มาลีเริงไฟ: รังสี(วิรัตต์ยา) ปลายปากกาสำนักพิมพ์
‘ญานีน’ ถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอ
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า แก้แค้น แต่งงาน สลับตัว เล่นของ
ตอน: บทที่ 13 -50%
คล้อยหลังแยกกับญานีนออกมาจากงานเลี้ยงได้แล้ว เจิมจันทร์ก็กลับขึ้นรถทันที โดยมีสมคิดเป็นคนขับเช่นเคย
เมื่อกลับมาถึงเรือนเสน่ห์จันทน์ นางก็ตรงเข้าเรือนนอนตามวิสัย ก่อนหน้านั้นนางสั่งกับสมคิดและแม่บ้านสายพิณไว้ว่า ห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด ซึ่งนั่นหมายรวมถึงเหล่าบรรดาภูตผีพรายทั้งหลายของนางด้วย พวกมันทุกตนได้ยินคำสั่งนางเช่นกันและรู้ดีว่าถ้าใครฝืนคำสั่งจะถูกลงโทษเช่นไร จากนั้นนางก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องพระภายในเรือนนอนของนาง เพื่อนั่งสมาธิภาวนา
เจิมจันทร์หลับตาลงและเริ่มต้นเข้าสู่สมาธิ ปิดรับการรับรู้ทุกอย่างรอบกาย...
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น นางจึงไม่อาจรับรู้ได้เลยว่า ทางฝั่งญานีนกำลังต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน!
ธนาคมจับร่างหญิงสาวที่หน้าเหมือนวิรัลยาประหนึ่งคนคนเดียวกันขึ้นนั่งบนกำแพงได้สำเร็จ โดยให้หล่อนอยู่ในลักษณะนั่งห้อยขา หันหน้ามาทางเขา ส่วนมือที่จับคอหล่อนคลายออกแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะผลักหล่อนลงไปยังด้านล่างได้ทุกเมื่อ
“ฆ่าฉันด้วยวิธีนี้ มันก็จะมีหลักฐานโยงไปถึงยายหนึ่งได้” ญานีน พยายามทำใจดีสู้เสือ “เพราะไม่ใช่แค่ฉันที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร มีคนอื่นด้วย”
ธนาคมแสยะยิ้ม “ใครบอกคุณล่ะว่าผมจะฆ่าคุณด้วยการผลักลงข้างล่างนั่น”
ญานีนเบิกตากว้าง “แล้วคุณจะทำอะไร”
เขาไม่ตอบ แต่จัดการฉีกเสื้อผ้าหล่อนออก ญานีนหวีดร้องและพยายามห่อตัวเพื่อปกป้องเสื้อผ้าให้ได้มากที่สุด “อย่านะ คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ร่างของคุณจะต้องปราศจากอาภรณ์ ก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่านมาอยู่ในผอบของผม” แล้วเขาก็ยกผอบขึ้นชู จากนั้นวางลงบนกำแพง หันมาจัดการเสื้อผ้าหล่อนต่อ “คุณจะเจ็บนิดนึงนะ ตอนที่ร่างเริ่มไหม้ไปทีละนิดๆน่ะ ผมยังหาวิธีทำให้ร่างกายพวกคุณไม่เจ็บไม่ได้เลย”
“ไม่นะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
สิ้นคำร้องของหล่อน ธนาคมก็ชะงัก หันขวับไปมองทางด้านหลัง ดวงตาของเขาสว่างวาบเห็นเป็นสีแดงเพลิง
เขาดึงมือออกจากเสื้อผ้าหล่อนโดยอัตโนมัติ ถึงแม้หล่อนยังงุนงงไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร แต่เมื่อเป็นอิสระ หล่อนก็รีบกระโดดลงจากกำแพงนั่น
