กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต
ตอน: ๑๙ คลางแคลง (125%)
เป็นเวลาไม่กี่นาทีที่เหมือนถูกเข็มแทง ด้วยท่าทีนั่นดูราวกับเป็นสามีภรรยา ศศิพิมพ์ไม่อยากคิดมากแต่... ก็ยังอดคิดไม่ได้
“นี่ยังไงกันคะคุณพิมพ์ ทำไมสองคนนั่นมาด้วยกันได้”
“ฉัน” ศศิพิมพ์ผ่อนลมหายใจ “ขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ ทั้งงาน ทั้งเรื่องที่ฉันเจอพี่สินกับพี่จันทร์แล้วก็ยายหนูที่นี่เป็นฝีมือคุณ”
“อุ้ยแย่จริง ฉันเพิ่งรู้นะว่าคุณเป็นคนตรงๆ”
คนถูกจับได้ยิ้มหยัน
“งั้นฉันก็จะพูดตรงๆ ใช่ฝีมือฉันเอง ฉันเกลียดเขาไม่อยากเห็นเขามีความสุข ฉันก็เลยจะทำให้คุณกับสินเลิกกันให้ได้ไง แต่ฉันไม่มีวันทำได้หรอกถ้าเขาไม่มีช่องให้ฉันแทรกเข้าไปได้ ที่ฉันอยากให้คุณเห็นก็ถูกต้อง นั่นที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ คุณคิดบ้างไหมว่าเพื่อนเก่าต้องทำถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ อ๋อไม่ใช่สินะ เมียเก่า! ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกว่าท่าทางสองคนนั่นเหมือนพ่อแม่มือใหม่ขนาดไหน คุณจะอ้างสังคมอเมริกันก็ได้แต่กับสังคมไทยฉันไม่เชื่อ คนเคยกินกันน่ะคุณพิมพ์ มันลบรอยเดิมๆ ออกไปไม่หมดหรอกนะ ใครจะรู้ถ้ายังติดใจจนแอบกินกันลับหลัง ยิ่งทางสะดวกเปิดโล่งซะขนาดนี้”
ตีรณาดูสะใจอย่างยิ่ง
“แล้วก็รู้ไว้ซะนะคะ ฉันไม่ได้หวังดีตรงกันข้ามฉันหวังร้ายกับพวกคุณสุดๆ เลยละ และที่อยากให้คุณเห็นนี่ก็เพื่อความสะใจ สินไม่มีวันรักใคร ฉันนอนกับเขามาก่อนคุณ อยู่กับเขามาก่อนคุณ ในใจเขาไม่เคยลืมปุณณมาได้เลย!”
บทสนทนายังไม่ทันถูกต่อ คุณหมอเจ้าของคลินิกก็ก้าวเข้ามาสมทบ “มีอะไรกันหรือเปล่าครับคุณพิมพ์” หมอหนุ่มค่อนข้างสำอางหยุดยืนอยู่ข้างตีรณา “คุยกันสนุกเชียว”
ตีรณายักไหล่ไม่ตอบและผลักภาระนี้ให้กับศศิพิมพ์ หญิงสาวยิ้มบางแม้ไม่สนิทนัก
“ก็เรื่องทั่วๆ ไปค่ะ”
“อ้อ” นายแพทย์หนุ่มเออออ “จริงสิวันนี้อาจดูวุ่นวายหน่อยนะครับคนไข้ค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่ก็พ่อแม่ลูกครับ เด็กๆ ไม่สบายกันเยอะ ว่าแต่--” อาจเพราะศศิพิมพ์ยังเหลียวมองไปยังจิรสินกับปุณณมาที่กำลังเปิดประตูคลินิกออกไป คุณหมอจึงถาม “เห็นมองสามีภรรยาคู่นั้นตลอดเลย คนรู้จักหรือครับ”
“อุ้ย! คนรู้จักอะไรเล่า”
ตีรณาแสร้งว่าตีเบาๆ ที่ต้นแขนเพื่อน
“นั่นสามีคุณพิมพ์ต่างหาก”
“อ้าวเหรอ” คุณหมออุทาน “เห็นมาด้วยกันตลอด ตั้งแต่ฝากท้องนู้นเลย ยิ่งวันคลอดนะเราเข้าเวรที่โรงพยาบาลเห็นยกครอบครัวไปเฝ้ากันทั้งบ้าน ผมเป็นคุณหมอดูแลเธอเองครับ แต่เอวันนั้นเหมือนผมจะไม่เจอคุณศศิพิมพ์”
