ทรายล้อมเพชร: สะมะเรีย (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อรจนาอย่างนางรำ ‘เพชรไพลิน’ เสี่ยงพวงมาลัยดอกรักออกไป คนรับหาใช่เจ้าเงาะป่าไม่ แต่กลับเป็นถึง ‘ชีคมุซตาฮ์ซาน บินรามาน อัลซาบาฮัท’ ผู้ปกครองรัฐรามาน
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรมานซ์ ชีค นางรำ พาฝัน ดราม่า ริษยา
ตอน: บทที่ 8 -100%
ชีคมุซตาฮ์ซานหงุดหงิดจนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน กดโทร.ออกเป็นรอบที่สิบของวัน ทว่าปลายสายกลับไม่มีใครรับจนชายหนุ่มร้อนใจ เมื่อไม่สามารถติดต่อคนรักสาวได้ ชายหนุ่มจึงพับเรื่องหญิงสาวเอาไว้ก่อนและตั้งใจว่า หลังจากเคลียร์งานชิ้นนี้เสร็จเมื่อไหร่ จะบุกไปหาเพชรไพลินถึงที่บ้าน
“ท่านชีคมีคนมาขอพบค่ะ” เสียงหวานของกมลทิพย์ดังมาตามสาย ชีคหนุ่มเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ แล้วอนุญาตให้รุจินภาเข้าพบได้ ทันทีที่หญิงอายุสี่สิบเศษเดินเข้ามาเขาก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับอย่างให้เกียรติ ด้วยถือว่าเธอคือมารดาเลี้ยงของเพชรไพลิน แฟนสาวของเขานั่นเอง
“มีอะไรหรือครับถึงมาหาผมถึงที่นี่”
“ดิฉันต้องการเงินสิบล้านค่ะ” รุจินภาบอกเหตุผลที่มาหาเขาที่นี่อย่างไม่อ้อมค้อม
ชีคแห่งรามานถึงกับผงะไปชั่วอึดใจแล้วจึงถามออกไปด้วยความกังวล
“เกิดอะไรขึ้นหรือ หรือว่าเพชรไม่สบาย ถึงต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้” ชีคหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น คิดไปถึงสาเหตุที่เขาไม่สามารถติดต่อหญิงสาวได้
“ยายเพชรสบายดีค่ะ แต่ท่านชีคต้องจ่ายเงินดิฉัน หากไม่อยากติดคุก แล้วขึ้นข่าวหราตามหน้าหนังสือพิมพ์”
รุจินภากอดอกอย่างเหนือกว่า ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว ตอนนี้หนี้ของเธอทะยานขึ้นไปที่เก้าล้านบาท เธอรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รุจินภายื่นรูปถ่ายที่เพชรไพลินไปที่คอนโดฯ ของชีคหนุ่มลงบนโต๊ะ
“สิบล้านแลกกับข้อหาพรากผู้เยาว์” แม้จะหวั่นเกรงชายตรงหน้า ทว่าหนี้สินที่ตามติดเป็นชนักกลับทำให้รุจินภากล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“พรากผู้เยาว์ คุณหมายความว่ายังไง ผมงงไปหมดแล้ว”
ชีคมุซตาฮ์ซานกำมือแน่น นี่มันข่มขู่เรียกร้องเงินกันชัดๆ ทำไมมารดาของเพชรไพลินถึงทำกับเขาเช่นนี้ ขาดเหลืออะไรทำไมไม่บอกดีๆ เขาพร้อมที่จะช่วยคนรักอยู่แล้ว ไม่เคยคิดรังเกียจดูแคลนเลยสักนิด
“ภาพมันก็ฟ้องอยู่แล้วว่าท่านชีคกับลูกสาวฉันมีอะไรกัน หอบหิ้วกันไปถึงคอนโดฯ แบบนี้ หลักฐานชัดเจน รับรองท่านชีคดิ้นไม่หลุดแน่ คดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุสิบห้าถึงสิบแปดปี แม้จะสมยอมแต่ก็ต้องติดคุกสองถึงสิบปีนะคะ ท่านชีคลองคิดดูแล้วกัน ชื่อเสียงของท่านชีคจะเป็นยังไง ถ้านักข่าวตีข่าวนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์”
