รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 8 -100%
ปกเกศตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ถึงขนาดลุกจากเตียงมาทำอาหารเช้าอย่างเคยไม่ไหว หน้าที่เข้าครัวเช้าวันนี้จึงตกเป็นของแม่ครัวพ่อครัวจำเป็นอย่างนวินดากับธีรไนย สองพี่น้องช่วยกันทำผัดผักบุ้งไฟแดง ผัดกะเพราทะเล และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นวินดาจึงเป็นคนไปปลุกปกเกศด้วยตัวเอง
ทว่าคนถูกชวนออกมาร่วมวงทานอาหารเช้ากลับส่ายหน้า เบ้ปาก หน้าซีดขาวเผือด
“น้องดากินข้าวกับทุกคนไปก่อนเลย ไม่ต้องห่วงพี่ ไว้พี่ดีขึ้นแล้วจะลงไปหากินในครัวเอง”
“พี่เกศยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอคะ” นวินดากวาดตามองญาติสาวด้วยความห่วงใย ปกเกศไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเจ็บป่วยร้ายแรงอะไรหรือไม่
“ดีขึ้นบ้างแล้วจ้ะ แต่พี่อยากพักให้มันหายเลยดีกว่า อีกอย่าง...ถึงกินอะไรตอนนี้พี่ก็คงกินไม่ลงอยู่ดี...ไม่รู้เป็นอะไร เหม็นไปหมดเลย...”
ปกเกศจงใจละไว้ ไม่อยากทำลายความรู้สึกของนวินดา เพราะที่เธอเหม็นแทบทนไม่ไหวตอนนี้ก็คือกลิ่นกะเพราที่อีกฝ่ายตั้งใจทำ มันฟุ้งตลบไปทั่วบ้าน
“พี่เกศไปหาหมอดีไหม ให้พี่ไนยพาไปเถอะนะ” นวินดาเสนอ เห็นอาการของพี่สาวแล้วยิ่งสงสาร พานน้ำตาจะไหล ใบหน้าหวานๆ ที่เคยสดใสน่ารัก ตอนนี้ซีดเซียวไม่มีสีเลือดเลย
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ นิดหน่อยเอง เดี๋ยวพักอีกหน่อยก็หายแล้ว ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”
“พี่เกศน่ะดื้อ” นวินดาจีบปากบ่นไม่จริงจังนัก ขณะเลื่อนมือมาอังหน้าผากอีกฝ่ายวัดความร้อน “โอเค ตัวไม่ร้อน ไม่มีไข้ งั้น...ถ้านอนแล้วยังไม่หาย เย็นนี้ให้พี่ไนยพาไปหาหมอนะคะ”
คนอายุน้อยกว่าไม่กี่เดือนสั่งการเสร็จสรรพ ปกเกศรู้ดีว่าหากยังอิดออดไม่ยอมอยู่อีก นวินดาคงเซ้าซี้ไม่เลิก เพื่อตัดปัญหาเธอจึงพยักหน้ารับไปก่อน คิดว่าอย่างไรเสีย กว่าที่พี่ชายจะกลับจากทำงาน เธอก็คงหาย สบายบรื๋อ ไปทำงานปร๋อแล้ว...ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
ปกเกศดื่มยาหอมที่น้องสาวผสมน้ำอุ่นมาให้ ก่อนจะทิ้งตัวนอน หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย คิดว่าหลับอีกสักหน่อย พอตื่นมาก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่แน่นอน
*************
ชายหนุ่มบิดตัวผ่อนคลาย เมื่อได้เวลาเลิกงานและเขาก็ปิดบัญชีรายการของเดือนนี้ครบหมดแล้ว
