ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย
ตอน: บทที่ 14 ความไว้ใจมันใกล้กับคำว่าโง่ -100%
หญิงสาวกลั้นใจเสียบเอสดีการ์ดเข้าคอมพิวเตอร์ด้วยมือที่สั่นเทา ถึงอย่างนั้นก็ยังคงลังเลที่จะคลิกเปิด แต่สุดท้ายความอยากรู้ก็ชนะ และแล้ว...ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นก็ทำให้บัวบุษบาถึงกับช็อกจนพูดไม่ออก แว่วคำพูดของวิรงรองดังขึ้นในหัว
‘ความไว้ใจมันใกล้กันนิดเดียวกับคำว่าโง่นะ รับไปสิ เผื่อเธอจะได้รู้จักผัวของเธอดีขึ้นไงล่ะ รับรองเลยว่าแซ่บถึงใจ’
ใช่! เธอได้รู้จักอีกมุมของสามี มุมที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอมันโง่เหมือนควายอย่างที่วิรงรองปรามาสไว้จริงๆ
บัวบุษบานั่งนิ่งอยู่นานราวกับสติหลุดลอยหายไป ก่อนลุกขึ้นเดินมาทิ้งตัวลงบนที่นอนราวกับไร้แล้วซึ่งวิญญาณ ภาพความทรงจำแสนหวานฉายซ้ำในความทรงจำ เธอร้องไห้ด้วยความผิดหวังและเสียใจจนหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง เธอก็จัดการเก็บเสื้อผ้าของตัวเองแล้วออกจากเรือนนอน
ทว่าเธอกลับก้าวขาแทบไม่ออก ความรักที่มีต่อดีเลิศทำให้เธออยากอยู่พบเขาเพื่อให้เขาได้ปฏิเสธว่า ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความจริง
เมื่อเดินมาถึงใกล้บันได เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากเรือนหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านในสุด จึงหันไปมองเห็นภาพบาดตาที่ทำให้หญิงสาวถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ สามีของเธอเดินด้วยท่าทีอ่อนระโหยโรยแรงออกมาจากเรือนของญาตาวี!
หญิงสาวรีบหลบเข้าข้างบันไดตัวสั่นเทิ้มจากการกลั้นสะอื้น ทุกอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว ไม่ต้องถามอะไรให้เสียเวลากันอีก!
เธอรีบลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอเจิมจันทร์ยืนอยู่ที่บันไดขั้นล่างสุด ฝ่ายนั้นเหลือบมองกระเป๋าเสื้อผ้าในมือเธอแล้วก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยิ้มหยันเหยียดริมฝีปากมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“วันนี้วันดี ได้ฤกษ์ล้างเสนียดจัญไรออกจากบ้านเสียที”
บัวบุษบาไม่พูดอะไร เธอมองหญิงชราตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หญิงชราคนนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนรักของเธอในอดีตชาติ ยังทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ วางแผนสังหารเธอได้ลงคออย่างเลือดเย็น มาถึงตอนนี้เธอก็ไม่คาดหวังความเมตตาปรานีจากคนตรงหน้าอีกแล้ว
“ยังสาวยังสวยคงหาผัวใหม่ได้ไม่ยาก ไอ้สมคิดนั่นไงรูปร่างกำยำผู้หญิงแรดๆ อย่างเธอน่าจะชอบ”
หญิงสาวปรายตามองกลับไปยังหญิงสูงวัยอย่างสุดจะทน นาทีนี้เธอไม่จำเป็นต้องกักเก็บความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว พอกันทีกับคนเรือนนี้ พอกันทีกับความรักความจงรักภักดีที่เธอมอบให้!
“เก็บความหวังดีของคุณยายเอาไว้เถอะค่ะ ความคิดต่ำตมแบบนั้นเกิดขึ้นในหัวใคร ก็เหม็นเน่าในปากคนๆ นั้น ต่อให้พ่นออกมา อีกสักกี่ครั้งก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นสกปรกไปด้วยได้”
“หน็อย! ปากดีนักนะ” เจิมจันทร์แหวอย่างเดือดดาล
“บัวขอลาค่ะ”
หญิงสาวไม่อาจทนอยู่ตรงนั้นได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว ใจร้าย...คนบ้านนี้ใจร้ายกับเธอเกินไปแล้ว!
