ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย
ตอน: บทที่ 10 ฝันร้ายของบัวบุษบา -100%
แบบร่างเสื้อผ้าคอลเลกชั่นต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงวางเกลื่อนเต็มโต๊ะ ทว่าวิรงรองกลับไม่มีใจจดจ่อกับงานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ในใจของไฮโซสาวร้อนรุ่มดังมีไฟสุมทรวง ใบหน้าเฉยเมยและดวงตาที่มองผ่านเธอไปราวกับเธอเป็นอากาศธาตุของดีเลิศทำให้หญิงสาวเจ็บปวด และเมื่อความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นเธอก็เปลี่ยนมันให้เป็นความแค้นอยากเอาชนะ
ถ้าเธอไม่ได้ดีเลิศมาครอบครอง ใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ไป!
หญิงสาวตัดสินใจคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงาน นั่งไปก็ทำงานไม่ได้ สู้ออกไปกำจัดศัตรูหัวใจไม่ดีกว่าเหรอ อยากรู้นักว่าถ้าบัวบุษบารู้ว่าสามีนอกใจมานอนกอดเธอ ผู้หญิงจืดชืดท่าทางบอบบางแบบนั้นจะเป็นอย่างไร คงหัวใจแหลกสลาย ร้องไห้โฮเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านแน่ๆ
วิรงรองก้าวขึ้นรถหรู ยิ้มที่มุมปากเมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
**************
โครม!
“รสชาติอย่างกับน้ำล้างเท้า” เจิมจันทร์ปัดจานขนมกระทงทองทิ้งลงบนพื้น
“นี่น่ะเหรอขนมตำรับชาววังของนังบุษบง ถุย! มีแต่ราคาคุยน่ะสิไม่ว่า” เจิมจันทร์ถ่มน้ำลายลงบนขนมที่ตกเกลื่อนพื้นด้วยกิริยาหยาบคาย
บัวบุษบาได้แต่ยืนนิ่ง ไม่มีท่าทางผิดหวังหรือเสียใจที่อุตส่าห์นำขนมที่มารดาทำมาฝากเจิมจันทร์ ด้วยรู้ดีอยู่แล้วว่าผลที่ได้รับจะเป็นเช่นไร
ใจจริงเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับหญิงชราคนนี้ด้วยซ้ำไป ต่างคนต่างอยู่ดูจะมีความสุขที่สุด แต่เธออยากจะลองมองหาความดีในตัวเจิมจันทร์ ด้วยกลัวว่าเธอจะตัดสินด้วยความอคติ
แต่จนแล้วจนรอด หญิงสาวก็ยังมองไม่เห็นคุณงามความดีในตัวเจิมจันทร์เลยแม้แต่น้อย
บัวบุษบาก้มลงเก็บจานและเศษขนมก่อนจะเดินลงจากเรือนไปโดยใช้บันไดด้านหลัง จังหวะนั้นวิรงรองกลับเข้ามาพอดี สายตาเหลือบไปเห็นบัวบุษบาเดินไปยังเรือนครัว หล่อนจึงไม่รอช้าที่จะไปดักรอ หล่อนควรกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดไปเสียที ปล่อยไว้ก็รกหูรกตา
“นี่เธอ...”
ไฮโซสาวเอ่ยเรียกเมื่อบัวบุษบาเดินกลับออกมาจากเรือนครัว ทว่าบัวบุษบากลับเดินผ่านหน้าวิรงรองไปราวกับไม่เห็น
“นี่ บัวบุษบา”
“อ๋อ...เรียกฉันนี่เอง มีอะไรหรือคะคุณวิ”
บัวบุษบาหันกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดูจากท่าทางและน้ำเสียงแล้วเดาได้เลยว่าวิรงรองต้องมาหาเรื่องเธอแน่ๆ สงสัยคนพวกนี้จะว่างมาก ชีวิตถึงได้จ้องแต่จะจับผิดหาเรื่องคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชิงชังเช่นนี้แล้วจะมีความสุขได้อย่างไร
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ว่ามาสิคะ ฉันฟังอยู่”
วิรงรองกัดฟันกรอดเมื่อเห็นท่าทีหยิ่งผยองของอีกฝ่าย มั่นหน้านักนะนังนี่ เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวจะร้องไห้โฮถ้ารู้ว่าผัวแกมานอนกับฉัน!
คิดแล้วหญิงสาวเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“คอลเลกชั่นใหม่ของคุณวิเหรอคะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านเสื้อผ้าของคุณผลิตบ็อกเซอร์ผู้ชายออกมาขายด้วย แต่ฉันคงไม่ได้อุดหนุนหรอกนะคะ ถ้ามีชุดชั้นในของผู้หญิงก็อาจจะน่าสนใจกว่านี้” บัวบุษบามองบ็อกเซอร์ตัวนั้นแล้วแสร้งเฉไฉไปเรื่องอื่น ทั้งที่เธอจำได้ดีว่าบ็อกเซอร์ตัวนั้นเป็นของสามีเธอ
“อย่าแกล้งโง่หน่อยเลย เมื่อคืนวันอังคารพี่โตเข้าไปนอนกับฉัน แล้วลืมบ็อกเซอร์เอาไว้” ไม้ตายที่จะทำให้บัวบุษบาเต้นผาง วิรงรองหมายมาดที่จะได้เห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสี ทว่าบัวบุษบากลับหัวเราะขบขัน
“ถ้าอยากให้ฉันเลิกกับพี่โตนักก็ช่วยสร้างหลักฐานเท็จให้มันน่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยได้ไหม กางเกงบ็อกเซอร์ตัวนี้แค่เดินไปด้านหลังเรือนครัว ก็เห็นอยู่ที่ราวตากผ้าแล้ว คุณจะหยิบไปสักกี่ตัวก็ได้นะตามใจ ถ้าชอบก็เก็บไว้เถอะ เดี๋ยวฉันซื้อให้พี่โตใหม่ได้”
บัวบุษบายิ้มหวานก่อนจะเดินผ่านวิรงรองไปพร้อมกับส่ายหน้า ช่างเป็นเรื่องไร้สาระที่แสนรกสมองเสียเหลือเกิน
“แก นังบัว!”
