ทรายล้อมเพชร: สะมะเรีย (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อรจนาอย่างนางรำ ‘เพชรไพลิน’ เสี่ยงพวงมาลัยดอกรักออกไป คนรับหาใช่เจ้าเงาะป่าไม่ แต่กลับเป็นถึง ‘ชีคมุซตาฮ์ซาน บินรามาน อัลซาบาฮัท’ ผู้ปกครองรัฐรามาน
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรมานซ์ ชีค นางรำ พาฝัน ดราม่า ริษยา
ตอน: บทที่ 17 -30%
เพชรไพลินเริ่มชินกับไม้ค้ำยันแล้ว เธอเดินได้ดีขึ้นกอปรกับนางพยาบาลรัตติกาลช่วยเธอทำกายภาพบำบัดทุกเช้าเย็น วันนี้เธอจึงได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นในสวนได้โดยมีรัตติกาลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง สองสาวเริ่มพูดคุยสนิทสนมกันมากขึ้น
“เดี๋ยวเราพักทานของหวานกันตรงศาลาข้างหน้าดีกว่าค่ะคุณเพชร กาลจะเข้าไปดูในครัวให้ว่าวันนี้มีอะไรทานบ้าง” รัตติกาลจำต้องเอ่ยอาสาเดินกลับไปที่คฤหาสน์ด้วยตัวเอง เพราะมองหาสาวใช้อยู่นานแล้วไม่เห็นใคร
“ไปเถอะค่ะคุณกาล เดี๋ยวเพชรเดินไปที่ศาลาเอง ใกล้แค่นี้สบายมากค่ะ” เธอหันมารับปากอย่างแข็งขัน ก่อนจะมองรัตติกาลผละจากไป
จากนั้นเพชรไพลินก็ค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ เริ่มรู้สึกว่าระยะทางใกล้ที่ปรามาสเอาไว้ใช่ว่าจะเดินไปถึงง่ายๆ เพราะขาเริ่มล้าเสียแล้ว ทว่าจู่ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งมาช่วยพยุงเธอ เมื่อเพชรไพลินหันกลับไปก็ต้องตกใจไม่น้อย เธอจำได้ดี หญิงสาวใบหน้าคมขำนัยน์ตาคมผู้นี้คือน้องสาวของชีคมุซตาฮ์ซานที่เธอเห็นในรูปถ่ายที่ห้องเพนท์เฮาส์ของเขานั่นเอง
“คุณ...”
“ฉันชื่อฟาติมาค่ะเป็นน้องสาวของพี่มุซตาฮ์ซาน”
ฟาติมาแนะนำตัว ค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองอายุมากกว่าหญิงสาวข้างกายแต่จะกี่ปีนั้นเธอก็คาดเดาไม่ถูก
“ฉันชื่อเพชรไพลินค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยพยุง” เพชรไพลินยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างเป็นมิตร แม้จะโกรธพี่ชายของฟาติมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องโกรธเกลียดทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับเขา
“จะเดินไปไหนหรือคะ”
“ว่าจะไปนั่งพักที่ศาลาค่ะ พยาบาลที่คอยดูแลกลับเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อเอาของว่างออกมานั่งทานกันที่ศาลา คุณฟาติมาอยู่ทานของว่างด้วยกันก่อนสิคะ” เพชรไพลินเอ่ยชวน เมื่อเดินมาถึงศาลาสีขาวภายในสวนเธอทรุดตัวลงนั่ง ระยะทางใกล้ๆ แต่เธอถึงกับหอบเลยทีเดียว
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” ฟาติมานั่งลงตรงข้ามหญิงสาวจากประเทศไทย พิศมองใบหน้าหวานรูปไข่ ดวงตากลมโตสุกใส ผิวขาวเหลืองละเอียดอย่างคนเอเชีย รูปร่างอ้อนแอ้น นิ้วมือเรียวเสียจนเธอนึกอิจฉา ไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงสวยขนาดนี้จะกุมหัวใจของพี่ชาย เธอยังจำสายตาของพี่ชายในวันที่อุ้มเพชรไพลินเข้ามาในคฤหาสน์ได้ดี สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
