กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: บทที่ ๒๑ สุดทาง ๑ -จบตอน-

“หวังว่าวันนี้เรื่องคงจะจบนะ”

สุพนิตเปรยขึ้นอย่างห่วงๆ พลอยทำให้ทุกคนที่อยู่กันที่ห้องโถงของบ้านเงยหน้ามามองพร้อมกัน ปุณณมานั่งอยู่ในคอกกับลูก ที่พื้นนอกคอกกั้นเป็นจิรสุตาและพี่เลี้ยงของเด็กหญิง จิรศักดิ์นั่งเคียงภรรยาที่โซฟา เขายกกาแฟขึ้นจะจิบแต่สุดท้ายก็วางมันลง

“ดูสิ เพราะความเจ้าชู้ของมันแท้ๆ ทำเมียลำบาก พ่อแม่เพื่อนคนอื่นๆ ก็พลอยมาลำบากไปกับมันด้วย”

สองสามีภรรยาสูงวัยพร้อมถอนใจ

จิรสุตาหันมายิ้มให้กับปุณณมา “พี่สินกลับมาน่าจะโดนมากกว่ากัณฑ์เทศละค่ะพี่จันทร์ อาจจะถูกหวายลงหลัง”

คุณแม่ลูกอ่อนหัวเราะกับมุขตลกฝืดของจิรสุตา

“ขอโทษนะคะที่ตามองพี่จันทร์ในแง่ลบมาตลอดเลย”

“โถน้องตา” ปุณณมามองสบตาน้องสาวของจิรสิน “อย่าเพิ่งคิดจะชมพี่เลยค่ะ ฟังพี่สารภาพก่อนเถอะ” เธอบอกกลั้วหัวเราะ

“นี่ถ้าไม่รู้จักกันมากขึ้น ตาก็คงมองว่าพี่จันทร์เป็นคนกวนโอ๊ยได้โล่คนหนึ่งเลยนะคะเนี่ย”

ปุณณมาหัวเราะเฉยเสีย

“ก็เพราะอย่างนี้สิคะ วันนั้นยายพิมพ์ถึงได้เข้าใจผิดๆ”

“น้องตาพูดอีกก็ถูกอีกค่ะ”

จิรสุตามองค้อนคนอารมณ์ดี

“ก็มันจริงนี่คะ ตอนพี่กลับมาพี่เจอสิน ตอนนั้นความคิดพี่เกี่ยวกับสินมันไม่บริสุทธิ์จริงๆ และถ้าสินยังมีใจให้พี่นะ พี่ก็คงจะแย่งกลับมา แต่คงเป็นโชคดีของสินที่ไม่ได้มีใจให้พี่แล้ว”

จิรสุตาทำหน้าไม่เชื่อ

“อีกอย่างพี่ขี้เกียจทำให้สินรักพี่อีก พี่ว่ามันลำบากพี่ก็เลยยอมแพ้ พูดตรงๆ นะคะน้องตาพี่ไม่กล้าสู้คุณพิมพ์หรอก เพราะตอนคบกับพี่ สินไม่เคยเป็นแบบที่อยู่กับคุณพิมพ์ เขาดูสงบ ดูมีความสุขจริงๆ นั่นแหละพี่เลยถึงบางอ้อ สินอาจเคยรักพี่แต่มันไม่ใช่รักที่แท้จริง แต่กับคุณพิมพ์ต่างหากที่ใช่”

“อร๊าย-ย-ย-ย” ท่าทางกรี๊ดแบบแสร้งทำนั่นของจิรสุตาทำเอาปุณณมาหัวเราะร่วน “ถ้าพี่จันทร์เป็นผู้ชายแล้วพูดแบบเมื่อกี๊ ตาจะวิ่งเข้าไปกอดเลยค่ะนี่พูดจริง!” จากนั้นน้องสาวจิรสินก็ก้มลงพูดกับยายหนู “ขุ่นแม่ยายหนูเท่มาก-ก-ก ก.ไก่ล้านตัวเลยลู้ก-ก-ก”

