ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย
ตอน: บทที่ 8 ยั่วยวน -100%
อะแฮ่มๆ วันนี้ขอมาแจ้งข่าวก่อนเลยจ้า
สำหรับซีรีส์ ‘ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์’ (มาลีเริงไฟ และราคีสีเพลิง) มีกำหนดส่งเข้าโรงพิมพ์สัปดาห์หน้า คาดว่าพร้อมส่งราวๆ ต้นเดือนกุมภาพันธ์นะคะ ปิดจองสิ้นเดือนมกราคมนี้ นักอ่านท่านใดยังไม่ได้จองรีบจองน้าาาา
-ถ้าจองแบบแพ็กคู่ (2เรื่อง) ราคา 491 บาท จากราคาเต็ม 558 บาท
-ถ้าจองแยกเรื่อง ราคาดังนี้
1.ราคีสีเพลิง ราคา 205 บาท จากราคาเต็ม 218 บาท
2.มาลีเริงไฟ ราคา 319 บาท จากราคาเต็ม 340 บาท
ช่องทางสั่งจอง
-inbox สั่งจองกับแอดมินเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ หรือ plaipakkabooks
-เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
-ร้านออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก ร้านbooktogothailand และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค
*************
ทางด้านเจิมจันทร์ลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิในห้องพระ ฟังพวงรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงรู้ว่า ดีเลิศผละวิรงรองออกมาจากเรือนนอนของตัวเองได้
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เลือกที่จะปลดปล่อยความต้องการของตัวเอง โดยการวิ่งไปรอบๆ เรือนเสน่ห์จันทน์ วิ่งวนอยู่อย่างนั้นหลายสิบรอบ แต่อาการร้อนรุ่มในกายก็ยังไม่จางหาย มิหนำซ้ำภาพเปลือยเปล่าของวิรงรองกลับยิ่งเด่นชัดอยู่ในห้วงความคิด และทวีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจควบคุม จนท้ายที่สุดชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดลงสระบัว หวังให้ความเย็นจากสายน้ำช่วยคลายราคะที่แผดเผา นานกว่าสองชั่วโมงที่ชายหนุ่มเป็นเช่นนั้น ก่อนจะกลับขึ้นเรือนอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง
เจิมจันทร์ฟังพวงรายงานเรื่องดีเลิศแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ...
ครั้งนี้ดีเลิศชนะ!
เห็นทียาปลุกเซ็กส์จะใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว ถ้าจะให้ดีเลิศรักหลงวิรงรองจนโงหัวไม่ขึ้น และทอดทิ้งบัวบุษบาไปอย่างไม่ไยดี คงเหลือแค่วิธีเดียวเท่านั้น...
พลันประตูเรือนนอนก็เปิดออก วิรงรองก้าวเข้ามาในห้องของเจิมจันทร์อย่างถือวิสาสะ หญิงสาวตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที
“คุณยายคะ วิ...”
วิรงรองทรุดตัวลงนั่งพับเพียบโผกอดเจิมจันทร์ไว้แน่น เจิมจันทร์จำต้องกอดปลอบแม้ในใจนั้นแสนรังเกียจ นางเป็นคนหวงเนื้อหวงตัว เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสหรือถูกเนื้อต้องตัวนางหากไม่จำเป็น!
“เกิดอะไรขึ้นหนูวิ” นางแสร้งถาม
“พี่โตเขาไม่สนใจวิเลยค่ะคุณยาย วิ...วิทำตามที่คุณยายบอกแล้วนะคะ แต่พี่โต...วิจะทำยังไงดีคะ” วิรงรองเล่าเสียงสั่น ขณะเดียวกันก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้ล้มไม่เป็นท่า
“ไม่ต้องห่วงหนูวิ ยังไงยายก็ต้องช่วยหนูอยู่แล้ว ยายยังมีวิธี”
เจิมจันทร์ยิ้มเย็น ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนใจเลยแม้แต่น้อย ไฮโซสาวเห็นเช่นนั้นจึงหยุดร้องไห้ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วมองหญิงสูงวัยอย่างมีความหวัง
“วิธีไหนเหรอคะคุณยาย”
เจิมจันทร์หันไปหยิบพานสีทองจากหน้าหิ้งพระมาวางตรงหน้าแทนคำตอบ
วิรงรองถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นหุ่นรูปปั้นชายหญิงอยู่บนพาน อ้างปากค้าง มองเจิมจันทร์จนลูกนัยน์ตาแทบถลนออกมา
ถึงเธอจะไม่เคยข้องเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้ แต่เธอก็รู้จักสิ่งนี้!
