รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 26 -100%
มาต่อแล้ววววววว เย้ๆ อ่านกันๆ ตอนสุดท้ายแล้วค่ะ น้องปั้นร้องไห้ใหญ่เลย TOT
********************
“แอ๊ๆ ฮือ...”
เสียงร้องไห้จ้าดังมาจากในห้องเด็ก
กานต์ชนกเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองอยู่บ้านด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นสบายตัว ได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ดังแว่วเข้ามา เจ้าตัวถึงกับหูผึ่ง รีบตรงดิ่งมายังห้องเด็ก
จะเปิดประตูเข้าไปหาลูกชาย แต่ทว่าประตูดันล็อก
“ใครอยู่ข้างในกับน้องปั้น เปิดประตูหน่อย!”
กานต์ชนกเคาะประตูเรียกกึ่งออกคำสั่งอย่างไม่พอใจ เขาจะเข้าไปหาลูก...ทำไมต้องล็อกประตูด้วย?
ไม่กี่อึดใจต่อมา กุลวดีก็เดินมาเปิดประตูรับหน้าเขา ใบหน้าเรียบเฉย
“คุณกานต์ชนกใช่ไหมคะ ดิฉันกุลวดี เป็นพี่เลี้ยงของน้องปั้น เพิ่งมารับงานวันนี้ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเสียงเรียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
นี่เหรอพี่เลี้ยงเด็กที่มารดาของเขามั่นใจนักหนาว่าดีเลิศประเสริฐศรี เก่งกาจที่สุด...ท่าทางดูแปลกๆ ชอบกล
กานต์ชนกขมวดคิ้วยามพินิจพิเคราะห์พี่เลี้ยงสาวตรงหน้า เขาแค่รู้สึกตงิดๆ ไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกเช่นนั้น แต่ไม่มีเวลาคิดนานนัก ร่างสูงก้าวผ่านพี่เลี้ยงเด็กตรงเข้าไปหาลูกชายที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในเปลเด็กของเจ้าตัว เขาไม่สนใจเสียงร้องทักท้วงอย่างตกใจของกุลวดี จัดแจงสอดสองมือใหญ่เข้าไปอุ้มร่างจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วพาเดินออกจากห้องเด็กไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของพี่เลี้ยงสาว
“คุณกานต์ชนกจะพาน้องปั้นไปไหนคะ ดิฉันกำลังชงนมให้แก...เดี๋ยวสิคะ!”
กุลวดีถือขวดนมกับผ้าขนหนูในมือวิ่งตามออกมา แต่ถูกชายหนุ่มหันมาขึงตาดุใส่เป็นเชิงปรามเสียก่อน กุลวดีถึงกับสะดุ้ง ชะงักฝีเท้า หยุดยืนตาม ได้แต่จ้องมองน้องปั้นที่อยู่ในอุ้งมือหนาอย่างห่วงใย
กานต์ชนกเอาตัวเด็กชายไปวางไว้กับปกเกศซึ่งยังหลับสนิทอยู่ ทันทีที่ได้กลิ่นหอมหวานคุ้นเคยจากตัวมารดา เด็กชายก็หยุดร้องไห้ ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำตาวาววับ พร้อมกันนั้นเจ้าตัวก็พยายามตะกุยตะกายจะขึ้นตัวมารดา จนอีกฝ่ายตกใจตื่น
“น้องปั้น มาอยู่นี่ได้ไงลูก!”