ยายหนูพอโดนแหย่ก็หัวเราะเอิ้กอ้าก ทั้งจิรศักดิ์ ทั้งสุพนิตเลยหันมาสนใจหลานเล็กด้วย จิรสุตาอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาพาไปหาลุงกับป้า ปุณณมาซึ่งทำแค่นั่งมองก็โคลงศีรษะพลางอมยิ้ม

วันที่เธอตัดสินใจเคลียร์กับศศิพิมพ์ วันที่ถูกหันหลังให้จนเกือบจะเคลียร์กันไม่รู้เรื่อง วันนั้นเองที่เธอพบว่าสายตาของครอบครัวจิรสินไม่มีแววระแวงแฝงอยู่ยามมองมา

‘พี่อยากสารภาพกับคุณพิมพ์’ ปุณณมามองหน้าศศิพิมพ์แน่วนิ่ง ‘พี่อยากกลับมาหาสินค่ะ’

ปฏิกิริยาของศศิพิมพ์ที่ได้ฟังคือเดินหนีเธอไปเลย!

ปุณณมาตามไปทันตรงกลางสวน ในความคิดคือพูดออกไปแบบนี้ศศิพิมพ์คงมีตบ คงมีเคลียร์กันให้เข้าใจ แต่ผิดคาดที่อีกฝ่ายเลือกจะเดินหนีเลยต้องรีบตามมาก่อนจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นไปอีก

‘พี่จันทร์ปล่อยพิมพ์เถอะค่ะ พิมพ์เข้าใจหมดแล้ว’

ศศิพิมพ์พยายามที่จะสะบัดมือเธอออก แต่ปุณณมาไม่ยอมปล่อย หล่อนจึงหันมามองอย่างเอาเรื่อง ดวงตาที่มองสบมีน้ำตาคลอ

‘แน่ใจหรือคะว่าเข้าใจหมดแล้ว พี่ว่าคุณพิมพ์ยังไม่เข้าใจเลยมากกว่า และที่สินเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับคุณพี่ให้พี่ฟังก็เพราะ--’

หล่อนเม้มริมฝีปากแน่นพลางเบือนหน้าหนี ปุณณมาได้แต่กลอกตาแต่ก็ยังดีที่เลิกสะบัดมือไม้แล้ว

‘เพราะคิดว่าพี่อาจมีคำแนะนำดีๆ ว่าเขาควรทำยังไงถึงจะไม่คิดเล็กคิดน้อยเวลาที่เพื่อนคุณพิมพ์มาหา จริงๆ เขาห้ามพี่พูด แต่พี่ก็จะพูด ถ้าไม่พูดก็คงเคลียร์กันไม่จบ สินหึงคุณพิมพ์มากนะคะ ยิ่งหึงยิ่งหวงมากก็แปลว่ายิ่งรักมาก’

ศศิพิมพ์ยังคงไม่ยอมหันกลับมา

‘เรื่องอื่นพี่ไม่รู้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับพี่ พี่อยากยืนยัน คุณลุงคุณป้าแล้วก็สินใจดีกับพี่มาก พี่เคยทำร้ายๆ ไว้พวกเขาก็ยังช่วยพี่ ไม่รู้สินเคยเล่าไหมพี่เป็นเด็กกำพร้าญาติไม่มี โตมากับสถานสงเคราะห์ โชคดีที่ได้เรียนได้ทำงานดีๆ พอมีโอกาสได้ทำงานบันเทิงพี่ก็เหลิง เหลิงจนทิ้งสินไป ถึงตอนนี้พี่ซมซานกลับมา ก็มีแค่พวกเขาที่เป็นเหมือนญาติ

‘พี่ไม่มีที่พึ่ง จะมีก็แค่สินกับคุณลุงคุณป้า แล้วพี่ก็รู้ว่าการที่พี่พึ่งครอบครัวของสิน มันทำให้คุณพิมพ์กับสินมีปัญหากัน คุณพิมพ์คงคิดว่าพี่พูดเรื่องสินเพราะพี่อยากขอเขาคืน ซึ่งก็ใช่ตอนพี่กลับมาไทยใหม่ๆ พี่ก็อยากกลับมาหาสิน ถ้าเขาจะยังรักพี่ซึ่งมันก็ไม่ใช่ สินไม่ได้รักพี่แล้ว’