“มะ...มันเรียกว่าอะไรคะคุณยาย”
“ฝังรูปฝังรอย” เจิมจันทร์ตอบสั้นๆ ด้วยไม่ต้องการให้วิรงรองรู้อะไรไปมากกว่านี้ หากว่าหญิงสาวทำตัวเป็นหลานสะใภ้ที่ดี อยู่ในโอวาท ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ตราบจนกว่าจะสิ้นอายุขัย แต่หากวิรงรองปากสว่างคิดทรยศหักหลังนางเมื่อใด นางก็จะสั่งฆ่าแล้วสะกดวิญญาณมาทรมานให้สาสมกับความผิดที่หญิงสาวควรได้รับ
“มันจะได้ผลจริงเหรอคะ วิเคยคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องงมงาย โบราณ...”
เจิมจันทร์หัวเราะร่วนราวกับได้ยินเรื่องตลกจากปากของวิรงรอง
คนยุคใหม่มักคิดว่า คุณไสยมนตร์ดำไม่มีจริง เป็นเรื่องงมงายที่เล่าสืบต่อกันมาช้านาน ซึ่งเรื่องนี้จะไปคอยเที่ยวป่าวประกาศให้ใครต่อใครเชื่อก็ใช่ที่ ดีเสียอีก ยิ่งมีคนรู้วิชาเหล่านี้น้อยเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีต่อนาง
“ยายว่า อยู่ที่หนูวิมากกว่าจ้ะว่าอยากให้พ่อโตหลงใหลหนูจริงๆ หรือเปล่า”
“วิอยากให้พี่โตทั้งรักทั้งหลง คลั่งไคล้ในตัววิจนถอนตัวไม่ขึ้นค่ะ”
วิรงรองตอบอย่างไม่ลังเล ความกระดากอายจากความผิดหวังผลัก ดันให้เธอแค้นเคือง ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของดีเลิศเลย
เจิมจันทร์หยิบกรรไกรตัดเล็บและกรรไกรตัดผม วางลงตรงหน้าหญิงสาว
“ตัดเล็บและผมมาให้ยาย ยายจะผสมลงไปในตุ๊กตาตัวนี้”
เจิมจันทร์หมายถึงตุ๊กตาผู้หญิงซึ่งปั้นด้วยดินเหนียวจากป่าช้า
“ส่วนของพ่อโตยายจัดการใส่เศษผมและเล็บลงไปเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ของหนูวิเท่านั้น”
ไฮโซสาวหัวใจเต้นแรง เหงื่อเม็ดโตเกาะพราวที่หน้าผากและปลายจมูก ต้องหลุบเปลือกตาลงต่ำอย่างครุ่นคิด
ทว่าเวลานี้ไม่มีสิ่งใดหยุดหญิงสาวได้อีกต่อไป!
วิรงรองลงมือตัดปอยผมและเล็บวางลงบนพานตามที่เจิมจันทร์ต้องการ
ใจจริงแล้วเจิมจันทร์ไม่อยากทำเช่นนี้เลย เพราะรู้ดีว่าการฝังรูปฝังรอยมีผลเสียต่อผู้โดนกระทำอย่างไร ทั้งเลื่อนลอย เหม่อ การงานเสียหาย และสุขภาพย่ำแย่ เจิมจันทร์เคยเห็นผลกระทบเหล่านี้จากเดชสิทธิ์ แม้เขาจะรักนาง ร่วมหลับนอนกับนางแทบทุกคืน แต่นานวันเข้าเขากลับยิ่งเหมือนหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตจิตใจ ทำทุกอย่างราวกับถูกป้อนคำสั่งใส่สมอง
ตอนนั้นถึงเจิมจันทร์ถอนคุณไสยออกจากเดชสิทธิ์แล้วก็ตาม แต่ก็สายไปเสียแล้ว เขามีชีวิตด้วยการนอนป่วยอยู่บนเตียงก่อนจะเสียชีวิตไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าเสียใจที่ไม่อาจย้อนเวลาไปแก้ไขได้อีก
ดังนั้นนางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับดีเลิศ ดีเลิศจะ ต้องไม่ตาย!
