ่งทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเพชรไพลิน
“ท่านชีคถอดเสื้อผึ่งลมไว้ดีไหมคะ ใส่ชื้นๆ แบบนี้จะไม่สบายเอาได้นะคะ”
ชีคหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เขาถอดเสื้อออกแล้วสะบัดเบาๆ นำเสื้อไปผึ่งลมไว้ที่กิ่งไม้ แล้วจึงเดินกลับมานั่งข้างหญิงสาว
“อะ เอ่อ อากาศดีจังเลยนะคะ” เพชรไพลินรู้สึกหายใจหายคอติดขัด นึกโกรธตัวเอง ไม่น่าเสนอให้เขาถอดเสื้อผึ่งลมเลย แล้วดูสิตัวเธอเองนั่นล่ะที่มัวมานั่งคิดฟุ้งซ่าน ก็แค่แผงอกกว้างๆ เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น เธอก็เคยเห็นในนิตยสารบ่อยๆ ไม่เห็นต้องใจเต้นแรงเลย
หญิงสาวส่ายหน้าขับไล่ความคิดเหล่านี้ออกไป แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเมื่อจู่ๆ ร่างหนาก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วโน้มตัวเข้าหาเธอราวกับจะแกล้งกัน ใจเจ้ากรรมเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเต้นดังราวกับเสียงกลอง รัวเร็วจนเธอต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นแนบหัวใจเอาไว้
“ใบไม้ร่วงลงมาติดที่ผมแน่ะ” เขาผละออกแล้วยื่นใบไม้ส่งให้เธอ
คนคิดไปไกลถึงกับเก้อ รับใบไม้จากมือชายหนุ่มแล้วก้มหน้าลงต่ำ อยากหยิกตัวเองเสียให้เขียว คิดอะไรก็ไม่รู้บ้าจริงเชียว...
“ขอบคุณค่ะ” เธออ้อมแอ้มเอ่ยขอบคุณเสียงเบา คนข้างตัวยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจแล้วหาวหวอด อาจเพราะเพลียจากการเดินฝ่าฝูงนักชอปปิงในตลาดนัดสวนจตุจักร
“นอนพักสักงีบไหมคะ เดี่ยวห้าโมงเย็นเพชรปลุก แล้วเราค่อยออกไปหาอะไรทานกัน”
“ขอนอนตักได้ไหม”
ดวงตาสีน้ำตาลทอดแววหวานจนเพชรไพลินต้องพยักหน้า เพียงเท่านั้นเองคนตัวโตก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักหญิงสาวทันที
“อย่าเพิ่งนอนสิคะ ลุกก่อน นอนทั้งอย่างนี้เดี๋ยวได้ผื่นขึ้นตามตัวแย่” เธอดันคนตัวโตให้ลุกขึ้น ชีคมุซตาฮ์ซานอิดออดอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวส่ายหน้ากับคนตัวโตจอมดื้อแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่จากกระเป๋าออกมากางบนพื้นหญ้า
“เชิญนอนได้แล้วค่ะท่านชีค”
“ขอบใจนะ” เขาทำท่าจะโน้มตัวลงนอน แต่จังหวะนั้นกลับยื่นหน้าหอมแก้มเพชรไพลินฟอดใหญ่ แล้วจึงล้มตัวลงนอนหนุนตักหน้าตาเฉย ทิ้งให้เจ้าของตักนุ่มใบหน้าแดงระเรื่อราวกับผลตำลึงสุก อยากจะทุบคนขโมยหอมแก้มให้เนื้อเขียว ทว่าเมื่อก้มลงมองอีกทีชีคเจ้าเล่ห์กลับหลับไปเสียแล้ว
“คงจะเหนื่อยมาก”
เธอใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยเส้นผมสีดำหยักศกอย่างแสนรัก ก่อนจะเลื่อนลงไปยังคางตัดได้รูปมีเคราสากขึ้นเป็นตอเล็กๆ ส่งให้ใบหน้าคมดุกร้าว กระนั้นเขากลับปฏิบัติต่อเธอด้วยความอ่อนหวาน ยามอยู่กับเธอนั้น เขาหาใช่ราชสีห์ที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับเป็นแมวน้อยช่างออดอ้อน ขโมยหัวใจของเธอไปจนหมดทั้งดวง
