กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต
ตอน: บทที่ ๑๘ เขาและเรา (100%)
‘คุณคงอยากถามทำไมผมยอมง่ายๆ’
เป็นหัวข้อชวนคุยที่นึกไม่ถึง ตัวคนพูดยืนชิดรั้วตามองคลองส่งน้ำด้านหลังที่เห็นว่ายังสะอาดพอสมควร
‘ผมอยากอยู่ขวางนะ แต่ก็ทำไม่ได้เห็นคุณณวัฒน์แล้วมัน ยังไงไม่รู้สิ ผมคนนอกแล้วก็เพิ่งเจอ แต่แค่เห็นสายตาเขายังรู้ว่าเขาคิดยังไงกับพิมพ์แล้วความรู้สึกนั่นมันมากมายแค่ไหน บางทีผมอาจรักพิมพ์ไม่เท่ากับเขาด้วยซ้ำ’
‘ผมตีความได้ไหมว่าคุณกำลังบอกว่าน้องชายผมคลั่งพิมพ์มาก’
‘คลั่งด้วยแล้วก็รักมากด้วย’
‘ผมขอพูดตรงๆ เลยนะครับ ระหว่างพิมพ์กับณันมันจะไม่มีอะไรที่มากเกินกว่าเพื่อนแล้วล่ะ เพราะถ้ามันจะเกิดก็คงเกิดไปนานแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องพิมพ์ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความรู้สึกผิดมาตลอด ผมดีใจนะที่สุดท้ายพิมพ์ดึงตัวเองขึ้นมาได้... เพราะคุณ’
‘อย่าเพิ่งชมผมนักเลยครับ พูดกันตรงๆ คุณคิดว่าถ้าคุณณวัฒน์ได้เจอพิมพ์บ้างคงจะช่วยทำให้เขาดีขึ้น’
‘หรือแย่ลง’ ณัฐพงษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ‘หมอที่ดูแลณันบอกกับผมแบบนี้ เราทำได้แค่คอยมองอยู่ห่างๆ และหากมันจะมีอะไรเกินเลยถึงตอนนั้นเราต้องรีบเตือนณันให้รู้ตัว อาจจะดูโหดร้ายเกินไปแต่คงต้องบอกว่าในเคสของณัน วิธีเกลือจิ้มเกลือดีที่สุดแล้ว’
‘ผมเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางหรอกครับ’
คงเพราะสีหน้าประหลาดใจของเขา จิรสินจึงเอ่ยกลั้วหัวเราะ
‘ผมกับพิมพ์เราไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักหรอกครับ บอกกันตรงนี้ว่าเรื่องแต่งงานของเรามันเริ่มเพราะพ่อแม่ผมเจอผมกับพิมพ์อยู่บนเตียงด้วยกัน ผมก็ไม่รู้ว่าไปอยู่บนเตียงกับพิมพ์ได้ยังไง
‘แต่เพราะเป็นอย่างนั้นเราถึงได้เริ่มทำความรู้จักกัน พิมพ์หนีผมจะตายเพราะวีรกรรมของผมมันเยอะซะจนไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนหรอกจะรับได้ ที่เราแต่งงานกันส่วนหนึ่งเพราะการจัดแจงของผู้ใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมรักพิมพ์ได้ อาจเพราะเราเจ็บมาเหมือนกัน สำหรับพิมพ์คุณคงรู้อยู่แล้วว่าทำไม ส่วนผมเคยผิดหวัง เจ็บจนใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ได้คิดหรอกว่าอนาคตจะสร้างครอบครัวได้ แต่พอเจอพิมพ์... มันคือจะให้พูดยังไงดี
‘ก็แบบคนเจ็บสองคนมาเจอกัน แล้วมันเข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรล่ะมั้งเราก็เลยจูนกันติดง่ายขึ้น เราเริ่มด้วยความรู้สึกที่เข้าใจกันและกัน แล้วมันก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ พิมพ์เห็นด้านเลวๆ ของผมมากกว่าด้านดีของผมเสียอีกน่ะนะถ้าจะให้พูด’
‘แล้ว--’
‘อดีตของผม พิมพ์รับได้และยินดีที่จะช่วยผมแก้ปัญหานั่น แล้วคุณคิดว่าผมจะเห็นแก่ตัวจนไม่ยอมช่วยพิมพ์แก้ปัญหาของตัวเธอเองบ้างหรือยังไงครับ ถึงอย่างน้อยผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่แค่อยู่ข้างๆ คอยฟังที่เธอพูดบ้างมันก็ดีอยู่ใช่ไหมล่ะครับ’
เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากว่าทำไมศศิพิมพ์ถึงได้เลือกที่จะเปิดใจให้จิรสิน ผู้ชายคนนั้นใช่แค่เรียกร้อง แต่เขาพร้อมที่จะให้ตอบกลับไปด้วย เป็นการให้และการรับที่แฟร์ที่สุดที่เขาเคยเห็นมา
สุดท้ายสิ่งที่เขาตอบณวัฒน์ออกไปจึงมีแค่