“เอ่อ ใช่ค่ะพิมพ์ไม่ได้ไป”
ตีรณาหัวเราะ “คุณพิมพ์เธอต้องเฝ้าบ้านจ้ะไปไม่ได้หรอก” ถ้อยเสียดสีกระทบกระเทียบ “อีกอย่างนะเธอ สองคนนั่นเขาคงเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ จริงๆ ผู้ชายน่ะ เอ่อ สามีคุณพิมพ์ตี๊ก็รู้จักอยู่พักหนึ่ง ได้รู้มาบ้างว่าสองคนนั้นเคยคบกันแล้วแบบ ผู้หญิงน่ะเป็นดาราเชียวนะเข้าวงการทีหลังตี๊น่ะ จากนั้นก็หักอกผู้ชายจนเป็นบ้าเป็นหลังด้วยการหนีไปแต่งงานกับฝรั่ง แล้วนี่ก็หอบลูกในท้องกลับไทย ได้ยินว่ากำลังทำเรื่องขอหย่าขาดจากสามี” ประโยคต่อมาจงใจที่จะพูดกับศศิพิมพ์ “ใช่ไหมคะคุณพิมพ์ ฉันพูดถูกหรือเปล่า”
“ก็... ตามนั้นแหละค่ะ”
“สินน่ะเป็นคนเจ้าชู้” ตีรณาเอ่ยอย่างเห็นอกเห็นใจ “คุณพิมพ์ก็อย่าคิดมากเลยนะคะ เรื่องมันนานมาแล้ว ตอนนี้ก็คงแค่ช่วยแบบเพื่อนเท่านั้นล่ะคะ” คำหวานอาบยาพิษของเธอคงได้ผลไม่มากก็น้อยในตอนนี้ ตีรณากระหยิ่มยิ้มในใจ ขณะมองศศิพิมพ์ซึ่งไม่เอ่ยอันใดออกมาอีกเลย
แผนของเธอคราวนี้ได้ผล
ศศิพิมพ์กลับไปแล้ว แต่ตีรณาก็ยังยืนอยู่กับคุณหมอผู้เป็นเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกไปยังลานจอดรถ อดีตนางแบบฉาวก็หันกลับมาคุยกับผู้ร่วมมือ
“ขอบใจมากนะแกที่ช่วย”
“ที่โกหกออกไปนี่ก็แทบจะหน้าแหกละมะ นี่ยัยตี๊ทำไมแกไม่ปล่อยๆ เรื่องหลัวเก่าแกไปซะบ้าง ตามจองเวรจองกรรมกันมาไม่รู้กี่ปีไม่เหนื่อยบ้างหรือไงยะ แถมยังมาชวนฉันบาปไปด้วยอีก ดูชะนีสิหน้าซีดหน้าเซียวกลับไปนี่ไม่เม้งแตกกับหลัวนางเหรอน่ะ”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ”
คุณหมอถอนหายใจ “แล้วแกคิดเหรอว่าเขาจะเชื่อ นางนอนคุยนะยะไม่ได้นั่งคุยยืนคุย เรื่องแค่นี้เคลียร์กันแป๊บเดียวก็จบ”
“คุยแน่แต่จะยิ่งเป็นเรื่อง” ตีรณายิ้มหยันเมื่อเหลียวมองเพื่อน “สินที่ฉันรู้จักน่ะไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องของยัยจันทร์นั่นหรอก ลองแม่คนนี้ไปแตะเข้าสิ สนุกสุดๆ แน่”
คนฟังกลอกตาและยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
“สาธู้! คุณพระคุณเจ้าอย่าให้ลูกช้างถูกกรรมติดจรวดจนผัวทิ้งเลยเท้อ”
ตีรณาฟังแล้วก็เบ้ปาก เหลียวกลับมามองคนพูด
“แกเปย์ไม่อั้นขนาดนี้ถามจริงๆ ผัวคนไหนมันจะโง่ทิ้งแก”
‘พี่กลับบ้านพ่อแม่จะไปเอาแฟ้มงานน่ะจ้ะ เจอจันทร์กำลังจะพาลูกไปหาหมอ ยายหนูไม่ค่อยสบายพี่ก็เลยพาไปเอง’
เขาไม่ได้ตะกุกตะกักหรือโกหก