หญิงสาวรวบร่างจิ๋วหลิวเข้ามากอดไว้แน่น ถึงกับน้ำตาซึม ขณะที่เด็กชายเองก็หยุดร้องไห้ แต่ร้องเรียกมารดาด้วยภาษาที่ยังฟังไม่ได้ศัพท์
“สงสัยจะหิวนมน่ะ ร้องไห้ใหญ่เลย” กานต์ชนกบอกปกเกศ ก่อนจะปรายตามาทางกุลวดี มองขวดนมชงในมือเธออย่างไม่ชอบใจ “เป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่รู้เหรอว่าเด็กตัวแค่นี้ต้องกินนมแม่ ยังไม่ควรจะกินนมผง”
“ทราบค่ะ แต่ดิฉันไม่อยากรบกวนคุณปกเกศ” คำตอบทื่อๆ ของกุลวดีทำเอากานต์ชนกตาลุกวาบ เผลอขึ้นเสียงดัง ฉุนเฉียว
“รบกวนอะไร ปกเกศเป็นแม่ของน้องปั้น มันจะเรียกว่ารบกวนได้ยังไง ทีหลังอย่าคิดเองเออเอง ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะเอาน้องปั้นไปส่งให้เอง”
“ค่ะ ขอตัวนะคะ” กุลวดีนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเลี่ยงออกจากห้องไป แต่ยังไม่วายทิ้งสายตามองน้องปั้นซึ่งมารดาแท้ๆ ของเจ้าตัวกำลังให้นมอยู่ เด็กน้อยดูมีความสุขอยู่ในอ้อมอกของมารดา ไม่มีอาการงอแงแต่อย่างใดอีกเลย
ลับหลังร่างผอมเพรียวของกุลวดีแล้ว กานต์ชนกก็เดินกลับเข้ามาทรุดนั่งลงข้างเตียง มองปกเกศกับลูกชาย แววตาผิดแผกไปจากครู่ก่อน ราวกับเป็นคนละคน
“มองอะไรของคุณ ไม่เคยเห็นแม่ให้นมลูกหรือไง” ปกเกศแขวะเขาแล้วก็พยายามเอี้ยวตัวหลบมุม เขินหน้าร้อนลามไปจรดลำคอ
มองทำไมนักหนานะ ไม่มีมารยาทเลยอีตาคุณกานต์!
“เคยเห็นหลายครั้งแล้ว...อิจฉาน้องปั้น...” กานต์ชนกพูดพร้อมกับทิ้งสายตาให้เธออย่างมีความนัย
คนฟังแก้มแดงจัด ต้องรีบหาเรื่องบ่นบังหน้า
“อิจฉาน้องปั้นทำไม น้องปั้นเป็นเด็กดีไม่เคยทำร้ายใคร ก็สมควรจะได้รับแต่สิ่งดีๆ ตอบแทน...ไม่เหมือนคนบางคน...” ปกเกศพาดพิงเขาเต็มๆ พร้อมกับปรายตามอง เจาะจงลงไปให้ชายหนุ่มรู้ตัว สะใจที่ได้ตอกกลับเขาไปบ้าง ทว่าพลันนั้นต้องสะดุ้ง เพราะกานต์ชนกเล่นชะโงกหน้าเข้ามา จนปลายจมูกแทบชนกัน
“ฉันรู้ว่าฉันมันไม่ดี ก็พยายามแก้ตัวอยู่นี่ไง”
“แก้ตัวอะไรของคุณไม่ทราบ” เธอหมั่นไส้เขาเลยย้อนถามท้าทาย หากนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะก้มลงมา แนบเรียวปากบางของเจ้าตัวกับริมฝีปากอิ่มของเธอ งับเล่นเบาๆ ก่อนจะผละออก ยิ้มกว้างเห็นฟันขาว
“แก้ตัวคืนนั้นไง เธอเมา คงจำอะไรไม่ค่อยได้ใช่ไหม ฉันว่าเรามารื้อฟื้นความหลัง...”
“ตลกแล้วคุณกานต์ชนก! ฉันดูแลลูกอยู่ อย่าเข้ามา” ปกเกศขยับจะหนี แต่ไม่ถนัดเพราะติดลูกชายที่กำลังดื่มนมจากอกเธออย่างหิวโหย เลยกลายเป็นเธอกำลังถูกรุมเล่นงาน ทั้งจากคุณพ่อจอมวายร้ายและคุณลูกชายผู้น่ารัก
“จะหนีไปไหน ระวังน้องปั้นตกใจน้า” กานต์ชนกแสร้งลากเสียงยานคางทิ้งท้าย จงใจก่อกวนป่วนประสาทเธอชัดๆ
ปกเกศถอยหนีจนแผ่นหลังติดพนักหัวเตียง พอจะเบี่ยงตัวลงจากเตียง อีกฝ่ายก็ตามเข้ามาวางฝ่ามือกั้นขวางไม่ให้เธอหนีไปไหนได้
หญิงสาวอึกอัก มัวแต่มองหาทางเลี่ยงหลบ มาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้มาก ก็เมื่อช้าเกินไป ริมฝีปากอุ่นสัมผัสกันอย่างแผ่วเบานุ่มนวล ปกเกศเบิกตาโต คาดไม่ถึง หัวใจของเธอเต้นแรงมากจนน่ากลัว และโดยที่ไม่ทันได้คาดคิด จู่ๆ เจ้าหนูที่ดื่มนมจากอกอิ่มของมารดาก็เงยหน้ากลมๆ ของเจ้าตัวขึ้นมา
พอเห็นบิดากำลังจูบมารดาอยู่เท่านั้น พ่อหนูก็ทำหน้าบู้ พองลมเข้าแก้มป่องพร้อมส่งเสียงร้องประท้วง
“บู้!!”
