มาลีเริงไฟ: รังสี(วิรัตต์ยา) ปลายปากกาสำนักพิมพ์
‘ญานีน’ ถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอ
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า แก้แค้น แต่งงาน สลับตัว เล่นของ
ตอน: บทที่ 9 -50%
วิรัลยาตรงรี่ไปที่คอกกระจกกั้น โดยมีพยาบาลสาวตามเข้าไปติดๆ ก่อนที่จะหยุดฝีเท้าพลันเกือบชนคนตรงหน้าเข้าให้
บนเตียงหลังคอกกระจกกั้นสามด้าน ยังคงมีร่างของเจ้าหญิงนิทรานอนนิ่งไม่ไหวติง นอกจากทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงช้าๆ ตามจังหวะการหาย ใจเข้าออกที่แผ่วเบา
“ยายหนึ่งเป็นยังไงบ้าง”
วิรัลยาทำทีเป็นชวนพยาบาลคุย ขณะเดียวกันก็ลอบโล่งอกที่ไม่ได้เป็นอย่างสังหรณ์ใจแต่แรก
“คุณหนึ่งเธอ เอ่อ ไม่มีอาการผิดปกติอะไรค่ะ ก็ทรงๆ เหมือนเดิม”พยาบาลสาวเอมอรตอบไม่ค่อยเต็มเสียง
ถึงกระนั้น วิรัลยายังอยากดูให้แน่ใจ เลยค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้คนบนเตียง และนั่นทำให้พยาบาลสาวมองไปที่คนบนเตียงอย่างลุ้นๆ ขณะที่วิรัลยาก้มลงไปมองน้องสาวต่างมารดาอย่างพิจารณา
แวบหนึ่งหล่อนหยุดสายตาที่หน้ากากอนามัยของคนป่วย เพราะมันบดบังใบหน้าไว้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร กลับเหยียดยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดของอีกฝ่ายภายใต้หน้ากาก
สงสัยหล่อนคงคิดมากไป ยายญานีนนอนเป็นผักอยู่แบบนี้นะหรือ จะลุกมาส่งข้อความประหลาดๆ หาหล่อนกับอัคนีได้
“หายเร็วๆ นะหนึ่ง” วิรัลยากระซิบที่ข้างหูคนป่วย พลางหยิกหมับเข้าที่แขนผอมบางนั่น!
หล่อนแค่ลองทดสอบนิดๆ หน่อยๆ เพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ถูกหลอก เมื่อไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบจากร่างบนเตียง วิรัลยาก็ยิ้มโล่งใจ ยืดกายขึ้นเต็มความสูง
“ฉันไม่กวนคุณกับยายหนึ่งแล้วล่ะ แล้วก็ขอโทษที่มารบกวน...ฉันฝากพี่สาวฉันด้วยนะ”
“ค่ะ คุณญานีน”
จากนั้นวิรัลยาก็เดินออกจากห้องไป ด้วยสีหน้าที่สบายใจขึ้นมาก
เจ้าของข้อความบ้าๆ พวกนั้นคงเป็นพวกโรคจิตอย่างตำรวจว่า
************
ญานีนรอจนได้ยินเสียงรถแล่นออกจากคฤหาสน์วิญญูไปแล้วนั่นแหละ ถึงค่อยกล้าลืมตา ลุกขึ้นนั่ง
พร้อมกันนั้นก็คลำบริเวณที่โดนวิรัลยาหยิกด้วยความเจ็บใจ
“ยายบ้าเอ๊ย หยิกเจ็บเป็นบ้า”