ศศิพิมพ์นึกถึงเรื่องวันนี้แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ตีรณาประกาศชัดว่าต้องการทำให้เธอกับจิรสินมีปัญหากัน แล้วก็ใช่อย่างที่หล่อนว่า หล่อนจะทำไม่ได้เลยหากไม่มีช่องว่าง และที่หล่อนต้องการให้เธอได้เห็นว่าจิรสินกับปุณณมามีท่าทีเช่นไรยามอยู่กันแค่สองคนก็เพื่อความสะใจ
มันเป็นแผน แต่มันก็เป็นความจริง ไม่มีใครบังคับให้สองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ อีกอย่างไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ขนาดตีรณาได้เห็นก็แปลว่าหลายครั้งแล้วที่ทั้งคู่มาด้วยกัน จนขนาดคุณหมอยังเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก
ที่กวนใจศศิพิมพ์ตอนนี้คือ จิรสินรักปุณณมามาก
หากนี่เป็นสังคมอเมริกันคงไม่แปลก แต่กับสังคมไทย หญิงสาวอดคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ เยื่อใยตัดขาดได้แน่หรือ
‘วันนี้พี่กลับค่ำหน่อยนะคะ ลูกค้าจะเลี้ยงฉลองค่ะ’
หญิงสาวเหลียวมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของจิรสินแม้แต่น้อย
เขามีงานเลี้ยงฉลองจริงหรือ
ความระแวงเล็กๆ ก่อตัวกำเนิดขึ้นและไม่หายไป เธอเหม่อพยายามกำจัดความคิดน่ารังเกียจนี้ออกจากหัวแต่ทำไม่ได้
“นี่ยังไงกันคะคุณพิมพ์ ทำไมสองคนนั่นมาด้วยกันได้”
“ฉัน” ศศิพิมพ์ผ่อนลมหายใจ “ขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ ทั้งงาน ทั้งเรื่องที่ฉันเจอพี่สินกับพี่จันทร์แล้วก็ยายหนูที่นี่เป็นฝีมือคุณ”
“อุ้ยแย่จริง ฉันเพิ่งรู้นะว่าคุณเป็นคนตรงๆ”
คนถูกจับได้ยิ้มหยัน
“งั้นฉันก็จะพูดตรงๆ ใช่ฝีมือฉันเอง ฉันเกลียดเขาไม่อยากเห็นเขามีความสุข ฉันก็เลยจะทำให้คุณกับสินเลิกกันให้ได้ไง แต่ฉันไม่มีวันทำได้หรอกถ้าเขาไม่มีช่องให้ฉันแทรกเข้าไปได้ ที่ฉันอยากให้คุณเห็นก็ถูกต้อง นั่นที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ คุณคิดบ้างไหมว่าเพื่อนเก่าต้องทำถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ อ๋อไม่ใช่สินะ เมียเก่า! ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกว่าท่าทางสองคนนั่นเหมือนพ่อแม่มือใหม่ขนาดไหน คุณจะอ้างสังคมอเมริกันก็ได้แต่กับสังคมไทยฉันไม่เชื่อ คนเคยกินกันน่ะคุณพิมพ์ มันลบรอยเดิมๆ ออกไปไม่หมดหรอกนะ ใครจะรู้ถ้ายังติดใจจนแอบกินกันลับหลัง ยิ่งทางสะดวกเปิดโล่งซะขนาดนี้”
ตีรณาดูสะใจอย่างยิ่ง
“แล้วก็รู้ไว้ซะนะคะ ฉันไม่ได้หวังดีตรงกันข้ามฉันหวังร้ายกับพวกคุณสุดๆ เลยละ และที่อยากให้คุณเห็นนี่ก็เพื่อความสะใจ สินไม่มีวันรักใคร ฉันนอนกับเขามาก่อนคุณ อยู่กับเขามาก่อนคุณ ในใจเขาไม่เคยลืมปุณณมาได้เลย!”