พูดออกไปก็เหมือนจะได้ผลบ้างเพราะศศิพิมพ์หันมามอง แม้จะเป็นสายตาหวาดระแวงก็ตาม

‘ฟังดูเหมือนคนเห็นแก่ได้แต่พี่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ ตอนรู้ว่าสินจะแต่งงานกับคนอื่น พี่ใจหาย พี่อิจฉา พี่คิดอยากแย่งสินกลับมา แต่พอได้คุยกันตรงๆ สินบอกว่าสินอยากอยู่กับคุณพิมพ์ เขาบอกกับพี่ตรงๆ ว่าคนที่รักตอนนี้คือคุณพิมพ์’

คนเล่ายิ้มเศร้า

‘พี่ซึ้งในน้ำใจของเขา ดีใจมากที่ยังได้เป็นเพื่อนกันเพราะขนาดพี่ทำกับสินไว้ขนาดนั้น เขาก็ยังจะช่วยพี่ แล้วที่พี่พูดนี่น่ะ พี่อยากจะเตือนคุณพิมพ์ ที่พี่ต้องเลิกกับสินก็เพราะแบบนี้ ปัญหาระหว่างเราที่เกิดขึ้น เราสองคนสร้างมันขึ้นมาแล้วก็ไม่ปัญญาแก้มันได้

‘ตอนนั้นที่มีปัญหาเพราะคุณตี๊เริ่มแทรกเข้ามาระหว่างพี่กับสิน แล้วมันก็เหมือน...’ เธอถอนหายใจ อึดอัดไม่คอยอยากเล่าแต่ก็ต้องเล่า ‘ตอนนี้ เหมือนพี่ตอนนี้ที่เข้ามาแทรกระหว่างคุณพิมพ์กับสิน’

ปุณณมาหยุดและรอให้ศศิพิมพ์ตัดสินใจเองว่าจะฟังเธอพูดต่อหรือไม่ ราวห้านาทีแววหวาดระแวงในดวงตาที่มองมาจางลง

‘คุณตีรณา... เหรอคะ’



‘ใช่ค่ะ สินเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับคุณพิมพ์ให้พี่ฟัง แล้วบ่นๆ ว่าตีรณาก็ยังหาทางเลื่อยขาเตียงอีก พี่ถึงได้รู้ว่าคุณตี๊กลับเข้ามาในชีวิตของสินอีกแล้ว ตอนที่พี่คบกับสินก็เป็นเธอ พอเธอก้าวเข้ามาพี่กับสินก็เริ่มมีปัญหากัน



‘ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าเธอยังคิดทำอย่างนั้นอีกไหม แต่พี่ก็ยังอยากเตือนผู้หญิงคนนี้น่ากลัว พี่พลาดเพราะเคยหูเบา เคยเชื่อเธอ



‘แล้วคุณพิมพ์ก็กำลังจะเป็นเหมือนกับพี่ หนีปัญหา แล้วก็จะพลอยหนีสินไป เพราะอย่างนี้พี่ถึงอยากเคลียร์ ถ้าพี่ทำให้คุณพิมพ์กับสินมีปัญหากัน พี่ขอยืนยันพี่กับสินเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ถ้าคุณพิมพ์ไม่สบายใจเรื่องที่พี่อยู่ที่นี่ซึ่งแน่นอนมันใช่ พี่ก็จะย้ายออกไป และถ้าคุณพิมพ์อยากรู้ทำไมพี่ไม่ย้ายออกไปเลยแล้วไม่ต้องพูดอะไร มันก็ใช่อีกแหละแต่พี่ไม่สบายใจ พี่อยากเคลียร์ให้จบ อยากพูดกันให้เข้าใจ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างอีก’