ธีรไนยถอนใจยาวโล่งอก รู้สึกสบายใจตัวเบาขึ้น เมื่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าแผนกบัญชีผ่านพ้นไปด้วยดี ระหว่างนั้นช่อฟ้าซึ่งนั่งทำงานอยู่แผนกเดียวกันห่างไปไม่กี่โต๊ะก็รีบเก็บข้าวของเครื่อง สำอางของตัวเองลงกระเป๋าแบรนด์เนมใบโต วิ่งเข้ามาเกาะขอบโต๊ะทำงานของธีรไนย ออกปากชวนเขาเสียงใส กระตือรือร้น
“ไนยคะ งานเสร็จแล้วใช่ไหม เย็นนี้แวะไปกินข้าวบ้านฟ้านะ คุณพ่อคุณแม่ฟ้า ท่านอยากพบไนย”
“ท่านอยากพบผมเหรอ? วันนี้ผมไม่ว่างเสียด้วย”
เขาตอบปฏิเสธอีกฝ่าย ภายหลังจากที่อ่านข้อความในโทรศัพท์มือ ถือของตนเองแล้ว
หน้าบานอารมณ์ดีของช่อฟ้าหายวับไปทันทีทันใดที่ถูกคนรักปฏิเสธ เธอเผลอชักสีหน้าใส่แฟนหนุ่มโดยอัตโนมัติ ตาดุ แข็งกระด้าง
“ไม่ว่างได้ยังไง คุณจะไปไหน มีนัดกับคนอื่นเหรอคะ”
“ไม่ใช่คนอื่นหรอก ยายเกศน่ะ แกไม่ค่อยสบาย นี่ก็ส่งข้อความมาบอกว่ายังไม่หายเลย ผมเลยว่าจะพาแกไปโรงพยาบาล...เรื่องไปบ้านคุณสงสัยผมคงต้องขอเลื่อนไปก่อน ไว้วันหลังได้ไหมคุณฟ้า” ธีรไนยพูดเรื่อยๆ อย่างไม่คิดอะไร แต่คนได้ยินนั้น...สะอึก
เขายังมีหน้ามาย้อนถามเธออีกเหรอ จากที่เคืองขุ่นที่แฟนหนุ่มปฏิเสธ ช่อฟ้าเลยพานน้อยใจขึ้นมา เธอหรืออุตส่าห์ชวน แต่ธีรไนยทำอย่างกับว่า การไปพบบิดามารดาของเธอไม่ใช่ธุระเร่งด่วนอะไร
“ปกเกศโตขนาดนั้นแล้วยังไปโรงพยาบาลเองไม่ได้อีกหรือไง น้องสาวแท้ๆ หรือก็ไม่ใช่ ทำไมคุณต้องคอยดูแลอย่างกับไข่ในหินขนาดนั้นด้วย” ช่อฟ้าตัดพ้อต่อว่าอย่างน้อยใจ
สำหรับธีรไนยแล้ว เธอเป็นแฟนแต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าครอบครัวของเขาเลย อย่าว่าแต่เทียบกับน้องสาวแท้ๆ ของเขาอย่างนวินดาเลย...กะแค่ญาติลูกพี่ลูกน้องต่างสายเลือดกันอย่างปกเกศ เขาก็ยังให้ความสำคัญกับเด็กนั่นมากกว่า
ยิ่งคิด ช่อฟ้าก็ยิ่งโมโห ฉุนเฉียว ขุ่นใจ
“อย่าคิดมากสิคุณ ยายเกศแกไม่มีใคร น่าสงสารออก”
“น่าสงสารตรงไหน ทำไมต้องสงสารด้วย ยังไงก็ไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆ ของคุณอยู่แล้ว...ไปบ้านฟ้าเถอะนะคะ นานๆ ทีคุณพ่อจะได้หยุดงานกลับบ้านเร็ว วันนี้โอกาสดีแล้ว อย่าให้ฟ้าผิดหวังสิ” เธอดึงแขนเขา คะยั้นคะยอ อยากให้ชายหนุ่มเห็นด้วย เขาเองก็มองมายิ้มน้อยๆ ในหน้า ทว่ากลับปฏิเสธอย่างเยือกเย็น
“ผมขอโทษจริงๆ แต่มันไม่ได้ ผมรับปากยายเกศไปแล้วว่าวันนี้จะพาเขาไปโรงพยาบาล...” ธีรไนยไม่ได้ขยายความ ว่าเป็นเพราะช่อฟ้าไม่ได้มาบอกกล่าวเขาล่วงหน้าก่อน เขาเลยคุยกับปกเกศผ่านโปรแกรมสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ ตกลงไปเสร็จสรรพแล้ว ว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ช่อฟ้ามาชวนทีหลัง เขาเลยไม่มีทางอื่น นอกจากต้องปฏิเสธเธอไปก่อน