“คุณไสยนี้จะมีฤทธิ์ทุกวันอังคาร เป็นวันแรง หนูวิจะได้ทุกอย่างที่ปรารถนาในตัวพ่อโต แต่พอข้ามวันพ่อโตจะกลับมาเป็นคนเดิม ฉะนั้นหนูต้องพยายามผูกมัดเขาด้วยเสน่ห์ทั้งหมดที่มี”
“ทำไมไม่ทำทุกวันเลยล่ะคะคุณยาย”
“ไมได้!”
เจิมจันทร์ตวาดกร้าว ตบมือลงบนพื้นไม้จนเสียงดังลั่น
วิรงรองตกใจจนผวากระถดตัวถอยห่างด้วยความกลัว ไม่คิดเลยว่ายามเจิมจันทร์โกรธจะดูน่ากลัวขนาดนี้
เจิมจันทร์หลับตาลงอย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
“ยายต้องขอโทษด้วยที่พูดเสียงดังไปหน่อย แต่การทำฝังรูปฝังรอยทุกวันไม่ใช่เรื่องดี ยายว่าทำเพียงอาทิตย์ละหนึ่งวันจะเหมาะกว่า ระหว่างนี้หนูวิก็ต้องทำให้พ่อโตกับนังบัวหย่าขาดจากกัน วันใดที่นังบัวมันระเห็จออกไปจากเรือนเสน่ห์จันทน์แล้ว ยายก็จะถอนคุณไสยตัวนี้ออกจากพ่อโต”
“ค่ะ” วิรงรองพยักหน้ารับอย่างไม่เข้าใจนักหรอก แต่ก็ไม่กล้าค้านหรือถามอีก
“ถ้าอย่างนั้นหนูรอก่อน”
เจิมจันทร์หันกลับไปนั่งขัดสมาธิโดยหันหน้าเข้าสู่แท่นพิธีที่วิรงรองเห็นเป็นเพียงหิ้งพระเท่านั้น นางเริ่มสวดคาถาแผ่วเบา โดยที่ริมฝีปากขยับขมุบขมิบก่อนที่นางจะลืมตาขึ้นแล้วจัดการใส่ส่วนผสมของร่างกายวิรงรองลงไป จัดการประกบตุ๊กตาชายหญิงให้หันหน้าเข้ากอดกันแล้วใช้สายสิญจน์ซึ่งนำมาจากการมัดตราสังคนตาย ผูกตุ๊กตาเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงบริกรรมคาถาต่ออีกเกือบครึ่งชั่วโมง
วิรงรองนั่งรออย่างอดทน เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับจิตจับใจ เสียงสวดคาถาแปลกหูที่ดังแผ่วเบามาจากเจิมจันทร์ทำให้หญิงสาวขนลุกชูชัน เธอเหลียวมองไปรอบๆ ห้องพระอย่างสำรวจ รู้สึกราวกับว่ามีดวงตานับสิบคู่อยู่ทางด้านหลังโต๊ะหมู่บูชา และกำลังจ้องมองเธออยู่
เธอคงจะหลอนจนจินตนาการไปเอง หญิงสาวพยายามสะบัดหัวแรงๆ ขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั่น แต่แล้วเธอก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างลูบไล้ต้นคอของเธออยู่
อาจเป็นการดีก็เป็นได้ที่เธอมองไม่เห็นภูตผีปีศาจที่เจิมจันทร์เลี้ยงไว้ในห้องพระ
ผีแคระแปดตน ร่างกายเล็กแคระแกร็น ตัวผอมดำ ศีรษะใหญ่ไร้เส้นผม ท้องมาน ก้นปอด ดูน่าสะอิดสะเอียด พวกมันแอบอยู่หลังหิ้งพระเฝ้ามองหญิงสาวด้วยความหิวโหย ผิวขาวนวลเนียน เนื้อตัวนุ่มนิ่มน่าฉีกทึ้งกินเป็นอาหาร ผีแคระตนหนึ่งอดใจไม่ไหว ลอบออกจากหลังโต๊ะหมู่บูชาขณะที่เจิมจันทร์กำลังบริกรรมคาถาแล้วใช้ลิ้นยาวๆ เลียไปยังต้นคอของหญิงสาวด้วยความหิวโหย
“ว้าย!”