***************
ดวงตาคมเข้มปรือขึ้นอย่างช้าๆ แล้วดูนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบห้าโมงเย็นแล้ว นี่เขานอนไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเลยหรือนี่ ชายหนุ่มกะพริบตาขึ้นลง มองหญิงสาวที่เอนหลังพิงต้นไม้แล้วผล็อยหลับไป เขาค่อยๆ ลุกเคลื่อนศีรษะออกจากตักนุ่มอย่างเสียดาย คิดหาวิธีปลุกหญิงสาว แล้วดวงตาสีน้ำผึ้งก็หรี่เล็กอย่างเจ้าเล่ห์
ฝันหวานเลือนหายแทนที่ด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มบริเวณริมฝีปาก เพชรไพลินเผยอริมฝีปากอย่างเผลอไผล ปล่อยให้ชีคหนุ่มขบริมฝีปากล่างอย่างอ้อยอิ่ง แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ท่านชีค” หญิงสาวผละออกอย่างรวดเร็วแล้วยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้
“ตื่นแล้วหรือเจ้าหญิง”
น้ำเสียงล้อเลียนทำให้ความตกใจของหญิงสาวเลือนหาย แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอย่างขบขัน เธออยากให้เขาปลุกเธอด้วยสัมผัสเช่นนี้ทุกๆ วัน จะมีวันนั้นหรือเปล่านะ
“ฉันเห็นมีคนขี่จักรยานเล่นในสวน เราไปขี่จักรยานกันสักหน่อยดีไหม แล้วค่อยออกไปหาอะไรทานกัน”
“ค่ะ” เพชรไพลินพับผ้าคลุมไหล่เก็บลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน ชีคหนุ่มก็กลับมาพร้อมรถจักรยาน
“มาสิเพชร วันนี้ฉันจะปั่นให้เธอซ้อนเอง”
“มันก็ต้องแน่อยู่แล้วค่ะ เพราะท่านชีคน่ะนอนตักเพชรจนชาไปหมดทั้งขา ก็ต้องตอบแทนเพชรโดยการปั่นจักรยานให้เพชรซ้อน” หญิงสาวเชิดจมูกขึ้นแล้วนั่งซ้อนท้ายชายหนุ่ม ชีคมุซตาฮ์ซานหัวเราะขันกับท่าทางไม่รู้จักโตของเธอ
“ได้เลย” เขาจับมือของเธอมาโอบเอวของเขาไว้ ก่อนจะหันไปบอกด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม “กอดเอาไว้จะได้ไม่ตกไงล่ะ”
“เพชรจะกอดให้ไส้แตกเลย นี่แน่ะๆ” หญิงสาวกอดแน่นจนคนรับหน้าที่ขับจักรยานถึงกับขับเซ เพชรไพลินเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้สองข้างทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า แล้วแนบหน้าลงบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม
ชีคมุซตาฮ์ซานรู้สึกได้ว่านี่ล่ะความสุขที่เขาใฝ่หา เขาอาจต้องวางมาดเป็นชีคหนุ่มผู้เด็ดขาดต่อหน้าผู้คนทั้งโลก แต่ต้องไม่ใช่เพชรไพลิน ผู้หญิงที่สามารถดึงตัวตนทั้งหมดของเขาออกมาอย่างหมดท่า เขาฮัมเพลงเบาๆ คลอไปกับเสียงหวานของคนรักที่ส่งเสียงร้องเพลงกับแผ่นหลังของเขาอย่างอารมณ์ดี
***************
กว่าหนึ่งเดือนเศษที่เธอคบหากับชีคมุซตาฮ์ซานฉันคู่รัก ไม่มีวันไหนที่เพชรไพลินไม่แย้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีคหนุ่มมาหาเธอแทบทุกวัน หากเขามีธุระหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ ชีคหนุ่มก็จะโทรศัพท์มาหา ถามไถ่ด้วยความคิดถึงไม่เคยขาด จนหญิงสาวอดนึกเข้าข้างตนเองไม่ได้ว่า
เธอนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเหลือเกิน
อย่างเช่นวันนี้ ช่วงเย็นชีคมุซตาฮ์ซานติดประชุมกับผู้ร่วมทุนชาวอังกฤษ ทว่าเขามีนัดดินเนอร์กับเธอดังนั้นเขาจึงให้ดาอี องครักษ์คนสนิทมารับเธอที่บ้านในเวลาห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เธอสอนรำให้แก่เด็กๆ คลาสสุดท้ายเสร็จลงเรียบร้อยแล้ว และเป็นเวลาที่มารดาเลี้ยงของเธอแต่งตัวออกไปหาเพื่อนที่หมู่บ้านถัดไปเช่นกัน
“สวัสดีค่ะคุณดาอี” เพชรไพลินเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง แม้ชายหนุ่มมาดนิ่งจะทำเพียงแค่ยิ้มตอบเธออย่างมีมารยาทเท่านั้น
“วันเกิดท่านชีคอาทิตย์หน้า มีงานเลี้ยงหรือเปล่าคะ เห็นท่านชีคบ่นว่าอยากจะจัดงานเล็กๆ ที่มีคนรู้จักและผู้ถือหุ้นคนสนิทเท่านั้น เพชรเลยอยากปรึกษาดาอี แต่เป็นความลับนะคะ” หญิงสาวขยับตัวมาใกล้ๆ เบาะคนขับแล้วยื่นหน้าไปพูดเบาราวกับกระซิบ
“ว่ายังไงล่ะดาอี ตกลงหรือเปล่า” เธอถามซ้ำอีกครั้งเมื่อองครักษ์หนุ่มเอาแต่จ้องมองไปยังท้องถนนเบื่องหน้าราวกับไม่สนใจหญิงสาว
“ผมต้องขอฟังก่อนว่าความลับที่คุณเพชรไพลินบอกนั้น มันสมควรที่จะเป็นความลับหรือไม่” เขาตอบมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าเพชรไพลินกลับหัวเราะคิกอย่างขบขัน
“ดาอี ท่าทางคุณจะรักเจ้านายของคุณมากเลยนะคะ วางใจเถอะค่ะ เรื่องที่เพชรจะปรึกษาไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก แค่อยากจะเซอร์ไพรส์ของขวัญวันเกิดท่านชีคก็เท่านั้นเอง” เพชรไพลินยิ้มกว้าง จะว่าไปแล้ววันเกิดของเธอกับท่านชีคห่างกันแค่เดือนเดียว
ท่านชีคเกิดวันที่สิบห้าสิงหาคม ส่วนเธอเกิดวันที่สองกันยายน หญิงสาวยิ้มกว้าง อีกไม่กี่วันเธอก็จะอายุครบสิบเก้าปีแล้ว ถึงเธอจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็โตพอที่จะสามารถคบหาชายหนุ่มฉันคู่รักได้ และในวันเกิดของเธอ เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะแนะนำชีคมุซตาฮ์ซานให้มารดารู้จักอย่างเป็นทางการ
“ผมรักท่านชีคมากกว่าชีวิตของผมเอง ว่าแต่คุณเพชรไพลินอยากปรึกษาผมเรื่องอะไรหรือครับ”
“คืออย่างนี้ค่ะ...”
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“เราไปนั่งเล่นตรงนู้นกันดีกว่าค่ะท่านชีค”
เพชรไพลินจูงมือชีคหนุ่มแล้วเดินนำทางไป เพราะเธอและเพื่อนๆ เคยมาที่สวนรถไฟแห่งนี้ ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาจนแทบจดลงบนผืนดิน
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ชีคหนุ่มเงยหน้าขึ้นสูดอากาศอีกครั้ง ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยต้องไปเดินเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากเช่นนี้มาก่อน แต่ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ดี หากไม่รู้จักเพชรไพลินเขาคงไม่ได้มีโอกาสลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ นี่ยังไม่นับร้านอาหารอีสานรสเด็ดที่เพชรไพลินพาเขาไปนั่งเปิบข้าวเหนียวด้วยมือเปล่า เล่นเอาเหงื่อแตกลิ้นห้อย แถมด้วยท้องเสียไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ เพราะไม่คุ้นเคยกับอาหารรสจัดจ้าน