“ให้น้องดาพาไปแทนก็ได้นี่คะ ทำไมไนยต้องไปเองด้วย เด็กนั่นจะมัวพึ่งแต่ไนยตลอดไม่ได้หรอกนะคะ อีกหน่อยพอเราแต่งงานกันแล้ว ไนยก็ต้องย้ายมาอยู่บ้านฟ้า ถ้าไม่ฝึกให้ปกเกศคุ้นเคยกับการช่วยตัวเองซะบ้าง ต่อไปจะลำบากนะคะ”
“ผมจำไม่ได้ว่าเคยตกลงเรื่องย้ายไปอยู่บ้านคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
ธีรไนยท้วงถามเสียงเรียบ หน้านิ่งทว่าแววตาดูดุขรึม
“เอ๊ะ ต้องให้ฟ้าพูดด้วยเหรอคะ คุณก็รู้อยู่แล้วว่าฟ้าเป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน อีกอย่างบ้านของฟ้าก็ฐานะดีกว่าบ้านคุณมาก คุณเป็นฝ่ายย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านฟ้า มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือคะ” เธออธิบาย ก่อนย้อนถามด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
ธีรไนยถอนใจยาว เหลือบมองคนรัก เขายังไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงานและย้ายไปอยู่กับเธอเลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปกันรอดแค่ไหน ในเมื่อแค่เป็นแฟนกัน ช่อฟ้าก็ ‘คอบ’ เขาไปทุกอย่าง เธอไม่ได้ทำตัวเป็นช้างเท้าหลังหรือก้าวไปพร้อมๆ กัน แต่มักจะแซงหน้า คอยชักจูงให้เขาทำตามที่เธอต้องการอยู่ตลอดเวลา
เขาเคยบ่นเรื่องนี้กับเธอหลายครั้งแล้ว ช่อฟ้าพอเห็นเขาแรงเธอก็หลบ หลีกเลี่ยงไม่พูดถึง แต่พักเดียวก็พูดต่อ ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนว่าไม่เคยทะเลาะกันเรื่องนี้มาก่อน
อย่างที่เธอทำนี่ มันกลบปัญหาเอาไว้ได้ชั่วคราวก็จริง แต่มันก็เหมือนมีคลื่นใต้น้ำ ก่อกวนความรู้สึก ขวางกั้นความสัมพันธ์ไม่ให้สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้เท่าที่ควร
“ไม่ถูกครับ ไม่ถูกมากด้วย เพราะผมยังไม่มีความคิดจะย้ายออกจากบ้านไปไหน” ธีรไนยย้ำช้าๆ ชัดเจน ทำเอาอีกฝ่ายหน้าตึง ไม่พอใจวูบ
“ก็ฟ้าอธิบายให้ฟังไปหมดแล้วไง บ้านของฟ้าใหญ่โต สะดวกสบายกว่า...”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าบ้านจะเล็กหรือใหญ่ ที่สำคัญก็คือมันเป็นบ้านของเรา ไม่ใช่ของคนอื่น”
เขาเน้นคำว่า ‘บ้านของเรา’ แต่ช่อฟ้าไม่รู้สึกว่าเขาหมายรวมเธอเข้าไว้ในนั้นด้วย
มือเรียวที่กำสายสะพายกระเป๋าถือของตัวเองอยู่ จิกเกร็ง สั่นระริก
“บ้านของฟ้าก็เหมือนบ้านของคุณ...”