“น้องปั้น!” ปกเกศตกใจเสียงแหลมคำรามของลูกชาย พ่อหนูเงื้อสองแขนป้อมสั้นๆ ของเจ้าตัวพยายามจะดันบิดาให้ถอยห่างจากมารดาตัวเป็นเอ็น
“น้องปั้น ตัวแค่นี้ก็รู้จักหวงแม่แล้วเหรอ นี่พ่อนะ ยกเว้นพ่อไว้สักคนสิ” กานต์ชนกขำท่าทางหึงหวงแม่ของลูกชาย น้องปั้นค้อนตาคว่ำให้เขา หันไปเกาะอกมารดาเหนียวหนึบ นอกจากนั้นยังทำปากจู๋ พยายามจะจุ๊บปกเกศเหมือนที่เขาทำด้วย
“น้องปั้น ตายแล้ว...” คนเป็นแม่หน้าแดงก่ำ รีบปิดทรวงอกตัวเองแทบไม่ทัน อึ้งๆ กับปากจู๋ๆ น่าเอ็นดูของลูกชายตัวจิ๋ว
ดูเถอะ ลูกเลียนแบบพ่อทันทีทันควันเลย...
เธอก้มลงไป แตะปากนุ่มของตัวเองกับริมฝีปากเล็กๆ กรุ่นกลิ่นนมอย่างแสนรัก พอมารดาจุ๊บด้วยเท่านั้น หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ชอบใจ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ค่อยยังชั่ว...หญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอก ทว่าไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกมือแกร่งของกานต์ชนกเลื่อนเข้ามากระชับปลายคางมน ดึงให้เธอหันหน้าไปรับจุมพิตจากเขาเสียอีก ปกเกศสะดุ้งตกใจ พยายามส่ายหน้าหนีแต่ไม่พ้น กานต์ชนกจูบจริงๆ จังๆ จนเธอตัวอ่อนระทวยไปหมด
“อ๊า!!”
เสียงแหลมเล็กของหนูน้อย ไม่พอใจที่บิดามาแย่งจุมพิตมารดา แต่คราวนี้กานต์ชนกเพลินจนไม่ยอมผละออก ปกเกศเองจะหนีก็ไม่ได้ เมื่อชายหนุ่มเล่นล็อกปลายคางเธอเอาไว้กระชับแน่น น้องปั้นโวยวายพยายามผลักร่างหนาของบิดาให้ถอยไป ทว่าผู้ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยให้หนูน้อย กลับเป็นกุลวดีที่วิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น น้องปั้นเป็นอะไรลูก!?”
ปกเกศฉวยโอกาสที่กานต์ชนกเผลอ รีบสะบัดหน้าออกจากอุ้งมือแกร่งของเขา อายจนแทบอยากมุดพื้นหนี ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากุลวดีเข้ามาทันได้เห็นอะไรไปบ้าง!
บ้าที่สุด นายกานต์ชนก นอกจากจะบ้าบอเอาแต่ใจตัวเองร้ายกาจแล้ว เขายังหน้าด้านหน้าทน ไม่รู้จักมี ‘ยางอาย’ บ้างเลยหรือไง!
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ดิฉันได้ยินเสียงน้องปั้นร้อง นึกว่าแกเป็นอะไร...”
กุลวดีมีสีหน้าที่ซีดเซียวลงไปกว่าปกติ ดวงตาเล็กหยีใต้กรอบแว่นหนามีละอองน้ำคลอขัง โกรธวูบเมื่อแลเห็นหน้าบูดงอเง้าของเด็กชายตัวอ้วนกลมในอ้อมแขนของปกเกศ
สองคนนี้ไม่ดูแลน้องปั้นเลย...แย่มาก!