วิรงรองทนไม่ไหวหวีดร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว เธอรู้สึกขยะแขยงหนาวยะเยือกไปทั้งแผ่นหลัง จังหวะนั้นพิธีกรรมเสร็จสิ้นพอดี เจิมจันทร์หันขวับมามอง ก่อนจะใช้พลังกระชากผีแคระจนกระเด็นติดฝาผนัง
โครม!
ไฮโซสาวสะดุ้งมองไปยังตู้ใบใหญ่ เพราะจู่ๆ ของบนหลังตู้ก็ร่วงลงมาทั้งที่ไม่มีอะไรไปสัมผัสหรือกระแทกสักนิด ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นไปอีกเท่าทวีคูณ จนต้องก้มหน้านิ่งบีบมือเข้าหากัน และนั่นทำให้เจิมจันทร์จัดการผีแคระได้สะดวกขึ้น
เจิมจันทร์บังคับหวายอาคมให้สะบัดลงบนร่างผีแคระตนนั้นที่บังอาจขัดคำสั่งนาง วิรงรองไม่ใช่อาหาร อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้!
ผีแคระร้องไห้คร่ำครวญจนน้ำตาเป็นสายเลือด ในขณะที่เจิมจันทร์นั่งนิ่งราวกับไม่ได้ทำอะไร นางยังคงปล่อยให้หวายอาคมเฆี่ยนตีผีแคระต่อไป
สักพักนางก็หันไปหยิบหุ่นตุ๊กตาชายหญิงให้วิรงรอง
“รับไว้สิหนูวิ”
นางเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นวิรงรองมองตุ๊กตาด้วยความลังเล นาทีนี้วิรงรองไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะการปฏิเสธเท่ากับการรนหาที่ตาย!
“ค่ะ คุณยาย” หญิงสาวยื่นมือสั่นเทาออกไปรับตุ๊กตามาถือไว้ ใจหนึ่งนึกรังเกียจ แต่อีกใจก็ครั่นคร้ามในพลังอำนาจของมัน หากว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้ทำให้ดีเลิศหลงเธอจนหัวปักหัวปำได้จริงๆ ล่ะ หากเป็นเช่นนั้นในความรู้สึกของเธอมันก็คงกลายเป็นตุ๊กตาคู่รัก แต่ถ้าหากว่ามันไม่ได้ผล มันก็จะกลาย เป็นหุ่นฝังรูปฝังรอยที่แสนงมงายและปัญญาอ่อนอย่างถึงที่สุด
“เอาไปซ่อนไว้ในห้องพ่อโต อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
“ค่ะ คุณยาย”
“เอานี่ไป เมื่อคืนวันอังคารมาถึงจงท่องมนตร์คาถาบทนี้ ท่องเสร็จพ่อโตจะมาหาหนูทันที แต่เมื่อย่างเข้าวันพุธพ่อโตจะมีสติดังเดิม...ที่เหลือก็คงแล้วแต่ฝีมือของหนูว่าจะมีความสามารถมัดใจชายได้หรือเปล่า”
“วิจะพยายามค่ะคุณยาย”
วิรงรองรับคำด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกหมั่น ไส้เจิมจันทร์เสียกำลัง
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอีแก่จงใจเหน็บเธอทิ้งท้าย!