และใบหน้าแบบนี้สินะที่กุมหัวใจของใครอีกคน คนที่ขโมยหัวใจของเธอไป
“คุณเพชรไพลินจะมาพักที่นี่กี่วันหรือคะ”
ฟาติมาเริ่มชวนคุยโดยเลือกถามในสิ่งที่เธออยากรู้ก่อนเป็นอันดับแรก ยอมรับเลยว่าอิจฉาผู้หญิงตรงหน้าที่ได้หัวใจของดาอีไป แต่เธอจะทำอะไรได้ ให้หาเรื่องตบตีก็ใช่นิสัยของเธอไม่ เพราะเธอมีเกียรติพอที่จะไม่ลงไปแย่งผู้ชายกับใคร
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ คงแล้วแต่ท่านชีค” คนฟังตอบน้ำเสียงสั่นนิดๆ เธออยากกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด เธอคิดถึงคุณแม่ คิดถึงเพื่อนๆ ที่เมืองไทย
“ว่าแต่อาการบาดเจ็บของคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ ท่าจะเจ็บน่าดู” ฟาติมามองขาข้างซ้ายของเพชรไพลิน แผลผ่าตัดยาวเกือบครึ่งหน้าแข้งคงเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่คงไม่ปล่อยให้เป็นแผลเป็นน่าเกลียดแน่
“อุบัติเหตุน่ะค่ะ รถพุ่งชน กระดูกหน้าแข้งหัก คุณหมอเลยต้องผ่าตัดดามเหล็กให้ แต่เดี๋ยวสักพักก็คงกลับมาเดินได้เหมือนเดิมแล้วละค่ะ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย เพชรโชคดีที่ท่านชีคจ้างพยาบาลมาช่วยดูแล” ใช่อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้ำใจต่อเธอ ไม่ได้ปล่อยทิ้งขว้างโดยไม่ดูดำดูดี
“พี่ชายดูรักคุณมาก คุณไม่ควรทำให้พี่ชายของฉันเสียใจ”
...ด้วยการแอบลักลอบคบหากับดาอี ประโยคสุดท้ายเธอได้แต่เก็บมันไว้ในใจ ไม่กล้าที่จะพูดออกไปอย่างที่ใจคิด
“คุณคงทราบมาจากท่านชีคบ้างแล้ว ฉันไม่มีข้อแก้ตัวหรอกค่ะคุณฟาติมา เมื่อท่านชีคคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้น ฉันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ บางทีความสัมพันธ์ของฉันกับท่านชีคมันอาจเดินทางมาถึงทางตันแล้วก็เป็นได้ค่ะ” เธอก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยตา
“พี่ชายทราบเรื่องงั้นเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่จะยอมรับได้”
ฟาติมาตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นดาอีกำลังมุ่งหน้ามาทางศาลาที่เธอทั้งสองนั่งอยู่
“ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะคุณเพชรไพลิน ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใคร” ฟาติมาลุกขึ้นยืนทันทีด้วยไม่อยากเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ชายหญิงที่พี่ชายรักมากแต่กลับหักหลังพี่ชายของเธอได้อย่างเลือดเย็น
สองคนนี้ช่างใจร้ายเหลือเกิน
“อ้าวไม่อยู่ทานของว่างด้วยกันเหรอคะคุณฟาติมา”
“ไม่ละค่ะ คงมีคนอยากทานของว่างกับคุณเพชรไพลินแล้ว ดิฉันขอตัว” ฟาติมาเดินกลับออกไปอีกทางด้วยไม่อยากเดินสวนกับองครักษ์หนุ่ม จึงมิได้เห็นสายตาของดาอีที่มองตามร่างของเธอไปจนลับตา