ศศิพิมพ์ยังคงลังเล



‘คุณพิมพ์ลองคิดดูดีๆ นะคะ ปัญหาของคุณพิมพ์กับสินคืออะไรทำไมถึงได้ทะเลาะกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พี่ไม่เคยเห็นคุณพิมพ์ทะเลาะกับสินเลย สินกับคุณพิมพ์น่ะดูเข้าใจกันมาก แต่จู่ๆ อะไรที่ทำให้ไม่เข้าใจกัน พี่เป็นคนนอกและมันดูเสนอหน้ามากไปแต่พี่ก็อยากบอก รีบเคลียร์เสียเถอะค่ะ ตอนนี้คงอารมณ์เย็นกันบ้างแล้วปล่อยนานไปก็เหมือนกับเชื้อร้าย ยิ่งลุกลามก็ยิ่งแก้ยาก รักษายาก’



’ ปุณณมาให้เวลาศศิพิมพ์ได้ครุ่นคิด ชั่วอึดใจภรรยาจิรสินจึงพอจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าปรากฏขึ้นมาได้



‘จริงด้วยค่ะ พิมพ์รู้แล้ว ที่เราเข้าใจกันตั้งแต่แรกก็เพราะเราพูดกัน แต่ระยะหลังๆ นี้เราแทบไม่ได้คุยกันเลย’



‘ใช่ไหมล่ะคะ อยากรู้อะไรก็ถาม สงสัยอะไรก็พูดออกมาค่ะ ถ้าสินโกหกพี่คิดว่าคุณพิมพ์ต้องรู้ ใช่ไหมล่ะคะ’



สีหน้าศศิพิมพ์คล้ายจะร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมกัน



‘พิมพ์จะไปคุยกับพี่สินค่ะ ทุกเรื่อง ทุกเรื่องเลย’



ปุณณมาพยักหน้าจะบอกว่าดีแล้ว แต่จังหวะที่หมุนตัวจะเดินจากไปศศิพิมพ์ก็เซ หล่อนทรงตัวไม่อยู่ แล้วแค่ไม่กี่วินาทีจากนั้นก็ร่วงลงพื้นเหมือนนกปีกหัก เธอถลาเข้าไปประคองไว้แทบไม่ทัน แค่ไม่กี่นาทีนั้นศศิพิมพ์ยังพอมีสติบอกว่าเวียนหัวและคลื่นไส้มาก



ปุณณมาดึงตัวเองออกจากความคิด เธอลอบผ่อนลมหายใจ



ก่อนหมดสติศศิพิมพ์ขอเธอไว้ บอกว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องอาการของหล่อนกับใคร



คุณแม่ลูกอ่อนมองคนในครอบครัวของจิรสินแล้วก็ได้แต่อ่อนใจ นึกรู้ว่าทำไมศศิพิมพ์ถึงได้บอกว่าห้ามบอกใครตอนนี้ เนื่องจากหากพูดออกไป เรื่องที่วางแผนตลบหลังตีรณาก็คงจะไม่เกิดขึ้น



ก็นะ... ใครจะปล่อยให้คนท้องไปฉะปะดะกับคู่อริกัน!





กล้องในห้องที่แอบติดตั้งไว้เสีย!

ตีรณาโมโหจนไม่รู้จะโมโหอย่างไร พอโทรศัพท์ไปหานายคนที่ถูกจ้างวานก็พบว่าอีกฝ่ายบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร พร้อมส่งรูปมาให้ดู ศศิพิมพ์นอนอยู่บนเตียง ณวัฒน์ถูกลากเข้าไปไว้ในห้องน้ำ แต่... จิรสินยังมาไม่ถึงเสียที

อีกสิบนาทีถ้าขับรถแบบเร็วเต็มที่ก็น่าจะมาถึง ตีรณาชั่งใจนึกหงุดหงิดที่คนถูกจ้างไม่รู้ว่าเธอซ่อนกล้องไว้ที่ไหน หญิงสาวตัดสินใจก้าวออกจากห้องเพื่อจะไปแก้ไขกล้องที่แอบซ่อนไว้

เธอใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป ตีรณาก้าวฉับๆ ผ่านทางเดินสั้นๆ และห้องรับแขกไปยังห้องนอน ในห้องค่อนข้างมืดเพราะปิดม่านทึบและเปิดไฟไว้เพียงสลัว หญิงสาวก้าวเข้าไปหยุดหน้าห้องนอนและทันทีเธอเอื้อมมือไปผลักประตูเปิดออกก่อนก้าวเข้าไป

มีเพียงห้องว่างเปล่า เธอขมวดคิ้ว

“ปล่อยให้รอตั้งนานแน่ะตี๊”

น้ำเสียงเย็นชานั่นเธอจำได้ ตีรณาตัวแข็งทื่อก่อนหมุนตัวกลับมามองจากทางด้านหลัง เธอเบิกตาโตอย่างคาดไม่ถึง

จิรสินยืนเคียงอยู่กับศศิพิมพ์ซึ่งแต่งตัวเรียบร้อย ณวัฒน์ยืนเยื้องไปทางด้านหลัง มีตำรวจหนึ่งนายจับอยู่ที่ต้นแขนนายคนถูกจ้างซึ่งคอตกไม่ได้เงยหน้ามองใคร

นางแบบสาวหันซ้ายหันขวาจะหาทางหนี แต่เธอเพิ่งรู้ว่าหมดทางประตูห้องที่จะออกไปด้านนอกเมื่อมองไปก็เจอกับรปภ.ประจำโรงแรม ในห้องนอนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำคือตำรวจอีกหนึ่งนาย!

ตีรณากำมือแน่น กัดริมฝีปากมองจิรสินและศศิพิมพ์อย่างฮึดฮัด เมื่อตำรวจเข้ามาจับมือเธอเพื่อจะใส่กุญแจมือ นางแบบสาวกรีดร้องและไม่ยอมง่ายๆ ต้องร้อนถึงรปภ.โรงแรมเข้ามาช่วยอีกหนึ่งคน

“ปล่อยฉัน!”

ถึงขั้นนี้จะแก้ตัวอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

“ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นและฉันต้องการติดต่อทนาย!!”

“ตี๊--”

จิรสินผ่อนลมหายใจ ใบหน้าเคร่งเครียดมองอดีตกิ๊กเก่าในเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีดำกับกางเกงผ้าหลวมๆ สีเดียวกันอย่างปลงๆ ตีรณารวบผมไว้ในหมวกสีดำ หล่อนสวมแว่นตาดำ แต่ยังไม่วายทิ้งลายแฟชั่นด้วยรองเท้าส้นสูงสีแดง และทาลิปสติกสีแดงยิ่งกว่ารองเท้า

“ถึงขั้นนี้แล้วนะ พยานหลักฐานพร้อมขนาดนี้แล้วนะ!” จิรสินตะโกนก้องอย่างโมโหและเริ่มจะทนไม่ไหว “หัดยอมรับความจริงเสียบ้าง คุณทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า ยิ่งนับวันคุณยิ่งทำเรื่องร้ายๆ ยิ่งทำก็ยิ่งทำลายตัวคุณเอง!”

ตีรณากรีดร้องเสียงดัง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ท่าทางของคนที่ป่วยทางจิตแม้แต่น้อย บ่งบอกชัดว่าหล่อนมีสติอยู่ครบถ้วน

“อย่ามาเทศนาสั่งสอนฉันนะ แกมันก็คนมักมาก ไอ้เวรเอ๊ย! แกทำลายชีวิตฉันแล้วยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ไอ้ชีวิตเฮงซวยห่าเหวของแกน่ะฉันนี่แหละจะช่วยซ้ำให้ เอาให้มันบัดซบยิ่งกว่าชีวิตฉัน!”

นายตำรวจที่ยืนอยู่กับจิรสินได้แต่โคลงศีรษะ

“โอ้โห” ณวัฒน์เอ่ยแทรก เขาปรบมือด้วยซ้ำและมองตีรณาอย่างทึ่ง “นี่อย่าหาว่าเหยียดเลยนะ เพิ่งเจอคนไม่บ้าและตรรกะเพี้ยนได้ขนาดนี้ ไม่ธรรมดานะคุณ”

ตีรณาปากคอสั่นอ้าค้าง “ไอ้! ไอ้--” เธอคิดหาคำพูดไม่เจอ “ไอ้โง่!” เสียงหล่อนดังก้องทั้งห้อง “แกหลอกฉัน แกบอกแผนของฉันกับพวกมัน แกนี่เองที่รวมหัวกับพวกมันทำลายฉัน!”