“ไม่เหมือนหรอก ผมไม่กล้าคิดอย่างนั้น ก็บ้านของคุณใหญ่โตซะขนาดนั้น” ธีรไนยประชดประชันโดยไม่รู้ตัว เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหน้าเสีย น้อยใจวูบ
“ทำไมพูดแบบนี้...เหมือนคุณกำลังกันฟ้าออกจากชีวิตคุณเลยนะคะ” ช่อฟ้าตัดพ้อต่อว่าเขาเสียงขึ้นจมูก น้ำตากำลังจะปริ่มตามออกมา
“นั่นสิ มาคิดๆ ดู...ถ้าเรารักกันมากพอ ระหว่างเรามันคงไม่มีช่อง ว่างมากมายขนาดนี้”
“ไนย...” ช่อฟ้าช็อก ไม่คิดว่าเขาจะพูดแรงขนาดนี้
“ผมว่า...เราน่าจะมีเวลาทบทวนสักหน่อย อย่าเพิ่งคิดเรื่องแต่งงานเลย เอาตรงนี้ให้รอดก่อนดีกว่า...ขอตัวก่อนนะ ผมต้องรีบไปแล้ว”
ไม่รอให้ช่อฟ้าได้เอ่ยอะไรอีก ธีรไนยก็ผละออกไปอย่างรวดเร็ว
ช่อฟ้าได้แต่มองตามหลังธีรไนยไปทั้งตัวชา
ต่อให้แฟนหนุ่มไม่เอ่ยออกมาตรงๆ แต่เธอก็รู้ว่า สำหรับเขาแล้ว เธอสำคัญเทียบเท่าปกเกศยังไม่ได้ด้วยซ้ำ…วินาทีต่อมาที่ธีรไนยลับตาไปแล้ว ความรู้สึกชาไปถึงขั้วหัวใจนั้นจึงกลับแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
หญิงสาวโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาเรียวเฉียงกระด้าง เกรี้ยวกราด ไฟโทสะคุกรุ่น
ปากเขาก็บอกว่ารักปกเกศเหมือนน้องสาว แต่ปกเกศไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ใครจะไปไว้ใจได้...!
**************
มาต่อจ้า วันนี้หนังสือรักรออุ้มจะมาถึงมือสนพ.แล้วนะคะ ตื่นเต้น >///< ฝากหนูปกเกศกับนายกานต์ชนกจอมเอาแต่ใจด้วยนะคะ เล่มหนาร่วม 521 หน้าได้ค่ะ555+ เต็มอิ่มพร้อมตอนพิเศษถึง 4 ตอนรวด!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ทว่าคนถูกชวนออกมาร่วมวงทานอาหารเช้ากลับส่ายหน้า เบ้ปาก หน้าซีดขาวเผือด
“น้องดากินข้าวกับทุกคนไปก่อนเลย ไม่ต้องห่วงพี่ ไว้พี่ดีขึ้นแล้วจะลงไปหากินในครัวเอง”
“พี่เกศยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอคะ” นวินดากวาดตามองญาติสาวด้วยความห่วงใย ปกเกศไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเจ็บป่วยร้ายแรงอะไรหรือไม่
“ดีขึ้นบ้างแล้วจ้ะ แต่พี่อยากพักให้มันหายเลยดีกว่า อีกอย่าง...ถึงกินอะไรตอนนี้พี่ก็คงกินไม่ลงอยู่ดี...ไม่รู้เป็นอะไร เหม็นไปหมดเลย...”