การเดินเยาวราชยามค่ำคืนแวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวข้างถนน ต่อด้วยคลองถมก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่อีกอย่างหนึ่ง แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลกว่าที่เขาคิดไว้มาก โดยเฉพาะเมื่อมีสิ่งของล่อตาล่อใจ เธอจะเดินชอปปิงโดยไม่บ่นสักคำ
และอีกอย่างที่หญิงสาวแปลกมาก แปลกจนเขาต้องเอ่ยถามซ้ำอยู่หลายครั้งด้วยความไม่เข้าใจ นั่นก็คือ เธอชอบเดินดูข้าวของ แต่กลับซื้อในสิ่งที่จำเป็น หรือเลือกแล้วว่าต้องใช้ประโยชน์เท่านั้น ทั้งยังไม่เคยออดอ้อนขอให้เขาซื้อของเหล่านั้นให้
ถ้าเป็นคนอื่นแค่พาไปเดินชอปปิงเขาก็หมดไปร่วมแสน แต่มาเดินชอปปิงกับเพชรไพลิน เขากลับใช้เงินไม่ถึงหนึ่งพันบาท เพราะเธอยอมให้เขาเลี้ยงอาหารเท่านั้น ซึ่งอาหารก็เป็นร้านข้างทางราคาถูกชามละไม่ถึงห้าสิบบาท เขากล้าพูดเลยว่ารักผู้หญิงคนนี้ รักในทุกสิ่งทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเพชรไพลิน
“ท่านชีคถอดเสื้อผึ่งลมไว้ดีไหมคะ ใส่ชื้นๆ แบบนี้จะไม่สบายเอาได้นะคะ”
ชีคหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เขาถอดเสื้อออกแล้วสะบัดเบาๆ นำเสื้อไปผึ่งลมไว้ที่กิ่งไม้ แล้วจึงเดินกลับมานั่งข้างหญิงสาว
“อะ เอ่อ อากาศดีจังเลยนะคะ” เพชรไพลินรู้สึกหายใจหายคอติดขัด นึกโกรธตัวเอง ไม่น่าเสนอให้เขาถอดเสื้อผึ่งลมเลย แล้วดูสิตัวเธอเองนั่นล่ะที่มัวมานั่งคิดฟุ้งซ่าน ก็แค่แผงอกกว้างๆ เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น เธอก็เคยเห็นในนิตยสารบ่อยๆ ไม่เห็นต้องใจเต้นแรงเลย
หญิงสาวส่ายหน้าขับไล่ความคิดเหล่านี้ออกไป แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเมื่อจู่ๆ ร่างหนาก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วโน้มตัวเข้าหาเธอราวกับจะแกล้งกัน ใจเจ้ากรรมเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเต้นดังราวกับเสียงกลอง รัวเร็วจนเธอต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นแนบหัวใจเอาไว้
“ใบไม้ร่วงลงมาติดที่ผมแน่ะ” เขาผละออกแล้วยื่นใบไม้ส่งให้เธอ
คนคิดไปไกลถึงกับเก้อ รับใบไม้จากมือชายหนุ่มแล้วก้มหน้าลงต่ำ อยากหยิกตัวเองเสียให้เขียว คิดอะไรก็ไม่รู้บ้าจริงเชียว...
“ขอบคุณค่ะ” เธออ้อมแอ้มเอ่ยขอบคุณเสียงเบา คนข้างตัวยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจแล้วหาวหวอด อาจเพราะเพลียจากการเดินฝ่าฝูงนักชอปปิงในตลาดนัดสวนจตุจักร
“นอนพักสักงีบไหมคะ เดี่ยวห้าโมงเย็นเพชรปลุก แล้วเราค่อยออกไปหาอะไรทานกัน”
“ขอนอนตักได้ไหม”
ดวงตาสีน้ำตาลทอดแววหวานจนเพชรไพลินต้องพยักหน้า เพียงเท่านั้นเองคนตัวโตก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักหญิงสาวทันที
“อย่าเพิ่งนอนสิคะ ลุกก่อน นอนทั้งอย่างนี้เดี๋ยวได้ผื่นขึ้นตามตัวแย่” เธอดันคนตัวโตให้ลุกขึ้น ชีคมุซตาฮ์ซานอิดออดอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวส่ายหน้ากับคนตัวโตจอมดื้อแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่จากกระเป๋าออกมากางบนพื้นหญ้า
“เชิญนอนได้แล้วค่ะท่านชีค”