“ไปแล้วก็อย่ากลับมาแล้วกัน!” เจิมจันทร์เค้นเสียงลอดไรฟัน
“นังพิณเอาน้ำมาให้ฉันหน่อย ฉันจะกรวดน้ำคว่ำขัน พบกันชาตินี้ชาติเดียวพอ อ้อ แล้วแกน่ะ ช่วยทำความสะอาดบ้านด้วยนะ โดยเฉพาะเรือนพ่อโต ถูให้แรงๆ คราบไคลต่ำตมมันจะได้หลุดออก!”
เสียงเจิมจันทร์ดังไล่หลังมา บัวบุษบาเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเร่งฝี เท้าให้เร็วขึ้น
*************
ดีเลิศเดินกลับเข้ามาในห้องหวังจะกอดเมียรัก ความงดงามหนึ่งเดียวในชีวิตที่แสนบัดซบของเขา ทว่าภายในห้องนอนกลับว่างเปล่า ตู้เสื้อผ้าของบัวบุษบาถูกเปิดออก ภายในตู้ไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้น เขาหมุนมองไปรอบๆ ห้องคล้ายคนไร้สติ ก่อนที่ดวงตาเลื่อนลอยจะมองเห็นแล็บท็อปเปิดอยู่ บนแล็บท็อปมีกระดาษโน้ตแปะเอาไว้
‘ลาก่อนค่ะพี่โต ขอให้พี่โตมีความสุขกับผู้หญิงคนใหม่ บัวขอไปตามทางของบัว...’
ดีเลิศกอดกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาไม่ขาดสาย...
*************
ทุกเช้าก่อนไปทำงาน และทุกเย็นหลังจากเลิกงาน ดีเลิศจะเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูรั้วบ้านมิ่งมงคล คอยมองเข้าไปหาบัวบุษบา เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ทุกข์สุขดีหรือไม่ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปกดกริ่ง เขายอมรับเลยว่าเขาขลาดกลัวเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับภรรยา เพราะเขาทำผิดกับเธอมากมายเหลือเกิน
ดีเลิศเดินคอตกกลับเรือนเสน่ห์จันทน์ราวกับคนไร้หัวใจ มีคำถามมากมายวิ่งวนในหัวของเขา เขาไปนอนกับวิรงรองได้อย่างไร ทั้งที่เขาไม่เคยนึกพิศวาสหญิงสาวเลยสักนิด!
ชายหนุ่มตัดสินใจใช้วันลาพักร้อนทั้งหมด ลาหยุดงานยาว เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำงานได้ เขาเหม่อลอย ทำงานผิดพลาด และมีสภาพอิดโรยจนหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างเป็นห่วง
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในห้องนอนแล้วพบวิรงรองอยู่ในนั้น เธอหันมาสิ่งยิ้มกว้างให้เขา แต่ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกขยะแขยงรอยยิ้มนั่นเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะวิรงรอง ชีวิตคู่ของเขากับบัวบุษบาก็คงไม่ดำเนินมาถึงทางตันเช่นนี้
“มาแล้วเหรอคะ พี่โตขา” วิรงรองทำเสียงอ้อน “วันนี้พี่โตใส่ชุดไหนดีคะ เดี๋ยววิเตรียมให้”
เธอว่าพลางเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้าให้เขาเลือก
“ออกไปจากห้องผม” เขาสั่ง มองเธอด้วยความเกลียดชังอย่างไม่คิดปิดบัง
“ต่อไปนี้วิจะย้ายมาอยู่ที่ห้องนี้และจะทำหน้าที่แทนนัง...เอ่อ...แทนบัวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือน หรือว่างานบนเตียง” หญิงสาวทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเขา เธอหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี
ดีเลิศกัดฟันกรอด เขาถือคติไม่ทำร้ายผู้หญิง ทั้งที่ตอนนี้เขากำลังโกรธจนอยากจะโยนผู้หญิงคนนี้ออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าเธอทิ้งกรอบรูปบัวบุษบาลงถังขยะ เขาก้มลงเก็บขึ้นมา สายตากร้าวมองวิรงรองราวกับจะฉีกทึ้งเธอออกเป็นชิ้นๆ
“ออกไป!” ชายหนุ่มตวาดไล่เสียงดังลั่น
วิรงรองยิ้มสวยลอยหน้าลอยตา ทั้งที่ในใจนั้นเธอกำลังโกรธ
เธอก็มีหัวใจนะ! คิดหรือว่าแววตา สีหน้า ท่าทางที่ดีเลิศทำราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจราวกับไส้เดือนกิ้งกือ เธอจะไม่รู้สึกรู้สา เธอเจ็บมาก! และยิ่งเธอเจ็บมากเธอก็ยิ่งต้องชนะ!