วิรงรองได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ เธอพลาดเองที่ไม่เก็บหลักฐานคืนนั้นเอาไว้ แต่เธอสาบานเลยว่าคืนวันอังคารหน้าเธอจะไม่ยอมพลาดเป็นอันขาด!
**************
“นังหลานแรดไม่รักดี”
เจิมจันทร์โยนหนังสือพิมพ์ทิ้งด้วยความหงุดหงิด ต้นเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน ญาตาวี หลานสาวคนโตของนางนั่นเอง!
หลังจากเจิมจันทร์ทำเสน่ห์ใส่เดชสิทธิ์ นางก็ให้กำเนิดบุตรสาวสองคนนามว่า ดาราวลี และจิรัญญา ดาราวลีแต่งงานกับเลิศฤทธิ์ซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าอาวาสดลฤทธิ์แห่งวัดป่าอิสราภรณ์ แต่เลิศฤทธิ์เป็นคนเจ้าชู้ ท้ายที่สุดก็ร้างลากับดาราวลีแล้วไม่เคยกลับมาสนใจไยดีดีเลิศและดมิสาอีกเลย
โชคดีที่ดีเลิศเป็นเด็กดี ไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้นางเลยแม้แต่น้อย จะมีขัดใจก็ตรงแต่งงานกับบัวบุษบา แต่นางมองว่าดีเลิศเป็นคนซื่อ เจอผู้หญิงมารยาอย่างบัวบุษบาจึงหลงกลโดยง่าย ส่วนดมิสานั้นเป็นเด็กดวงแข็ง นางชงยาสมุนไพรร่ายมนตร์ดำให้ดาราวลีดื่มทุกวันตอนตั้งครรภ์ดมิสา ด้วยเห็นว่าอีเด็กนั่นมัน ‘มีของ’ นอกจากตรวจดวงชะตารู้ว่าหญิงสาวดวงแข็งอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้ว เจิมจันทร์ยังเห็นว่าดมิสามีดวงที่สามารถควบคุมภูตผีได้ด้วย
เจิมจันทร์หวังให้เด็กเกิดออกมาหัวอ่อน ควบคุมง่าย นางชี้นกก็พูดตามว่านก ชี้ไม้ก็พูดตามว่าไม้ นางจะเก็บมันไว้ในเรือนและสอนให้รู้จักไสยดำ อีเด็กนั่นจะได้สืบทอดเป็นทายาทต่อไป!
แต่พระดินก็ยื่นมือมาสอด! นอกจากนางจะไม่สามารถควบคุมดมิสาได้อย่างใจแล้ว หญิงสาวยังมีพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ ยิ่งยามมันโกรธก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้และเป็นตัวอันตรายของคนรอบข้าง มิหนำซ้ำโตมาอีกหน่อยยังมีความสามารถด้านการเห็นวิญญาณ เป็นงานให้เจิมจันทร์ต้องร่ายมนตร์บังตามันอีก
รู้อย่างนี้เอายาขับเลือดให้แม่มันกินเสียก็ดี จะได้ไม่มาลอยหน้าลอยตาเป็นเสี้ยนหนามนางอยู่แบบนี้!
