ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!

หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!

*******************

ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ


*******************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)

ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***


*******************

หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)

*******************

จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)

Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย

ตอน: บทที่ 12 ความหลังครั้งอดีตชาติ -50%

บัวบุษบาก้าวเดินไปในความมืดเหมือนทุกคืนที่หลับฝันถึงเหตุฆาตกรรมปริศนา หญิงสาวสะลึมสะลือ ไม่รู้สติ ก่อนภาพความมืดตรงหน้าจะถูกกลบด้วยแสงสว่างเจิดจ้าจนบัวบุษบาตาพร่า เมื่อแสงนั้นจางลงจึงเห็นว่าเธอยืนอยู่ในโรงเรียนเมื่อหลายสิบปีก่อน และเธอยืนอยู่ตรงหน้าเด็กนักเรียนหญิงสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนรักกัน...

‘เขาชื่อพี่นที เป็นเพื่อนสนิทของพี่เดช’

อุบลชะงักดินสอที่กำลังขีดเขียนเป็นภาพดอกบัวลายไทยในสมุดวาดภาพ เด็กสาวอมยิ้ม เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเธอมีใบหน้ากลมอวบอิ่ม ตัดผมสั้นแค่ติ่งหู สวมเสื้อนักเรียนกับกระโปรงสีน้ำเงิน อุบลในวัยสิบหกปียังดูเป็นเด็กอยู่มากเมื่อเทียบกับเจิมจันทร์เพื่อนรัก เจิมจันทร์นั้นไว้ผมยาวถักเปียผูกโบสีน้ำเงินน่ารัก ใบหน้าหรือก็คมคายเหมือนแขก ตากลม ขนตายาวงอนอย่างหาตัวจับยาก

ใครๆ ก็ตามจีบเจิมจันทร์กันทั้งนั้น แต่เด็กสาวไม่สนใจใครเลยนอก จากเดชสิทธิ์ผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของหล่อน

‘เราว่าเขาชอบตัวนะ พี่นทีน่ะ’

เจิมจันทร์เอียงคอลงเย้าจนอุบลแก้มแดงราวมะเขือเทศสุก

‘บ้า ไม่หรอก เราไม่ใช่คนสวยแบบตัวเสียหน่อย’

‘ผู้ชายบางคนก็ไม่ชอบคนสวยหรอก’

เจิมจันทร์พูดตามตรงและหล่อนเองก็ไม่เคยมองว่าอุบลสวย แต่หากต้องสวยเท่านั้นถึงจะมีผัว คนขี้เหร่ก็คงขึ้นคานกันหมด หากไปพูดตรงๆ แบบนี้กับคนอื่นเขาคงโกรธเอา แต่เจิมจันทร์รู้ว่าอุบลนอกจากไม่สวยแล้วยังไม่ฉลาด ถูกหลอกด่าก็ไม่รู้หรอก

คิดแล้วเจิมจันทร์ก็ขยับไปนั่งข้างๆ ใช้ศอกกระแซะเอวอุบลหยอกล้อ

‘พรุ่งนี้วาเลนไทน์แล้ว ลองเอาดอกไม้ไปให้พี่นทีดูสิตัว นะๆ’

อุบลสั่นหน้ายิ้มๆ ‘ไม่เอา เราอาย’

‘น่า เดี๋ยวเราเตรียมดอกไม้ให้ เราอยากเห็นเพื่อนสมหวัง’

อุบลหันมองเพื่อนรักด้วยดวงตาที่แสดงออกถึงความซื่อตรงและซึ้งใจ อุบลเป็นลูกสาวคนโตของบ้านมิ่งมงคล แม้ครอบครัวจะอบอุ่นแต่บิดาก็สอนให้ ‘เสียสละ’ ทุกสิ่งทุกอย่างให้ชบาผู้เป็นน้องสาวเสมอ บ้านมิ่งมงคลอยู่ใกล้กันกับบ้านเสน่ห์จันทน์ ตอนเป็นเด็กอุบลเคยเดินร้องไห้มาตามถนนเพราะถูกชบาแย่งของเล่น ก็ได้เจิมจันทร์นี่แหละที่ชวนไปเล่นด้วยกันที่บ้าน และสนิทสนมกันมาตั้งแต่ตอนนั้น