ตอนนั้นเองที่ปรากฏนกสีดำตัวใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะ มันร้องเสียงแหลมกรีดลึกลงไปในจิตใจ เสียงกระพือปีกดังพึ่บพั่บ ดวงตาสีแดงก่ำของมันจับจ้องที่ธนาคมอย่างมาดร้าย เพียงชั่วอึดใจ ธนาคมยังไม่ทันขยับตัว มันก็พุ่งเข้าหาเขาทันทีและจิกกัดตามตัวเขา ธนาคมยกแขนขึ้นปัดป้องตัวเองก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา แล้วสิ่งนั้นก็กลายเป็นเชือกขนาดใหญ่ที่ฟาดกลับเจ้านกประหลาด แต่มันก็หลบหลีกได้ทันเสมอ เขาฟาดตรงไหนก็ปรากฏแสงไฟที่ตรงนั้น
ญานีนตาค้าง มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นตา ลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ
นี่เป็นการต่อสู้ของพวกคนเล่นของสินะ นกนั่นก็คงเป็นยายของหล่อน
อย่างไรก็ตาม ญานีนคิดว่าหล่อนควรจะไปจากที่นี่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไม่สนว่าเสื้อผ้าของตนจะฉีกขาดมากแค่ไหน นาทีนี้ชีวิตหล่อนสำคัญที่สุด
“แกยังไปไม่ได้”
จู่ๆ ร่างของยายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ญานีนสะดุ้งสุดตัว
“คุณยาย” หล่อนทำท่าจะโผเข้าหาท่านอย่างคนต้องการที่พึ่ง แต่ก็นึกได้ว่ายายไม่เคยกอดและคงไม่ชอบให้หล่อนกอด จึงชะงักเอาไว้ แล้วหล่อนก็หันไปมองด้านหลัง ซึ่งธนาคมกับนกกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ขอบคุณนะคะยายที่มาช่วยหนู”
“ฉันเกือบไม่ได้มา...ฉันเข้าสมาธิแล้ว แต่วิญญาณที่ฉันใช้ให้ติดตามนังหนึ่งมันขัดคำสั่ง เข้ามารบกวนในห้องพระ บอกฉันจนได้” เจิมจันทร์หมายถึงพรายเด็กหนุ่มที่นางสะกดวิญญาณไว้ในจี้ที่เพิ่งให้วิรัลยาไป
แต่แล้วจู่ๆ เจิมจันทร์ก็ชะงัก หันมองไปทางบันไดดาดฟ้า
“ผัวแกกำลังขึ้นมาที่นี่ แกไม่ควรจะเจอมัน”
“คะ? เขาขึ้นมาทำไม เขารู้ว่าหนูอยู่บนนี้เหรอคะ” ญานีนถามรัวเร็ว มีแต่ความสงสัย
ทว่าก็แค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่หล่อนจะหาคำตอบได้เอง
“อ้อ เขาก็ต้องรู้สินะคะ เพราะเป็นคนส่งคนมาฆ่าหนูเอง” หล่อนแค่นเสียงเจ็บลึก
“แกไปหาที่ซ่อนก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง”
เจิมจันทร์เห็นท่าไม่ดี ญานีนเองก็ทำตามคำสั่งยายทันทีรีบหาที่ซ่อน ซึ่งบนนั้นมีที่เดียวที่สามารถกำบังกายหล่อนได้...ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่
************
ทางด้านเจิมจันทร์ พอหลานสาวหาที่หลบได้แล้ว นางก็ก้าวช้าๆ ตรงไปยังจุดที่ธนาคมและนกยักษ์สู้กัน ตอนนี้ดูเหมือนนกของนางจะเสียทีให้แก่ฝ่ายนั้นบ้างแล้ว
เมื่อเข้าไปใกล้ นางก็เรียกนกของตนกลับ ธนาคมที่ตอนนี้มีบาด แผลไม่น้อยหันขวับมาทางนาง แล้วก็หายตัววับไปทันที ซึ่งนางเดาว่าไม่ใช่เพราะกลัวนาง ถ้ากลัวคงไม่กล้าท้าทายฤทธิ์ของนางขนาดนี้ แต่เป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่อยากให้นางรู้ว่ามันเป็นใครมากกว่า
“เจ็บใจนัก” นางคำรามด้วยความเสียดาย
“กูต้องรู้ให้ได้ว่ามึงเป็นใคร!”