“โอ๊ย พี่ใจหายใจคว่ำหมดเลยค่ะ กลัวคุณเขาจะจับได้ว่าคุณหนึ่งรู้สึกตัวแล้ว” เอมอรพูดเสียงเบา ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย
ญานีนยิ้ม นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
หลังจากเรียนรู้งานกับไอศูรย์ได้ประมาณสองเดือนกว่า ญานีนก็ตัดสินใจกลับมาที่คฤหาสน์ของบิดา เพราะสังหรณ์ใจว่ายายอาจจะกลับจากการฟื้นฟูพลังแล้ว โชคยังดีที่ไอศูรย์เข้าใจและยอมให้หล่อนกลับมา เนื่อง จากตลอดระยะเวลาที่หล่อนหายมาอยู่ที่คอนโดฯ ของเขานั้น เขารู้ว่าหล่อนได้จ้างผู้หญิงอีกคนไว้
ใช่ วันที่หล่อนสวมชุดนางพยาบาลออกมาขึ้นรถเขานั่นเอง หล่อนจำเป็นต้องมีใครอีกคนปลอมตัวเป็นเอมอร เพื่อกลับเข้าไปในคฤหาสน์ของวิญญูแทนหล่อน และสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงนิทราแทนด้วยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หล่อนเลยอ้างกับไอศูรย์ว่าสงสารผู้หญิงคนนั้น กอปรกับไอศูรย์เองก็คงเห็นแล้วว่า หล่อนเข้าใจงานมากขึ้นและพอจะจำอะไรได้บ้างแล้ว เขาเลยไม่รั้งหล่อนไว้
ถึงอย่างนั้น หล่อนกับเขาได้ตกลงกันไว้ว่า ระหว่างนี้จะยังติดต่อหากัน และสอนงานกันทางโทรศัพท์แทน
ไม่นึกเลยว่าพอกลับมาถึงคฤหาสน์ของวิญญู ได้ไม่ถึงห้านาที ก็ต้องมาเจอกับวิรัลยา! หล่อนยังไม่ทันได้ถอดชุดนางพยาบาลออกเลยด้วยซ้ำ เลยใช้วิธีดึงผ้าห่มมาปิดถึงคอ ส่วนหน้ากากอนามัยหล่อนสวมไว้ตั้งแต่ตอนกลับเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว
ถ้าเดาไม่ผิด อยู่ดีๆ ที่วิรัลยาก็บุกมาเยี่ยมแบบนี้ คงเพราะข้อความแปลกๆ ที่อัคนีและเจ้าตัวได้รับสินะ เริ่มสนุกแล้วสิ
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปคะ” เอมอรถามขึ้น
ญานีนกำลังนึกอะไรสนุกๆ เลยมีอันต้องสะดุด
“ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ แค่รอเวลาเท่านั้น” ญานีนเอ่ยพลางยกฟูกที่นอนขึ้น แล้วหยิบจี้ที่หล่อนจงใจทิ้งไว้ขึ้นมาสวม
“พี่เอมจะไปพิมพ์นิยายต่อก็ได้เลยนะคะ หนึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะขอนอนคิดอะไรเงียบๆ”
ฝ่ายนั้นไม่อิดออด เดินไปนั่งประจำที่ของตนและเริ่มต้นรัวแป้น พิมพ์ แต่สักพักเสียงก็เงียบไป
ญานีนเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียงเพื่อครุ่นคิดถึงแผนการต่อไป เหลียวมองก็พบว่าเอมอรฟุบหลับไปแล้ว หล่อนตัวเกร็งขึ้นอัตโนมัติ
ยายมาแล้ว!