ดาราวลีนั้น หลังจากผิดหวังในความรัก ทุกข์โศกอยู่ยี่สิบกว่าปีก็ตัดสินใจหนีไปบวชชีที่วัดป่าอิสราภรณ์ไม่สึกออกมาอีกเลย
ส่วนจิรัญญานั้นเป็นบุตรสาวหัวโง่จอมดื้อด้าน มีสามีถึงสองคนล้วนแล้วแต่เป็นคนไม่เอาถ่าน จนแต่งงานครั้งที่สามกับวิญญูซึ่งนับว่ามีฐานะร่ำรวยเชิดหน้าชูตา แต่จิรัญญาก็ยังไม่สามารถมัดใจวิญญูเอาไว้ได้ ปล่อยให้สามีไปมีเมียน้อยจนตั้งครรภ์ ลูกเมียน้อยจึงมีอายุไล่เลี่ยกับญาตาวีซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของจิรัญญา ทั้งคู่อยู่กันแบบหวานอมขมกลืนจนจิรัญญาตั้งท้องญานีน จากนั้นไม่นานวิญญูก็ออกจากบ้านไปอยู่กินกับภรรยาใหม่อย่างออกนอกหน้า ทิ้งให้จิรัญญาเป็นโรคซึมเศร้า ตามอาละวาดอยู่หลายปี ท้ายที่สุดจิรัญญาก็หย่าขาดกับวิญญู ก่อนจะผูกคอตายหลังจากนั้นไม่นาน
ญานีนนั้นไม่ค่อยมีปัญหาให้นางต้องเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะตอนนี้แต่งงานไปกับอัคนี และได้เข้าไปบริหารงานในสถานีโทรทัศน์วายอีเอสของวิญญู
แต่ญาตาวีนี่สิที่เป็นปัญหาหนัก เห็นชัดว่านางเอกสาวชื่อดังกำลังดำเนินรอยตามจิรัญญา เพราะบัดนี้ญาตาวีแต่งงานไปถึงสองครั้งแล้ว ครั้งแรกแต่งงานกับผู้กำกับชื่อดัง แต่หม้อข้าวยังไม่ทันดำก็เลิกร้างเป็นข่าวใหญ่โต แล้วตอนนี้ญาตาวีก็แต่งงานไปกับไฮโซธนวัชร์
หลานเขยคนนี้รวย แต่ไม่มีชาติตระกูล พวกเศรษฐีใหม่ไม่น่าคบค้าสมาคม ดูท่าทางเจ้าชู้ นางลองเปิดตำราทำนายดวงชะตาแม่หลานสาวจอมแสบ พบว่าญาตาวีจะต้องแต่งงานถึงสามครั้ง นั่นแสดงว่าอีกไม่นานญาตาวีก็ต้องเลิกร้างกับธนวัชร์ ซึ่งก็คงไม่แคล้วเป็นข่าวอื้อฉาวให้นางได้อับอาย
ทำไม! นังญาตาวีมันไม่ตายๆ ตามแม่ของมันไปเสีย อยู่ไปก็รังแต่จะทำให้นางอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
นางเคยบอกเคยสอนหลานสาวทุกคนจนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหูว่าตระกูลเสน่ห์จันทน์ถูกสาปแช่งจากผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่ง ให้ไม่อาจสมหวังในความรัก ดูอย่างนางสิแม้จะได้ตัวเดชสิทธิ์มาครอบครองแต่ก็ไม่เคยได้หัวใจ ดาราวลีต้องบวชชีหนีรัก และจิรัญญาจบปัญหารักด้วยการฆ่าตัวตาย!
‘ก่อนตาย! กูขอสาปแช่งมึง และลูกหลานโคตรเหง้าของมึงทุกตัว ไอ้อีไหนที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับมึง ขอให้พบแต่ความวิบัติฉิบหาย อย่าได้สมหวังในความรัก ให้ทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็นสมกับที่มึงพรากความรักไปจากกู’
นางเคยเย้ยหยันว่าคำสาปกะโหลกกะลาเช่นนี้ไม่สามารถทำอะไรนางได้ จนกระทั่งบุตรสาวทั้งสองของนางต่างก็ไม่ประสบความสำเร็จในความรัก ล้มเหลวในการใช้ชีวิต นางก็อดนึกถึงและหวาดกลัวไม่ได้
จังหวะนั้น พวงก็ปรากฏกายขึ้นหมอบกราบอยู่ข้างเจิมจันทร์ด้วยความจงรักภักดี หญิงสูงวัยไม่ได้หันไปมอง แต่รับรู้ได้ว่าพวงปรากฏตัวขึ้นเพราะกลิ่นเหม็นเน่าราวกับซากศพของพวงนั่นเอง พวงเป็นดวงวิญญาณเก่าแก่ ไม่ปรากฏชัดว่าถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยใด มันปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยต่างๆ ได้อย่างดี มีความดำมืดในหัวใจชนิดที่ว่าผีด้วยกันยังหวาดกลัว
ใช่ว่านางจะไว้ใจใครหรือผีตนใด เจิมจันทร์รู้ดีว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร วันนี้พวงยังคงเป็นข้าทาสบริวารผีที่ซื่อสัตย์ แต่วันใดหากนางอ่อนแอ พลังอำนาจเสื่อมถอย นางก็เชื่อว่าพวงจะเป็นผีตนแรกๆ ที่พร้อมจะหักหลังแล้วไปสวามิภักดิ์ต่อคนที่มีอำนาจมากกว่า
ซึ่งนางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นเป็นอันขาด นางจึงคอยจับตาดูพวงมาโดยตลอด เห็นและรับรู้ว่าพวงกร่างและวางอำนาจต่อผีตนอื่นๆ ในเรือนแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น รอวันใดที่พวงทำงานผิดพลาด นางนี่แหละจะจับพวงขังเอาไว้ในไหตลอดกาล
เพราะนางถือคติ ไม่เก็บหอกไว้ข้างแคร่!
**************
ช่างเป็นหกวันที่ผ่านพ้นไปด้วยความทรมาน การถูกชายที่ตนหลงรักหมางเมิน เดินเข้าไปคุยด้วยเขาก็เดินหนี ไม่ว่าจะทำดีด้วยวิธีไหนก็ไม่อยู่ใน
สายตา
แต่วันนี้ล่ะ...วันที่เธอรอคอยได้มาถึงเสียที
หญิงสาวหยิบกล้องวิดีโอออกมาวางไว้หน้าโต๊ะกระจกซึ่งตั้งอยู่ปลายเตียง จัดการซ่อนกล้องเอาไว้อย่างมิดชิด ตรวจสอบตำแหน่งภาพวิดีโอจนมั่นใจแล้วจึงเดินไปเปลี่ยนเสื้อ
วิรงรองสวมชุดนอนวาบหวิว ปล่อยผมสีน้ำตาลอ่อนสยายลงเต็มแผ่นหลัง จากนั้นจึงเริ่มนั่งท่องคาถา
“โอม...อัญเชิญโหงพรายใจกล้าเมตตาลูกหลาน จงดลบันดาลให้มันลุ่มหลง ศรีกูงามคือฟ้า หน้ากูงามฤทธิ์กูงามคือพระจันทร์ มันเห็นหน้ากูก็อยู่ไม่ได้ ลืมตาหลับตาให้มันคิดถึงหน้ากู ดังช้างรักงา ดังปลารักน้ำ อย่างหงส์รักถ้ำ ข้าวอยู่ในคอก็ลืมกลืน ให้สะอื้นคิดถึงตัวกูอยู่ทุกทิวาและราตรี”
ท่องจบเธอก็เดินนวยนาดไปกดบันทึกวิดีโอ เหลือบตามองไปยังประตูแล้วเริ่มนับถอยหลังในใจ
สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง...