“ถ้าไม่สะดวกจะดูแลน้องปั้น ให้ดิฉันจัดการดีกว่านะคะ” กุลวดีเสนอตัว เสียงเรียบหน้าเคร่งขรึม ร่างผอมก้าวเดินทื่อเข้ามาหาสองหนุ่มสาว ตั้งใจจะเข้ามาเอาตัวน้องปั้นไปดูแลอย่างที่เจ้าตัวเอ่ยปากบอก แต่กลับต้องชะงักกึก หน้าบึ้ง เพราะกานต์ชนกปรามเธอเอาไว้อย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้อง น้องปั้นเพิ่งกินนมอิ่ม ให้แกอยู่กับแม่ของแกสักพักมันจะเป็นอะไรไป เธอกลับไปก่อน แล้วฉันจะเอาน้องปั้นไปส่งให้เอง”
“แต่น้องปั้นร้องไห้...” กุลวดีแย้งเสียงอ่อนลง สีหน้าลังเล ไม่สบายใจ
“แกไม่ได้เป็นอะไร” ก็แค่เด็กหวงแม่เลยโวยวาย
กานต์ชนกไม่ได้อธิบายอย่างที่ใจคิด ไม่เห็นว่าจำเป็นจะต้องอธิบายให้กุลวดีฟัง คำพูดห้วนๆ วางอำนาจของเขาทำให้พี่เลี้ยงสาวหน้าเสีย จำต้องยอมหันหลังเดินออกจากห้องของเจ้านายไปทั้งที่ไม่เต็มใจ
ชายหนุ่มเองก็มองตามหลังร่างผอมบางของอีกฝ่ายไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน ดวงตาคมดุเข้ม ก่อนจะอ่อนแสงลง เมื่อเจ้าตัวก้มมองหนูน้อยตัวกลม ในอ้อมแขนกอดรัดอย่างหวงแหนของปกเกศ
เธอทำท่าทางราวกับกลัวว่าเขาจะส่งตัวน้องปั้นให้กุลวดี...กานต์ชนกอมยิ้ม ขำคุณแม่หวงลูก
“เพราะคุณเลย คุณคนเดียวทำให้น้องปั้นไม่พอใจ” เธอกล่าวหาเขา แก้มยังแดงเรื่อน่าเอ็นดู
“มาโทษฉันคนเดียวได้ไง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่”
กานต์ชนกลากเธอเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันรับผิดชอบ เรื่องอะไรเขาจะยอมถูกเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
“คุณ...คุณมัน...ไม่พูดกับคุณแล้ว!” เธออุ้มลูกหันหน้าเมินหนีคนตัวโต เขินจนไม่กล้าสบตาเขา คนอะไรไว้ใจไม่ได้เลย
ทว่านอกเหนือจากความหมั่นไส้ที่มีต่อเขาแล้ว ปกเกศรู้สึกดีใจมากที่เมื่อครู่ อีกฝ่ายไม่ได้ส่งตัวน้องปั้นให้กุลวดีไป
บางที...กานต์ชนกอาจไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป...
หญิงสาวแอบมองอีกฝ่าย หัวใจไหวรัวแรงเมื่อพบว่า เขาจ้องมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มบางเบาแต่แสนอ่อนโยน
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมความโกรธเกลียดที่มีต่อกานต์ชนก นับวันจะยิ่งลดเลือนหายไป แต่บางอย่างที่ตรงข้ามกันกลับยิ่งเพิ่มทวี มากขึ้น...มากขึ้น
ทำอย่างไรดี...เธอหยุดความรู้สึกแปลกๆ นี้ไม่ได้เลย!
*****************
อะแฮ่มๆ ที่เหลือตามต่อกันในเล่มนะคะนักอ่านทุกท่าน ^O^ ยาวนานทีเดียวสำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ทั้งที่อุดหนุนแล้วและติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่นเลย จุ๊บๆ นอกจากความน่ารักน่าหยิกของครอบครัวนายกานต์ชนก ปกเกศ และน้องปั้นแล้ว อุปสรรคของทั้งสามยังไม่หมดจ้า สปอยล์เลย 555+ ดราม่าทั้งปมแม่สามีและลูกสะใภ้ อดีตของปกเกศที่ยังคลุมเครือเรื่องบิดา สาวใช้กุลวดีก็ใช่ย่อย เหอๆ แล้วยังจะมีแม่คุณที่คอยตามเกาะกานต์ชนกไม่ยอมปล่อยอยู่นั่นเอง
ความรักของคนทั้งคู่จะลงเอยเช่นไรตามต่อโลดดดด เรื่องนี้หนามากค่ะมีทั้งหมด 45 บท พร้อมตอนพิเศษอีก 4 ตอนรวด!