‘ขอบคุณนะเจิม’ เด็กสาววางดินสอและหันมากอด ซบหน้าลงกับไหล่ของเจิมจันทร์

‘ตัวคอยช่วยเราเสมอเลย คิดย้อนกลับไปทีไรเราก็คิดว่าดีเหมือน กันนะที่ถูกชบาแย่งตุ๊กตา ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เดินร้องไห้ไปเจอเจิม แล้วคงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเจิมใจดีขนาดนี้’

เจิมจันทร์กอดตอบ หากถามว่าหล่อนรักเพื่อนคนนี้ไหม...ก็คงตอบว่าไม่หรอก แต่เจิมจันทร์ก็ควรมีเพื่อนสนิทไว้คอยไปไหนมาไหนหรือกินข้าวด้วยกันบ้าง

ตอนเป็นเด็ก แม้ในซอยขุนนางจะมีแต่พวกลูกผู้ลากมากดี แต่เจิมจันทร์ก็ไม่สุงสิงกับใครเพราะเด็กพวกนั้นเล่นกับพวกบ่าวไพร่ราวกับพวกไร้สกุลรุนชาติ กระทั่งอุบลเดินร้องไห้มาตามลำพัง เจิมจันทร์จึงผูกขาดอุบลไว้เป็นเพื่อนรักเพื่อนตาย ทำดีด้วยหวังให้อุบลรัก และหล่อนก็ทำสำเร็จเสียด้วย

บัวบุษบายืนมองภาพความทรงจำอันสนิทสนมของเด็กสาวทั้งสอง โดยไม่ทันล่วงรู้ถึงความคิดของใครเลย แต่ความสงสัยก็กัดกร่อนหัวใจว่าเจิมจันทร์จะสังหารอุบลที่รักใคร่สนิทสนมกันขนาดนี้ได้ลงคอจริงหรือ

...หรือว่าคุณทวดจะเข้าใจผิดอย่างที่คุณแม่สันนิษฐานจริงๆ

และแล้วภาพตรงหน้าก็บิดเบี้ยว แปรเปลี่ยนเป็นภาพวันวาเลนไทน์ที่บรรดาเด็กนักเรียนต่างถือกุหลาบแดงกันแทบทุกคน เด็กหนุ่มที่ปักชื่อตรงอกเสื้อว่า ‘เดชสิทธิ์ อัครสิงหกุล’ ดูจะเนื้อหอมเป็นพิเศษ เขาหอบกุหลาบแดงไว้เต็มอ้อมแขน แต่ก็ยังมีบรรดาเด็กสาวพยายามเสียบกุหลาบของตัว เองเพิ่มให้อีก

เจิมจันทร์ยื่นกุหลาบในพลาสติกใสให้อุบลนำไปให้นทีที่ยืนอยู่ใกล้กับเดชสิทธิ์ นทีเองก็ได้รับดอกไม้มากมาย แต่อุบลยังอิดออดเขินอายกระทั่งเขาหันมาเห็นและเดินตรงมาหาเธอเอง

แน่นอนว่าเดชสิทธิ์ก็เดินตามเพื่อนสนิทมาด้วย...

เจิมจันทร์แอบมองเดชสิทธิ์ แก้มของหล่อนแดงเรื่อ ใจเต้นตึกตัก คิดไม่ผิดจริงๆ ที่วางแผนหลอกให้อุบลนำดอกไม้มาให้นทีราวกับผู้หญิงไม่มีราคา หากนทีชอบพอและคบหากับอุบลจริงจัง ในฐานะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย เดชสิทธิ์ก็ต้องหันมาสนใจหล่อนบ้าง

เจิมจันทร์ไม่ได้เตรียมดอกไม้มาให้เดชสิทธิ์หรอก ผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางทอดสะพานให้ผู้ชายอย่างไร้ยางอายแบบอุบล เดชสิทธิ์ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าตรงหน้าและอ้อนวอนขอความรักจากเจิมจันทร์!

