No friendship between us เพื่อน(ไม่)แท้
5ปีมาแล้วที่นพและพิมตัดสินใจจบความสัมพันธ์คู่รักของทั้งสองลง และด้วยความบังเอิญทั้งคู่ก็ได้กลับมาเจอกัน ทั้งสองจึงวางข้อตกลงร่วมกันว่าจะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ จะทำได้จริงๆหรอ?
Tags: No friendship between us เพื่อนไม่แท้ ปลวกส์ หนุ่มหมูหยอง หมอ พาราเมดิค พารา paramedic โรงพยาบาล คอมเมดี้ ตลก

ตอน: บทที่สอง ในความทรงจำของเธอ ภาคต้น


“พ่อ! เห็นแว่นหนูไหม?” พิมตะโกนลงมาจากบนห้องนอนของหล่อน

“ไม่เห็น ไปลืมไว้ไหนล่ะ” พ่อของพิมตะโกนตอบจากหลังบ้าน

“ไม่รูค่~า” พิมตะโกนให้ดังกว่าเดิม “ลงมาคุยกันดีๆไม่ได้หรือไง” พ่อยื่นข้อเสนอจบการสนทนาอันโหวกแหวกของทั้งสองด้วยการเชื้อเชิญให้พิมลงมาข้างล่าง

“ตื่นมาก็ไม่เจอแล้วอ่ะ” พิมบ่นอุบอิบกับพ่อ จนพ่อแสดงสีหน้าเหวอเล็กน้อยเพราะพิมลงมาที่ชั้นหนึ่งแถมยังวิ่งมาหลังบ้านซึ่งห่างจากตัวบ้านกว่าร้อยเมตรได้รวดเร็วจนเหมือนหล่อนมีประตูวิเศษ “อะ เออ ไปดูบ้านไอ้นพยัง?” พ่อตอบพิมอย่างตะกุกตะกัก และยังแสดงสีหน้าแปลกใจไม่หาย

“อ้า! เอ้อ! จริงด้วย ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวกลับมากินข้าวนะ อย่าพิ่งกินนะ เดี๋ยวมา อย่านะ” เสียงของพิมค่อยๆเบาลงเพราะหล่อนพูดไปด้วยแล้วก็วิ่งไปบ้านฝั่งตรงข้ามไปด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่บ้านของใครอื่น บ้านของหมอนพนั่นแหล่ะ

“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณแม่เห็นแว่นหนูไหมคะ หรือนพได้พูดอะไรเกี่ยวกับแว่นหรือเปล่า” เมื่อพิมเดินมาถึงหน้าบ้านก็ได้พบกับแม่ของนพ และเริ่มยิงคำถามรัวๆโดยที่แม่ของนพยังไม่ได้ตอบรับการทักทายของพิมสักคำ

“ใจเย็นไอ้พิม จะรีบไปไหน” แม่ของนพเบรคพิมไว้ก่อน

“หนูมีขึ้นเวรบ่ายไงแม่ เนี่ยบ่ายสามแล้ว สายแน่ๆ” พิมตอบอย่างลุกลี้ลุกลน

“อ๋อหรอ แกบอกแม่เมื่อวานนะว่าวันนี้แกออฟ*”

“หะ?” พิมชงักไปชั่วขณะ ‘อ่า จริงด้วย พรุ่งนี้เวรบ่ายนี่หว่า’ หล่อนนึกในใจ

“อ่ะ ยังรีบอยู่ไหม” แม่นพถาม

“ไม่แล้วค่ะ” พิมยิ้มแหยๆแก้เขินในความเบ๊อะบ๊ะของตัวเอง

“แว่นน่ะ ถ้าในบ้านไม่มีหรอก แม่พึ่งเก็บกวาดบ้านเมื่อเช้ายังไม่เจอแว่นใครเลย ส่วนนพ แม่ก็ยังไม่เห็นพูดอะไรเกี่ยวกับแว่นตั้งแต่เช้าเลย คงจะเหลือแค่ห้องนอนนพแล้วล่ะ ลองไปหาดูนะ”