วางขายที่ 'ศูนย์หนังสือจุฬาฯ' และร้านออนไลน์ หรือจะสั่งซื้อกับสนพ.โดยตรง inbox ที่เพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' กับผ่าน Line: plaipakkabooks นะคะ
eBook โหลดได้ที่เว็บ Mebmarket
ฝากผลงานของทักษิณา และปลายปากกาสำนักพิมพ์ด้วยนะคะ
ตอนนี้มีลงเรื่องอื่นให้อ่านอีกเยอะเลย ตามต่อกันได้เรื่อยๆ ล่าสุดคือ ฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา (หอมดึก ผู้แต่งพนาพร่ำรัก) มาลีเริงไฟ และราคีสีเพลิง (รังสี ดุจดาริน และรางนากค่ะ)
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
********************
“แอ๊ๆ ฮือ...”
เสียงร้องไห้จ้าดังมาจากในห้องเด็ก
กานต์ชนกเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองอยู่บ้านด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นสบายตัว ได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ดังแว่วเข้ามา เจ้าตัวถึงกับหูผึ่ง รีบตรงดิ่งมายังห้องเด็ก
จะเปิดประตูเข้าไปหาลูกชาย แต่ทว่าประตูดันล็อก
“ใครอยู่ข้างในกับน้องปั้น เปิดประตูหน่อย!”
กานต์ชนกเคาะประตูเรียกกึ่งออกคำสั่งอย่างไม่พอใจ เขาจะเข้าไปหาลูก...ทำไมต้องล็อกประตูด้วย?
ไม่กี่อึดใจต่อมา กุลวดีก็เดินมาเปิดประตูรับหน้าเขา ใบหน้าเรียบเฉย
“คุณกานต์ชนกใช่ไหมคะ ดิฉันกุลวดี เป็นพี่เลี้ยงของน้องปั้น เพิ่งมารับงานวันนี้ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเสียงเรียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
นี่เหรอพี่เลี้ยงเด็กที่มารดาของเขามั่นใจนักหนาว่าดีเลิศประเสริฐศรี เก่งกาจที่สุด...ท่าทางดูแปลกๆ ชอบกล
กานต์ชนกขมวดคิ้วยามพินิจพิเคราะห์พี่เลี้ยงสาวตรงหน้า เขาแค่รู้สึกตงิดๆ ไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกเช่นนั้น แต่ไม่มีเวลาคิดนานนัก ร่างสูงก้าวผ่านพี่เลี้ยงเด็กตรงเข้าไปหาลูกชายที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในเปลเด็กของเจ้าตัว เขาไม่สนใจเสียงร้องทักท้วงอย่างตกใจของกุลวดี จัดแจงสอดสองมือใหญ่เข้าไปอุ้มร่างจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วพาเดินออกจากห้องเด็กไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของพี่เลี้ยงสาว
“คุณกานต์ชนกจะพาน้องปั้นไปไหนคะ ดิฉันกำลังชงนมให้แก...เดี๋ยวสิคะ!”
กุลวดีถือขวดนมกับผ้าขนหนูในมือวิ่งตามออกมา แต่ถูกชายหนุ่มหันมาขึงตาดุใส่เป็นเชิงปรามเสียก่อน กุลวดีถึงกับสะดุ้ง ชะงักฝีเท้า หยุดยืนตาม ได้แต่จ้องมองน้องปั้นที่อยู่ในอุ้งมือหนาอย่างห่วงใย
กานต์ชนกเอาตัวเด็กชายไปวางไว้กับปกเกศซึ่งยังหลับสนิทอยู่ ทันทีที่ได้กลิ่นหอมหวานคุ้นเคยจากตัวมารดา เด็กชายก็หยุดร้องไห้ ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำตาวาววับ พร้อมกันนั้นเจ้าตัวก็พยายามตะกุยตะกายจะขึ้นตัวมารดา จนอีกฝ่ายตกใจตื่น
“น้องปั้น มาอยู่นี่ได้ไงลูก!”