‘ไง บัวน้อย’ นทีเข้ามาทัก

อุบลหันมองซ้ายมองขวาอย่างสาวซื่อ ‘...ใครชื่อบัวน้อยเหรอ’

เด็กหนุ่มหัวเราะขำ ก่อนอมยิ้ม แล้วดึงบัวฉัตรสีชมพูจากกระเป๋านักเรียนมายื่นให้ตรงหน้า ท่ามกลางเสียงกรี๊ดเบาๆ ของบรรดาเด็กสาววัยขบเผาะ และมีเสียงอุทานมาจากที่ใดสักที่ว่า

โรแมนติกมาก...

‘ให้เราเหรอ’ อุบลถามอย่างงงๆ ดึงมือออกจากข้างหลังเพื่อรับดอกบัวฉัตรสีชมพูดอกนั้น นทีจึงเห็นว่ามีดอกไม้ในมือเธอด้วยเหมือนกัน

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วนึกหวงขึ้นมาตงิดๆ แต่ก็แค่จ้องมองมา ในขณะที่อุบลรับดอกบัวจากเขาไปดม แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง

‘สวยมากเลย ขอบคุณค่ะพี่นที’

นทีหลุดขำอีกรอบ ก่อนยื่นมือไปดึงแก้มเธออย่างมันเขี้ยว

‘ชื่ออุบลเพราะแก้มป่องเหมือนบัวดอกนี้ใช่ไหมเนี่ย บัวน้อย’

‘พี่นทีน่ะ!’

ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของคนรอบตัว เดชสิทธิ์มองผ่านเจิมจันทร์ไป แล้วก้าวเลยไปวางกองกุหลาบไว้กับโต๊ะม้าหินอ่อน เขาหยุดยืนคุยกับอาจารย์เรื่องการติวเข้มเพื่อสอบเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะที่นทีคาดคั้นอุบลว่าดอกไม้ในมือนั้นจะเอาไปให้ใคร เมื่อเด็กสาวสารภาพว่าเอามาให้เขา จึงก่อกำเนิดคู่รักคู่ใหม่ของโรงเรียนขึ้นมาทันทีท่าม กลางเสียงโห่แซวของเพื่อนๆ

เจิมจันทร์มองแผ่นหลังกว้างของเดชสิทธิ์ หวังให้เขาหันกลับมามองหล่อน แต่ก็ไม่...

แต่ถึงเขาจะไม่มองหล่อน สาวๆ รอบตัว เขาก็ไม่สนใจเช่นกัน เดชสิทธิ์อาจยังไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเรียน เจิมจันทร์ปลอบใจตัวเองและพร้อมจะรอต่อไป

อย่างไรเสียอุบลก็คบหากับนทีแล้ว ความสนิทสนมของหล่อนกับเดชสิทธิ์ก็ต้องมีมากขึ้นด้วย!

แต่จนแล้วจนรอด วันแล้ววันเล่าผ่านไป แม้เจิมจันทร์จะเป็นดาวมหาวิทยาลัยก็ไม่อาจทำให้เดชสิทธิ์หันมามองได้

ชายหนุ่มเรียนหนัก ไม่มีคนรัก เมื่อเรียนจบก็ไปต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศโดยไม่คิดเหลียวแลเจิมจันทร์เลยแม้แต่น้อย

อุบลและนทีเรียนจบจากสถาบันเดียวกัน ยิ่งโตเป็นสาว จากเด็กอวบ หน้ากลม ผมสั้นแค่ติ่งหู ก็กลายเป็นสาวสะพรั่ง เธอไว้ผมยาวถึงกลางหลังขับให้ใบหน้าสวยหวานละมุน ทรวดทรงองค์เอวก็เข้ารูปเข้ารอยตามวัย เดินผ่านผู้ชายคนไหนก็มีแต่คนเหลียวหลังและบ่นเสียดายที่นทีตาถึงมาคว้าไปไว้ในครอบครอง ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กหน้ากลมผมสั้น