“ค่ะ” พิมยิ้มแป้น แล้วปรี่วิ่งขึ้นห้องของนพไป



เรามักจะมีภาพจำเกี่ยวกับห้องของผู้ชายจากไหนก็ไม่ทราบว่าห้องของผู้ชายคือห้องรกๆ ของกระจัดกระจาย เสื้อผ้า รองเท้า กางเกงใน วางไว้ตรงโน้นที นี้ที ไม่มีความเป็นระเบียบ แต่ในชีวิตจริง ห้องของผู้ชายที่พิมกำลังจะเข้าไปนั้น คือดืนแดนอันแสนประหลาด ทุกอย่างไม่เหมือนที่คิดเลยสักนิด ดินแดนแห่งนั้นคือ “ห้องไอ้นพ . . . อ้ะ! ห้องทางขวาติดระเบียงนี่หว่า ผิดห้องๆ” พิมเข้าผิดห้อง หล่อนพยายามปิดประตูห้องที่หล่อนเปิดเข้าไปอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือด้วยความเบามือ “ห้องแม่กลิ่นหอมจัง อิอิ” ห้องนั้นคือห้องแม่ของนพนั่นเอง

“คลิก” พิมเปิดประตูเข้าไปในห้องของนพ สภาพภายในห้องไม่ต่างจากห้องที่จัดเอาไว้โชว์ในห้างขายเฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างถูกเก็บไว้อย่างเรียบร้อย ทางเดินในห้องโล่งดูสะอาดสะอ้าน ต้นไม้เขียวสดเหมือนได้รับการดูแลอย่างดี ถึงโต๊ะทำงานจะรกบ้างแต่ก็ไม่ได้แย่ อย่างน้อยก็บ่งบอกว่าเจ้าของห้องยังใช้งานมันได้อย่างคุ้มค่า

พิมกวาดสายตามองอย่างลวกๆ จนไปเจอแว่นกรอบกลมสีทองเหลือบชมพูของหล่อน พิมพุ่งเข้าไปหามันทันทีด้วยความดีใจ และก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมา เจ้าสายตาเบลอๆดันซุกซนไปมองเห็นของบางอย่างที่ทำให้ภาพจำนั้นค่อยๆชัดขึ้นมา แม้ดวงตาของพิมจะยังมองของสิ่งนั่นไม่ค่อยชัดก็ตาม

/ เมื่อคืน / ห้องหมอนพ/

“อ่า แทบไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ” พิมอุทานขึ้นหลังจากที่เข้าไปในห้องของคนอื่นเพียงไม่กี่วินาที

“หึ ทำเป็นพูดดี อย่างแกจะจำอะไรได้จริงๆหรอวะ” นพแซวพิมแรงๆ

“เออๆ ชั้นขอโทษที่ลืมวันเกิด นี่ก็มาฉลองย้อนหลังแล้วไง” พิมตอบกลับด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย

“จ้า” นพตอบ พร้อมกับล้อสีหน้าของพิมไปด้วย

“ไปๆ วางของ ลงไปเอาแก้วกับจานขึ้นมาด้วย เดี๋ยวแกะกับแกล้มรอ” พิมสั่งเจ้าของห้องอย่างไม่เกรงใจ “เออ” นพตอบห้วนๆและลงไปข้างล่างอย่างว่าง่าย เหลือไว้ก็แต่พิม ผู้หญิงบนโลกไม่กี่คนที่ได้ขึ้นมาบนห้องของนพได้

แน่นอนว่าการที่ได้มาอยู่ในห้องของคนรักเก่าซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้สัญชาตญาณอยากรู้อยากเห็นของพิมพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

พิมค่อยๆกวาดสายตาอย่างละเอียดพร้อมกับรำลึกถึงสภาพแวดล้อมเดิมๆที่มันเคยมีอะไรอยู่ตรงโน้น ไม่เคยมีของแบบนี้อยู่ตรงนี้ ซึ่งก็ทำให้พิมเพลิดเพลินไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ดีกว่าการนั่งแกะถุงกับข้าวอยู่คนเดียวเงียบๆละนะ

“หืม?” พิมสะดุดสายตากับสิ่งของบางอย่างเข้า ‘ลูกบาสหรอ?’ อยู่ๆพิมก็นึกถึงเรื่องราวความหลังบางอย่างของมันได้