“อะไรกันทำเป็นรังเกียจเมีย แต่พอตกกลางคืนกลับวิ่งไปกอดวิ จูบวิไปหมดทั้งตัว”
เธอสาวเท้าเข้าหาก่อนจะใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่ปลายคางของชายหนุ่ม ทว่าดีเลิศกลับปัดออก
“ผมทำไปโดยไม่รู้ตัว” เขาสั่นหน้าปฏิเสธ
“มีด้วยเหรอคะ หลับนอนกับผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ลองไปบอกอดีตเมียพี่โตสิคะ ดูสิว่าเขาจะเชื่อหรือเปล่า”
“บัวยังเป็นเมียผม และเป็นเมียเพียงคนเดียว แต่เธอไม่ใช่”
“แล้วจะให้ยายบอกตากับยายของหนูวิเขายังไงล่ะพ่อโต พ่อโตเล่นเข้าหาน้องทุกคืนแบบนี้ หนูวิเป็นฝ่ายเสียหายนะ” เสียงเจิมจันทร์ดังขึ้นด้านหลัง นางส่งยิ้มชื่นชมไปให้วิรงรองครั้งหนึ่งแล้วหันมาคาดคั้นคำตอบจากหลานชาย
“ผมรู้ว่ามันเชื่อได้ยาก แต่ผมไม่รู้สึกตัวจริงๆ”
ดีเลิศกัดฟันกรอด กำหมัดเข้าหากันแน่น เจิมจันทร์เลี้ยงดีเลิศมาตั้งแต่เล็ก รู้ดีว่าไม่ควรไล่ต้อนจนดีเลิศจนมุม ควรปล่อยให้เขาได้คิด ได้ไตร่ตรองด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรหลานชายของนางก็เป็นสุภาพบุรุษ มีความรับผิดชอบและยุติธรรม นางมั่นใจว่าดีเลิศไม่มีทางทอดทิ้งวิรงรองแน่ ที่เหลือก็แค่วิรงรองต้องมัดใจเขาให้ได้ก็เท่านั้นเอง
“เอาเถอะพ่อโต ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ ยังไงยายก็อยู่ข้างพ่อโตเสมอ” เจิมจันทร์เดินไปจับแขนหลานชาย ก่อนจะหันไปหาวิรงรอง
“หนูวิ วันนี้พี่เขายังไม่พร้อม ให้โอกาสพี่เขาปรับตัวหน่อยเถอะจ้ะ”
“ค่ะคุณยาย” วิรงรองยิ้มรับและทำตามคำนั้นอย่างว่าง่าย ทั้งสองเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ดีเลิศจมอยู่กับความสับสนและว้าวุ่นใจ...