‘พี่นทีเขาขอฉันแต่งงาน แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน’ เมื่อโตเป็นสาว สรรพนามที่เรียกตัวเองก็โตขึ้นตามไปด้วย

‘เธอว่าฉันจะทำอย่างไรดี’

หญิงสาวในชุดพนักงานธนาคารเอ่ยถามเจิมจันทร์ในเรือแจว บ้านเสน่ห์จันทน์มีสระบัวหลังบ้าน สองสาวมักหาเวลามาพายเรือเก็บดอกบัวด้วยกันบ่อยๆ วันนี้เจิมจันทร์เป็นคนพาย แต่คราวหน้าอุบลจะพายเอง

‘หมั้นกันแล้ว ก็แต่งไปเลยสิ’

เจิมจันทร์แสร้งออกความเห็น แม้รู้ว่าเดชสิทธิ์ใกล้จบปริญญาโทเต็มทีแล้ว แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เขาอาจเรียนต่อหรือยังไม่กลับทันทีก็ได้ ดังนั้นหากนทีกับอุบลแต่งงาน ในฐานะเพื่อนสนิท เดชสิทธิ์ต้องกลับมาแน่ แล้วเจิมจันทร์ก็วางแผนจะแกล้งไปเดินชนเขาที่สนามบินให้เขาสนใจ จากนั้นก็มาเจอกันในงานแต่งงาน

มีหรือเดชสิทธิ์จะกล้าละสายตาจากหล่อน!

ความหวังของเจิมจันทร์ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ความมั่นใจก็มากขึ้นถมเถไปด้วย หล่อนสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อุบลนั้นแม้จะสวยหวานแบบสาวแรกแย้มปานใด ก็ไม่อาจสู้ความสวยคมขำนัยน์ตางามราวกับมีเชื้อชาติอินเดียของเจิมจันทร์ได้

‘ฉันเชื่อเธอ งั้นฉันจะตกลงกับพี่นที ถึงฉันจะชอบทำงาน แต่ฉันก็รักที่จะอยู่กับเขามากกว่าจริงๆ’

อุบลบอกเสียงหวาน ตาพราวระยับอย่างมีความสุข

‘ขอบคุณนะเจิม ที่ให้คำปรึกษาฉันมาตลอดเลย’

เจิมจันทร์ยิ้มหวานตอบ ในขณะที่ใจนั้นด่าอุบลว่า อีโง่...

แต่แล้วความหวังของเจิมจันทร์ก็พลันพังทลาย เดชสิทธิ์มีคนรักแล้วที่เมืองนอก และเขากำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า!


*************

ฮัลโหลลลลล เห็นเล่มตัวอย่างราคีสีเพลิงกันรึยังเอ่ย พร้อมส่งต้นเดือนกุมภาพันธ์นะคะ นักอ่านท่านใดสนใจยังเปิดจองถึงสิ้นเดือนมกราคม และเมื่อสิ้นสุดการสั่งจอง จะนำวางจำหน่ายในรูปแบบ eBook ที่เว็บ mebmarket และมีวางจำหน่ายแบบหนังสือเล่มที่ 'ศูนย์หนังสือจุฬาฯ' และตามร้านออนไลน์ค่ะ


สำหรับ 'ราคีสีเพลิง' ราคาสั่งจองอยู่ที่ 205 บาทนะคะ (จากราคาเต็ม 218 บาท)

สามารถ inbox สั่งจองกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกาสำนักพิมพ์' หรือสั่งจองที่ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก และร้าน booktogothailand



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2562, 09:34:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2562, 09:34:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 721





<< บทที่ 11 เรื่องราวของ ‘อุบล’ -100%   บทที่ 12 ความหลังครั้งอดีตชาติ -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account