จากนั้นนางก็เดินไปหาหลานสาว แต่ทว่าอัคนีขึ้นมาถึงเสียก่อน นางจึงจำเป็นต้องหายตัวไป
“หนึ่ง อยู่บนนี้หรือเปล่า” ทางด้านอัคนี เมื่อขึ้นมาถึงแล้วเขาก็เรียกหาอดีตคนรัก
ญานีนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังถังเก็บน้ำนั่งตัวเกร็งแทบไม่กล้าหายใจ
“หนึ่ง ได้ยินพี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มเรียกอีก พลางก็เดินไปทางนั้นทางนี้เพื่อมองหา แต่เมื่อบริเวณกว้างๆ ว่างๆ นั้นไม่พบร่างหล่อน เขาก็นึกถึงถังเก็บน้ำที่เรียงรายกันสิบกว่าถังได้ จึงหมุนตัวเดินไปทางนั้น
ญานีนได้ยินเสียงฝีเท้าเขาตรงมาทางหล่อนก็ยิ่งตัวเกร็ง
นั่น เสียงเขาใกล้เข้ามาแล้ว
หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวหนีไปอีกทาง ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง ในใจเต็มไปด้วยความกลัวผสมโกรธแค้นแสนสาหัส เขาเกลียดหล่อนขนาดนี้เชียวหรือ จริงๆ แล้วคงไม่ได้อยากให้หล่อนเป็นเจ้าหญิงนิทรา คงอยากให้ตายตั้งแต่ต้น แต่หล่อนดันดวงแข็ง!
หล่อนสาบานว่าถ้าครั้งนี้รอดไปได้ หล่อนจะเอาคืนเขาให้หนักหนายิ่งกว่าที่คิดวางแผนไว้
“หนึ่ง...ถ้าอยู่บนนี้ ส่งเสียงให้พี่ได้ยินด้วย” เขาตะโกนขึ้นอีก และเมื่อไม่ได้รับสัญญาณใดๆ เขาก็เดินไปดูด้านหลังถังอื่น ครู่ต่อมา หญิงสาวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไป ตามด้วยเสียงเดินลงบันได
ญานีนพรูลมหายใจโล่งอก และรอจนแน่ใจว่าเขาไปไกลแล้วจึงก้าวออกจากที่ซ่อน มองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจอีกครั้งแล้วจึงเร่งฝีเท้าออกจากตรงนั้น แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยเพลิงแค้นที่ลุกโชนโหมใส่หัวใจหล่อน
ลงมาถึงด้านล่างซึ่งมีไฟสว่าง ญานีนจึงเพิ่งได้เห็นว่าชุดของตนขาดไปเยอะมาก แขนเสื้อขาดไปข้างหนึ่ง ทำให้ผ้าร่นลงจนเห็นเสื้อชั้นใน
“ตายแล้ว ทำไงดีเนี่ย”
“เอาเสื้อนี่คลุมไว้สิ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหลัง ญานีนหันขวับ
เมื่อกลับมาถึงเรือนเสน่ห์จันทน์ นางก็ตรงเข้าเรือนนอนตามวิสัย ก่อนหน้านั้นนางสั่งกับสมคิดและแม่บ้านสายพิณไว้ว่า ห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด ซึ่งนั่นหมายรวมถึงเหล่าบรรดาภูตผีพรายทั้งหลายของนางด้วย พวกมันทุกตนได้ยินคำสั่งนางเช่นกันและรู้ดีว่าถ้าใครฝืนคำสั่งจะถูกลงโทษเช่นไร จากนั้นนางก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องพระภายในเรือนนอนของนาง เพื่อนั่งสมาธิภาวนา
เจิมจันทร์หลับตาลงและเริ่มต้นเข้าสู่สมาธิ ปิดรับการรับรู้ทุกอย่างรอบกาย...
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น นางจึงไม่อาจรับรู้ได้เลยว่า ทางฝั่งญานีนกำลังต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน!