บทสนทนายังไม่ทันถูกต่อ คุณหมอเจ้าของคลินิกก็ก้าวเข้ามาสมทบ “มีอะไรกันหรือเปล่าครับคุณพิมพ์” หมอหนุ่มค่อนข้างสำอางหยุดยืนอยู่ข้างตีรณา “คุยกันสนุกเชียว”
ตีรณายักไหล่ไม่ตอบและผลักภาระนี้ให้กับศศิพิมพ์ หญิงสาวยิ้มบางแม้ไม่สนิทนัก
“ก็เรื่องทั่วๆ ไปค่ะ”
“อ้อ” นายแพทย์หนุ่มเออออ “จริงสิวันนี้อาจดูวุ่นวายหน่อยนะครับคนไข้ค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่ก็พ่อแม่ลูกครับ เด็กๆ ไม่สบายกันเยอะ ว่าแต่--” อาจเพราะศศิพิมพ์ยังเหลียวมองไปยังจิรสินกับปุณณมาที่กำลังเปิดประตูคลินิกออกไป คุณหมอจึงถาม “เห็นมองสามีภรรยาคู่นั้นตลอดเลย คนรู้จักหรือครับ”
“อุ้ย! คนรู้จักอะไรเล่า”
ตีรณาแสร้งว่าตีเบาๆ ที่ต้นแขนเพื่อน
“นั่นสามีคุณพิมพ์ต่างหาก”
“อ้าวเหรอ” คุณหมออุทาน “เห็นมาด้วยกันตลอด ตั้งแต่ฝากท้องนู้นเลย ยิ่งวันคลอดนะเราเข้าเวรที่โรงพยาบาลเห็นยกครอบครัวไปเฝ้ากันทั้งบ้าน ผมเป็นคุณหมอดูแลเธอเองครับ แต่เอวันนั้นเหมือนผมจะไม่เจอคุณศศิพิมพ์”
“เอ่อ ใช่ค่ะพิมพ์ไม่ได้ไป”
ตีรณาหัวเราะ “คุณพิมพ์เธอต้องเฝ้าบ้านจ้ะไปไม่ได้หรอก” ถ้อยเสียดสีกระทบกระเทียบ “อีกอย่างนะเธอ สองคนนั่นเขาคงเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ จริงๆ ผู้ชายน่ะ เอ่อ สามีคุณพิมพ์ตี๊ก็รู้จักอยู่พักหนึ่ง ได้รู้มาบ้างว่าสองคนนั้นเคยคบกันแล้วแบบ ผู้หญิงน่ะเป็นดาราเชียวนะเข้าวงการทีหลังตี๊น่ะ จากนั้นก็หักอกผู้ชายจนเป็นบ้าเป็นหลังด้วยการหนีไปแต่งงานกับฝรั่ง แล้วนี่ก็หอบลูกในท้องกลับไทย ได้ยินว่ากำลังทำเรื่องขอหย่าขาดจากสามี” ประโยคต่อมาจงใจที่จะพูดกับศศิพิมพ์ “ใช่ไหมคะคุณพิมพ์ ฉันพูดถูกหรือเปล่า”
“ก็... ตามนั้นแหละค่ะ”
“สินน่ะเป็นคนเจ้าชู้” ตีรณาเอ่ยอย่างเห็นอกเห็นใจ “คุณพิมพ์ก็อย่าคิดมากเลยนะคะ เรื่องมันนานมาแล้ว ตอนนี้ก็คงแค่ช่วยแบบเพื่อนเท่านั้นล่ะคะ” คำหวานอาบยาพิษของเธอคงได้ผลไม่มากก็น้อยในตอนนี้ ตีรณากระหยิ่มยิ้มในใจ ขณะมองศศิพิมพ์ซึ่งไม่เอ่ยอันใดออกมาอีกเลย
แผนของเธอคราวนี้ได้ผล
ศศิพิมพ์กลับไปแล้ว แต่ตีรณาก็ยังยืนอยู่กับคุณหมอผู้เป็นเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกไปยังลานจอดรถ อดีตนางแบบฉาวก็หันกลับมาคุยกับผู้ร่วมมือ
“ขอบใจมากนะแกที่ช่วย”
“ที่โกหกออกไปนี่ก็แทบจะหน้าแหกละมะ นี่ยัยตี๊ทำไมแกไม่ปล่อยๆ เรื่องหลัวเก่าแกไปซะบ้าง ตามจองเวรจองกรรมกันมาไม่รู้กี่ปีไม่เหนื่อยบ้างหรือไงยะ แถมยังมาชวนฉันบาปไปด้วยอีก ดูชะนีสิหน้าซีดหน้าเซียวกลับไปนี่ไม่เม้งแตกกับหลัวนางเหรอน่ะ”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ”