ปกเกศจงใจละไว้ ไม่อยากทำลายความรู้สึกของนวินดา เพราะที่เธอเหม็นแทบทนไม่ไหวตอนนี้ก็คือกลิ่นกะเพราที่อีกฝ่ายตั้งใจทำ มันฟุ้งตลบไปทั่วบ้าน
“พี่เกศไปหาหมอดีไหม ให้พี่ไนยพาไปเถอะนะ” นวินดาเสนอ เห็นอาการของพี่สาวแล้วยิ่งสงสาร พานน้ำตาจะไหล ใบหน้าหวานๆ ที่เคยสดใสน่ารัก ตอนนี้ซีดเซียวไม่มีสีเลือดเลย
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ นิดหน่อยเอง เดี๋ยวพักอีกหน่อยก็หายแล้ว ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”
“พี่เกศน่ะดื้อ” นวินดาจีบปากบ่นไม่จริงจังนัก ขณะเลื่อนมือมาอังหน้าผากอีกฝ่ายวัดความร้อน “โอเค ตัวไม่ร้อน ไม่มีไข้ งั้น...ถ้านอนแล้วยังไม่หาย เย็นนี้ให้พี่ไนยพาไปหาหมอนะคะ”
คนอายุน้อยกว่าไม่กี่เดือนสั่งการเสร็จสรรพ ปกเกศรู้ดีว่าหากยังอิดออดไม่ยอมอยู่อีก นวินดาคงเซ้าซี้ไม่เลิก เพื่อตัดปัญหาเธอจึงพยักหน้ารับไปก่อน คิดว่าอย่างไรเสีย กว่าที่พี่ชายจะกลับจากทำงาน เธอก็คงหาย สบายบรื๋อ ไปทำงานปร๋อแล้ว...ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
ปกเกศดื่มยาหอมที่น้องสาวผสมน้ำอุ่นมาให้ ก่อนจะทิ้งตัวนอน หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย คิดว่าหลับอีกสักหน่อย พอตื่นมาก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่แน่นอน
*************
ชายหนุ่มบิดตัวผ่อนคลาย เมื่อได้เวลาเลิกงานและเขาก็ปิดบัญชีรายการของเดือนนี้ครบหมดแล้ว
ธีรไนยถอนใจยาวโล่งอก รู้สึกสบายใจตัวเบาขึ้น เมื่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าแผนกบัญชีผ่านพ้นไปด้วยดี ระหว่างนั้นช่อฟ้าซึ่งนั่งทำงานอยู่แผนกเดียวกันห่างไปไม่กี่โต๊ะก็รีบเก็บข้าวของเครื่อง สำอางของตัวเองลงกระเป๋าแบรนด์เนมใบโต วิ่งเข้ามาเกาะขอบโต๊ะทำงานของธีรไนย ออกปากชวนเขาเสียงใส กระตือรือร้น
“ไนยคะ งานเสร็จแล้วใช่ไหม เย็นนี้แวะไปกินข้าวบ้านฟ้านะ คุณพ่อคุณแม่ฟ้า ท่านอยากพบไนย”
“ท่านอยากพบผมเหรอ? วันนี้ผมไม่ว่างเสียด้วย”
เขาตอบปฏิเสธอีกฝ่าย ภายหลังจากที่อ่านข้อความในโทรศัพท์มือ ถือของตนเองแล้ว
หน้าบานอารมณ์ดีของช่อฟ้าหายวับไปทันทีทันใดที่ถูกคนรักปฏิเสธ เธอเผลอชักสีหน้าใส่แฟนหนุ่มโดยอัตโนมัติ ตาดุ แข็งกระด้าง
“ไม่ว่างได้ยังไง คุณจะไปไหน มีนัดกับคนอื่นเหรอคะ”
“ไม่ใช่คนอื่นหรอก ยายเกศน่ะ แกไม่ค่อยสบาย นี่ก็ส่งข้อความมาบอกว่ายังไม่หายเลย ผมเลยว่าจะพาแกไปโรงพยาบาล...เรื่องไปบ้านคุณสงสัยผมคงต้องขอเลื่อนไปก่อน ไว้วันหลังได้ไหมคุณฟ้า” ธีรไนยพูดเรื่อยๆ อย่างไม่คิดอะไร แต่คนได้ยินนั้น...สะอึก
เขายังมีหน้ามาย้อนถามเธออีกเหรอ จากที่เคืองขุ่นที่แฟนหนุ่มปฏิเสธ ช่อฟ้าเลยพานน้อยใจขึ้นมา เธอหรืออุตส่าห์ชวน แต่ธีรไนยทำอย่างกับว่า การไปพบบิดามารดาของเธอไม่ใช่ธุระเร่งด่วนอะไร