ณวัฒน์ยักไหล่และยิ้มร้าย

“พูดแบบนี้ระวังจะโดนข้อหาเพิ่มนะครับคุณตีรณา”


ณวัฒน์มองนางแบบสาวที่ดิ้นอีกครั้งจนเหนื่อยแต่ทำอะไรไม่ได้ หล่อนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธถึงขีดสุด ตีรณาคงนึกว่าเขาโง่ ซึ่งจริงๆ เขาก็ยอมรับว่าเกือบโง่ แต่ระหว่างหล่อนกับศศิพิมพ์ เขาเลือกที่จะเชื่อศศิพิมพ์มากกว่า เลือกหัวใจที่ยังรักศศิพิมพ์มากกว่าเลือกที่จะเห็นแก่ตัว ตามที่ตีรณาใช้มันมาหลอกล่อเขาให้เป็นเหยื่อของเธอ

หล่อนบอกว่าอยากเห็นจิรสินไม่มีความสุข

อันนี้เขาเชื่อ

แต่เชื่อยิ่งกว่าก็คือ... หล่อนคงไม่ได้อยากเห็นศศิพิมพ์มีความสุข

ดังนั้นหลังได้รับการติดต่อจากตีรณา ณวัฒน์ก็ชั่งใจอยู่พักใหญ่จึงได้เอ่ยเรื่องนี้ให้กับศศิพิมพ์และจิรสินฟัง

เริ่มต้นคุยก็ไม่ได้ดีนัก เพราะสามีศศิพิมพ์มีท่าทางเหมือนอยากจะงับหัวเขาเต็มแก่

‘ณุอยากคุยกับพิมพ์กับคุณสิน เรื่องผู้หญิงที่ชื่อตีรณา’

เขาเริ่มต้นเช่นนี้ ตอนหลายวันก่อนที่จิรสินกลับดึกและยังแซะเขาเรื่องอยู่กับศศิพิมพ์จนค่ำมืดดึกดื่น ณวัฒน์ยอมรับว่าเหนื่อย เหนื่อยตรงที่เห็นคนที่เขารักไม่มีความสุข ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่ชายและศศิพิมพ์ กระทั่งกับอรนุชาเขาก็รู้สึกผิด เธอรอเขา รอมาตั้งนานทั้งๆ ที่ควรเลิกรอได้แล้วแต่เธอก็ไม่

แต่ให้รออย่างไรเขาก็ไม่รักเธอ ซึ่งมันก็คงเหมือนกับให้ทำอย่างไรศศิพิมพ์ก็ไม่ได้รู้สึกกับเขามากเกินกว่าเพื่อน

‘ณุอยากเห็นพิมพ์มีความสุข ณุรู้แล้วละการมาของณุมันทำให้พิมพ์ไม่มีความสุข’

‘ไม่ใช่แบบนั้นนะณุ--’

‘อย่าปฏิเสธเลย พิมพ์กับเขามีปัญหากันเพราะเราแน่ๆ ณุไม่ได้อ่อนแอเหมือนตอนก่อนนั้นแล้วละพิมพ์ ณุรู้แล้ว ใจคนบังคับไม่ได้’

ณวัฒน์เอ่ยแล้วมองไปยังบันไดชั้นสอง พูดเสียงดังขึ้นอีกหน่อย

‘ลงมาเถอะครับคุณสิน ไม่ต้องแอบฟังแบบนั้นหรอกครับผมกับพิมพ์ไม่มีความลับอะไรหรอก’

และสิ่งที่เขาได้เห็นต่อจากนั้นคือจิรสินที่ตีหน้าไม่ถูกและก้าวลงมาก่อนทรุดลงนั่งเคียงข้างศศิพิมพ์ สองสามีภรรยามองหน้ากันอยู่อึดใจจึงได้หันมาพูดกับเขา