*****************
บทถัดไปซึ่งก็คือบทที่ 15 จะเป็นบทสุดท้ายที่ทีมงานสามารถลงให้อ่านได้นะคะ น่าจะราวๆ 3-4 ตอนย่อยได้ค่ะ หลังจากนี้ไปแล้วต้องตามต่อกันในเล่มนะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาถึงบทนี้ด้วยจ้า ฝากอุดหนุนซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ด้วยนะคะ^^
‘ความไว้ใจมันใกล้กันนิดเดียวกับคำว่าโง่นะ รับไปสิ เผื่อเธอจะได้รู้จักผัวของเธอดีขึ้นไงล่ะ รับรองเลยว่าแซ่บถึงใจ’
ใช่! เธอได้รู้จักอีกมุมของสามี มุมที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอมันโง่เหมือนควายอย่างที่วิรงรองปรามาสไว้จริงๆ
บัวบุษบานั่งนิ่งอยู่นานราวกับสติหลุดลอยหายไป ก่อนลุกขึ้นเดินมาทิ้งตัวลงบนที่นอนราวกับไร้แล้วซึ่งวิญญาณ ภาพความทรงจำแสนหวานฉายซ้ำในความทรงจำ เธอร้องไห้ด้วยความผิดหวังและเสียใจจนหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง เธอก็จัดการเก็บเสื้อผ้าของตัวเองแล้วออกจากเรือนนอน
ทว่าเธอกลับก้าวขาแทบไม่ออก ความรักที่มีต่อดีเลิศทำให้เธออยากอยู่พบเขาเพื่อให้เขาได้ปฏิเสธว่า ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความจริง
เมื่อเดินมาถึงใกล้บันได เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากเรือนหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านในสุด จึงหันไปมองเห็นภาพบาดตาที่ทำให้หญิงสาวถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ สามีของเธอเดินด้วยท่าทีอ่อนระโหยโรยแรงออกมาจากเรือนของญาตาวี!
หญิงสาวรีบหลบเข้าข้างบันไดตัวสั่นเทิ้มจากการกลั้นสะอื้น ทุกอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว ไม่ต้องถามอะไรให้เสียเวลากันอีก!
เธอรีบลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอเจิมจันทร์ยืนอยู่ที่บันไดขั้นล่างสุด ฝ่ายนั้นเหลือบมองกระเป๋าเสื้อผ้าในมือเธอแล้วก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยิ้มหยันเหยียดริมฝีปากมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“วันนี้วันดี ได้ฤกษ์ล้างเสนียดจัญไรออกจากบ้านเสียที”
บัวบุษบาไม่พูดอะไร เธอมองหญิงชราตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หญิงชราคนนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนรักของเธอในอดีตชาติ ยังทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ วางแผนสังหารเธอได้ลงคออย่างเลือดเย็น มาถึงตอนนี้เธอก็ไม่คาดหวังความเมตตาปรานีจากคนตรงหน้าอีกแล้ว
“ยังสาวยังสวยคงหาผัวใหม่ได้ไม่ยาก ไอ้สมคิดนั่นไงรูปร่างกำยำผู้หญิงแรดๆ อย่างเธอน่าจะชอบ”
หญิงสาวปรายตามองกลับไปยังหญิงสูงวัยอย่างสุดจะทน นาทีนี้เธอไม่จำเป็นต้องกักเก็บความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว พอกันทีกับคนเรือนนี้ พอกันทีกับความรักความจงรักภักดีที่เธอมอบให้!
“เก็บความหวังดีของคุณยายเอาไว้เถอะค่ะ ความคิดต่ำตมแบบนั้นเกิดขึ้นในหัวใคร ก็เหม็นเน่าในปากคนๆ นั้น ต่อให้พ่นออกมา อีกสักกี่ครั้งก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นสกปรกไปด้วยได้”
“หน็อย! ปากดีนักนะ” เจิมจันทร์แหวอย่างเดือดดาล
“บัวขอลาค่ะ”
หญิงสาวไม่อาจทนอยู่ตรงนั้นได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว ใจร้าย...คนบ้านนี้ใจร้ายกับเธอเกินไปแล้ว!