แล้วก็จริง ครู่ต่อมายายของหล่อนก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของนางผ่องใสกว่าวันนั้นมาก ผมกลับมาเป็นสีดำสนิทเหมือนเดิม ขณะที่รังสีความดุและน่ากลัวกลับเพิ่มขึ้น
“คุณยาย” ญานีนลุกขึ้นนั่งยกมือไหว้
“แกอยู่ที่นี่ตลอดเวลาหรือเปล่า” เจิมจันทร์ถามพลางมองหล่อนอย่างสำรวจ
“ค่ะ อยู่ที่นี่ตลอด แต่ไม่ได้อยู่เฉยนะคะ หนูหาความรู้เพิ่มเติมจนตอนนี้คิดว่าสามารถเข้าไปทำงานที่นั่นได้แล้วค่ะ”
เจิมจันทร์ทำเสียงรับรู้และไม่ติดใจอะไร เพราะก่อนมาที่นี่พรายนพก็รายงานแล้วว่าญานีนอยู่แต่ในห้อง พรายทองดีที่อยู่ในจี้ก็นิ่งเงียบอันแสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ขณะที่ญานีนเอ่ยถามต่อ
“คุณยายเป็นยังไงบ้างคะ เรียบร้อยดีใช่ไหมคะ”
“เรียบร้อยดี และฉันก็สังหรณ์ว่ามันที่อยู่เบื้องหลังศัตรูของแกจะปรากฏตัวเร็วๆ นี้เหมือนกัน”
ญานีนมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา ใครคนนั้นก็คงน่ากลัวไม่ต่างจากยายซึ่งหล่อนเห็นอิทธิฤทธิ์แล้ว
“แกไม่ต้องกลัว ให้มันมาเถอะ ฉันจะจัดการมันเอง...ว่าแต่แกพร้อมแล้วแน่นะที่จะออกไปจัดการพวกคนใจร้ายข้างนอกนั่น”
“พร้อมค่ะ”
“และไม่ลืมสัญญาใช่ไหม”
คราวนี้ญานีนหลุบตามองแค่ฝ่ามือตัวเอง “ไม่ลืมค่ะ”
************
รถตู้ประจำตัววิญญูและวารุณแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดเตี้ยๆ หน้าคฤหาสน์ ไม่นาน...สองสามีภรรยาก็ก้าวลงจากรถและเดินตามกันเข้ามาในบ้าน
“เลยเสียเที่ยวเปล่าๆ เลย เสียเวลาด้วย”
วิญญูบ่นขึ้น สีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ฉันขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าแกจะเปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันสัญญาว่าจะกล่อมแกให้ยอมขายให้เราให้ได้”
“แกไม่ได้เปลี่ยนใจไม่ขายหรอกคุณ ลองมาอีหรอบนี้แสดงว่ามีคนให้ราคาสูงกว่า” คนเป็นสามีพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ยังผลให้วารุณหน้าเผือดสี เพราะลืมนึกถึงข้อนี้ไป
“จริงสิ ที่สวยๆ แบบนั้น ต้องมีคนอยากได้เยอะแน่ๆ...ใครกัน”
“ช่างเถอะ อะไรที่เป็นของเรา สักวันมันก็ต้องเป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีทาง” วิญญูตัดบท
เมื่อมาถึงห้องโถงซึ่งเชื่อมบันไดขึ้นชั้นบน ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานแผดมาจากห้อง ‘เจ้าหญิงนิทรา’ พวกเขาหันสบตากันด้วยความตกใจและแปลกใจ
ทำไมมีเพลง?
ไวเท่าความคิด สองสามีภรรยาสาวเท้าไปที่นั่นด้วยความรวดเร็ว
“คุณเอมอร เปิดประตู” วิญญูเคาะเร็วๆ พลางร้องเรียก เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านตลอดจนคนรับใช้วิ่งออกมาดู เพราะพวกเขาก็เพิ่งได้ยินเสียงเพลงเหมือนกัน
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณผู้ชาย ทำไมพยาบาลถึงเปิดเพลงเสียงดังแสบแก้วหูแบบนี้”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน กำลังจะเรียกให้ออกมาเนี่ย”
วิญญูบอกอย่างหัวเสีย
หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนถามเมื่อครู่เลยขันอาสา
“เดี๋ยวดิฉันเรียกให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเอง มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” วารุณร้องห้ามแกมไล่กรายๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉัน...”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไงล่ะ!” คนเป็นนายขึ้นเสียง ตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง ส่งผลให้ทุกคนในที่นั้นชะงักไปตามๆ กัน
หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ก่อนใคร หันกลับมาส่งสายตาบอกคนอื่นๆ ให้รีบออกไปให้หมด ทุกคนเลยจำต้องออกจากตรงนั้นไปตามคำสั่งอย่างงงๆ ปนเซ็ง
เมื่อออกไปกันหมดแล้ว วารุณถึงกับถอนใจออกมา ค่อยโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ส่วนวิญญูทำท่าจะเคาะประตูห้องตรงหน้าอีกครั้ง
แต่ปรากฏว่าคราวนี้ มันถูกเปิดออกพอดี!