ประตูห้องนอนของหญิงสาวเปิดออก พร้อมกับร่างของดีเลิศที่พุ่งตรงเข้ามาสวมกอดเธอราวกับจะคลั่ง
วิรงรองยิ้มหันไปส่งจูบให้กับกล้องหน้าโต๊ะกระจก แล้วร่วมบรรเลงบทรักกับดีเลิศจนเตียงนอนลุกโชนไปด้วยไฟราคะ!
**************
ไม่นานนักหลังจากนั้นในห้องนอนของคู่สามีภรรยา บัวบุษบากระสับกระส่ายจากฝันร้าย ความมืด สระบัว มีด หญิงตั้งครรภ์ เรือแจว ทารกน้อยไร้ลมหายใจ! เสียงหัวเราะชั่วช้าและบัวหลวงที่ถูกย้อมด้วยสีเลือดราวกับทั้งหมดนั้นเป็นมือล่องหนที่บีบหัวใจเธอจนแทบสลายเป็นผุยผง หญิงสาวพยายามวิ่งหนีแต่เธอก็ก้าวขาแทบไม่ออก ยังคงวิ่งวนเชื่องช้าอยู่ที่เดิมอย่างสุดแสนทรมาน
‘พี่โตคะ’ บัวบุษบาตะโกนก้องในความฝัน ‘ช่วยบัวด้วย’
หญิงสาวครางสะอื้น นอนกระสับกระส่าย เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า ก่อนสะดุ้งตื่นลุกขึ้นร้องเรียกสามีเสียงหลงด้วยความมึนงงจากความฝัน
“พี่โต!” บัวบุษบาได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนก้องในหู และพบว่าข้างกายไร้เงาของสามีอย่างที่ควรจะเป็น
หญิงสาวหอบหายใจแรง หัวใจเต้นตึกตักหวาดกลัวจนตัวสั่น เธอกอดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ประตูห้องจึงถูกเปิดออก และเธอเห็นดีเลิศเดินเข้ามาด้วยดวงตาแดงก่ำ บัวบุษบาลุกขึ้นวิ่งไปกอดเขา ปรารถนาจะอยู่ในอ้อมอกอุ่นของเขาเหมือนอย่างทุกครั้งที่เธอฝันร้าย
“พี่โตไปไหนมาคะ บัวกลัวแทบแย่”
ดีเลิศไม่ตอบ แต่เขากอดตอบเธอ...แนบแน่น...กระทั่งชายหนุ่มตัวสั่น ซบหน้าลงกับบ่าของภรรยา และบัวบุษบารับรู้ได้ว่าบ่าเสื้อของเธอเปียก
“พี่โต” หญิงสาวลูบหลังปลอบโยนสามีอย่างไม่เข้าใจ ความตระหนกจากฝันร้ายมลายสิ้นเมื่อดีเลิศดูเหมือนจะตกอยู่ในความทุกข์โศกมากกว่าเธอเหลือแสน
“เป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะสงบจิตใจและยกศีรษะขึ้นมองสบตาเธอ เขายินยอมให้ภรรยายื่นมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาจากแก้ม ก่อนจับมือนิ่มมาจูบด้วยความรักและรู้สึกผิดอย่างยิ่งยวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจึงควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้ เหตุใดจึงยอมให้ตัณหาราคะทำลายความเป็น 'มนุษย์' ของเขา และเสพสมกับวิรงรองเยี่ยงสัตว์ตัวหนึ่ง! สัตว์ที่ต่อให้คลำเจอหางก็พร้อมจะผสมพันธุ์โดยไม่เลือกหน้า
“พี่...” เขาไม่รู้จะเริ่มอย่างไร และไม่พร้อมจะสารภาพบาปตอนนี้เขากลัวเสียเธอไป...กลัวจนจับจิตจับใจ...
“พี่ฝันร้ายแล้วละเมอเดินออกไปข้างนอก มันเป็นความฝันที่น่ากลัวมาก พอพี่ตื่น พี่ก็เลย...”
ดีเลิศไม่คิดว่าบัวบุษบาจะเข้าใจข้ออ้างของเขา แต่หญิงสาวกลับยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก มองสบตาสามีอย่างเข้าใจเพราะเธอเองก็ทรมานกับฝันร้ายแทบทุกค่ำคืน
หญิงสาวจูงมือชายหนุ่มมาที่เตียงนอน ชักชวนเขาล้มตัวลงนอนกอดกัน หวังจะให้ความอบอุ่นจากสัมผัสที่อวลไปด้วยความผูกพันรักใคร่ช่วยลบเลือนฝันร้ายไป แม้ดีเลิศจะรู้ว่าเขาไม่สามารถลบเลือนความรู้สึกผิดออกจากใจได้เลยก็ตาม...