“ปกเกศโตขนาดนั้นแล้วยังไปโรงพยาบาลเองไม่ได้อีกหรือไง น้องสาวแท้ๆ หรือก็ไม่ใช่ ทำไมคุณต้องคอยดูแลอย่างกับไข่ในหินขนาดนั้นด้วย” ช่อฟ้าตัดพ้อต่อว่าอย่างน้อยใจ
สำหรับธีรไนยแล้ว เธอเป็นแฟนแต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าครอบครัวของเขาเลย อย่าว่าแต่เทียบกับน้องสาวแท้ๆ ของเขาอย่างนวินดาเลย...กะแค่ญาติลูกพี่ลูกน้องต่างสายเลือดกันอย่างปกเกศ เขาก็ยังให้ความสำคัญกับเด็กนั่นมากกว่า
ยิ่งคิด ช่อฟ้าก็ยิ่งโมโห ฉุนเฉียว ขุ่นใจ
“อย่าคิดมากสิคุณ ยายเกศแกไม่มีใคร น่าสงสารออก”
“น่าสงสารตรงไหน ทำไมต้องสงสารด้วย ยังไงก็ไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆ ของคุณอยู่แล้ว...ไปบ้านฟ้าเถอะนะคะ นานๆ ทีคุณพ่อจะได้หยุดงานกลับบ้านเร็ว วันนี้โอกาสดีแล้ว อย่าให้ฟ้าผิดหวังสิ” เธอดึงแขนเขา คะยั้นคะยอ อยากให้ชายหนุ่มเห็นด้วย เขาเองก็มองมายิ้มน้อยๆ ในหน้า ทว่ากลับปฏิเสธอย่างเยือกเย็น
“ผมขอโทษจริงๆ แต่มันไม่ได้ ผมรับปากยายเกศไปแล้วว่าวันนี้จะพาเขาไปโรงพยาบาล...” ธีรไนยไม่ได้ขยายความ ว่าเป็นเพราะช่อฟ้าไม่ได้มาบอกกล่าวเขาล่วงหน้าก่อน เขาเลยคุยกับปกเกศผ่านโปรแกรมสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ ตกลงไปเสร็จสรรพแล้ว ว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ช่อฟ้ามาชวนทีหลัง เขาเลยไม่มีทางอื่น นอกจากต้องปฏิเสธเธอไปก่อน
“ให้น้องดาพาไปแทนก็ได้นี่คะ ทำไมไนยต้องไปเองด้วย เด็กนั่นจะมัวพึ่งแต่ไนยตลอดไม่ได้หรอกนะคะ อีกหน่อยพอเราแต่งงานกันแล้ว ไนยก็ต้องย้ายมาอยู่บ้านฟ้า ถ้าไม่ฝึกให้ปกเกศคุ้นเคยกับการช่วยตัวเองซะบ้าง ต่อไปจะลำบากนะคะ”
“ผมจำไม่ได้ว่าเคยตกลงเรื่องย้ายไปอยู่บ้านคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
ธีรไนยท้วงถามเสียงเรียบ หน้านิ่งทว่าแววตาดูดุขรึม
“เอ๊ะ ต้องให้ฟ้าพูดด้วยเหรอคะ คุณก็รู้อยู่แล้วว่าฟ้าเป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน อีกอย่างบ้านของฟ้าก็ฐานะดีกว่าบ้านคุณมาก คุณเป็นฝ่ายย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านฟ้า มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือคะ” เธออธิบาย ก่อนย้อนถามด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
ธีรไนยถอนใจยาว เหลือบมองคนรัก เขายังไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงานและย้ายไปอยู่กับเธอเลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปกันรอดแค่ไหน ในเมื่อแค่เป็นแฟนกัน ช่อฟ้าก็ ‘คอบ’ เขาไปทุกอย่าง เธอไม่ได้ทำตัวเป็นช้างเท้าหลังหรือก้าวไปพร้อมๆ กัน แต่มักจะแซงหน้า คอยชักจูงให้เขาทำตามที่เธอต้องการอยู่ตลอดเวลา