“เดี๋ยวก่อนคุณรุจินภา ที่คุณพูดหมายความว่าอะไร เพชรไพลินยังไม่บรรลุนิติภาวะงั้นหรือ” เขาไม่สามารถจับต้นชนปลายได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะเรียกร้องอะไรกันแน่
“ใช่ค่ะลูกสาวของฉันอายุสิบแปด เพชรปิดบังคุณมาตลอด”
“ทำไมเพชรจะต้องปิดบังฉันด้วย ในเมื่อเรารักกัน”
ชีคหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจาก ‘ผม’ เป็น ‘ฉัน’ อย่างห่างเหินและไว้ตัว รู้สึกสับสนมึนงงแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยไม่เคยคิดว่าผู้หญิงใสซื่ออย่างเพชรไพลินจะโกหกเขาได้ หากที่ผ่านมาคือการโกหกก็นับว่าแนบเนียนราวกับนักแสดงมือฉกาจเลยทีเดียว
“ท่านชีคแน่ใจหรือคะว่าลูกสาวของดิฉันรักท่านจริงๆ เลิกพูดถึงความรักกับเด็กสาวเถอะค่ะ เด็กผู้หญิงช่างฝันก็แบบนี้ คลั่งไคล้ประเดี๋ยวประด๋าวก็ลืมแล้ว” รุจินภาพูดด้วยน้ำเสียเยาะ ท่าทางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันจนชายหนุ่มอยากจะตะเพิดออกไปจากห้องทำงานของเขาเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ตราบใดที่ความสงสัยยังไม่คลี่คลาย
“ไม่จริง เพชรไพลินไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นท่านชีคลองโทร.ไปถามเพชรดูสิคะ อยากรู้เหมือน กันว่าเพชรจะว่ายังไง”
ชีคหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออกอีกครั้ง โทร.ติดแต่ไม่มีคนรับ จังหวะนั้นเองที่รุจินภาวางสำเนาบัตรประชาชนของบุตรสาวลงบนโต๊ะทำงานของชีคหนุ่ม เขาไม่รั้งรอที่จะหยิบมาดู เพชรไพลินอายุสิบแปดปีจริงๆ เธอจงใจปิดบังเขา
“แต่ฉันกับเพชรไพลินเราไม่ได้มีอะไรเกินเลยต่อกัน ฉันไม่เคยทำให้เพชรไพลินเสียหาย” เรื่องนี้เขามั่นใจว่าเป็นต่อ เพราะเพชรไพลินนั้นหวงเนื้อหวงตัวเป็นที่สุด เรื่องจะเลยเถิดไปทางชู้สาวนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่หนเดียว
“แล้วใครจะเชื่อ กว่าจะพิสูจน์ว่าผิดจริงหรือไม่ ชื่อเสียงของท่านก็คงเสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว คู่ค้าก็คงไม่มั่นใจในตัวท่าน ท่านชีคแน่ใจหรือคะว่ามันคุ้ม ดิฉันว่าถ้าท่านยอมจ่ายให้ดิฉันสิบล้าน ดิฉันจะยอมปิดปากเงียบ”
“แล้วถ้าฉันไม่จ่ายล่ะ”
ชีคหนุ่มกัดฟันกรอด นึกรังเกียจหญิงตรงหน้าราวกับหล่อนเป็นเหลือบไรที่กำลังดูดกินเลือดเนื้อจากเขาอย่างไม่ละอาย
“ถ้าไม่จ่ายก็เจอกันที่ศาลค่ะ ไม่ยากอยู่แล้ว ดีเสียอีก ถ้าออกสื่อมากๆ ฉันกับยายเพชรจะได้ถือโอกาสนี้เปิดตัวเข้าวงการบันเทิงเสียเลย หน้าตาสะสวยแบบนั้นต้องมีแมวมองมาขอทาบทามแน่ๆ ทีนี้เราสองแม่ลูกก็จะได้มีทั้งชื่อเสียงและเงินทองไม่ขาด”
รุจินภายิ้มกว้างอย่างเหนือกว่า
โครม!