ถ้าเธอไม่ได้ดีเลิศมาครอบครอง ใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ไป!
หญิงสาวตัดสินใจคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงาน นั่งไปก็ทำงานไม่ได้ สู้ออกไปกำจัดศัตรูหัวใจไม่ดีกว่าเหรอ อยากรู้นักว่าถ้าบัวบุษบารู้ว่าสามีนอกใจมานอนกอดเธอ ผู้หญิงจืดชืดท่าทางบอบบางแบบนั้นจะเป็นอย่างไร คงหัวใจแหลกสลาย ร้องไห้โฮเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านแน่ๆ
วิรงรองก้าวขึ้นรถหรู ยิ้มที่มุมปากเมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
**************
โครม!
“รสชาติอย่างกับน้ำล้างเท้า” เจิมจันทร์ปัดจานขนมกระทงทองทิ้งลงบนพื้น
“นี่น่ะเหรอขนมตำรับชาววังของนังบุษบง ถุย! มีแต่ราคาคุยน่ะสิไม่ว่า” เจิมจันทร์ถ่มน้ำลายลงบนขนมที่ตกเกลื่อนพื้นด้วยกิริยาหยาบคาย
บัวบุษบาได้แต่ยืนนิ่ง ไม่มีท่าทางผิดหวังหรือเสียใจที่อุตส่าห์นำขนมที่มารดาทำมาฝากเจิมจันทร์ ด้วยรู้ดีอยู่แล้วว่าผลที่ได้รับจะเป็นเช่นไร
ใจจริงเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับหญิงชราคนนี้ด้วยซ้ำไป ต่างคนต่างอยู่ดูจะมีความสุขที่สุด แต่เธออยากจะลองมองหาความดีในตัวเจิมจันทร์ ด้วยกลัวว่าเธอจะตัดสินด้วยความอคติ
แต่จนแล้วจนรอด หญิงสาวก็ยังมองไม่เห็นคุณงามความดีในตัวเจิมจันทร์เลยแม้แต่น้อย
บัวบุษบาก้มลงเก็บจานและเศษขนมก่อนจะเดินลงจากเรือนไปโดยใช้บันไดด้านหลัง จังหวะนั้นวิรงรองกลับเข้ามาพอดี สายตาเหลือบไปเห็นบัวบุษบาเดินไปยังเรือนครัว หล่อนจึงไม่รอช้าที่จะไปดักรอ หล่อนควรกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดไปเสียที ปล่อยไว้ก็รกหูรกตา
“นี่เธอ...”
ไฮโซสาวเอ่ยเรียกเมื่อบัวบุษบาเดินกลับออกมาจากเรือนครัว ทว่าบัวบุษบากลับเดินผ่านหน้าวิรงรองไปราวกับไม่เห็น
“นี่ บัวบุษบา”
“อ๋อ...เรียกฉันนี่เอง มีอะไรหรือคะคุณวิ”
บัวบุษบาหันกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดูจากท่าทางและน้ำเสียงแล้วเดาได้เลยว่าวิรงรองต้องมาหาเรื่องเธอแน่ๆ สงสัยคนพวกนี้จะว่างมาก ชีวิตถึงได้จ้องแต่จะจับผิดหาเรื่องคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชิงชังเช่นนี้แล้วจะมีความสุขได้อย่างไร
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ว่ามาสิคะ ฉันฟังอยู่”
วิรงรองกัดฟันกรอดเมื่อเห็นท่าทีหยิ่งผยองของอีกฝ่าย มั่นหน้านักนะนังนี่ เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวจะร้องไห้โฮถ้ารู้ว่าผัวแกมานอนกับฉัน!
คิดแล้วหญิงสาวเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“คอลเลกชั่นใหม่ของคุณวิเหรอคะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านเสื้อผ้าของคุณผลิตบ็อกเซอร์ผู้ชายออกมาขายด้วย แต่ฉันคงไม่ได้อุดหนุนหรอกนะคะ ถ้ามีชุดชั้นในของผู้หญิงก็อาจจะน่าสนใจกว่านี้” บัวบุษบามองบ็อกเซอร์ตัวนั้นแล้วแสร้งเฉไฉไปเรื่องอื่น ทั้งที่เธอจำได้ดีว่าบ็อกเซอร์ตัวนั้นเป็นของสามีเธอ
“อย่าแกล้งโง่หน่อยเลย เมื่อคืนวันอังคารพี่โตเข้าไปนอนกับฉัน แล้วลืมบ็อกเซอร์เอาไว้” ไม้ตายที่จะทำให้บัวบุษบาเต้นผาง วิรงรองหมายมาดที่จะได้เห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสี ทว่าบัวบุษบากลับหัวเราะขบขัน
“ถ้าอยากให้ฉันเลิกกับพี่โตนักก็ช่วยสร้างหลักฐานเท็จให้มันน่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยได้ไหม กางเกงบ็อกเซอร์ตัวนี้แค่เดินไปด้านหลังเรือนครัว ก็เห็นอยู่ที่ราวตากผ้าแล้ว คุณจะหยิบไปสักกี่ตัวก็ได้นะตามใจ ถ้าชอบก็เก็บไว้เถอะ เดี๋ยวฉันซื้อให้พี่โตใหม่ได้”
บัวบุษบายิ้มหวานก่อนจะเดินผ่านวิรงรองไปพร้อมกับส่ายหน้า ช่างเป็นเรื่องไร้สาระที่แสนรกสมองเสียเหลือเกิน
“แก นังบัว!”