ธนาคมจับร่างหญิงสาวที่หน้าเหมือนวิรัลยาประหนึ่งคนคนเดียวกันขึ้นนั่งบนกำแพงได้สำเร็จ โดยให้หล่อนอยู่ในลักษณะนั่งห้อยขา หันหน้ามาทางเขา ส่วนมือที่จับคอหล่อนคลายออกแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะผลักหล่อนลงไปยังด้านล่างได้ทุกเมื่อ
“ฆ่าฉันด้วยวิธีนี้ มันก็จะมีหลักฐานโยงไปถึงยายหนึ่งได้” ญานีน พยายามทำใจดีสู้เสือ “เพราะไม่ใช่แค่ฉันที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร มีคนอื่นด้วย”
ธนาคมแสยะยิ้ม “ใครบอกคุณล่ะว่าผมจะฆ่าคุณด้วยการผลักลงข้างล่างนั่น”
ญานีนเบิกตากว้าง “แล้วคุณจะทำอะไร”
เขาไม่ตอบ แต่จัดการฉีกเสื้อผ้าหล่อนออก ญานีนหวีดร้องและพยายามห่อตัวเพื่อปกป้องเสื้อผ้าให้ได้มากที่สุด “อย่านะ คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ร่างของคุณจะต้องปราศจากอาภรณ์ ก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่านมาอยู่ในผอบของผม” แล้วเขาก็ยกผอบขึ้นชู จากนั้นวางลงบนกำแพง หันมาจัดการเสื้อผ้าหล่อนต่อ “คุณจะเจ็บนิดนึงนะ ตอนที่ร่างเริ่มไหม้ไปทีละนิดๆน่ะ ผมยังหาวิธีทำให้ร่างกายพวกคุณไม่เจ็บไม่ได้เลย”
“ไม่นะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
สิ้นคำร้องของหล่อน ธนาคมก็ชะงัก หันขวับไปมองทางด้านหลัง ดวงตาของเขาสว่างวาบเห็นเป็นสีแดงเพลิง
เขาดึงมือออกจากเสื้อผ้าหล่อนโดยอัตโนมัติ ถึงแม้หล่อนยังงุนงงไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร แต่เมื่อเป็นอิสระ หล่อนก็รีบกระโดดลงจากกำแพงนั่น
ตอนนั้นเองที่ปรากฏนกสีดำตัวใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะ มันร้องเสียงแหลมกรีดลึกลงไปในจิตใจ เสียงกระพือปีกดังพึ่บพั่บ ดวงตาสีแดงก่ำของมันจับจ้องที่ธนาคมอย่างมาดร้าย เพียงชั่วอึดใจ ธนาคมยังไม่ทันขยับตัว มันก็พุ่งเข้าหาเขาทันทีและจิกกัดตามตัวเขา ธนาคมยกแขนขึ้นปัดป้องตัวเองก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา แล้วสิ่งนั้นก็กลายเป็นเชือกขนาดใหญ่ที่ฟาดกลับเจ้านกประหลาด แต่มันก็หลบหลีกได้ทันเสมอ เขาฟาดตรงไหนก็ปรากฏแสงไฟที่ตรงนั้น
ญานีนตาค้าง มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นตา ลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ
นี่เป็นการต่อสู้ของพวกคนเล่นของสินะ นกนั่นก็คงเป็นยายของหล่อน
อย่างไรก็ตาม ญานีนคิดว่าหล่อนควรจะไปจากที่นี่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไม่สนว่าเสื้อผ้าของตนจะฉีกขาดมากแค่ไหน นาทีนี้ชีวิตหล่อนสำคัญที่สุด
“แกยังไปไม่ได้”
จู่ๆ ร่างของยายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ญานีนสะดุ้งสุดตัว
“คุณยาย” หล่อนทำท่าจะโผเข้าหาท่านอย่างคนต้องการที่พึ่ง แต่ก็นึกได้ว่ายายไม่เคยกอดและคงไม่ชอบให้หล่อนกอด จึงชะงักเอาไว้ แล้วหล่อนก็หันไปมองด้านหลัง ซึ่งธนาคมกับนกกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ขอบคุณนะคะยายที่มาช่วยหนู”
“ฉันเกือบไม่ได้มา...ฉันเข้าสมาธิแล้ว แต่วิญญาณที่ฉันใช้ให้ติดตามนังหนึ่งมันขัดคำสั่ง เข้ามารบกวนในห้องพระ บอกฉันจนได้” เจิมจันทร์หมายถึงพรายเด็กหนุ่มที่นางสะกดวิญญาณไว้ในจี้ที่เพิ่งให้วิรัลยาไป
แต่แล้วจู่ๆ เจิมจันทร์ก็ชะงัก หันมองไปทางบันไดดาดฟ้า
“ผัวแกกำลังขึ้นมาที่นี่ แกไม่ควรจะเจอมัน”
“คะ? เขาขึ้นมาทำไม เขารู้ว่าหนูอยู่บนนี้เหรอคะ” ญานีนถามรัวเร็ว มีแต่ความสงสัย
ทว่าก็แค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่หล่อนจะหาคำตอบได้เอง
“อ้อ เขาก็ต้องรู้สินะคะ เพราะเป็นคนส่งคนมาฆ่าหนูเอง” หล่อนแค่นเสียงเจ็บลึก
“แกไปหาที่ซ่อนก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง”
เจิมจันทร์เห็นท่าไม่ดี ญานีนเองก็ทำตามคำสั่งยายทันทีรีบหาที่ซ่อน ซึ่งบนนั้นมีที่เดียวที่สามารถกำบังกายหล่อนได้...ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่
************
ทางด้านเจิมจันทร์ พอหลานสาวหาที่หลบได้แล้ว นางก็ก้าวช้าๆ ตรงไปยังจุดที่ธนาคมและนกยักษ์สู้กัน ตอนนี้ดูเหมือนนกของนางจะเสียทีให้แก่ฝ่ายนั้นบ้างแล้ว
เมื่อเข้าไปใกล้ นางก็เรียกนกของตนกลับ ธนาคมที่ตอนนี้มีบาด แผลไม่น้อยหันขวับมาทางนาง แล้วก็หายตัววับไปทันที ซึ่งนางเดาว่าไม่ใช่เพราะกลัวนาง ถ้ากลัวคงไม่กล้าท้าทายฤทธิ์ของนางขนาดนี้ แต่เป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่อยากให้นางรู้ว่ามันเป็นใครมากกว่า
“เจ็บใจนัก” นางคำรามด้วยความเสียดาย
“กูต้องรู้ให้ได้ว่ามึงเป็นใคร!”