/ 8 ปีที่แล้ว / ปีสอง / สนามบาสที่คณะ /

“ปึก! โอ๊ะ” เสียงสิ่งของกระแทกกันดังขึ้นระหว่างการแข่งขันที่กำลังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

“เฮ้ย พี่ขอโทษ หัวเป็นไรไหมน่ะพิม” รุ่นพี่ขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่” พิมปฏิเสธ ทั้งที่ก็รู้สึกเจ็บอยู่นิดหน่อย

“หัวมันแข็ง ไม่เป็นไรหรอกพี่” เสียงทุ้มๆดังขึ้นจากอีกฝั่งของสนาม

“ระ หรอ?” รุ่นพี่ทำหน้าหวอเล็กน้อยที่นพพูดแบบนั้น ส่วนพิมก็ได้แต่ทำหน้าโมโห ซึ่งดูน่ารักมากกว่าน่าหมั่นใส้ซะอีก “ไอ้จู๋เล็ก” พิมได้แต่บ่นกับตัวเอง แต่จริงๆคนอื่นก็ได้ยินเหมือนกัน

และเกมส์ก็ดำเนินต่อไปจนจบ

“พิมขอน้ำหน่อย” เด็กหนุ่มในชุดบาส วิ่งมาข้างสนามพร้อมกับเสียงหายใจหอบเหนื่อย เหงื่อชุ่มโชก บ่งบอกถึงอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง

“อ่ะ” พิมยื่นน้ำให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดปกติ

นพได้แต่ทำหน้างง แต่ด้วยสัญชาตญาณนพก็รู้ได้ว่าต้องมีบางอย่างไม่ปลอดภัยแน่ๆ “ไม่กินละ กินเลยเกรงใจ” นพยื่นแก้วนน้ำคืนให้พิมแล้วรีบปรี่วิ่งไปหยิบน้ำในถังน้ำมาดื่มเอง

“ชิ พลาดอีกละ คราวหน้าจะต้องไม่พลาด” พิมบ่นพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง ‘สงสัยเป็นเพราะเป็นแก้วแน่ๆ คราวหน้าต้องทำเนียนๆกว่านี้’

“น้องพิม พี่ขอกินน้ำนะ” พิมยังบ่นไม่ทันขาดคำ รุ่นพี่คนเดิมที่เคยทำลูกบาสกระเด็นมาโดนหัวของพิมก็กระดกน้ำในแก้วไปอึกใหญ่ “พรู่ดดด!” น้ำถูกพ่นออกมาอัตโนมัติ “ว้ายพี่ หนูขอโทษค่ะ” พิมตกใจ พร้อมกับทำท่าพนมมือและขอโทษด้วยน้ำเสียงตกใจปนรู้สึกผิด

“น้ำอุ่น” รุ่นพี่พูดขึ้นในขณะที่ลิ้นยังห้อยอยู่

“ค่ะ ขอโทษค่ะ” พิมขอโทษอย่างจริงจัง

“ว่าละ ทำไมต้องใส่แก้วกันความร้อนมาให้” นพที่เดินกลับมาดูผลงานของพิมอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนเสื้อและใส่แว่นแทนคอนแทคเลนส์เรียบร้อย

“โว้ย” พิมอุทานขึ้นอย่างเจ็บใจ

“ฮ่าๆๆ” นพได้แต่หัวเราะอย่างพึงพอใจ

และในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น อยู่ๆลูกบาสก็ลอยมากจากไหนไม่รู้ แถละก็เป็นอีกครั้งที่มันกระดอนเข้ามาหาพิมราวกับมีคนตั้งใจโยนมันลงมา แต่คราวนี้คนซวยกับเป็น . . .

“โอ๊ย” นพถูกลูกบาสอัดเข้าด้านข้างจนหน้าหัน จนแว่นบนหน้าตกลงบนพื้นอัตโนมัต

“เฮ้ย นพ เป็นไรไหม” พิมทรุดตัวลงไปประคองนพทันที

นพที่ถูกลูกบาสอัดเข้ากลางหูค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมา พอเริ่มทรงตัวได้ก็ทำให้สายตาของเขาประสานกับดวงตาเลิกลั่กของพิมพอดี ที่ตอนนี้แสดงสีหน้าเป็นห่วงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนทำให้นพรู้สึกผิดไม่น้อยที่เคยพูดไม่ดีกับพิมในตอนนั้น ‘รู้สึกผิดเลยว่ะ’ เขาได้แต่คิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“เจ็บว่ะ” นพบ่น