หญิงสาวรวบร่างจิ๋วหลิวเข้ามากอดไว้แน่น ถึงกับน้ำตาซึม ขณะที่เด็กชายเองก็หยุดร้องไห้ แต่ร้องเรียกมารดาด้วยภาษาที่ยังฟังไม่ได้ศัพท์
“สงสัยจะหิวนมน่ะ ร้องไห้ใหญ่เลย” กานต์ชนกบอกปกเกศ ก่อนจะปรายตามาทางกุลวดี มองขวดนมชงในมือเธออย่างไม่ชอบใจ “เป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่รู้เหรอว่าเด็กตัวแค่นี้ต้องกินนมแม่ ยังไม่ควรจะกินนมผง”
“ทราบค่ะ แต่ดิฉันไม่อยากรบกวนคุณปกเกศ” คำตอบทื่อๆ ของกุลวดีทำเอากานต์ชนกตาลุกวาบ เผลอขึ้นเสียงดัง ฉุนเฉียว
“รบกวนอะไร ปกเกศเป็นแม่ของน้องปั้น มันจะเรียกว่ารบกวนได้ยังไง ทีหลังอย่าคิดเองเออเอง ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะเอาน้องปั้นไปส่งให้เอง”
“ค่ะ ขอตัวนะคะ” กุลวดีนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเลี่ยงออกจากห้องไป แต่ยังไม่วายทิ้งสายตามองน้องปั้นซึ่งมารดาแท้ๆ ของเจ้าตัวกำลังให้นมอยู่ เด็กน้อยดูมีความสุขอยู่ในอ้อมอกของมารดา ไม่มีอาการงอแงแต่อย่างใดอีกเลย
ลับหลังร่างผอมเพรียวของกุลวดีแล้ว กานต์ชนกก็เดินกลับเข้ามาทรุดนั่งลงข้างเตียง มองปกเกศกับลูกชาย แววตาผิดแผกไปจากครู่ก่อน ราวกับเป็นคนละคน
“มองอะไรของคุณ ไม่เคยเห็นแม่ให้นมลูกหรือไง” ปกเกศแขวะเขาแล้วก็พยายามเอี้ยวตัวหลบมุม เขินหน้าร้อนลามไปจรดลำคอ
มองทำไมนักหนานะ ไม่มีมารยาทเลยอีตาคุณกานต์!
“เคยเห็นหลายครั้งแล้ว...อิจฉาน้องปั้น...” กานต์ชนกพูดพร้อมกับทิ้งสายตาให้เธออย่างมีความนัย
คนฟังแก้มแดงจัด ต้องรีบหาเรื่องบ่นบังหน้า
“อิจฉาน้องปั้นทำไม น้องปั้นเป็นเด็กดีไม่เคยทำร้ายใคร ก็สมควรจะได้รับแต่สิ่งดีๆ ตอบแทน...ไม่เหมือนคนบางคน...” ปกเกศพาดพิงเขาเต็มๆ พร้อมกับปรายตามอง เจาะจงลงไปให้ชายหนุ่มรู้ตัว สะใจที่ได้ตอกกลับเขาไปบ้าง ทว่าพลันนั้นต้องสะดุ้ง เพราะกานต์ชนกเล่นชะโงกหน้าเข้ามา จนปลายจมูกแทบชนกัน
“ฉันรู้ว่าฉันมันไม่ดี ก็พยายามแก้ตัวอยู่นี่ไง”
“แก้ตัวอะไรของคุณไม่ทราบ” เธอหมั่นไส้เขาเลยย้อนถามท้าทาย หากนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะก้มลงมา แนบเรียวปากบางของเจ้าตัวกับริมฝีปากอิ่มของเธอ งับเล่นเบาๆ ก่อนจะผละออก ยิ้มกว้างเห็นฟันขาว
“แก้ตัวคืนนั้นไง เธอเมา คงจำอะไรไม่ค่อยได้ใช่ไหม ฉันว่าเรามารื้อฟื้นความหลัง...”