“ระยำที่สุด หิวเงินจนถึงขนาดต้องรวมหัวกันหลอกฉันทั้งแม่ทั้งลูกเลยรึไง”
ชีคหนุ่มปัดกองเอกสารตรงหน้าจนกระจุยกระจายด้วยความเดือดดาล ไม่คิดฝันว่าจะโดนหักหลังด้วยยาพิษที่เคลือบมากับน้ำหวาน ล่อหลอกให้ตายใจ แล้วปลิดชีพเขาให้ตายทั้งเป็น
“แน่สิคะ เงินมันเข้าใครออกใครเสียที่ไหนกัน” เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดีราวกับต้องการยั่วโมโหเขา
“โสโครกที่สุด ผู้หญิงข้างถนนยังมีเกียรติมากกว่าลูกสาวของเธอเสียอีก”
ความรักความแค้นมันจุกอก หากเพชรไพลินมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะควักหัวใจของเธอออกมาดู อยากรู้นักว่าหัวใจของเธอมันมีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์คนอื่นหรือไม่ เหตุใดจึงอำมหิตนัก
“แล้วแม่ผู้หญิงพวกนั้นมันได้เงินเยอะแบบลูกสาวฉันหรือเปล่า จ่ายมาเถอะค่ะท่านชีค เรื่องมันจะได้จบๆ กันไปเสียที”
“สิบล้านมันมากไป” แม้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวเงินของเขา ทว่ากับมนุษย์จิตใจสกปรก บาทเดียวเขาก็ไม่อยากหยิบยื่นให้
“ไม่มากไปหรอกค่ะ ลูกสาวฉันต้องเสียเวลามาปรนนิบัติท่านเป็นเดือนๆ สิบล้านเป็นค่าเสียเวลาที่ดีที่สุดแล้ว”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด หยิบเช็คขึ้นมากรอกตัวเลข แล้วเซ็นชื่อลงไปอย่างไม่พอใจ
“เงินนี่ฉันจะถือซะว่าเสียค่าโง่ ฝากบอกเพชรไพลินด้วยว่าชาตินี้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นฉันไม่เอาหล่อนไว้แน่”
รุจินภายิ้มร่าชะโงกหน้ามองตัวเลขที่ชายหนุ่มกรอกลงไปบนเช็คด้วยความลิงโลด แค่นี้เธอก็ได้เงินไปใช้หนี้แถมมีเหลือเอาไว้ทำทุนอีกหนึ่งล้าน ทว่าแทนที่เขาจะยื่นเช็คมาให้ เขากลับหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาร่างสัญญาแล้วส่งให้เธออ่าน
“หลังจากได้เงินก้อนนี้ไปแล้ว ห้ามมาเรียกร้องเงินจากฉันอีก”
รุจินภาอ่านสัญญาคร่าวๆ สัญญานี้มีเนื้อหาว่าเธอได้รับเงินสิบล้านไปจากชีคมุซตาฮ์ซาน และจะไม่มาวุ่นวายหรือเรียกร้องเงินใดๆ จากเขาอีก หญิงวัยกลางคนนึกเสียดายเพราะหวังเอาไว้ว่าหากขาดเหลืออาจมาเรียกร้องเอากับชีคมุซตาฮ์ซานอีก ทว่าจากแววตากร้าวที่มองมานั้นก็ทำให้รุจินภารู้ว่าเธอไม่ควรตุกติก หากต้องการเงินสิบล้านก้อนนี้
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ทันทีที่เธอจรดปลายปากกาลงไป ชีคหนุ่มก็ยื่นเช็คให้
“คราวนี้จะเอาลูกไปเร่ขายที่ไหนก็เชิญ แต่ระวังไว้หน่อยแล้วกันว่าผู้ชายพวกนั้นอาจไม่ใจดีเหมือนฉัน” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน ขบกรามเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน
รุจินภาแทบไม่ใส่ใจฟังสิ่งที่ชีคมุซตาฮ์ซานพูด เธอบรรจงเก็บเช็คลงในกระเป๋าแล้วไหว้ขอบคุณชีคหนุ่มอย่างอ่อนช้อยก่อนจะเดินนวยนาดจากไป
ปัง!