“พี่อยากเห็นนายเดินไปข้างหน้า อยากให้นายมีความสุขแล้วก็เจอใครอีกสักคนที่ทำให้นายรักได้อีกครั้ง”
ณวัฒน์ไม่ตอบแต่เบือนหน้าออกไปมองกระจกด้านข้างแทน
‘พิมพ์ขอโทษ พิมพ์รู้คำขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่พิมพ์ก็อยากบอกณุ คนผิดไม่ใช่ใคร ทุกอย่างมันอยู่ที่พิมพ์คนเดียว ถ้าพิมพ์ไม่เริ่มทุกคนก็จะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้ พิมพ์อยากทำอะไรก็ได้เพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับณุ พิมพ์ทำได้ทุกอย่างแต่ตอนนี้พิมพ์อยากจะขอไว้แค่เรื่องเดียวเท่านั้น พิมพ์ไม่อยากทำในเรื่องที่จะทำให้พี่สินไม่สบายใจ พิมพ์รู้มันเห็นแก่ได้แต่พิมพ์รักพี่สิน พิมพ์ไม่อยากเห็นพี่สินต้องเจ็บกับการเลือกของพิมพ์ มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหมที่พิมพ์ขอณุแบบนี้ แต่พิมพ์ไม่อยากเป็นเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว ที่เห็นแก่ตัวจนทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด’
ณวัฒน์เผยอยิ้มหยันกับเงาตัวเองในกระจก
เจ็บไหมเล่า รู้ว่าจะเจ็บแต่ก็ยังพาตัวเองมาเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม!
เรากินข้าวเช้ากันตอนสาย ณัฐพงษ์กับณวัฒน์กลับไปเกือบเก้าโมงเช้าและเราก็ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย กระทั่ง...
“สบายใจขึ้นบ้างหรือยังคะ”
คำถามนั้นเกิดตอนที่ล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จิรสินถือแก้วชามานั่งลงใกล้ๆ กับเธอที่โซฟา แก้วใบหนึ่งเขาเลื่อนมาให้เธออยู่ตรงหน้า
“พี่ชงมาเผื่อค่ะ”
หญิงสาวไม่พูดอะไรและยกขึ้นดื่มอึกใหญ่
“ร้อนจัง” ถ้อยบ่นนั้นคนฟังได้แต่ส่ายหน้า “ชามะลินี่หอมมาก” ศศิพิมพ์ถือแก้วชาวางบนตัก ตามองคู่สนทนา “ขอบคุณนะคะ ดีขึ้นมากเลยพอได้พูดเรื่องที่อยากพูดมานานก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก”
จิรสินยิ้มและมองสบตาภรรยาอึดใจใหญ่ “ดีจัง”
เรายกชาขึ้นดื่มพร้อมกันและนิ่งกันไปพักใหญ่ทีเดียว
“ว่าแต่ที่ถามเพราะหึงหรือคะ”
จิรสินไหวไหล่ “นิดหน่อย”
“ดูจริงใจมากเลยค่ะ” ศศิพิมพ์บอกกลั้วหัวเราะ
“พี่พูดจริงๆ นะคะ หึงไหมก็ต้องตอบว่าหึงเพราะพี่รักพิมพ์ แต่ถ้าถามว่าหึงมากไหม ถ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็คงจะหึงมากแต่พิมพ์บอกพี่ก่อนละมั้ง พี่ถึงรู้สึก--” เขาหรี่ตา “หึงนิดๆ”
ชายหนุ่มโน้มตัวมาหา เขาแนบหน้าผากของตัวเองเข้ากับหน้าผากเธอ รอยยิ้มเปื้อนหน้าแม้หลับตา ขณะที่มือยังถือถ้วยชาไว้
“ขอบคุณที่เลือกพี่ ขอบคุณที่ยังเปิดใจให้กับพี่นะ”
หญิงสาวฟังแล้วน้ำตารื้น รู้สึกว่ารักเขามากขึ้นเสียจนพูดไม่ออก เธอผ่อนลมหายใจวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและขยับเข้าไปกอดเขาไว้ จิรสินหัวเราะออกมา มือข้างหนึ่งถือถ้วยชา ส่วนอีกข้างโอบภรรยาขณะพึมพำ
“เช้านี้มีความสุขจัง”
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมนั่นทำเอาสองสามีภรรยาถึงกับสะดุ้ง ครั้นหันไปมองที่ประตูหน้าบ้านก็พบสุพนิตกับจิรศักดิ์ และจิรสุตาซึ่งยืนอยู่หลังสุดทำหน้าเบื่ออย่างเห็นได้ชัด
“มีความสุขจนไม่ได้ยินเสียงออดของพ่อกับแม่เลยนะจ๊ะลูก”
คำพูดของสุพนิตยังผลให้คนฟังตีหน้าไม่ถูก สะใภ้นั้นทั้งเขินทั้งอายเห็นได้ชัด แต่กับลูกชาย คนเป็นแม่ก็เพิ่งเคยเห็นว่ามียางอายกับชาวบ้านเขาก็ตอนนี้เอง!