เขาเคยบ่นเรื่องนี้กับเธอหลายครั้งแล้ว ช่อฟ้าพอเห็นเขาแรงเธอก็หลบ หลีกเลี่ยงไม่พูดถึง แต่พักเดียวก็พูดต่อ ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนว่าไม่เคยทะเลาะกันเรื่องนี้มาก่อน
อย่างที่เธอทำนี่ มันกลบปัญหาเอาไว้ได้ชั่วคราวก็จริง แต่มันก็เหมือนมีคลื่นใต้น้ำ ก่อกวนความรู้สึก ขวางกั้นความสัมพันธ์ไม่ให้สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้เท่าที่ควร
“ไม่ถูกครับ ไม่ถูกมากด้วย เพราะผมยังไม่มีความคิดจะย้ายออกจากบ้านไปไหน” ธีรไนยย้ำช้าๆ ชัดเจน ทำเอาอีกฝ่ายหน้าตึง ไม่พอใจวูบ
“ก็ฟ้าอธิบายให้ฟังไปหมดแล้วไง บ้านของฟ้าใหญ่โต สะดวกสบายกว่า...”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าบ้านจะเล็กหรือใหญ่ ที่สำคัญก็คือมันเป็นบ้านของเรา ไม่ใช่ของคนอื่น”
เขาเน้นคำว่า ‘บ้านของเรา’ แต่ช่อฟ้าไม่รู้สึกว่าเขาหมายรวมเธอเข้าไว้ในนั้นด้วย
มือเรียวที่กำสายสะพายกระเป๋าถือของตัวเองอยู่ จิกเกร็ง สั่นระริก
“บ้านของฟ้าก็เหมือนบ้านของคุณ...”
“ไม่เหมือนหรอก ผมไม่กล้าคิดอย่างนั้น ก็บ้านของคุณใหญ่โตซะขนาดนั้น” ธีรไนยประชดประชันโดยไม่รู้ตัว เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหน้าเสีย น้อยใจวูบ
“ทำไมพูดแบบนี้...เหมือนคุณกำลังกันฟ้าออกจากชีวิตคุณเลยนะคะ” ช่อฟ้าตัดพ้อต่อว่าเขาเสียงขึ้นจมูก น้ำตากำลังจะปริ่มตามออกมา
“นั่นสิ มาคิดๆ ดู...ถ้าเรารักกันมากพอ ระหว่างเรามันคงไม่มีช่อง ว่างมากมายขนาดนี้”
“ไนย...” ช่อฟ้าช็อก ไม่คิดว่าเขาจะพูดแรงขนาดนี้
“ผมว่า...เราน่าจะมีเวลาทบทวนสักหน่อย อย่าเพิ่งคิดเรื่องแต่งงานเลย เอาตรงนี้ให้รอดก่อนดีกว่า...ขอตัวก่อนนะ ผมต้องรีบไปแล้ว”
ไม่รอให้ช่อฟ้าได้เอ่ยอะไรอีก ธีรไนยก็ผละออกไปอย่างรวดเร็ว
ช่อฟ้าได้แต่มองตามหลังธีรไนยไปทั้งตัวชา
ต่อให้แฟนหนุ่มไม่เอ่ยออกมาตรงๆ แต่เธอก็รู้ว่า สำหรับเขาแล้ว เธอสำคัญเทียบเท่าปกเกศยังไม่ได้ด้วยซ้ำ…วินาทีต่อมาที่ธีรไนยลับตาไปแล้ว ความรู้สึกชาไปถึงขั้วหัวใจนั้นจึงกลับแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
หญิงสาวโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาเรียวเฉียงกระด้าง เกรี้ยวกราด ไฟโทสะคุกรุ่น
ปากเขาก็บอกว่ารักปกเกศเหมือนน้องสาว แต่ปกเกศไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ใครจะไปไว้ใจได้...!
**************
มาต่อจ้า วันนี้หนังสือรักรออุ้มจะมาถึงมือสนพ.แล้วนะคะ ตื่นเต้น >///< ฝากหนูปกเกศกับนายกานต์ชนกจอมเอาแต่ใจด้วยนะคะ เล่มหนาร่วม 521 หน้าได้ค่ะ555+ เต็มอิ่มพร้อมตอนพิเศษถึง 4 ตอนรวด!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2561, 09:30:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2561, 09:30:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 602
<< บทที่ 7 -100% | บทที่ 9 -50% + หนังสือพร้อมส่ง! >> |