ชีคหนุ่มกำหมัดทุบลงบนโต๊ะทำงานด้วยความปวดใจ เหมือนโลกทั้งใบหมุนคว้าง รักแท้ไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่แรก เขาต่างหากล่ะที่โง่งมคิดว่าได้พบมัน ที่แท้มันก็แค่มายาฉาบฉวยจากผู้หญิงใจสกปรกหิวเงินคนหนึ่งเท่านั้น
“เพชรไพลิน! ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไม!”
**************
รุจินภาเดินทางไปใช้หนี้ธัญธรณ์จนหมด รวมทั้งไถ่รถยนต์แล้วขับกลับมาด้วย ก่อนจะเลี้ยวเข้าบ้าน เธอหยิบโทรศัพท์สีชมพูของเพชรไพลินออกมาจากกระเป๋าตัวเอง เปิดเสียงหลังจากที่ตั้งปิดเสียงเอาไว้แล้วทำการลบรายการโทร.เข้าที่เป็นของชีคมุซตาฮ์ซานทั้งหมด เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่นก็โยนมันวางไว้บนโซฟาหวายแล้วสาวเท้าช้าๆ ไปยังห้องนอนของลูกเลี้ยง
“เป็นยังไงบ้างเพชร อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เธอแตะลงบนหน้าผากทำให้คนที่นอนหลับค่อยๆ ปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นช้าๆ
“ยังปวดหัวอยู่เลยค่ะคุณแม่ สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานอยู่ในห้องแอร์กับท่านชีคนานไปหน่อย พอกลับออกมาโดนแดด ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เลยเป็นไข้เสียได้” หญิงสาวอมยิ้ม เมื่อวานเธอทำอาหารเที่ยงแล้วนำไปให้ชายหนุ่มที่บริษัท จากนั้นดาอีจึงมาส่งเพื่อจะได้กลับมาทันสอนเด็กๆ ในช่วงเย็น
“แล้วนี่ออยมันยกข้าวต้มมาให้หนูทานหรือยัง แม่ทำไว้ให้ก่อนออกจากบ้าน ข้าวต้มกุ้งที่หนูชอบไงลูก”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณแม่ ว่าแต่ไม่รู้โทรศัพท์ของหนูหายไปไหน คุณแม่เห็นหรือเปล่าคะ เพชรให้พี่ออยช่วยหาจนทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบ” เพชรไพลินหาวนอน เพราะยังง่วงจากฤทธิ์ยาที่เพิ่งรับประทานเข้าไป
“อ้อ แม่เห็นวางอยู่บนโซฟาแน่ะ นังออยมันหาไม่เจอเองน่ะสิ” รุจินภาโกหกหน้าตายแล้วตะโกนโหวกเหวกเรียกคนใช้ให้ไปหยิบโทรศัพท์มาให้บุตรสาว
“นอนพักเสียนะลูกนะ จะได้หายไวๆ”
มารดาเลี้ยงลูบศีรษะบุตรสาวสองสามครั้งแล้วเดินกลับออกไป เพชรไพลินตรวจสอบโทรศัพท์มือถือว่ามีสายจากคนรักโทร.เข้าหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีก็เกิดอาการน้อยใจ แต่เมื่อคิดว่าเขาอาจกำลังยุ่งอยู่ หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโทร.ไปเสียเอง
โทร.ติด แต่ไม่มีคนรับ แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปในที่สุด