วิรงรองได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ เธอพลาดเองที่ไม่เก็บหลักฐานคืนนั้นเอาไว้ แต่เธอสาบานเลยว่าคืนวันอังคารหน้าเธอจะไม่ยอมพลาดเป็นอันขาด!
**************
“นังหลานแรดไม่รักดี”
เจิมจันทร์โยนหนังสือพิมพ์ทิ้งด้วยความหงุดหงิด ต้นเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน ญาตาวี หลานสาวคนโตของนางนั่นเอง!
หลังจากเจิมจันทร์ทำเสน่ห์ใส่เดชสิทธิ์ นางก็ให้กำเนิดบุตรสาวสองคนนามว่า ดาราวลี และจิรัญญา ดาราวลีแต่งงานกับเลิศฤทธิ์ซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าอาวาสดลฤทธิ์แห่งวัดป่าอิสราภรณ์ แต่เลิศฤทธิ์เป็นคนเจ้าชู้ ท้ายที่สุดก็ร้างลากับดาราวลีแล้วไม่เคยกลับมาสนใจไยดีดีเลิศและดมิสาอีกเลย
โชคดีที่ดีเลิศเป็นเด็กดี ไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้นางเลยแม้แต่น้อย จะมีขัดใจก็ตรงแต่งงานกับบัวบุษบา แต่นางมองว่าดีเลิศเป็นคนซื่อ เจอผู้หญิงมารยาอย่างบัวบุษบาจึงหลงกลโดยง่าย ส่วนดมิสานั้นเป็นเด็กดวงแข็ง นางชงยาสมุนไพรร่ายมนตร์ดำให้ดาราวลีดื่มทุกวันตอนตั้งครรภ์ดมิสา ด้วยเห็นว่าอีเด็กนั่นมัน ‘มีของ’ นอกจากตรวจดวงชะตารู้ว่าหญิงสาวดวงแข็งอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้ว เจิมจันทร์ยังเห็นว่าดมิสามีดวงที่สามารถควบคุมภูตผีได้ด้วย
เจิมจันทร์หวังให้เด็กเกิดออกมาหัวอ่อน ควบคุมง่าย นางชี้นกก็พูดตามว่านก ชี้ไม้ก็พูดตามว่าไม้ นางจะเก็บมันไว้ในเรือนและสอนให้รู้จักไสยดำ อีเด็กนั่นจะได้สืบทอดเป็นทายาทต่อไป!
แต่พระดินก็ยื่นมือมาสอด! นอกจากนางจะไม่สามารถควบคุมดมิสาได้อย่างใจแล้ว หญิงสาวยังมีพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ ยิ่งยามมันโกรธก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้และเป็นตัวอันตรายของคนรอบข้าง มิหนำซ้ำโตมาอีกหน่อยยังมีความสามารถด้านการเห็นวิญญาณ เป็นงานให้เจิมจันทร์ต้องร่ายมนตร์บังตามันอีก
รู้อย่างนี้เอายาขับเลือดให้แม่มันกินเสียก็ดี จะได้ไม่มาลอยหน้าลอยตาเป็นเสี้ยนหนามนางอยู่แบบนี้!
ดาราวลีนั้น หลังจากผิดหวังในความรัก ทุกข์โศกอยู่ยี่สิบกว่าปีก็ตัดสินใจหนีไปบวชชีที่วัดป่าอิสราภรณ์ไม่สึกออกมาอีกเลย
ส่วนจิรัญญานั้นเป็นบุตรสาวหัวโง่จอมดื้อด้าน มีสามีถึงสองคนล้วนแล้วแต่เป็นคนไม่เอาถ่าน จนแต่งงานครั้งที่สามกับวิญญูซึ่งนับว่ามีฐานะร่ำรวยเชิดหน้าชูตา แต่จิรัญญาก็ยังไม่สามารถมัดใจวิญญูเอาไว้ได้ ปล่อยให้สามีไปมีเมียน้อยจนตั้งครรภ์ ลูกเมียน้อยจึงมีอายุไล่เลี่ยกับญาตาวีซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของจิรัญญา ทั้งคู่อยู่กันแบบหวานอมขมกลืนจนจิรัญญาตั้งท้องญานีน จากนั้นไม่นานวิญญูก็ออกจากบ้านไปอยู่กินกับภรรยาใหม่อย่างออกนอกหน้า ทิ้งให้จิรัญญาเป็นโรคซึมเศร้า ตามอาละวาดอยู่หลายปี ท้ายที่สุดจิรัญญาก็หย่าขาดกับวิญญู ก่อนจะผูกคอตายหลังจากนั้นไม่นาน
ญานีนนั้นไม่ค่อยมีปัญหาให้นางต้องเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะตอนนี้แต่งงานไปกับอัคนี และได้เข้าไปบริหารงานในสถานีโทรทัศน์วายอีเอสของวิญญู
แต่ญาตาวีนี่สิที่เป็นปัญหาหนัก เห็นชัดว่านางเอกสาวชื่อดังกำลังดำเนินรอยตามจิรัญญา เพราะบัดนี้ญาตาวีแต่งงานไปถึงสองครั้งแล้ว ครั้งแรกแต่งงานกับผู้กำกับชื่อดัง แต่หม้อข้าวยังไม่ทันดำก็เลิกร้างเป็นข่าวใหญ่โต แล้วตอนนี้ญาตาวีก็แต่งงานไปกับไฮโซธนวัชร์
หลานเขยคนนี้รวย แต่ไม่มีชาติตระกูล พวกเศรษฐีใหม่ไม่น่าคบค้าสมาคม ดูท่าทางเจ้าชู้ นางลองเปิดตำราทำนายดวงชะตาแม่หลานสาวจอมแสบ พบว่าญาตาวีจะต้องแต่งงานถึงสามครั้ง นั่นแสดงว่าอีกไม่นานญาตาวีก็ต้องเลิกร้างกับธนวัชร์ ซึ่งก็คงไม่แคล้วเป็นข่าวอื้อฉาวให้นางได้อับอาย
ทำไม! นังญาตาวีมันไม่ตายๆ ตามแม่ของมันไปเสีย อยู่ไปก็รังแต่จะทำให้นางอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
นางเคยบอกเคยสอนหลานสาวทุกคนจนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหูว่าตระกูลเสน่ห์จันทน์ถูกสาปแช่งจากผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่ง ให้ไม่อาจสมหวังในความรัก ดูอย่างนางสิแม้จะได้ตัวเดชสิทธิ์มาครอบครองแต่ก็ไม่เคยได้หัวใจ ดาราวลีต้องบวชชีหนีรัก และจิรัญญาจบปัญหารักด้วยการฆ่าตัวตาย!