สำหรับซีรีส์ ‘ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์’ (มาลีเริงไฟ และราคีสีเพลิง) มีกำหนดส่งเข้าโรงพิมพ์สัปดาห์หน้า คาดว่าพร้อมส่งราวๆ ต้นเดือนกุมภาพันธ์นะคะ ปิดจองสิ้นเดือนมกราคมนี้ นักอ่านท่านใดยังไม่ได้จองรีบจองน้าาาา
-ถ้าจองแบบแพ็กคู่ (2เรื่อง) ราคา 491 บาท จากราคาเต็ม 558 บาท
-ถ้าจองแยกเรื่อง ราคาดังนี้
1.ราคีสีเพลิง ราคา 205 บาท จากราคาเต็ม 218 บาท
2.มาลีเริงไฟ ราคา 319 บาท จากราคาเต็ม 340 บาท
ช่องทางสั่งจอง
-inbox สั่งจองกับแอดมินเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ หรือ plaipakkabooks
-เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
-ร้านออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก ร้านbooktogothailand และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค
*************
ทางด้านเจิมจันทร์ลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิในห้องพระ ฟังพวงรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงรู้ว่า ดีเลิศผละวิรงรองออกมาจากเรือนนอนของตัวเองได้
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เลือกที่จะปลดปล่อยความต้องการของตัวเอง โดยการวิ่งไปรอบๆ เรือนเสน่ห์จันทน์ วิ่งวนอยู่อย่างนั้นหลายสิบรอบ แต่อาการร้อนรุ่มในกายก็ยังไม่จางหาย มิหนำซ้ำภาพเปลือยเปล่าของวิรงรองกลับยิ่งเด่นชัดอยู่ในห้วงความคิด และทวีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจควบคุม จนท้ายที่สุดชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดลงสระบัว หวังให้ความเย็นจากสายน้ำช่วยคลายราคะที่แผดเผา นานกว่าสองชั่วโมงที่ชายหนุ่มเป็นเช่นนั้น ก่อนจะกลับขึ้นเรือนอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง
เจิมจันทร์ฟังพวงรายงานเรื่องดีเลิศแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ...
ครั้งนี้ดีเลิศชนะ!
เห็นทียาปลุกเซ็กส์จะใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว ถ้าจะให้ดีเลิศรักหลงวิรงรองจนโงหัวไม่ขึ้น และทอดทิ้งบัวบุษบาไปอย่างไม่ไยดี คงเหลือแค่วิธีเดียวเท่านั้น...
พลันประตูเรือนนอนก็เปิดออก วิรงรองก้าวเข้ามาในห้องของเจิมจันทร์อย่างถือวิสาสะ หญิงสาวตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที
“คุณยายคะ วิ...”
วิรงรองทรุดตัวลงนั่งพับเพียบโผกอดเจิมจันทร์ไว้แน่น เจิมจันทร์จำต้องกอดปลอบแม้ในใจนั้นแสนรังเกียจ นางเป็นคนหวงเนื้อหวงตัว เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสหรือถูกเนื้อต้องตัวนางหากไม่จำเป็น!
“เกิดอะไรขึ้นหนูวิ” นางแสร้งถาม
“พี่โตเขาไม่สนใจวิเลยค่ะคุณยาย วิ...วิทำตามที่คุณยายบอกแล้วนะคะ แต่พี่โต...วิจะทำยังไงดีคะ” วิรงรองเล่าเสียงสั่น ขณะเดียวกันก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้ล้มไม่เป็นท่า
“ไม่ต้องห่วงหนูวิ ยังไงยายก็ต้องช่วยหนูอยู่แล้ว ยายยังมีวิธี”
เจิมจันทร์ยิ้มเย็น ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนใจเลยแม้แต่น้อย ไฮโซสาวเห็นเช่นนั้นจึงหยุดร้องไห้ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วมองหญิงสูงวัยอย่างมีความหวัง
“วิธีไหนเหรอคะคุณยาย”
เจิมจันทร์หันไปหยิบพานสีทองจากหน้าหิ้งพระมาวางตรงหน้าแทนคำตอบ
วิรงรองถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นหุ่นรูปปั้นชายหญิงอยู่บนพาน อ้างปากค้าง มองเจิมจันทร์จนลูกนัยน์ตาแทบถลนออกมา
ถึงเธอจะไม่เคยข้องเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้ แต่เธอก็รู้จักสิ่งนี้!