“หรือว่าท่านชีคมีประชุมสำคัญ” เพชรไพลินไม่ได้คิดไปในทางแง่ร้าย หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงแล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง เมื่อตื่นขึ้นมาก็เย็นมากแล้ว เธอโทร.หาเขาอีกหลายครั้ง แต่ก็โดนตัดสายทิ้งทุกครั้ง จนครั้งล่าสุดเธอก็ไม่สามารถโทร.ติดต่อชีคมุซตาฮ์ซานได้อีกเลย
หญิงสาวเก็บความน้อยใจและความสงสัยเอาไว้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดเธอแล้ว หรือว่าท่านชีคคิดวางแผนแกล้งอะไรเธอ เพชรไพลินปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ตั้งใจพักผ่อนเพื่อให้หายในเร็ววัน
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“ท่านชีคมีคนมาขอพบค่ะ” เสียงหวานของกมลทิพย์ดังมาตามสาย ชีคหนุ่มเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ แล้วอนุญาตให้รุจินภาเข้าพบได้ ทันทีที่หญิงอายุสี่สิบเศษเดินเข้ามาเขาก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับอย่างให้เกียรติ ด้วยถือว่าเธอคือมารดาเลี้ยงของเพชรไพลิน แฟนสาวของเขานั่นเอง
“มีอะไรหรือครับถึงมาหาผมถึงที่นี่”
“ดิฉันต้องการเงินสิบล้านค่ะ” รุจินภาบอกเหตุผลที่มาหาเขาที่นี่อย่างไม่อ้อมค้อม
ชีคแห่งรามานถึงกับผงะไปชั่วอึดใจแล้วจึงถามออกไปด้วยความกังวล
“เกิดอะไรขึ้นหรือ หรือว่าเพชรไม่สบาย ถึงต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้” ชีคหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น คิดไปถึงสาเหตุที่เขาไม่สามารถติดต่อหญิงสาวได้
“ยายเพชรสบายดีค่ะ แต่ท่านชีคต้องจ่ายเงินดิฉัน หากไม่อยากติดคุก แล้วขึ้นข่าวหราตามหน้าหนังสือพิมพ์”
รุจินภากอดอกอย่างเหนือกว่า ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว ตอนนี้หนี้ของเธอทะยานขึ้นไปที่เก้าล้านบาท เธอรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รุจินภายื่นรูปถ่ายที่เพชรไพลินไปที่คอนโดฯ ของชีคหนุ่มลงบนโต๊ะ
“สิบล้านแลกกับข้อหาพรากผู้เยาว์” แม้จะหวั่นเกรงชายตรงหน้า ทว่าหนี้สินที่ตามติดเป็นชนักกลับทำให้รุจินภากล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“พรากผู้เยาว์ คุณหมายความว่ายังไง ผมงงไปหมดแล้ว”
ชีคมุซตาฮ์ซานกำมือแน่น นี่มันข่มขู่เรียกร้องเงินกันชัดๆ ทำไมมารดาของเพชรไพลินถึงทำกับเขาเช่นนี้ ขาดเหลืออะไรทำไมไม่บอกดีๆ เขาพร้อมที่จะช่วยคนรักอยู่แล้ว ไม่เคยคิดรังเกียจดูแคลนเลยสักนิด
“ภาพมันก็ฟ้องอยู่แล้วว่าท่านชีคกับลูกสาวฉันมีอะไรกัน หอบหิ้วกันไปถึงคอนโดฯ แบบนี้ หลักฐานชัดเจน รับรองท่านชีคดิ้นไม่หลุดแน่ คดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุสิบห้าถึงสิบแปดปี แม้จะสมยอมแต่ก็ต้องติดคุกสองถึงสิบปีนะคะ ท่านชีคลองคิดดูแล้วกัน ชื่อเสียงของท่านชีคจะเป็นยังไง ถ้านักข่าวตีข่าวนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์”