“ไปแล้วก็อย่ากลับมาแล้วกัน!” เจิมจันทร์เค้นเสียงลอดไรฟัน
“นังพิณเอาน้ำมาให้ฉันหน่อย ฉันจะกรวดน้ำคว่ำขัน พบกันชาตินี้ชาติเดียวพอ อ้อ แล้วแกน่ะ ช่วยทำความสะอาดบ้านด้วยนะ โดยเฉพาะเรือนพ่อโต ถูให้แรงๆ คราบไคลต่ำตมมันจะได้หลุดออก!”
เสียงเจิมจันทร์ดังไล่หลังมา บัวบุษบาเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเร่งฝี เท้าให้เร็วขึ้น
*************
ดีเลิศเดินกลับเข้ามาในห้องหวังจะกอดเมียรัก ความงดงามหนึ่งเดียวในชีวิตที่แสนบัดซบของเขา ทว่าภายในห้องนอนกลับว่างเปล่า ตู้เสื้อผ้าของบัวบุษบาถูกเปิดออก ภายในตู้ไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้น เขาหมุนมองไปรอบๆ ห้องคล้ายคนไร้สติ ก่อนที่ดวงตาเลื่อนลอยจะมองเห็นแล็บท็อปเปิดอยู่ บนแล็บท็อปมีกระดาษโน้ตแปะเอาไว้
‘ลาก่อนค่ะพี่โต ขอให้พี่โตมีความสุขกับผู้หญิงคนใหม่ บัวขอไปตามทางของบัว...’
ดีเลิศกอดกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาไม่ขาดสาย...
*************
ทุกเช้าก่อนไปทำงาน และทุกเย็นหลังจากเลิกงาน ดีเลิศจะเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูรั้วบ้านมิ่งมงคล คอยมองเข้าไปหาบัวบุษบา เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ทุกข์สุขดีหรือไม่ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปกดกริ่ง เขายอมรับเลยว่าเขาขลาดกลัวเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับภรรยา เพราะเขาทำผิดกับเธอมากมายเหลือเกิน
ดีเลิศเดินคอตกกลับเรือนเสน่ห์จันทน์ราวกับคนไร้หัวใจ มีคำถามมากมายวิ่งวนในหัวของเขา เขาไปนอนกับวิรงรองได้อย่างไร ทั้งที่เขาไม่เคยนึกพิศวาสหญิงสาวเลยสักนิด!
ชายหนุ่มตัดสินใจใช้วันลาพักร้อนทั้งหมด ลาหยุดงานยาว เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำงานได้ เขาเหม่อลอย ทำงานผิดพลาด และมีสภาพอิดโรยจนหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างเป็นห่วง
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในห้องนอนแล้วพบวิรงรองอยู่ในนั้น เธอหันมาสิ่งยิ้มกว้างให้เขา แต่ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกขยะแขยงรอยยิ้มนั่นเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะวิรงรอง ชีวิตคู่ของเขากับบัวบุษบาก็คงไม่ดำเนินมาถึงทางตันเช่นนี้
“มาแล้วเหรอคะ พี่โตขา” วิรงรองทำเสียงอ้อน “วันนี้พี่โตใส่ชุดไหนดีคะ เดี๋ยววิเตรียมให้”
เธอว่าพลางเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้าให้เขาเลือก
“ออกไปจากห้องผม” เขาสั่ง มองเธอด้วยความเกลียดชังอย่างไม่คิดปิดบัง
“ต่อไปนี้วิจะย้ายมาอยู่ที่ห้องนี้และจะทำหน้าที่แทนนัง...เอ่อ...แทนบัวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือน หรือว่างานบนเตียง” หญิงสาวทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเขา เธอหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี
ดีเลิศกัดฟันกรอด เขาถือคติไม่ทำร้ายผู้หญิง ทั้งที่ตอนนี้เขากำลังโกรธจนอยากจะโยนผู้หญิงคนนี้ออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าเธอทิ้งกรอบรูปบัวบุษบาลงถังขยะ เขาก้มลงเก็บขึ้นมา สายตากร้าวมองวิรงรองราวกับจะฉีกทึ้งเธอออกเป็นชิ้นๆ
“ออกไป!” ชายหนุ่มตวาดไล่เสียงดังลั่น
วิรงรองยิ้มสวยลอยหน้าลอยตา ทั้งที่ในใจนั้นเธอกำลังโกรธ
เธอก็มีหัวใจนะ! คิดหรือว่าแววตา สีหน้า ท่าทางที่ดีเลิศทำราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจราวกับไส้เดือนกิ้งกือ เธอจะไม่รู้สึกรู้สา เธอเจ็บมาก! และยิ่งเธอเจ็บมากเธอก็ยิ่งต้องชนะ!