และภาพที่สองสามีภรรยาเห็นก็คือ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่กลางห้องอย่างเมามัน ตามจังหวะเพลงที่เปิดดังกระหึ่มอยู่ภายในห้อง ‘เจ้าหญิงนิทรา’ เส้นผมของหล่อนปิดบังใบหน้าจนหมด...ไม่มี เอมอรอยู่ในนั้น
วิญญูกับวารุณพร้อมใจกันมองไปที่เตียงซึ่งว่างเปล่า
ญานีน...ฟื้นแล้วหรือ!?
วิญญูเดินไปปิดเพลง ยังผลให้หญิงสาวที่กำลังเต้นเมามัน หยุดกึกแล้วหันมาทำหน้ามุ่ย
“ปิดทำไมคะเนี่ย หนึ่งกำลังสนุกอยู่เลย”
“หนึ่ง...” วารุณเอ่ยชื่อนั้นอย่างไม่แน่ใจนัก เช่นเดียวกับวิญญูที่มองลูกสาวนิ่งอยู่
“ทำไมคุณแม่ทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ก็หนึ่งไงคะ” หญิงสาวถามพลางเดินเข้ามาทำท่าจะสวมกอดคนเป็นแม่ แต่ฝ่ายนั้นก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอัตโนมัติ ส่งผลให้หญิงสาวหน้าเสีย
“นี่คุณแม่เป็นอะไรไปคะ”
“...”
ไม่มีคำตอบจากวารุณ นอกจากแค่ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่เชื่อตาตัวเอง ผิดกับวิญญูที่โพล่งออกมาทันควัน
“แกไม่ใช่ยายหนึ่ง”
*****************
มาต่อให้อย่างรวดเร็วค่ะ ฮี่ๆ กำลังมันส์
ปลายปากกาสำนักพิมพ์จะหยุดปีใหม่ในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 - 6 มกราคม 2562 และจะกลับมาเปิดทำการตามปกติวันที่ 7 มกราคม 2562 เป็นต้นไปนะคะ ฉะนั้นใครสนใจสั่งซื้อนิยายเรื่องไหนของปลายปากกา ก่อนวันที่ 29 ธันวาคมยิ่งดีจ้า ทีมงานจะได้จัดส่งให้เลย
ส่วนสั่งจองซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ ทั้งมาลีเริงไฟ ทั้งราคีสีเพลิง ยังคง inbox หาแอดมินเพจได้ตามปกติค่ะ^^ หรือตามร้านนิยายออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booktogothailand และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค เป็นต้น
บนเตียงหลังคอกกระจกกั้นสามด้าน ยังคงมีร่างของเจ้าหญิงนิทรานอนนิ่งไม่ไหวติง นอกจากทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงช้าๆ ตามจังหวะการหาย ใจเข้าออกที่แผ่วเบา
“ยายหนึ่งเป็นยังไงบ้าง”
วิรัลยาทำทีเป็นชวนพยาบาลคุย ขณะเดียวกันก็ลอบโล่งอกที่ไม่ได้เป็นอย่างสังหรณ์ใจแต่แรก
“คุณหนึ่งเธอ เอ่อ ไม่มีอาการผิดปกติอะไรค่ะ ก็ทรงๆ เหมือนเดิม”พยาบาลสาวเอมอรตอบไม่ค่อยเต็มเสียง
ถึงกระนั้น วิรัลยายังอยากดูให้แน่ใจ เลยค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้คนบนเตียง และนั่นทำให้พยาบาลสาวมองไปที่คนบนเตียงอย่างลุ้นๆ ขณะที่วิรัลยาก้มลงไปมองน้องสาวต่างมารดาอย่างพิจารณา
แวบหนึ่งหล่อนหยุดสายตาที่หน้ากากอนามัยของคนป่วย เพราะมันบดบังใบหน้าไว้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร กลับเหยียดยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดของอีกฝ่ายภายใต้หน้ากาก
สงสัยหล่อนคงคิดมากไป ยายญานีนนอนเป็นผักอยู่แบบนี้นะหรือ จะลุกมาส่งข้อความประหลาดๆ หาหล่อนกับอัคนีได้
“หายเร็วๆ นะหนึ่ง” วิรัลยากระซิบที่ข้างหูคนป่วย พลางหยิกหมับเข้าที่แขนผอมบางนั่น!