“เดี๋ยวก่อนคุณรุจินภา ที่คุณพูดหมายความว่าอะไร เพชรไพลินยังไม่บรรลุนิติภาวะงั้นหรือ” เขาไม่สามารถจับต้นชนปลายได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะเรียกร้องอะไรกันแน่
“ใช่ค่ะลูกสาวของฉันอายุสิบแปด เพชรปิดบังคุณมาตลอด”
“ทำไมเพชรจะต้องปิดบังฉันด้วย ในเมื่อเรารักกัน”
ชีคหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจาก ‘ผม’ เป็น ‘ฉัน’ อย่างห่างเหินและไว้ตัว รู้สึกสับสนมึนงงแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยไม่เคยคิดว่าผู้หญิงใสซื่ออย่างเพชรไพลินจะโกหกเขาได้ หากที่ผ่านมาคือการโกหกก็นับว่าแนบเนียนราวกับนักแสดงมือฉกาจเลยทีเดียว
“ท่านชีคแน่ใจหรือคะว่าลูกสาวของดิฉันรักท่านจริงๆ เลิกพูดถึงความรักกับเด็กสาวเถอะค่ะ เด็กผู้หญิงช่างฝันก็แบบนี้ คลั่งไคล้ประเดี๋ยวประด๋าวก็ลืมแล้ว” รุจินภาพูดด้วยน้ำเสียเยาะ ท่าทางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันจนชายหนุ่มอยากจะตะเพิดออกไปจากห้องทำงานของเขาเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ตราบใดที่ความสงสัยยังไม่คลี่คลาย
“ไม่จริง เพชรไพลินไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นท่านชีคลองโทร.ไปถามเพชรดูสิคะ อยากรู้เหมือน กันว่าเพชรจะว่ายังไง”
ชีคหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออกอีกครั้ง โทร.ติดแต่ไม่มีคนรับ จังหวะนั้นเองที่รุจินภาวางสำเนาบัตรประชาชนของบุตรสาวลงบนโต๊ะทำงานของชีคหนุ่ม เขาไม่รั้งรอที่จะหยิบมาดู เพชรไพลินอายุสิบแปดปีจริงๆ เธอจงใจปิดบังเขา
“แต่ฉันกับเพชรไพลินเราไม่ได้มีอะไรเกินเลยต่อกัน ฉันไม่เคยทำให้เพชรไพลินเสียหาย” เรื่องนี้เขามั่นใจว่าเป็นต่อ เพราะเพชรไพลินนั้นหวงเนื้อหวงตัวเป็นที่สุด เรื่องจะเลยเถิดไปทางชู้สาวนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่หนเดียว
“แล้วใครจะเชื่อ กว่าจะพิสูจน์ว่าผิดจริงหรือไม่ ชื่อเสียงของท่านก็คงเสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว คู่ค้าก็คงไม่มั่นใจในตัวท่าน ท่านชีคแน่ใจหรือคะว่ามันคุ้ม ดิฉันว่าถ้าท่านยอมจ่ายให้ดิฉันสิบล้าน ดิฉันจะยอมปิดปากเงียบ”
“แล้วถ้าฉันไม่จ่ายล่ะ”
ชีคหนุ่มกัดฟันกรอด นึกรังเกียจหญิงตรงหน้าราวกับหล่อนเป็นเหลือบไรที่กำลังดูดกินเลือดเนื้อจากเขาอย่างไม่ละอาย
“ถ้าไม่จ่ายก็เจอกันที่ศาลค่ะ ไม่ยากอยู่แล้ว ดีเสียอีก ถ้าออกสื่อมากๆ ฉันกับยายเพชรจะได้ถือโอกาสนี้เปิดตัวเข้าวงการบันเทิงเสียเลย หน้าตาสะสวยแบบนั้นต้องมีแมวมองมาขอทาบทามแน่ๆ ทีนี้เราสองแม่ลูกก็จะได้มีทั้งชื่อเสียงและเงินทองไม่ขาด”
รุจินภายิ้มกว้างอย่างเหนือกว่า
โครม!