จากนั้นนางก็เดินไปหาหลานสาว แต่ทว่าอัคนีขึ้นมาถึงเสียก่อน นางจึงจำเป็นต้องหายตัวไป
“หนึ่ง อยู่บนนี้หรือเปล่า” ทางด้านอัคนี เมื่อขึ้นมาถึงแล้วเขาก็เรียกหาอดีตคนรัก
ญานีนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังถังเก็บน้ำนั่งตัวเกร็งแทบไม่กล้าหายใจ
“หนึ่ง ได้ยินพี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มเรียกอีก พลางก็เดินไปทางนั้นทางนี้เพื่อมองหา แต่เมื่อบริเวณกว้างๆ ว่างๆ นั้นไม่พบร่างหล่อน เขาก็นึกถึงถังเก็บน้ำที่เรียงรายกันสิบกว่าถังได้ จึงหมุนตัวเดินไปทางนั้น
ญานีนได้ยินเสียงฝีเท้าเขาตรงมาทางหล่อนก็ยิ่งตัวเกร็ง
นั่น เสียงเขาใกล้เข้ามาแล้ว
หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวหนีไปอีกทาง ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง ในใจเต็มไปด้วยความกลัวผสมโกรธแค้นแสนสาหัส เขาเกลียดหล่อนขนาดนี้เชียวหรือ จริงๆ แล้วคงไม่ได้อยากให้หล่อนเป็นเจ้าหญิงนิทรา คงอยากให้ตายตั้งแต่ต้น แต่หล่อนดันดวงแข็ง!
หล่อนสาบานว่าถ้าครั้งนี้รอดไปได้ หล่อนจะเอาคืนเขาให้หนักหนายิ่งกว่าที่คิดวางแผนไว้
“หนึ่ง...ถ้าอยู่บนนี้ ส่งเสียงให้พี่ได้ยินด้วย” เขาตะโกนขึ้นอีก และเมื่อไม่ได้รับสัญญาณใดๆ เขาก็เดินไปดูด้านหลังถังอื่น ครู่ต่อมา หญิงสาวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไป ตามด้วยเสียงเดินลงบันได
ญานีนพรูลมหายใจโล่งอก และรอจนแน่ใจว่าเขาไปไกลแล้วจึงก้าวออกจากที่ซ่อน มองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจอีกครั้งแล้วจึงเร่งฝีเท้าออกจากตรงนั้น แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยเพลิงแค้นที่ลุกโชนโหมใส่หัวใจหล่อน
ลงมาถึงด้านล่างซึ่งมีไฟสว่าง ญานีนจึงเพิ่งได้เห็นว่าชุดของตนขาดไปเยอะมาก แขนเสื้อขาดไปข้างหนึ่ง ทำให้ผ้าร่นลงจนเห็นเสื้อชั้นใน
“ตายแล้ว ทำไงดีเนี่ย”
“เอาเสื้อนี่คลุมไว้สิ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหลัง ญานีนหันขวับ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ม.ค. 2562, 09:47:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ม.ค. 2562, 09:47:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 653
<< บทที่ 12 -100% | บทสัมภาษณ์นักเขียน ‘รังสี ดุจดาริน และรางนาก’ >> |