‘ก่อนตาย! กูขอสาปแช่งมึง และลูกหลานโคตรเหง้าของมึงทุกตัว ไอ้อีไหนที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับมึง ขอให้พบแต่ความวิบัติฉิบหาย อย่าได้สมหวังในความรัก ให้ทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็นสมกับที่มึงพรากความรักไปจากกู’
นางเคยเย้ยหยันว่าคำสาปกะโหลกกะลาเช่นนี้ไม่สามารถทำอะไรนางได้ จนกระทั่งบุตรสาวทั้งสองของนางต่างก็ไม่ประสบความสำเร็จในความรัก ล้มเหลวในการใช้ชีวิต นางก็อดนึกถึงและหวาดกลัวไม่ได้
จังหวะนั้น พวงก็ปรากฏกายขึ้นหมอบกราบอยู่ข้างเจิมจันทร์ด้วยความจงรักภักดี หญิงสูงวัยไม่ได้หันไปมอง แต่รับรู้ได้ว่าพวงปรากฏตัวขึ้นเพราะกลิ่นเหม็นเน่าราวกับซากศพของพวงนั่นเอง พวงเป็นดวงวิญญาณเก่าแก่ ไม่ปรากฏชัดว่าถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยใด มันปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยต่างๆ ได้อย่างดี มีความดำมืดในหัวใจชนิดที่ว่าผีด้วยกันยังหวาดกลัว
ใช่ว่านางจะไว้ใจใครหรือผีตนใด เจิมจันทร์รู้ดีว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร วันนี้พวงยังคงเป็นข้าทาสบริวารผีที่ซื่อสัตย์ แต่วันใดหากนางอ่อนแอ พลังอำนาจเสื่อมถอย นางก็เชื่อว่าพวงจะเป็นผีตนแรกๆ ที่พร้อมจะหักหลังแล้วไปสวามิภักดิ์ต่อคนที่มีอำนาจมากกว่า
ซึ่งนางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นเป็นอันขาด นางจึงคอยจับตาดูพวงมาโดยตลอด เห็นและรับรู้ว่าพวงกร่างและวางอำนาจต่อผีตนอื่นๆ ในเรือนแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น รอวันใดที่พวงทำงานผิดพลาด นางนี่แหละจะจับพวงขังเอาไว้ในไหตลอดกาล
เพราะนางถือคติ ไม่เก็บหอกไว้ข้างแคร่!
**************
ช่างเป็นหกวันที่ผ่านพ้นไปด้วยความทรมาน การถูกชายที่ตนหลงรักหมางเมิน เดินเข้าไปคุยด้วยเขาก็เดินหนี ไม่ว่าจะทำดีด้วยวิธีไหนก็ไม่อยู่ใน
สายตา
แต่วันนี้ล่ะ...วันที่เธอรอคอยได้มาถึงเสียที
หญิงสาวหยิบกล้องวิดีโอออกมาวางไว้หน้าโต๊ะกระจกซึ่งตั้งอยู่ปลายเตียง จัดการซ่อนกล้องเอาไว้อย่างมิดชิด ตรวจสอบตำแหน่งภาพวิดีโอจนมั่นใจแล้วจึงเดินไปเปลี่ยนเสื้อ
วิรงรองสวมชุดนอนวาบหวิว ปล่อยผมสีน้ำตาลอ่อนสยายลงเต็มแผ่นหลัง จากนั้นจึงเริ่มนั่งท่องคาถา
“โอม...อัญเชิญโหงพรายใจกล้าเมตตาลูกหลาน จงดลบันดาลให้มันลุ่มหลง ศรีกูงามคือฟ้า หน้ากูงามฤทธิ์กูงามคือพระจันทร์ มันเห็นหน้ากูก็อยู่ไม่ได้ ลืมตาหลับตาให้มันคิดถึงหน้ากู ดังช้างรักงา ดังปลารักน้ำ อย่างหงส์รักถ้ำ ข้าวอยู่ในคอก็ลืมกลืน ให้สะอื้นคิดถึงตัวกูอยู่ทุกทิวาและราตรี”
ท่องจบเธอก็เดินนวยนาดไปกดบันทึกวิดีโอ เหลือบตามองไปยังประตูแล้วเริ่มนับถอยหลังในใจ
สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง...