“อะไรกันทำเป็นรังเกียจเมีย แต่พอตกกลางคืนกลับวิ่งไปกอดวิ จูบวิไปหมดทั้งตัว”
เธอสาวเท้าเข้าหาก่อนจะใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่ปลายคางของชายหนุ่ม ทว่าดีเลิศกลับปัดออก
“ผมทำไปโดยไม่รู้ตัว” เขาสั่นหน้าปฏิเสธ
“มีด้วยเหรอคะ หลับนอนกับผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ลองไปบอกอดีตเมียพี่โตสิคะ ดูสิว่าเขาจะเชื่อหรือเปล่า”
“บัวยังเป็นเมียผม และเป็นเมียเพียงคนเดียว แต่เธอไม่ใช่”
“แล้วจะให้ยายบอกตากับยายของหนูวิเขายังไงล่ะพ่อโต พ่อโตเล่นเข้าหาน้องทุกคืนแบบนี้ หนูวิเป็นฝ่ายเสียหายนะ” เสียงเจิมจันทร์ดังขึ้นด้านหลัง นางส่งยิ้มชื่นชมไปให้วิรงรองครั้งหนึ่งแล้วหันมาคาดคั้นคำตอบจากหลานชาย
“ผมรู้ว่ามันเชื่อได้ยาก แต่ผมไม่รู้สึกตัวจริงๆ”
ดีเลิศกัดฟันกรอด กำหมัดเข้าหากันแน่น เจิมจันทร์เลี้ยงดีเลิศมาตั้งแต่เล็ก รู้ดีว่าไม่ควรไล่ต้อนจนดีเลิศจนมุม ควรปล่อยให้เขาได้คิด ได้ไตร่ตรองด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรหลานชายของนางก็เป็นสุภาพบุรุษ มีความรับผิดชอบและยุติธรรม นางมั่นใจว่าดีเลิศไม่มีทางทอดทิ้งวิรงรองแน่ ที่เหลือก็แค่วิรงรองต้องมัดใจเขาให้ได้ก็เท่านั้นเอง
“เอาเถอะพ่อโต ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ ยังไงยายก็อยู่ข้างพ่อโตเสมอ” เจิมจันทร์เดินไปจับแขนหลานชาย ก่อนจะหันไปหาวิรงรอง
“หนูวิ วันนี้พี่เขายังไม่พร้อม ให้โอกาสพี่เขาปรับตัวหน่อยเถอะจ้ะ”
“ค่ะคุณยาย” วิรงรองยิ้มรับและทำตามคำนั้นอย่างว่าง่าย ทั้งสองเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ดีเลิศจมอยู่กับความสับสนและว้าวุ่นใจ...
*****************
บทถัดไปซึ่งก็คือบทที่ 15 จะเป็นบทสุดท้ายที่ทีมงานสามารถลงให้อ่านได้นะคะ น่าจะราวๆ 3-4 ตอนย่อยได้ค่ะ หลังจากนี้ไปแล้วต้องตามต่อกันในเล่มนะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาถึงบทนี้ด้วยจ้า ฝากอุดหนุนซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ด้วยนะคะ^^
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2562, 09:21:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2562, 09:21:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 573
<< บทที่ 14 ความไว้ใจมันใกล้กับคำว่าโง่ -60% | บทที่ 15 พลังจิตของดมิสา -30% (มีแจ้งข่าวงานหนังสือด้วย) >> |