“เออ รู้ซะบ้าง” พิมแซะ ‘อ้าว!?’ นพอยากถอนคำพูดเมื่อกี้คืน แต่ก็ทำไม่ได้ซะทีเดียวเพราะคนที่พยุงร่างของเขาขึ้นมาคือพิมที่ตัวเท่าเด็กมัธยมต้นนั่นเอง

“แว่นอ่ะ แม่งใครวะ โยนมาได้ไง กระแทกซะแว่นหล่น” นพยังคงบ่นไม่เลิก

“เอ่อ แก”

“อะไร เจอแล้วหรอ”

“แว่นแก พังเลยว่ะ” พิมยื่นแว่นให้นพดูในระยะสายตาที่คิดว่าเขาน่าจะพอประเมินสภาพมันได้เองอยู่บ้าง “เชี่ย” นพอุทานอย่างสิ้นหวัง

/ ห้องนพ /

“ฮ่ะๆ” พิมที่อยู่ๆก็นึกเรื่องราวในอดีตได้ก็ขำแห้ง เพราะลืมไปเลยว่าครั้งนึงก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถึงแม้ลูกบาสลูกนี้จะไม่ใช่ลูกเดียวกับที่กระแทกใส่หัวของพิมและนพก็ตาม

“ค้นอะไรน่ะ” น้ำเสียงเยือกเย็นฟังดูน่าขนลุกดังขึ้นข้างหลัง ซึ่งร่างกายของหล่อนก็ตอบสนองโดยการสะดุ้งแทบจะทันทีที่ได้ยินมัน

พิมค่อยๆหันหลังไปช้าๆ ทั้งที่ก็หันหลังไปหาต้นเสียงเลยก็ได้ เพราะยังไงหล่อนก็รู้อยู่แล้วว่าต้นเสียงคือใคร “โอ๊ย” นพเอาจานกระดาษฟาดเข้าที่กลางหัวของพิมหนึ่งที

“เอ้า เอามาให้แล้ว แกะใส่เลย” นพวางท่าสั่งให้พิมทำ “ค่ะ นายท่าน” พิมก็จำใจทำด้วยความว่าง่ายดั่งทาสในเรือนเบี้ย

พอแอลกอฮอลเข้าปากเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่ง ทั้งสองคนก็เริ่มมึนๆ แต่ด้วยความคออ่อนของพิมจึงทำให้หล่อนดูเป็นผู้เป็นคนน้อยกว่านพไปเยอะ

“พอแล้วค่ะ ไม่ดื่มแล้วค่ะ อึก! ถ้าพ่อรู้พ่อต้องด่าแน่เลยค่ะ มาดื่มกับผู้ชายในห้องสองต่อสองแบบนี้ อึก! ต้องจับคลุมถุงชนแล้วค่า” พิมพูดเพ้อเจ้อขณะที่แอลกอฮอลในกระแสเลือดกำลังออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทของหล่อนไปด้วย

“พูดไปเรื่อย” นพมองพิมด้วยสายตาหดหู่ เพราะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานาน

และเขาก็สังเกตเห็นว่าอยู่ๆพิมก็นิ่งไป ‘ตายป่ะวะ’ นพนึกในใจจึงเอื้อมมือไปคลำชีพจรที่คอของหล่อนดู เมื่อนิ้วสัมผัสเข้าตำแหน่งที่ถูกต้องนพก็รับรู้ได้ว่าพิมยังมีชีวิตอยู่แค่หล่อนเผลอหลับไปเท่านั้นเอง

นพสังเกตเห็นว่าพิมลังนอนหลับทั้งที่หล่อนเองก็ใส่แว่นอยู่ จึงค่อยๆดึงมันออกเพราะเป็นห่วงว่าพิมจะนอนดิ้นและทับมันจนหัก แล้วพ่อของหล่อนต้องมีเรื่องให้อบรมหล่อนยาวกว่านี้แน่ๆ ‘นี่ไม่นับรวมเรื่องที่มาเมาหลับที่บ้านคนอื่นนะ’ นพคิดในใจ