“ระยำที่สุด หิวเงินจนถึงขนาดต้องรวมหัวกันหลอกฉันทั้งแม่ทั้งลูกเลยรึไง”
ชีคหนุ่มปัดกองเอกสารตรงหน้าจนกระจุยกระจายด้วยความเดือดดาล ไม่คิดฝันว่าจะโดนหักหลังด้วยยาพิษที่เคลือบมากับน้ำหวาน ล่อหลอกให้ตายใจ แล้วปลิดชีพเขาให้ตายทั้งเป็น
“แน่สิคะ เงินมันเข้าใครออกใครเสียที่ไหนกัน” เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดีราวกับต้องการยั่วโมโหเขา
“โสโครกที่สุด ผู้หญิงข้างถนนยังมีเกียรติมากกว่าลูกสาวของเธอเสียอีก”
ความรักความแค้นมันจุกอก หากเพชรไพลินมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะควักหัวใจของเธอออกมาดู อยากรู้นักว่าหัวใจของเธอมันมีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์คนอื่นหรือไม่ เหตุใดจึงอำมหิตนัก
“แล้วแม่ผู้หญิงพวกนั้นมันได้เงินเยอะแบบลูกสาวฉันหรือเปล่า จ่ายมาเถอะค่ะท่านชีค เรื่องมันจะได้จบๆ กันไปเสียที”
“สิบล้านมันมากไป” แม้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวเงินของเขา ทว่ากับมนุษย์จิตใจสกปรก บาทเดียวเขาก็ไม่อยากหยิบยื่นให้
“ไม่มากไปหรอกค่ะ ลูกสาวฉันต้องเสียเวลามาปรนนิบัติท่านเป็นเดือนๆ สิบล้านเป็นค่าเสียเวลาที่ดีที่สุดแล้ว”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด หยิบเช็คขึ้นมากรอกตัวเลข แล้วเซ็นชื่อลงไปอย่างไม่พอใจ
“เงินนี่ฉันจะถือซะว่าเสียค่าโง่ ฝากบอกเพชรไพลินด้วยว่าชาตินี้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นฉันไม่เอาหล่อนไว้แน่”
รุจินภายิ้มร่าชะโงกหน้ามองตัวเลขที่ชายหนุ่มกรอกลงไปบนเช็คด้วยความลิงโลด แค่นี้เธอก็ได้เงินไปใช้หนี้แถมมีเหลือเอาไว้ทำทุนอีกหนึ่งล้าน ทว่าแทนที่เขาจะยื่นเช็คมาให้ เขากลับหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาร่างสัญญาแล้วส่งให้เธออ่าน
“หลังจากได้เงินก้อนนี้ไปแล้ว ห้ามมาเรียกร้องเงินจากฉันอีก”
รุจินภาอ่านสัญญาคร่าวๆ สัญญานี้มีเนื้อหาว่าเธอได้รับเงินสิบล้านไปจากชีคมุซตาฮ์ซาน และจะไม่มาวุ่นวายหรือเรียกร้องเงินใดๆ จากเขาอีก หญิงวัยกลางคนนึกเสียดายเพราะหวังเอาไว้ว่าหากขาดเหลืออาจมาเรียกร้องเอากับชีคมุซตาฮ์ซานอีก ทว่าจากแววตากร้าวที่มองมานั้นก็ทำให้รุจินภารู้ว่าเธอไม่ควรตุกติก หากต้องการเงินสิบล้านก้อนนี้
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ทันทีที่เธอจรดปลายปากกาลงไป ชีคหนุ่มก็ยื่นเช็คให้
“คราวนี้จะเอาลูกไปเร่ขายที่ไหนก็เชิญ แต่ระวังไว้หน่อยแล้วกันว่าผู้ชายพวกนั้นอาจไม่ใจดีเหมือนฉัน” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน ขบกรามเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน
รุจินภาแทบไม่ใส่ใจฟังสิ่งที่ชีคมุซตาฮ์ซานพูด เธอบรรจงเก็บเช็คลงในกระเป๋าแล้วไหว้ขอบคุณชีคหนุ่มอย่างอ่อนช้อยก่อนจะเดินนวยนาดจากไป
ปัง!
ชีคหนุ่มกำหมัดทุบลงบนโต๊ะทำงานด้วยความปวดใจ เหมือนโลกทั้งใบหมุนคว้าง รักแท้ไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่แรก เขาต่างหากล่ะที่โง่งมคิดว่าได้พบมัน ที่แท้มันก็แค่มายาฉาบฉวยจากผู้หญิงใจสกปรกหิวเงินคนหนึ่งเท่านั้น
“เพชรไพลิน! ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไม!”