สุพนิตพาสามีกับหลานสาวมาหาลูกชาย ตั้งใจว่าจะชวนทั้งคู่ไปหาอะไรอร่อยๆ รับประทานกันในวันหยุด ความคิดคืออยากชวนครอบครัวฝ่ายลูกสะใภ้ไปบางปูกัน แต่ที่คิดไม่ถึงคือ คู่แต่งงานเข้าปีที่สองกำลังหวานซึ้งจนไม่ได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน
“เดี๋ยวตาไปช่วยพิมพ์แต่งตัว จะได้รีบไปรับคุณป้าที่บ้านพี่พลอยนะคะ” จิรสุตาเอ่ยเมื่อทั้งหมดเข้าไปในบ้านแล้ว สุพนิตส่งยิ้มให้ขณะมองตามสองสามเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง
“ถึงว่าโทร.มาก็ไม่รับ”
เป็นหัวข้อชวนคุยที่นึกไม่ถึง ตัวคนพูดยืนชิดรั้วตามองคลองส่งน้ำด้านหลังที่เห็นว่ายังสะอาดพอสมควร
‘ผมอยากอยู่ขวางนะ แต่ก็ทำไม่ได้เห็นคุณณวัฒน์แล้วมัน ยังไงไม่รู้สิ ผมคนนอกแล้วก็เพิ่งเจอ แต่แค่เห็นสายตาเขายังรู้ว่าเขาคิดยังไงกับพิมพ์แล้วความรู้สึกนั่นมันมากมายแค่ไหน บางทีผมอาจรักพิมพ์ไม่เท่ากับเขาด้วยซ้ำ’
‘ผมตีความได้ไหมว่าคุณกำลังบอกว่าน้องชายผมคลั่งพิมพ์มาก’
‘คลั่งด้วยแล้วก็รักมากด้วย’
‘ผมขอพูดตรงๆ เลยนะครับ ระหว่างพิมพ์กับณันมันจะไม่มีอะไรที่มากเกินกว่าเพื่อนแล้วล่ะ เพราะถ้ามันจะเกิดก็คงเกิดไปนานแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องพิมพ์ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความรู้สึกผิดมาตลอด ผมดีใจนะที่สุดท้ายพิมพ์ดึงตัวเองขึ้นมาได้... เพราะคุณ’
‘อย่าเพิ่งชมผมนักเลยครับ พูดกันตรงๆ คุณคิดว่าถ้าคุณณวัฒน์ได้เจอพิมพ์บ้างคงจะช่วยทำให้เขาดีขึ้น’
‘หรือแย่ลง’ ณัฐพงษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ‘หมอที่ดูแลณันบอกกับผมแบบนี้ เราทำได้แค่คอยมองอยู่ห่างๆ และหากมันจะมีอะไรเกินเลยถึงตอนนั้นเราต้องรีบเตือนณันให้รู้ตัว อาจจะดูโหดร้ายเกินไปแต่คงต้องบอกว่าในเคสของณัน วิธีเกลือจิ้มเกลือดีที่สุดแล้ว’
‘ผมเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางหรอกครับ’
คงเพราะสีหน้าประหลาดใจของเขา จิรสินจึงเอ่ยกลั้วหัวเราะ
‘ผมกับพิมพ์เราไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักหรอกครับ บอกกันตรงนี้ว่าเรื่องแต่งงานของเรามันเริ่มเพราะพ่อแม่ผมเจอผมกับพิมพ์อยู่บนเตียงด้วยกัน ผมก็ไม่รู้ว่าไปอยู่บนเตียงกับพิมพ์ได้ยังไง
‘แต่เพราะเป็นอย่างนั้นเราถึงได้เริ่มทำความรู้จักกัน พิมพ์หนีผมจะตายเพราะวีรกรรมของผมมันเยอะซะจนไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนหรอกจะรับได้ ที่เราแต่งงานกันส่วนหนึ่งเพราะการจัดแจงของผู้ใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมรักพิมพ์ได้ อาจเพราะเราเจ็บมาเหมือนกัน สำหรับพิมพ์คุณคงรู้อยู่แล้วว่าทำไม ส่วนผมเคยผิดหวัง เจ็บจนใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ได้คิดหรอกว่าอนาคตจะสร้างครอบครัวได้ แต่พอเจอพิมพ์... มันคือจะให้พูดยังไงดี