หล่อนแค่ลองทดสอบนิดๆ หน่อยๆ เพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ถูกหลอก เมื่อไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบจากร่างบนเตียง วิรัลยาก็ยิ้มโล่งใจ ยืดกายขึ้นเต็มความสูง
“ฉันไม่กวนคุณกับยายหนึ่งแล้วล่ะ แล้วก็ขอโทษที่มารบกวน...ฉันฝากพี่สาวฉันด้วยนะ”
“ค่ะ คุณญานีน”
จากนั้นวิรัลยาก็เดินออกจากห้องไป ด้วยสีหน้าที่สบายใจขึ้นมาก
เจ้าของข้อความบ้าๆ พวกนั้นคงเป็นพวกโรคจิตอย่างตำรวจว่า
************
ญานีนรอจนได้ยินเสียงรถแล่นออกจากคฤหาสน์วิญญูไปแล้วนั่นแหละ ถึงค่อยกล้าลืมตา ลุกขึ้นนั่ง
พร้อมกันนั้นก็คลำบริเวณที่โดนวิรัลยาหยิกด้วยความเจ็บใจ
“ยายบ้าเอ๊ย หยิกเจ็บเป็นบ้า”
“โอ๊ย พี่ใจหายใจคว่ำหมดเลยค่ะ กลัวคุณเขาจะจับได้ว่าคุณหนึ่งรู้สึกตัวแล้ว” เอมอรพูดเสียงเบา ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย
ญานีนยิ้ม นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
หลังจากเรียนรู้งานกับไอศูรย์ได้ประมาณสองเดือนกว่า ญานีนก็ตัดสินใจกลับมาที่คฤหาสน์ของบิดา เพราะสังหรณ์ใจว่ายายอาจจะกลับจากการฟื้นฟูพลังแล้ว โชคยังดีที่ไอศูรย์เข้าใจและยอมให้หล่อนกลับมา เนื่อง จากตลอดระยะเวลาที่หล่อนหายมาอยู่ที่คอนโดฯ ของเขานั้น เขารู้ว่าหล่อนได้จ้างผู้หญิงอีกคนไว้
ใช่ วันที่หล่อนสวมชุดนางพยาบาลออกมาขึ้นรถเขานั่นเอง หล่อนจำเป็นต้องมีใครอีกคนปลอมตัวเป็นเอมอร เพื่อกลับเข้าไปในคฤหาสน์ของวิญญูแทนหล่อน และสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงนิทราแทนด้วยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หล่อนเลยอ้างกับไอศูรย์ว่าสงสารผู้หญิงคนนั้น กอปรกับไอศูรย์เองก็คงเห็นแล้วว่า หล่อนเข้าใจงานมากขึ้นและพอจะจำอะไรได้บ้างแล้ว เขาเลยไม่รั้งหล่อนไว้
ถึงอย่างนั้น หล่อนกับเขาได้ตกลงกันไว้ว่า ระหว่างนี้จะยังติดต่อหากัน และสอนงานกันทางโทรศัพท์แทน
ไม่นึกเลยว่าพอกลับมาถึงคฤหาสน์ของวิญญู ได้ไม่ถึงห้านาที ก็ต้องมาเจอกับวิรัลยา! หล่อนยังไม่ทันได้ถอดชุดนางพยาบาลออกเลยด้วยซ้ำ เลยใช้วิธีดึงผ้าห่มมาปิดถึงคอ ส่วนหน้ากากอนามัยหล่อนสวมไว้ตั้งแต่ตอนกลับเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว
ถ้าเดาไม่ผิด อยู่ดีๆ ที่วิรัลยาก็บุกมาเยี่ยมแบบนี้ คงเพราะข้อความแปลกๆ ที่อัคนีและเจ้าตัวได้รับสินะ เริ่มสนุกแล้วสิ
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปคะ” เอมอรถามขึ้น
ญานีนกำลังนึกอะไรสนุกๆ เลยมีอันต้องสะดุด
“ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ แค่รอเวลาเท่านั้น” ญานีนเอ่ยพลางยกฟูกที่นอนขึ้น แล้วหยิบจี้ที่หล่อนจงใจทิ้งไว้ขึ้นมาสวม
“พี่เอมจะไปพิมพ์นิยายต่อก็ได้เลยนะคะ หนึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะขอนอนคิดอะไรเงียบๆ”
ฝ่ายนั้นไม่อิดออด เดินไปนั่งประจำที่ของตนและเริ่มต้นรัวแป้น พิมพ์ แต่สักพักเสียงก็เงียบไป
ญานีนเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียงเพื่อครุ่นคิดถึงแผนการต่อไป เหลียวมองก็พบว่าเอมอรฟุบหลับไปแล้ว หล่อนตัวเกร็งขึ้นอัตโนมัติ
ยายมาแล้ว!