“แว่นหักหรอ” อยู่ๆนพก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

/ 8 ปีที่แล้ว / หลังจากเสร็จกีฬาสีคณะ / ทางเดินกลับหอ /

“เดินเร็วๆดิเฮ้ย” พิมเร่งให้นพเดินเร็วขึ้น เพราะเขาในตอนนี้ได้แต่ค่อยๆก้าวเท้ามือก็สัมผัสขอบรั้วสนามบาสไปด้วย เหมือนกับผู้ป่วยที่กำลังทำกายภาพบำบัดไม่มีผิด

“ก็ไม่เห็นนี่หว่า แม่งแว่นก็แตกจะให้ทำไงวะ”

“ขี้บ่นอ่ะ ไม่อยากฟัง”

“ก็ไม่ต้องฟังดิ เดินไปก่อนเลย จะจุ้นจ้านไรเนี่ย” และบรรยากาศโดยรอบก็เงียบลงจนนพได้ยินเสียงทุกอย่างชัดขึ้น แต่ภาพที่เห็นก็มัวเท่าเดิม แต่การเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ด้านหน้ากลับแข็งทื่อ และดูเหมือนหล่อนจะจ้องมองมาที่เขาอยู่ ‘เชื่ย พูดแรงไปวะ’ เขาสำนึกผิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูโชคจะไม่ช่วย



ภาพเบลอๆของผู้หญิงร่างเล็กกำลังไกลออกไป เสียงฝีเท้าหนักแน่น ดูท่าแล้วจะโกรธเขาไม่น้อย และมันค่อยๆเบาลง ทั้งภาพและเสียงทุกอย่างดูใกลออกไป ทิ้งไว้ก็แต่ความเงียบและความรู้สึกผิดไว้ในใจของเขา

“ขอโทษๆ” เขาพูดมันออกมา แม้ว่าหล่อนอาจจะไม่ได้ยินมันก็ตาม

และเมื่อผ่านไปซักพัก นพก็เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เขาขึ้นทุกที ภาพที่เห็นก็เริ่มปรากฎเค้าโครงของพิมกำลังเดินมาด้วยความรวดเร็ว ‘จะมาชกหน้ากูไหมเนี่ย’ เขานึกในใจ และในชั่วขณะนั้นเองเขาก็เริ่มเห็นอากับกิริยาของหล่อนเปลี่ยนไป พิมกำลังง้างแขนเหมือนกำลังจะชกเข้าที่หน้าเขาจริงๆ

“เฮ้ย” นพได้แต่งอตัวแล้วเอามือกันไว้ตามสัญชาติญาณ “ปึก!” โดนฟาดเข้าไปที่แขนเต็มๆ แต่แรงของมันกลับเบากว่าที่คิด และเบากว่าที่เขาเคยโดนในทุกครั้งที่ผ่านมา

“เฮงซวย” พิมบ่น แต่น้ำเสียงของเธอกลับเป็นเสียงปนสะอื้นฟังดูน่าถนุถนอมและน่าสงสาร

อยู่ๆนพก็รู้สึกได้ถึงแรงฉุดลาก จนทำให้การทรงตัวไม่มั่นคง เขาถูกลากให้เดินไปข้างหน้าอย่างง่ายดายด้วยแรงของผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ฟาดกำปั้นเข้าไปเต็มแรงที่แขนของเขา และเป็นคนเดียวกับที่สะอื้นงอแงต่อหน้าเขาเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา

นพค่อยๆเดินไปข้างหน้าด้วยแรงดึงที่ถูกกระทำอยู่บนเสื้อของเขาเอง

ในเวลาที่เราคับขัน คนที่คอยช่วยเหลือเรา เขาว่ากันว่า คือ “เพื่อนแท้” แต่ในหัวใจของเด็กหนุ่มกลับต่อต้านต่อความรู้สึกของความสัมพันธ์แบบเพื่อนต่อเด็กสาวข้างหน้า ซึ่งเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเขาในยามคับขันอย่างแท้จริง เด็กหนุ่มก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้คำว่า “เพื่อน” มันได้แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปเลย



หนุ่มฟมูหยอง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2561, 01:47:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2561, 01:47:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 344





<< บทที่หนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จัก   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account