‘ก็แบบคนเจ็บสองคนมาเจอกัน แล้วมันเข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรล่ะมั้งเราก็เลยจูนกันติดง่ายขึ้น เราเริ่มด้วยความรู้สึกที่เข้าใจกันและกัน แล้วมันก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ พิมพ์เห็นด้านเลวๆ ของผมมากกว่าด้านดีของผมเสียอีกน่ะนะถ้าจะให้พูด’
‘แล้ว--’
‘อดีตของผม พิมพ์รับได้และยินดีที่จะช่วยผมแก้ปัญหานั่น แล้วคุณคิดว่าผมจะเห็นแก่ตัวจนไม่ยอมช่วยพิมพ์แก้ปัญหาของตัวเธอเองบ้างหรือยังไงครับ ถึงอย่างน้อยผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่แค่อยู่ข้างๆ คอยฟังที่เธอพูดบ้างมันก็ดีอยู่ใช่ไหมล่ะครับ’
เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากว่าทำไมศศิพิมพ์ถึงได้เลือกที่จะเปิดใจให้จิรสิน ผู้ชายคนนั้นใช่แค่เรียกร้อง แต่เขาพร้อมที่จะให้ตอบกลับไปด้วย เป็นการให้และการรับที่แฟร์ที่สุดที่เขาเคยเห็นมา
สุดท้ายสิ่งที่เขาตอบณวัฒน์ออกไปจึงมีแค่
“พี่อยากเห็นนายเดินไปข้างหน้า อยากให้นายมีความสุขแล้วก็เจอใครอีกสักคนที่ทำให้นายรักได้อีกครั้ง”
ณวัฒน์ไม่ตอบแต่เบือนหน้าออกไปมองกระจกด้านข้างแทน
‘พิมพ์ขอโทษ พิมพ์รู้คำขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่พิมพ์ก็อยากบอกณุ คนผิดไม่ใช่ใคร ทุกอย่างมันอยู่ที่พิมพ์คนเดียว ถ้าพิมพ์ไม่เริ่มทุกคนก็จะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้ พิมพ์อยากทำอะไรก็ได้เพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับณุ พิมพ์ทำได้ทุกอย่างแต่ตอนนี้พิมพ์อยากจะขอไว้แค่เรื่องเดียวเท่านั้น พิมพ์ไม่อยากทำในเรื่องที่จะทำให้พี่สินไม่สบายใจ พิมพ์รู้มันเห็นแก่ได้แต่พิมพ์รักพี่สิน พิมพ์ไม่อยากเห็นพี่สินต้องเจ็บกับการเลือกของพิมพ์ มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหมที่พิมพ์ขอณุแบบนี้ แต่พิมพ์ไม่อยากเป็นเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว ที่เห็นแก่ตัวจนทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด’
ณวัฒน์เผยอยิ้มหยันกับเงาตัวเองในกระจก
เจ็บไหมเล่า รู้ว่าจะเจ็บแต่ก็ยังพาตัวเองมาเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม!
เรากินข้าวเช้ากันตอนสาย ณัฐพงษ์กับณวัฒน์กลับไปเกือบเก้าโมงเช้าและเราก็ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย กระทั่ง...