แล้วก็จริง ครู่ต่อมายายของหล่อนก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของนางผ่องใสกว่าวันนั้นมาก ผมกลับมาเป็นสีดำสนิทเหมือนเดิม ขณะที่รังสีความดุและน่ากลัวกลับเพิ่มขึ้น
“คุณยาย” ญานีนลุกขึ้นนั่งยกมือไหว้
“แกอยู่ที่นี่ตลอดเวลาหรือเปล่า” เจิมจันทร์ถามพลางมองหล่อนอย่างสำรวจ
“ค่ะ อยู่ที่นี่ตลอด แต่ไม่ได้อยู่เฉยนะคะ หนูหาความรู้เพิ่มเติมจนตอนนี้คิดว่าสามารถเข้าไปทำงานที่นั่นได้แล้วค่ะ”
เจิมจันทร์ทำเสียงรับรู้และไม่ติดใจอะไร เพราะก่อนมาที่นี่พรายนพก็รายงานแล้วว่าญานีนอยู่แต่ในห้อง พรายทองดีที่อยู่ในจี้ก็นิ่งเงียบอันแสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ขณะที่ญานีนเอ่ยถามต่อ
“คุณยายเป็นยังไงบ้างคะ เรียบร้อยดีใช่ไหมคะ”
“เรียบร้อยดี และฉันก็สังหรณ์ว่ามันที่อยู่เบื้องหลังศัตรูของแกจะปรากฏตัวเร็วๆ นี้เหมือนกัน”
ญานีนมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา ใครคนนั้นก็คงน่ากลัวไม่ต่างจากยายซึ่งหล่อนเห็นอิทธิฤทธิ์แล้ว
“แกไม่ต้องกลัว ให้มันมาเถอะ ฉันจะจัดการมันเอง...ว่าแต่แกพร้อมแล้วแน่นะที่จะออกไปจัดการพวกคนใจร้ายข้างนอกนั่น”
“พร้อมค่ะ”
“และไม่ลืมสัญญาใช่ไหม”
คราวนี้ญานีนหลุบตามองแค่ฝ่ามือตัวเอง “ไม่ลืมค่ะ”
************
รถตู้ประจำตัววิญญูและวารุณแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดเตี้ยๆ หน้าคฤหาสน์ ไม่นาน...สองสามีภรรยาก็ก้าวลงจากรถและเดินตามกันเข้ามาในบ้าน
“เลยเสียเที่ยวเปล่าๆ เลย เสียเวลาด้วย”
วิญญูบ่นขึ้น สีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ฉันขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าแกจะเปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันสัญญาว่าจะกล่อมแกให้ยอมขายให้เราให้ได้”
“แกไม่ได้เปลี่ยนใจไม่ขายหรอกคุณ ลองมาอีหรอบนี้แสดงว่ามีคนให้ราคาสูงกว่า” คนเป็นสามีพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ยังผลให้วารุณหน้าเผือดสี เพราะลืมนึกถึงข้อนี้ไป
“จริงสิ ที่สวยๆ แบบนั้น ต้องมีคนอยากได้เยอะแน่ๆ...ใครกัน”
“ช่างเถอะ อะไรที่เป็นของเรา สักวันมันก็ต้องเป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีทาง” วิญญูตัดบท
เมื่อมาถึงห้องโถงซึ่งเชื่อมบันไดขึ้นชั้นบน ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานแผดมาจากห้อง ‘เจ้าหญิงนิทรา’ พวกเขาหันสบตากันด้วยความตกใจและแปลกใจ
ทำไมมีเพลง?