“ดาอี มีอะไรหรือเปล่าคะถึงมาหาเพชรถึงที่นี่”
“จะมาบอกคุณเพชรไพลินว่าท่านชีคจะเดินทางกลับมาวันพรุ่งนี้ครับ” องครักษ์รายงาน แม้เธอจะไม่ขอให้เขาบอก แต่เขาเชื่อว่าลึกลงไปในหัวใจแล้ว เธอต้องอยากรู้เป็นแน่
“หรือคะ ดีเหมือนกันฉันจะได้กลับประเทศไทยเสียที” หญิงสาวยิ้มเศร้า ตั้งใจว่าหากชีคมุซตาฮ์ซานกลับมาจะต้องพูดคุยให้รู้เรื่อง
“ผมอยากให้คุณเพชรลองคุยกับท่านชีคอีกครั้ง ถึงอย่างไรคุณทั้งสองก็รักกัน”
เพชรไพลินส่ายหน้า “ฉันยอมแพ้แล้วค่ะดาอี หากท่านชีคยังไม่เชื่อใจฉันอยู่แบบนี้ ต่อให้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม ปัญหานี้ก็ต้องเกิดขึ้นอีก ฉันไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ยอมรับเลยค่ะว่าเข็ดกับรักครั้งนี้มาก” เพชรไพลินใจเย็นลงแล้ว แม้เธอจะพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกใจหาย แต่กลับไม่มีน้ำตาให้รินไหล อาจเพราะสามวันมานี้เธอร้องไห้จนน้ำตามันหมดไปแล้วก็เป็นได้
“ผมเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ”
“ดาอีช่วยได้ เพียงแต่ไม่คิดจะช่วยฉันก็เท่านั้นเอง”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมลำบากใจ ไม่อยากได้ชื่อว่าทรยศผู้เป็นนาย” ดาอียิ้มเศร้าแล้วขอตัวกลับออกไป
ครู่ต่อมารัตติกาลก็กลับเข้ามาพร้อมชาร้อนและคุกกี้รสหวานหอม
“ของหวานช่วยทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นนะคะคุณเพชร ฉันเห็นคุณเอาแต่ร้องไห้ตลอดเลย อยากให้ยิ้มบ้าง โลกเรามันไม่โหดร้ายไปเสียทุกเรื่องหรอกนะคะ ฉันเชื่อว่าสักวันมันต้องผ่านไปด้วยดีค่ะ” รัตติกาลเอ่ยปลอบแม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางนัก แต่เธอก็ขอเดาไว้ก่อนเลยว่าเป็นเรื่องของหัวใจอย่างแน่นอน
“ขอบคุณมากนะคะคุณกาล อย่างน้อยก็ยังมีคุณกาลที่ดีกับเพชรอีกคนหนึ่ง”
**************
ยังเอาใจช่วยหนูเพชรกันอยู่รึเปล่าเอ่ย บทที่ 17 เป็นบทสุดท้ายที่ทีมงานจะลงให้อ่านแล้วนะคะ^^ น่าจะเหลืออีกประมาณ 2-3 ตอนย่อยค่ะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“เดี๋ยวเราพักทานของหวานกันตรงศาลาข้างหน้าดีกว่าค่ะคุณเพชร กาลจะเข้าไปดูในครัวให้ว่าวันนี้มีอะไรทานบ้าง” รัตติกาลจำต้องเอ่ยอาสาเดินกลับไปที่คฤหาสน์ด้วยตัวเอง เพราะมองหาสาวใช้อยู่นานแล้วไม่เห็นใคร
“ไปเถอะค่ะคุณกาล เดี๋ยวเพชรเดินไปที่ศาลาเอง ใกล้แค่นี้สบายมากค่ะ” เธอหันมารับปากอย่างแข็งขัน ก่อนจะมองรัตติกาลผละจากไป
จากนั้นเพชรไพลินก็ค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ เริ่มรู้สึกว่าระยะทางใกล้ที่ปรามาสเอาไว้ใช่ว่าจะเดินไปถึงง่ายๆ เพราะขาเริ่มล้าเสียแล้ว ทว่าจู่ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งมาช่วยพยุงเธอ เมื่อเพชรไพลินหันกลับไปก็ต้องตกใจไม่น้อย เธอจำได้ดี หญิงสาวใบหน้าคมขำนัยน์ตาคมผู้นี้คือน้องสาวของชีคมุซตาฮ์ซานที่เธอเห็นในรูปถ่ายที่ห้องเพนท์เฮาส์ของเขานั่นเอง
“คุณ...”