**************
รุจินภาเดินทางไปใช้หนี้ธัญธรณ์จนหมด รวมทั้งไถ่รถยนต์แล้วขับกลับมาด้วย ก่อนจะเลี้ยวเข้าบ้าน เธอหยิบโทรศัพท์สีชมพูของเพชรไพลินออกมาจากกระเป๋าตัวเอง เปิดเสียงหลังจากที่ตั้งปิดเสียงเอาไว้แล้วทำการลบรายการโทร.เข้าที่เป็นของชีคมุซตาฮ์ซานทั้งหมด เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่นก็โยนมันวางไว้บนโซฟาหวายแล้วสาวเท้าช้าๆ ไปยังห้องนอนของลูกเลี้ยง
“เป็นยังไงบ้างเพชร อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เธอแตะลงบนหน้าผากทำให้คนที่นอนหลับค่อยๆ ปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นช้าๆ
“ยังปวดหัวอยู่เลยค่ะคุณแม่ สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานอยู่ในห้องแอร์กับท่านชีคนานไปหน่อย พอกลับออกมาโดนแดด ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เลยเป็นไข้เสียได้” หญิงสาวอมยิ้ม เมื่อวานเธอทำอาหารเที่ยงแล้วนำไปให้ชายหนุ่มที่บริษัท จากนั้นดาอีจึงมาส่งเพื่อจะได้กลับมาทันสอนเด็กๆ ในช่วงเย็น
“แล้วนี่ออยมันยกข้าวต้มมาให้หนูทานหรือยัง แม่ทำไว้ให้ก่อนออกจากบ้าน ข้าวต้มกุ้งที่หนูชอบไงลูก”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณแม่ ว่าแต่ไม่รู้โทรศัพท์ของหนูหายไปไหน คุณแม่เห็นหรือเปล่าคะ เพชรให้พี่ออยช่วยหาจนทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบ” เพชรไพลินหาวนอน เพราะยังง่วงจากฤทธิ์ยาที่เพิ่งรับประทานเข้าไป
“อ้อ แม่เห็นวางอยู่บนโซฟาแน่ะ นังออยมันหาไม่เจอเองน่ะสิ” รุจินภาโกหกหน้าตายแล้วตะโกนโหวกเหวกเรียกคนใช้ให้ไปหยิบโทรศัพท์มาให้บุตรสาว
“นอนพักเสียนะลูกนะ จะได้หายไวๆ”
มารดาเลี้ยงลูบศีรษะบุตรสาวสองสามครั้งแล้วเดินกลับออกไป เพชรไพลินตรวจสอบโทรศัพท์มือถือว่ามีสายจากคนรักโทร.เข้าหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีก็เกิดอาการน้อยใจ แต่เมื่อคิดว่าเขาอาจกำลังยุ่งอยู่ หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโทร.ไปเสียเอง
โทร.ติด แต่ไม่มีคนรับ แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปในที่สุด
“หรือว่าท่านชีคมีประชุมสำคัญ” เพชรไพลินไม่ได้คิดไปในทางแง่ร้าย หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงแล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง เมื่อตื่นขึ้นมาก็เย็นมากแล้ว เธอโทร.หาเขาอีกหลายครั้ง แต่ก็โดนตัดสายทิ้งทุกครั้ง จนครั้งล่าสุดเธอก็ไม่สามารถโทร.ติดต่อชีคมุซตาฮ์ซานได้อีกเลย
หญิงสาวเก็บความน้อยใจและความสงสัยเอาไว้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดเธอแล้ว หรือว่าท่านชีคคิดวางแผนแกล้งอะไรเธอ เพชรไพลินปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ตั้งใจพักผ่อนเพื่อให้หายในเร็ววัน
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2561, 08:22:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2561, 08:22:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 594
<< บทที่ 8 -50% | บทที่ 9 -50% >> |