ไวเท่าความคิด สองสามีภรรยาสาวเท้าไปที่นั่นด้วยความรวดเร็ว
“คุณเอมอร เปิดประตู” วิญญูเคาะเร็วๆ พลางร้องเรียก เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านตลอดจนคนรับใช้วิ่งออกมาดู เพราะพวกเขาก็เพิ่งได้ยินเสียงเพลงเหมือนกัน
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณผู้ชาย ทำไมพยาบาลถึงเปิดเพลงเสียงดังแสบแก้วหูแบบนี้”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน กำลังจะเรียกให้ออกมาเนี่ย”
วิญญูบอกอย่างหัวเสีย
หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนถามเมื่อครู่เลยขันอาสา
“เดี๋ยวดิฉันเรียกให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเอง มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” วารุณร้องห้ามแกมไล่กรายๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉัน...”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไงล่ะ!” คนเป็นนายขึ้นเสียง ตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง ส่งผลให้ทุกคนในที่นั้นชะงักไปตามๆ กัน
หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ก่อนใคร หันกลับมาส่งสายตาบอกคนอื่นๆ ให้รีบออกไปให้หมด ทุกคนเลยจำต้องออกจากตรงนั้นไปตามคำสั่งอย่างงงๆ ปนเซ็ง
เมื่อออกไปกันหมดแล้ว วารุณถึงกับถอนใจออกมา ค่อยโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ส่วนวิญญูทำท่าจะเคาะประตูห้องตรงหน้าอีกครั้ง
แต่ปรากฏว่าคราวนี้ มันถูกเปิดออกพอดี!
และภาพที่สองสามีภรรยาเห็นก็คือ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่กลางห้องอย่างเมามัน ตามจังหวะเพลงที่เปิดดังกระหึ่มอยู่ภายในห้อง ‘เจ้าหญิงนิทรา’ เส้นผมของหล่อนปิดบังใบหน้าจนหมด...ไม่มี เอมอรอยู่ในนั้น
วิญญูกับวารุณพร้อมใจกันมองไปที่เตียงซึ่งว่างเปล่า
ญานีน...ฟื้นแล้วหรือ!?
วิญญูเดินไปปิดเพลง ยังผลให้หญิงสาวที่กำลังเต้นเมามัน หยุดกึกแล้วหันมาทำหน้ามุ่ย
“ปิดทำไมคะเนี่ย หนึ่งกำลังสนุกอยู่เลย”
“หนึ่ง...” วารุณเอ่ยชื่อนั้นอย่างไม่แน่ใจนัก เช่นเดียวกับวิญญูที่มองลูกสาวนิ่งอยู่
“ทำไมคุณแม่ทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ก็หนึ่งไงคะ” หญิงสาวถามพลางเดินเข้ามาทำท่าจะสวมกอดคนเป็นแม่ แต่ฝ่ายนั้นก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอัตโนมัติ ส่งผลให้หญิงสาวหน้าเสีย
“นี่คุณแม่เป็นอะไรไปคะ”
“...”
ไม่มีคำตอบจากวารุณ นอกจากแค่ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่เชื่อตาตัวเอง ผิดกับวิญญูที่โพล่งออกมาทันควัน
“แกไม่ใช่ยายหนึ่ง”
*****************
มาต่อให้อย่างรวดเร็วค่ะ ฮี่ๆ กำลังมันส์
ปลายปากกาสำนักพิมพ์จะหยุดปีใหม่ในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 - 6 มกราคม 2562 และจะกลับมาเปิดทำการตามปกติวันที่ 7 มกราคม 2562 เป็นต้นไปนะคะ ฉะนั้นใครสนใจสั่งซื้อนิยายเรื่องไหนของปลายปากกา ก่อนวันที่ 29 ธันวาคมยิ่งดีจ้า ทีมงานจะได้จัดส่งให้เลย
ส่วนสั่งจองซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ ทั้งมาลีเริงไฟ ทั้งราคีสีเพลิง ยังคง inbox หาแอดมินเพจได้ตามปกติค่ะ^^ หรือตามร้านนิยายออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booktogothailand และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค เป็นต้น
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ธ.ค. 2561, 09:47:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ธ.ค. 2561, 09:47:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 714
<< บทที่ 8 -100% | บทที่ 9 -100% >> |