“ฉันชื่อฟาติมาค่ะเป็นน้องสาวของพี่มุซตาฮ์ซาน”
ฟาติมาแนะนำตัว ค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองอายุมากกว่าหญิงสาวข้างกายแต่จะกี่ปีนั้นเธอก็คาดเดาไม่ถูก
“ฉันชื่อเพชรไพลินค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยพยุง” เพชรไพลินยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างเป็นมิตร แม้จะโกรธพี่ชายของฟาติมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องโกรธเกลียดทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับเขา
“จะเดินไปไหนหรือคะ”
“ว่าจะไปนั่งพักที่ศาลาค่ะ พยาบาลที่คอยดูแลกลับเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อเอาของว่างออกมานั่งทานกันที่ศาลา คุณฟาติมาอยู่ทานของว่างด้วยกันก่อนสิคะ” เพชรไพลินเอ่ยชวน เมื่อเดินมาถึงศาลาสีขาวภายในสวนเธอทรุดตัวลงนั่ง ระยะทางใกล้ๆ แต่เธอถึงกับหอบเลยทีเดียว
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” ฟาติมานั่งลงตรงข้ามหญิงสาวจากประเทศไทย พิศมองใบหน้าหวานรูปไข่ ดวงตากลมโตสุกใส ผิวขาวเหลืองละเอียดอย่างคนเอเชีย รูปร่างอ้อนแอ้น นิ้วมือเรียวเสียจนเธอนึกอิจฉา ไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงสวยขนาดนี้จะกุมหัวใจของพี่ชาย เธอยังจำสายตาของพี่ชายในวันที่อุ้มเพชรไพลินเข้ามาในคฤหาสน์ได้ดี สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
และใบหน้าแบบนี้สินะที่กุมหัวใจของใครอีกคน คนที่ขโมยหัวใจของเธอไป
“คุณเพชรไพลินจะมาพักที่นี่กี่วันหรือคะ”
ฟาติมาเริ่มชวนคุยโดยเลือกถามในสิ่งที่เธออยากรู้ก่อนเป็นอันดับแรก ยอมรับเลยว่าอิจฉาผู้หญิงตรงหน้าที่ได้หัวใจของดาอีไป แต่เธอจะทำอะไรได้ ให้หาเรื่องตบตีก็ใช่นิสัยของเธอไม่ เพราะเธอมีเกียรติพอที่จะไม่ลงไปแย่งผู้ชายกับใคร
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ คงแล้วแต่ท่านชีค” คนฟังตอบน้ำเสียงสั่นนิดๆ เธออยากกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด เธอคิดถึงคุณแม่ คิดถึงเพื่อนๆ ที่เมืองไทย
“ว่าแต่อาการบาดเจ็บของคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ ท่าจะเจ็บน่าดู” ฟาติมามองขาข้างซ้ายของเพชรไพลิน แผลผ่าตัดยาวเกือบครึ่งหน้าแข้งคงเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่คงไม่ปล่อยให้เป็นแผลเป็นน่าเกลียดแน่
“อุบัติเหตุน่ะค่ะ รถพุ่งชน กระดูกหน้าแข้งหัก คุณหมอเลยต้องผ่าตัดดามเหล็กให้ แต่เดี๋ยวสักพักก็คงกลับมาเดินได้เหมือนเดิมแล้วละค่ะ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย เพชรโชคดีที่ท่านชีคจ้างพยาบาลมาช่วยดูแล” ใช่อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้ำใจต่อเธอ ไม่ได้ปล่อยทิ้งขว้างโดยไม่ดูดำดูดี
“พี่ชายดูรักคุณมาก คุณไม่ควรทำให้พี่ชายของฉันเสียใจ”
...ด้วยการแอบลักลอบคบหากับดาอี ประโยคสุดท้ายเธอได้แต่เก็บมันไว้ในใจ ไม่กล้าที่จะพูดออกไปอย่างที่ใจคิด
“คุณคงทราบมาจากท่านชีคบ้างแล้ว ฉันไม่มีข้อแก้ตัวหรอกค่ะคุณฟาติมา เมื่อท่านชีคคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้น ฉันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ บางทีความสัมพันธ์ของฉันกับท่านชีคมันอาจเดินทางมาถึงทางตันแล้วก็เป็นได้ค่ะ” เธอก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยตา
“พี่ชายทราบเรื่องงั้นเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่จะยอมรับได้”
ฟาติมาตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นดาอีกำลังมุ่งหน้ามาทางศาลาที่เธอทั้งสองนั่งอยู่
“ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะคุณเพชรไพลิน ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใคร” ฟาติมาลุกขึ้นยืนทันทีด้วยไม่อยากเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ชายหญิงที่พี่ชายรักมากแต่กลับหักหลังพี่ชายของเธอได้อย่างเลือดเย็น
สองคนนี้ช่างใจร้ายเหลือเกิน
“อ้าวไม่อยู่ทานของว่างด้วยกันเหรอคะคุณฟาติมา”
“ไม่ละค่ะ คงมีคนอยากทานของว่างกับคุณเพชรไพลินแล้ว ดิฉันขอตัว” ฟาติมาเดินกลับออกไปอีกทางด้วยไม่อยากเดินสวนกับองครักษ์หนุ่ม จึงมิได้เห็นสายตาของดาอีที่มองตามร่างของเธอไปจนลับตา
“ดาอี มีอะไรหรือเปล่าคะถึงมาหาเพชรถึงที่นี่”
“จะมาบอกคุณเพชรไพลินว่าท่านชีคจะเดินทางกลับมาวันพรุ่งนี้ครับ” องครักษ์รายงาน แม้เธอจะไม่ขอให้เขาบอก แต่เขาเชื่อว่าลึกลงไปในหัวใจแล้ว เธอต้องอยากรู้เป็นแน่
“หรือคะ ดีเหมือนกันฉันจะได้กลับประเทศไทยเสียที” หญิงสาวยิ้มเศร้า ตั้งใจว่าหากชีคมุซตาฮ์ซานกลับมาจะต้องพูดคุยให้รู้เรื่อง
“ผมอยากให้คุณเพชรลองคุยกับท่านชีคอีกครั้ง ถึงอย่างไรคุณทั้งสองก็รักกัน”
เพชรไพลินส่ายหน้า “ฉันยอมแพ้แล้วค่ะดาอี หากท่านชีคยังไม่เชื่อใจฉันอยู่แบบนี้ ต่อให้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม ปัญหานี้ก็ต้องเกิดขึ้นอีก ฉันไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ยอมรับเลยค่ะว่าเข็ดกับรักครั้งนี้มาก” เพชรไพลินใจเย็นลงแล้ว แม้เธอจะพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกใจหาย แต่กลับไม่มีน้ำตาให้รินไหล อาจเพราะสามวันมานี้เธอร้องไห้จนน้ำตามันหมดไปแล้วก็เป็นได้
“ผมเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ”
“ดาอีช่วยได้ เพียงแต่ไม่คิดจะช่วยฉันก็เท่านั้นเอง”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมลำบากใจ ไม่อยากได้ชื่อว่าทรยศผู้เป็นนาย” ดาอียิ้มเศร้าแล้วขอตัวกลับออกไป
ครู่ต่อมารัตติกาลก็กลับเข้ามาพร้อมชาร้อนและคุกกี้รสหวานหอม
“ของหวานช่วยทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นนะคะคุณเพชร ฉันเห็นคุณเอาแต่ร้องไห้ตลอดเลย อยากให้ยิ้มบ้าง โลกเรามันไม่โหดร้ายไปเสียทุกเรื่องหรอกนะคะ ฉันเชื่อว่าสักวันมันต้องผ่านไปด้วยดีค่ะ” รัตติกาลเอ่ยปลอบแม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางนัก แต่เธอก็ขอเดาไว้ก่อนเลยว่าเป็นเรื่องของหัวใจอย่างแน่นอน
“ขอบคุณมากนะคะคุณกาล อย่างน้อยก็ยังมีคุณกาลที่ดีกับเพชรอีกคนหนึ่ง”
**************
ยังเอาใจช่วยหนูเพชรกันอยู่รึเปล่าเอ่ย บทที่ 17 เป็นบทสุดท้ายที่ทีมงานจะลงให้อ่านแล้วนะคะ^^ น่าจะเหลืออีกประมาณ 2-3 ตอนย่อยค่ะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2561, 08:12:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ย. 2561, 08:12:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 524
<< บทที่ 16 -100% | บทที่ 17 -60% >> |