“มะ...มันเรียกว่าอะไรคะคุณยาย”
“ฝังรูปฝังรอย” เจิมจันทร์ตอบสั้นๆ ด้วยไม่ต้องการให้วิรงรองรู้อะไรไปมากกว่านี้ หากว่าหญิงสาวทำตัวเป็นหลานสะใภ้ที่ดี อยู่ในโอวาท ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ตราบจนกว่าจะสิ้นอายุขัย แต่หากวิรงรองปากสว่างคิดทรยศหักหลังนางเมื่อใด นางก็จะสั่งฆ่าแล้วสะกดวิญญาณมาทรมานให้สาสมกับความผิดที่หญิงสาวควรได้รับ
“มันจะได้ผลจริงเหรอคะ วิเคยคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องงมงาย โบราณ...”
เจิมจันทร์หัวเราะร่วนราวกับได้ยินเรื่องตลกจากปากของวิรงรอง
คนยุคใหม่มักคิดว่า คุณไสยมนตร์ดำไม่มีจริง เป็นเรื่องงมงายที่เล่าสืบต่อกันมาช้านาน ซึ่งเรื่องนี้จะไปคอยเที่ยวป่าวประกาศให้ใครต่อใครเชื่อก็ใช่ที่ ดีเสียอีก ยิ่งมีคนรู้วิชาเหล่านี้น้อยเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีต่อนาง
“ยายว่า อยู่ที่หนูวิมากกว่าจ้ะว่าอยากให้พ่อโตหลงใหลหนูจริงๆ หรือเปล่า”
“วิอยากให้พี่โตทั้งรักทั้งหลง คลั่งไคล้ในตัววิจนถอนตัวไม่ขึ้นค่ะ”
วิรงรองตอบอย่างไม่ลังเล ความกระดากอายจากความผิดหวังผลัก ดันให้เธอแค้นเคือง ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของดีเลิศเลย
เจิมจันทร์หยิบกรรไกรตัดเล็บและกรรไกรตัดผม วางลงตรงหน้าหญิงสาว
“ตัดเล็บและผมมาให้ยาย ยายจะผสมลงไปในตุ๊กตาตัวนี้”
เจิมจันทร์หมายถึงตุ๊กตาผู้หญิงซึ่งปั้นด้วยดินเหนียวจากป่าช้า
“ส่วนของพ่อโตยายจัดการใส่เศษผมและเล็บลงไปเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ของหนูวิเท่านั้น”
ไฮโซสาวหัวใจเต้นแรง เหงื่อเม็ดโตเกาะพราวที่หน้าผากและปลายจมูก ต้องหลุบเปลือกตาลงต่ำอย่างครุ่นคิด
ทว่าเวลานี้ไม่มีสิ่งใดหยุดหญิงสาวได้อีกต่อไป!
วิรงรองลงมือตัดปอยผมและเล็บวางลงบนพานตามที่เจิมจันทร์ต้องการ
ใจจริงแล้วเจิมจันทร์ไม่อยากทำเช่นนี้เลย เพราะรู้ดีว่าการฝังรูปฝังรอยมีผลเสียต่อผู้โดนกระทำอย่างไร ทั้งเลื่อนลอย เหม่อ การงานเสียหาย และสุขภาพย่ำแย่ เจิมจันทร์เคยเห็นผลกระทบเหล่านี้จากเดชสิทธิ์ แม้เขาจะรักนาง ร่วมหลับนอนกับนางแทบทุกคืน แต่นานวันเข้าเขากลับยิ่งเหมือนหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตจิตใจ ทำทุกอย่างราวกับถูกป้อนคำสั่งใส่สมอง
ตอนนั้นถึงเจิมจันทร์ถอนคุณไสยออกจากเดชสิทธิ์แล้วก็ตาม แต่ก็สายไปเสียแล้ว เขามีชีวิตด้วยการนอนป่วยอยู่บนเตียงก่อนจะเสียชีวิตไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าเสียใจที่ไม่อาจย้อนเวลาไปแก้ไขได้อีก
ดังนั้นนางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับดีเลิศ ดีเลิศจะ ต้องไม่ตาย!