“ขอบใจนะ” เขาทำท่าจะโน้มตัวลงนอน แต่จังหวะนั้นกลับยื่นหน้าหอมแก้มเพชรไพลินฟอดใหญ่ แล้วจึงล้มตัวลงนอนหนุนตักหน้าตาเฉย ทิ้งให้เจ้าของตักนุ่มใบหน้าแดงระเรื่อราวกับผลตำลึงสุก อยากจะทุบคนขโมยหอมแก้มให้เนื้อเขียว ทว่าเมื่อก้มลงมองอีกทีชีคเจ้าเล่ห์กลับหลับไปเสียแล้ว
“คงจะเหนื่อยมาก”
เธอใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยเส้นผมสีดำหยักศกอย่างแสนรัก ก่อนจะเลื่อนลงไปยังคางตัดได้รูปมีเคราสากขึ้นเป็นตอเล็กๆ ส่งให้ใบหน้าคมดุกร้าว กระนั้นเขากลับปฏิบัติต่อเธอด้วยความอ่อนหวาน ยามอยู่กับเธอนั้น เขาหาใช่ราชสีห์ที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับเป็นแมวน้อยช่างออดอ้อน ขโมยหัวใจของเธอไปจนหมดทั้งดวง
***************
ดวงตาคมเข้มปรือขึ้นอย่างช้าๆ แล้วดูนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบห้าโมงเย็นแล้ว นี่เขานอนไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเลยหรือนี่ ชายหนุ่มกะพริบตาขึ้นลง มองหญิงสาวที่เอนหลังพิงต้นไม้แล้วผล็อยหลับไป เขาค่อยๆ ลุกเคลื่อนศีรษะออกจากตักนุ่มอย่างเสียดาย คิดหาวิธีปลุกหญิงสาว แล้วดวงตาสีน้ำผึ้งก็หรี่เล็กอย่างเจ้าเล่ห์
ฝันหวานเลือนหายแทนที่ด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มบริเวณริมฝีปาก เพชรไพลินเผยอริมฝีปากอย่างเผลอไผล ปล่อยให้ชีคหนุ่มขบริมฝีปากล่างอย่างอ้อยอิ่ง แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ท่านชีค” หญิงสาวผละออกอย่างรวดเร็วแล้วยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้
“ตื่นแล้วหรือเจ้าหญิง”
น้ำเสียงล้อเลียนทำให้ความตกใจของหญิงสาวเลือนหาย แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอย่างขบขัน เธออยากให้เขาปลุกเธอด้วยสัมผัสเช่นนี้ทุกๆ วัน จะมีวันนั้นหรือเปล่านะ
“ฉันเห็นมีคนขี่จักรยานเล่นในสวน เราไปขี่จักรยานกันสักหน่อยดีไหม แล้วค่อยออกไปหาอะไรทานกัน”
“ค่ะ” เพชรไพลินพับผ้าคลุมไหล่เก็บลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน ชีคหนุ่มก็กลับมาพร้อมรถจักรยาน
“มาสิเพชร วันนี้ฉันจะปั่นให้เธอซ้อนเอง”
“มันก็ต้องแน่อยู่แล้วค่ะ เพราะท่านชีคน่ะนอนตักเพชรจนชาไปหมดทั้งขา ก็ต้องตอบแทนเพชรโดยการปั่นจักรยานให้เพชรซ้อน” หญิงสาวเชิดจมูกขึ้นแล้วนั่งซ้อนท้ายชายหนุ่ม ชีคมุซตาฮ์ซานหัวเราะขันกับท่าทางไม่รู้จักโตของเธอ
“ได้เลย” เขาจับมือของเธอมาโอบเอวของเขาไว้ ก่อนจะหันไปบอกด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม “กอดเอาไว้จะได้ไม่ตกไงล่ะ”
“เพชรจะกอดให้ไส้แตกเลย นี่แน่ะๆ” หญิงสาวกอดแน่นจนคนรับหน้าที่ขับจักรยานถึงกับขับเซ เพชรไพลินเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้สองข้างทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า แล้วแนบหน้าลงบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม
ชีคมุซตาฮ์ซานรู้สึกได้ว่านี่ล่ะความสุขที่เขาใฝ่หา เขาอาจต้องวางมาดเป็นชีคหนุ่มผู้เด็ดขาดต่อหน้าผู้คนทั้งโลก แต่ต้องไม่ใช่เพชรไพลิน ผู้หญิงที่สามารถดึงตัวตนทั้งหมดของเขาออกมาอย่างหมดท่า เขาฮัมเพลงเบาๆ คลอไปกับเสียงหวานของคนรักที่ส่งเสียงร้องเพลงกับแผ่นหลังของเขาอย่างอารมณ์ดี
***************
กว่าหนึ่งเดือนเศษที่เธอคบหากับชีคมุซตาฮ์ซานฉันคู่รัก ไม่มีวันไหนที่เพชรไพลินไม่แย้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีคหนุ่มมาหาเธอแทบทุกวัน หากเขามีธุระหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ ชีคหนุ่มก็จะโทรศัพท์มาหา ถามไถ่ด้วยความคิดถึงไม่เคยขาด จนหญิงสาวอดนึกเข้าข้างตนเองไม่ได้ว่า
เธอนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเหลือเกิน
อย่างเช่นวันนี้ ช่วงเย็นชีคมุซตาฮ์ซานติดประชุมกับผู้ร่วมทุนชาวอังกฤษ ทว่าเขามีนัดดินเนอร์กับเธอดังนั้นเขาจึงให้ดาอี องครักษ์คนสนิทมารับเธอที่บ้านในเวลาห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เธอสอนรำให้แก่เด็กๆ คลาสสุดท้ายเสร็จลงเรียบร้อยแล้ว และเป็นเวลาที่มารดาเลี้ยงของเธอแต่งตัวออกไปหาเพื่อนที่หมู่บ้านถัดไปเช่นกัน
“สวัสดีค่ะคุณดาอี” เพชรไพลินเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง แม้ชายหนุ่มมาดนิ่งจะทำเพียงแค่ยิ้มตอบเธออย่างมีมารยาทเท่านั้น
“วันเกิดท่านชีคอาทิตย์หน้า มีงานเลี้ยงหรือเปล่าคะ เห็นท่านชีคบ่นว่าอยากจะจัดงานเล็กๆ ที่มีคนรู้จักและผู้ถือหุ้นคนสนิทเท่านั้น เพชรเลยอยากปรึกษาดาอี แต่เป็นความลับนะคะ” หญิงสาวขยับตัวมาใกล้ๆ เบาะคนขับแล้วยื่นหน้าไปพูดเบาราวกับกระซิบ
“ว่ายังไงล่ะดาอี ตกลงหรือเปล่า” เธอถามซ้ำอีกครั้งเมื่อองครักษ์หนุ่มเอาแต่จ้องมองไปยังท้องถนนเบื่องหน้าราวกับไม่สนใจหญิงสาว
“ผมต้องขอฟังก่อนว่าความลับที่คุณเพชรไพลินบอกนั้น มันสมควรที่จะเป็นความลับหรือไม่” เขาตอบมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าเพชรไพลินกลับหัวเราะคิกอย่างขบขัน
“ดาอี ท่าทางคุณจะรักเจ้านายของคุณมากเลยนะคะ วางใจเถอะค่ะ เรื่องที่เพชรจะปรึกษาไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก แค่อยากจะเซอร์ไพรส์ของขวัญวันเกิดท่านชีคก็เท่านั้นเอง” เพชรไพลินยิ้มกว้าง จะว่าไปแล้ววันเกิดของเธอกับท่านชีคห่างกันแค่เดือนเดียว
ท่านชีคเกิดวันที่สิบห้าสิงหาคม ส่วนเธอเกิดวันที่สองกันยายน หญิงสาวยิ้มกว้าง อีกไม่กี่วันเธอก็จะอายุครบสิบเก้าปีแล้ว ถึงเธอจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็โตพอที่จะสามารถคบหาชายหนุ่มฉันคู่รักได้ และในวันเกิดของเธอ เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะแนะนำชีคมุซตาฮ์ซานให้มารดารู้จักอย่างเป็นทางการ
“ผมรักท่านชีคมากกว่าชีวิตของผมเอง ว่าแต่คุณเพชรไพลินอยากปรึกษาผมเรื่องอะไรหรือครับ”
“คืออย่างนี้ค่ะ...”
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2561, 14:42:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2561, 14:42:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 574
<< บทที่ 5 -50% | บทสัมภาษณ์นักเขียน 'สะมะเรีย' >> |