คุณหมอถอนหายใจ “แล้วแกคิดเหรอว่าเขาจะเชื่อ นางนอนคุยนะยะไม่ได้นั่งคุยยืนคุย เรื่องแค่นี้เคลียร์กันแป๊บเดียวก็จบ”
“คุยแน่แต่จะยิ่งเป็นเรื่อง” ตีรณายิ้มหยันเมื่อเหลียวมองเพื่อน “สินที่ฉันรู้จักน่ะไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องของยัยจันทร์นั่นหรอก ลองแม่คนนี้ไปแตะเข้าสิ สนุกสุดๆ แน่”
คนฟังกลอกตาและยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
“สาธู้! คุณพระคุณเจ้าอย่าให้ลูกช้างถูกกรรมติดจรวดจนผัวทิ้งเลยเท้อ”
ตีรณาฟังแล้วก็เบ้ปาก เหลียวกลับมามองคนพูด
“แกเปย์ไม่อั้นขนาดนี้ถามจริงๆ ผัวคนไหนมันจะโง่ทิ้งแก”
‘พี่กลับบ้านพ่อแม่จะไปเอาแฟ้มงานน่ะจ้ะ เจอจันทร์กำลังจะพาลูกไปหาหมอ ยายหนูไม่ค่อยสบายพี่ก็เลยพาไปเอง’
เขาไม่ได้ตะกุกตะกักหรือโกหก
ศศิพิมพ์นึกถึงเรื่องวันนี้แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ตีรณาประกาศชัดว่าต้องการทำให้เธอกับจิรสินมีปัญหากัน แล้วก็ใช่อย่างที่หล่อนว่า หล่อนจะทำไม่ได้เลยหากไม่มีช่องว่าง และที่หล่อนต้องการให้เธอได้เห็นว่าจิรสินกับปุณณมามีท่าทีเช่นไรยามอยู่กันแค่สองคนก็เพื่อความสะใจ
มันเป็นแผน แต่มันก็เป็นความจริง ไม่มีใครบังคับให้สองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ อีกอย่างไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ขนาดตีรณาได้เห็นก็แปลว่าหลายครั้งแล้วที่ทั้งคู่มาด้วยกัน จนขนาดคุณหมอยังเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก
ที่กวนใจศศิพิมพ์ตอนนี้คือ จิรสินรักปุณณมามาก
หากนี่เป็นสังคมอเมริกันคงไม่แปลก แต่กับสังคมไทย หญิงสาวอดคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ เยื่อใยตัดขาดได้แน่หรือ
‘วันนี้พี่กลับค่ำหน่อยนะคะ ลูกค้าจะเลี้ยงฉลองค่ะ’
หญิงสาวเหลียวมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของจิรสินแม้แต่น้อย
เขามีงานเลี้ยงฉลองจริงหรือ
ความระแวงเล็กๆ ก่อตัวกำเนิดขึ้นและไม่หายไป เธอเหม่อพยายามกำจัดความคิดน่ารังเกียจนี้ออกจากหัวแต่ทำไม่ได้
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ส.ค. 2561, 22:34:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ส.ค. 2561, 22:34:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 713
<< ๑๙ คลางแคลง (75%) | ๑๙ คลางแคลง (150%) >> |