‘ตี๊ คุณไปรู้จักตีรณาได้ยังไงคุณณวัฒน์’

เขาเริ่มเล่าเมื่อสองสามีภรรยาซึ่งดูจะมีปัญหากันมากขึ้นเรื่อยๆ ยอมฟังในสิ่งที่เขาร้องขอ

‘ตีรณานัดเจอผมผ่านน้องอร แต่ผมไม่รู้นะว่าน้องอรไปรู้จักหล่อนได้ยังไง หล่อนนัดเจอผมและพูดถึงพิมพ์’ ศศิพิมพ์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ‘ใช่ หล่อนพูดเรื่องพิมพ์ ทำทีเหมือนจะเตือนว่าคุณสินไม่ใช่คนที่พิมพ์จะใช้ชีวิตด้วยได้ จนกระทั่งสองสามครั้งหลังหล่อนพยายามยุให้ณุแย่งพิมพ์’ เขามองตรงไปยังจิรสิน ‘มาจากคุณ หล่อนให้เหตุผลว่าคุณดีไม่พอสำหรับพิมพ์’

จากการสังเกตจิรสินกำหมัดแน่นทีเดียว

‘ผมไม่รู้หล่อนเป็นคนยังไง แต่พูดกันตรงๆ ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมาก หล่อนดูจริงจังเรื่องคุณมากเลยนะคุณสิน มากเสียจนดูเหมือนหมกมุ่น ดูคล้ายๆ ว่าหล่อนคลั่งคุณเอามากๆ และหล่อนทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้รู้ว่าทั้งคุณทั้งพิมพ์ทำอะไรบ้างในวันนั้น’

ณวัฒน์ผ่อนลมหายใจ

‘ผมว่าผมบ้ามากแล้วนะตอนที่ต้องเลิกกับพิมพ์ แต่หล่อนกลับดูเป็นมากกว่านั้น หล่อนมีสติครบถ้วน การพูดการจา ท่าทางสวยงามองอาจ จะทำอะไรก็มีแผนเป็นขั้นเป็นตอน’

ศศิพิมพ์จึงถาม ‘ณุจะบอกว่า--’

‘ตีรณาป่วยงั้นหรือ’ จิรสินต่อประโยคให้

‘ไม่ใช่นะครับ ผมไม่แน่ใจ แต่เท่าที่สังเกตผมคิดว่าตีรณาตั้งใจทำจริงๆ หล่อนไม่ได้ป่วยนะแต่เหมือนเป็นเอ่อ ที่นิสัย สันดานส่วนลึกของหล่อนมากกว่า’ ณวัฒน์ถอนหายใจ ‘ผมคิดอยู่นานนะกว่าจะตัดสินใจพูดได้ ผมแค่อยากรู้ นอกจากแฟนเก่าคุณสิน ผม แล้วตีรณาใช่ไหมที่ทำให้คุณกับพิมพ์มีปัญหากัน’

โดนคำถามแทงใจดำเข้าคู่แต่งงานก็เงียบกริบ

‘แปลว่าใช่’

ณวัฒน์อยากหัวเราะแต่ดันหัวเราะไม่ออก

‘งั้นก็เข้าเค้า ผมว่านะคุณสิน คงต้องหาทางจัดการผู้หญิงคนนี้แล้วแหละ เพราะถ้าทำเฉยปล่อยหล่อนไว้คุณกับพิมพ์คงไม่มีทางมีความสุข และเผลอๆ หล่อนจะเล่นหนักมือขึ้นเรื่อยๆ คุณรู้ไหม ที่หล่อนนัดผมครั้งหลังสุดหล่อนยุอะไรผม’

เขาหยุดไปอึดใจแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ

‘หล่อนยุให้ผมปล้ำพิมพ์!’




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ส.ค. 2561, 08:34:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ส.ค. 2561, 08:34:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 784





<< บทที่ ๒๐ สุดทาง -จบตอน-, บทที่ ๒๑ สุดทาง ๑ (50%)   บทที่ ๒๒ สองหัวใจ (40%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account