“คุณไสยนี้จะมีฤทธิ์ทุกวันอังคาร เป็นวันแรง หนูวิจะได้ทุกอย่างที่ปรารถนาในตัวพ่อโต แต่พอข้ามวันพ่อโตจะกลับมาเป็นคนเดิม ฉะนั้นหนูต้องพยายามผูกมัดเขาด้วยเสน่ห์ทั้งหมดที่มี”
“ทำไมไม่ทำทุกวันเลยล่ะคะคุณยาย”
“ไมได้!”
เจิมจันทร์ตวาดกร้าว ตบมือลงบนพื้นไม้จนเสียงดังลั่น
วิรงรองตกใจจนผวากระถดตัวถอยห่างด้วยความกลัว ไม่คิดเลยว่ายามเจิมจันทร์โกรธจะดูน่ากลัวขนาดนี้
เจิมจันทร์หลับตาลงอย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
“ยายต้องขอโทษด้วยที่พูดเสียงดังไปหน่อย แต่การทำฝังรูปฝังรอยทุกวันไม่ใช่เรื่องดี ยายว่าทำเพียงอาทิตย์ละหนึ่งวันจะเหมาะกว่า ระหว่างนี้หนูวิก็ต้องทำให้พ่อโตกับนังบัวหย่าขาดจากกัน วันใดที่นังบัวมันระเห็จออกไปจากเรือนเสน่ห์จันทน์แล้ว ยายก็จะถอนคุณไสยตัวนี้ออกจากพ่อโต”
“ค่ะ” วิรงรองพยักหน้ารับอย่างไม่เข้าใจนักหรอก แต่ก็ไม่กล้าค้านหรือถามอีก
“ถ้าอย่างนั้นหนูรอก่อน”
เจิมจันทร์หันกลับไปนั่งขัดสมาธิโดยหันหน้าเข้าสู่แท่นพิธีที่วิรงรองเห็นเป็นเพียงหิ้งพระเท่านั้น นางเริ่มสวดคาถาแผ่วเบา โดยที่ริมฝีปากขยับขมุบขมิบก่อนที่นางจะลืมตาขึ้นแล้วจัดการใส่ส่วนผสมของร่างกายวิรงรองลงไป จัดการประกบตุ๊กตาชายหญิงให้หันหน้าเข้ากอดกันแล้วใช้สายสิญจน์ซึ่งนำมาจากการมัดตราสังคนตาย ผูกตุ๊กตาเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงบริกรรมคาถาต่ออีกเกือบครึ่งชั่วโมง
วิรงรองนั่งรออย่างอดทน เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับจิตจับใจ เสียงสวดคาถาแปลกหูที่ดังแผ่วเบามาจากเจิมจันทร์ทำให้หญิงสาวขนลุกชูชัน เธอเหลียวมองไปรอบๆ ห้องพระอย่างสำรวจ รู้สึกราวกับว่ามีดวงตานับสิบคู่อยู่ทางด้านหลังโต๊ะหมู่บูชา และกำลังจ้องมองเธออยู่
เธอคงจะหลอนจนจินตนาการไปเอง หญิงสาวพยายามสะบัดหัวแรงๆ ขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั่น แต่แล้วเธอก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างลูบไล้ต้นคอของเธออยู่
อาจเป็นการดีก็เป็นได้ที่เธอมองไม่เห็นภูตผีปีศาจที่เจิมจันทร์เลี้ยงไว้ในห้องพระ
ผีแคระแปดตน ร่างกายเล็กแคระแกร็น ตัวผอมดำ ศีรษะใหญ่ไร้เส้นผม ท้องมาน ก้นปอด ดูน่าสะอิดสะเอียด พวกมันแอบอยู่หลังหิ้งพระเฝ้ามองหญิงสาวด้วยความหิวโหย ผิวขาวนวลเนียน เนื้อตัวนุ่มนิ่มน่าฉีกทึ้งกินเป็นอาหาร ผีแคระตนหนึ่งอดใจไม่ไหว ลอบออกจากหลังโต๊ะหมู่บูชาขณะที่เจิมจันทร์กำลังบริกรรมคาถาแล้วใช้ลิ้นยาวๆ เลียไปยังต้นคอของหญิงสาวด้วยความหิวโหย
“ว้าย!”