“สบายใจขึ้นบ้างหรือยังคะ”
คำถามนั้นเกิดตอนที่ล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จิรสินถือแก้วชามานั่งลงใกล้ๆ กับเธอที่โซฟา แก้วใบหนึ่งเขาเลื่อนมาให้เธออยู่ตรงหน้า
“พี่ชงมาเผื่อค่ะ”
หญิงสาวไม่พูดอะไรและยกขึ้นดื่มอึกใหญ่
“ร้อนจัง” ถ้อยบ่นนั้นคนฟังได้แต่ส่ายหน้า “ชามะลินี่หอมมาก” ศศิพิมพ์ถือแก้วชาวางบนตัก ตามองคู่สนทนา “ขอบคุณนะคะ ดีขึ้นมากเลยพอได้พูดเรื่องที่อยากพูดมานานก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก”
จิรสินยิ้มและมองสบตาภรรยาอึดใจใหญ่ “ดีจัง”
เรายกชาขึ้นดื่มพร้อมกันและนิ่งกันไปพักใหญ่ทีเดียว
“ว่าแต่ที่ถามเพราะหึงหรือคะ”
จิรสินไหวไหล่ “นิดหน่อย”
“ดูจริงใจมากเลยค่ะ” ศศิพิมพ์บอกกลั้วหัวเราะ
“พี่พูดจริงๆ นะคะ หึงไหมก็ต้องตอบว่าหึงเพราะพี่รักพิมพ์ แต่ถ้าถามว่าหึงมากไหม ถ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็คงจะหึงมากแต่พิมพ์บอกพี่ก่อนละมั้ง พี่ถึงรู้สึก--” เขาหรี่ตา “หึงนิดๆ”
ชายหนุ่มโน้มตัวมาหา เขาแนบหน้าผากของตัวเองเข้ากับหน้าผากเธอ รอยยิ้มเปื้อนหน้าแม้หลับตา ขณะที่มือยังถือถ้วยชาไว้
“ขอบคุณที่เลือกพี่ ขอบคุณที่ยังเปิดใจให้กับพี่นะ”
หญิงสาวฟังแล้วน้ำตารื้น รู้สึกว่ารักเขามากขึ้นเสียจนพูดไม่ออก เธอผ่อนลมหายใจวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและขยับเข้าไปกอดเขาไว้ จิรสินหัวเราะออกมา มือข้างหนึ่งถือถ้วยชา ส่วนอีกข้างโอบภรรยาขณะพึมพำ
“เช้านี้มีความสุขจัง”
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมนั่นทำเอาสองสามีภรรยาถึงกับสะดุ้ง ครั้นหันไปมองที่ประตูหน้าบ้านก็พบสุพนิตกับจิรศักดิ์ และจิรสุตาซึ่งยืนอยู่หลังสุดทำหน้าเบื่ออย่างเห็นได้ชัด
“มีความสุขจนไม่ได้ยินเสียงออดของพ่อกับแม่เลยนะจ๊ะลูก”
คำพูดของสุพนิตยังผลให้คนฟังตีหน้าไม่ถูก สะใภ้นั้นทั้งเขินทั้งอายเห็นได้ชัด แต่กับลูกชาย คนเป็นแม่ก็เพิ่งเคยเห็นว่ามียางอายกับชาวบ้านเขาก็ตอนนี้เอง!
สุพนิตพาสามีกับหลานสาวมาหาลูกชาย ตั้งใจว่าจะชวนทั้งคู่ไปหาอะไรอร่อยๆ รับประทานกันในวันหยุด ความคิดคืออยากชวนครอบครัวฝ่ายลูกสะใภ้ไปบางปูกัน แต่ที่คิดไม่ถึงคือ คู่แต่งงานเข้าปีที่สองกำลังหวานซึ้งจนไม่ได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน
“เดี๋ยวตาไปช่วยพิมพ์แต่งตัว จะได้รีบไปรับคุณป้าที่บ้านพี่พลอยนะคะ” จิรสุตาเอ่ยเมื่อทั้งหมดเข้าไปในบ้านแล้ว สุพนิตส่งยิ้มให้ขณะมองตามสองสามเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง
“ถึงว่าโทร.มาก็ไม่รับ”
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2561, 20:34:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2561, 20:34:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 716
<< ๑๘ เขาและเรา (50%) | บทที่ ๑๘ เขาและเรา (130%) >> |