ประตูห้องนอนของหญิงสาวเปิดออก พร้อมกับร่างของดีเลิศที่พุ่งตรงเข้ามาสวมกอดเธอราวกับจะคลั่ง
วิรงรองยิ้มหันไปส่งจูบให้กับกล้องหน้าโต๊ะกระจก แล้วร่วมบรรเลงบทรักกับดีเลิศจนเตียงนอนลุกโชนไปด้วยไฟราคะ!
**************
ไม่นานนักหลังจากนั้นในห้องนอนของคู่สามีภรรยา บัวบุษบากระสับกระส่ายจากฝันร้าย ความมืด สระบัว มีด หญิงตั้งครรภ์ เรือแจว ทารกน้อยไร้ลมหายใจ! เสียงหัวเราะชั่วช้าและบัวหลวงที่ถูกย้อมด้วยสีเลือดราวกับทั้งหมดนั้นเป็นมือล่องหนที่บีบหัวใจเธอจนแทบสลายเป็นผุยผง หญิงสาวพยายามวิ่งหนีแต่เธอก็ก้าวขาแทบไม่ออก ยังคงวิ่งวนเชื่องช้าอยู่ที่เดิมอย่างสุดแสนทรมาน
‘พี่โตคะ’ บัวบุษบาตะโกนก้องในความฝัน ‘ช่วยบัวด้วย’
หญิงสาวครางสะอื้น นอนกระสับกระส่าย เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า ก่อนสะดุ้งตื่นลุกขึ้นร้องเรียกสามีเสียงหลงด้วยความมึนงงจากความฝัน
“พี่โต!” บัวบุษบาได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนก้องในหู และพบว่าข้างกายไร้เงาของสามีอย่างที่ควรจะเป็น
หญิงสาวหอบหายใจแรง หัวใจเต้นตึกตักหวาดกลัวจนตัวสั่น เธอกอดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ประตูห้องจึงถูกเปิดออก และเธอเห็นดีเลิศเดินเข้ามาด้วยดวงตาแดงก่ำ บัวบุษบาลุกขึ้นวิ่งไปกอดเขา ปรารถนาจะอยู่ในอ้อมอกอุ่นของเขาเหมือนอย่างทุกครั้งที่เธอฝันร้าย
“พี่โตไปไหนมาคะ บัวกลัวแทบแย่”
ดีเลิศไม่ตอบ แต่เขากอดตอบเธอ...แนบแน่น...กระทั่งชายหนุ่มตัวสั่น ซบหน้าลงกับบ่าของภรรยา และบัวบุษบารับรู้ได้ว่าบ่าเสื้อของเธอเปียก
“พี่โต” หญิงสาวลูบหลังปลอบโยนสามีอย่างไม่เข้าใจ ความตระหนกจากฝันร้ายมลายสิ้นเมื่อดีเลิศดูเหมือนจะตกอยู่ในความทุกข์โศกมากกว่าเธอเหลือแสน
“เป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะสงบจิตใจและยกศีรษะขึ้นมองสบตาเธอ เขายินยอมให้ภรรยายื่นมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาจากแก้ม ก่อนจับมือนิ่มมาจูบด้วยความรักและรู้สึกผิดอย่างยิ่งยวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจึงควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้ เหตุใดจึงยอมให้ตัณหาราคะทำลายความเป็น 'มนุษย์' ของเขา และเสพสมกับวิรงรองเยี่ยงสัตว์ตัวหนึ่ง! สัตว์ที่ต่อให้คลำเจอหางก็พร้อมจะผสมพันธุ์โดยไม่เลือกหน้า
“พี่...” เขาไม่รู้จะเริ่มอย่างไร และไม่พร้อมจะสารภาพบาปตอนนี้เขากลัวเสียเธอไป...กลัวจนจับจิตจับใจ...
“พี่ฝันร้ายแล้วละเมอเดินออกไปข้างนอก มันเป็นความฝันที่น่ากลัวมาก พอพี่ตื่น พี่ก็เลย...”
ดีเลิศไม่คิดว่าบัวบุษบาจะเข้าใจข้ออ้างของเขา แต่หญิงสาวกลับยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก มองสบตาสามีอย่างเข้าใจเพราะเธอเองก็ทรมานกับฝันร้ายแทบทุกค่ำคืน
หญิงสาวจูงมือชายหนุ่มมาที่เตียงนอน ชักชวนเขาล้มตัวลงนอนกอดกัน หวังจะให้ความอบอุ่นจากสัมผัสที่อวลไปด้วยความผูกพันรักใคร่ช่วยลบเลือนฝันร้ายไป แม้ดีเลิศจะรู้ว่าเขาไม่สามารถลบเลือนความรู้สึกผิดออกจากใจได้เลยก็ตาม...
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ม.ค. 2562, 09:48:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ม.ค. 2562, 09:48:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 881
<< บทที่ 9 ตกหลุมพรางมนตร์ดำ -100% | บทที่ 11 เรื่องราวของ ‘อุบล’ -100% >> |