วิรงรองทนไม่ไหวหวีดร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว เธอรู้สึกขยะแขยงหนาวยะเยือกไปทั้งแผ่นหลัง จังหวะนั้นพิธีกรรมเสร็จสิ้นพอดี เจิมจันทร์หันขวับมามอง ก่อนจะใช้พลังกระชากผีแคระจนกระเด็นติดฝาผนัง
โครม!
ไฮโซสาวสะดุ้งมองไปยังตู้ใบใหญ่ เพราะจู่ๆ ของบนหลังตู้ก็ร่วงลงมาทั้งที่ไม่มีอะไรไปสัมผัสหรือกระแทกสักนิด ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นไปอีกเท่าทวีคูณ จนต้องก้มหน้านิ่งบีบมือเข้าหากัน และนั่นทำให้เจิมจันทร์จัดการผีแคระได้สะดวกขึ้น
เจิมจันทร์บังคับหวายอาคมให้สะบัดลงบนร่างผีแคระตนนั้นที่บังอาจขัดคำสั่งนาง วิรงรองไม่ใช่อาหาร อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้!
ผีแคระร้องไห้คร่ำครวญจนน้ำตาเป็นสายเลือด ในขณะที่เจิมจันทร์นั่งนิ่งราวกับไม่ได้ทำอะไร นางยังคงปล่อยให้หวายอาคมเฆี่ยนตีผีแคระต่อไป
สักพักนางก็หันไปหยิบหุ่นตุ๊กตาชายหญิงให้วิรงรอง
“รับไว้สิหนูวิ”
นางเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นวิรงรองมองตุ๊กตาด้วยความลังเล นาทีนี้วิรงรองไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะการปฏิเสธเท่ากับการรนหาที่ตาย!
“ค่ะ คุณยาย” หญิงสาวยื่นมือสั่นเทาออกไปรับตุ๊กตามาถือไว้ ใจหนึ่งนึกรังเกียจ แต่อีกใจก็ครั่นคร้ามในพลังอำนาจของมัน หากว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้ทำให้ดีเลิศหลงเธอจนหัวปักหัวปำได้จริงๆ ล่ะ หากเป็นเช่นนั้นในความรู้สึกของเธอมันก็คงกลายเป็นตุ๊กตาคู่รัก แต่ถ้าหากว่ามันไม่ได้ผล มันก็จะกลาย เป็นหุ่นฝังรูปฝังรอยที่แสนงมงายและปัญญาอ่อนอย่างถึงที่สุด
“เอาไปซ่อนไว้ในห้องพ่อโต อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
“ค่ะ คุณยาย”
“เอานี่ไป เมื่อคืนวันอังคารมาถึงจงท่องมนตร์คาถาบทนี้ ท่องเสร็จพ่อโตจะมาหาหนูทันที แต่เมื่อย่างเข้าวันพุธพ่อโตจะมีสติดังเดิม...ที่เหลือก็คงแล้วแต่ฝีมือของหนูว่าจะมีความสามารถมัดใจชายได้หรือเปล่า”
“วิจะพยายามค่ะคุณยาย”
วิรงรองรับคำด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกหมั่น ไส้เจิมจันทร์เสียกำลัง
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอีแก่จงใจเหน็บเธอทิ้งท้าย!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2562, 10:05:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ม.ค. 2562, 10:05:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 800
<< บทที่ 8 ยั่วยวน -50% | บทที่ 9 ตกหลุมพรางมนตร์ดำ -50% >> |