“ตลกแล้วคุณกานต์ชนก! ฉันดูแลลูกอยู่ อย่าเข้ามา” ปกเกศขยับจะหนี แต่ไม่ถนัดเพราะติดลูกชายที่กำลังดื่มนมจากอกเธออย่างหิวโหย เลยกลายเป็นเธอกำลังถูกรุมเล่นงาน ทั้งจากคุณพ่อจอมวายร้ายและคุณลูกชายผู้น่ารัก
“จะหนีไปไหน ระวังน้องปั้นตกใจน้า” กานต์ชนกแสร้งลากเสียงยานคางทิ้งท้าย จงใจก่อกวนป่วนประสาทเธอชัดๆ
ปกเกศถอยหนีจนแผ่นหลังติดพนักหัวเตียง พอจะเบี่ยงตัวลงจากเตียง อีกฝ่ายก็ตามเข้ามาวางฝ่ามือกั้นขวางไม่ให้เธอหนีไปไหนได้
หญิงสาวอึกอัก มัวแต่มองหาทางเลี่ยงหลบ มาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้มาก ก็เมื่อช้าเกินไป ริมฝีปากอุ่นสัมผัสกันอย่างแผ่วเบานุ่มนวล ปกเกศเบิกตาโต คาดไม่ถึง หัวใจของเธอเต้นแรงมากจนน่ากลัว และโดยที่ไม่ทันได้คาดคิด จู่ๆ เจ้าหนูที่ดื่มนมจากอกอิ่มของมารดาก็เงยหน้ากลมๆ ของเจ้าตัวขึ้นมา
พอเห็นบิดากำลังจูบมารดาอยู่เท่านั้น พ่อหนูก็ทำหน้าบู้ พองลมเข้าแก้มป่องพร้อมส่งเสียงร้องประท้วง
“บู้!!”
“น้องปั้น!” ปกเกศตกใจเสียงแหลมคำรามของลูกชาย พ่อหนูเงื้อสองแขนป้อมสั้นๆ ของเจ้าตัวพยายามจะดันบิดาให้ถอยห่างจากมารดาตัวเป็นเอ็น
“น้องปั้น ตัวแค่นี้ก็รู้จักหวงแม่แล้วเหรอ นี่พ่อนะ ยกเว้นพ่อไว้สักคนสิ” กานต์ชนกขำท่าทางหึงหวงแม่ของลูกชาย น้องปั้นค้อนตาคว่ำให้เขา หันไปเกาะอกมารดาเหนียวหนึบ นอกจากนั้นยังทำปากจู๋ พยายามจะจุ๊บปกเกศเหมือนที่เขาทำด้วย
“น้องปั้น ตายแล้ว...” คนเป็นแม่หน้าแดงก่ำ รีบปิดทรวงอกตัวเองแทบไม่ทัน อึ้งๆ กับปากจู๋ๆ น่าเอ็นดูของลูกชายตัวจิ๋ว
ดูเถอะ ลูกเลียนแบบพ่อทันทีทันควันเลย...
เธอก้มลงไป แตะปากนุ่มของตัวเองกับริมฝีปากเล็กๆ กรุ่นกลิ่นนมอย่างแสนรัก พอมารดาจุ๊บด้วยเท่านั้น หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ชอบใจ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ค่อยยังชั่ว...หญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอก ทว่าไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกมือแกร่งของกานต์ชนกเลื่อนเข้ามากระชับปลายคางมน ดึงให้เธอหันหน้าไปรับจุมพิตจากเขาเสียอีก ปกเกศสะดุ้งตกใจ พยายามส่ายหน้าหนีแต่ไม่พ้น กานต์ชนกจูบจริงๆ จังๆ จนเธอตัวอ่อนระทวยไปหมด
“อ๊า!!”
เสียงแหลมเล็กของหนูน้อย ไม่พอใจที่บิดามาแย่งจุมพิตมารดา แต่คราวนี้กานต์ชนกเพลินจนไม่ยอมผละออก ปกเกศเองจะหนีก็ไม่ได้ เมื่อชายหนุ่มเล่นล็อกปลายคางเธอเอาไว้กระชับแน่น น้องปั้นโวยวายพยายามผลักร่างหนาของบิดาให้ถอยไป ทว่าผู้ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยให้หนูน้อย กลับเป็นกุลวดีที่วิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น น้องปั้นเป็นอะไรลูก!?”
ปกเกศฉวยโอกาสที่กานต์ชนกเผลอ รีบสะบัดหน้าออกจากอุ้งมือแกร่งของเขา อายจนแทบอยากมุดพื้นหนี ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากุลวดีเข้ามาทันได้เห็นอะไรไปบ้าง!
บ้าที่สุด นายกานต์ชนก นอกจากจะบ้าบอเอาแต่ใจตัวเองร้ายกาจแล้ว เขายังหน้าด้านหน้าทน ไม่รู้จักมี ‘ยางอาย’ บ้างเลยหรือไง!
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ดิฉันได้ยินเสียงน้องปั้นร้อง นึกว่าแกเป็นอะไร...”
กุลวดีมีสีหน้าที่ซีดเซียวลงไปกว่าปกติ ดวงตาเล็กหยีใต้กรอบแว่นหนามีละอองน้ำคลอขัง โกรธวูบเมื่อแลเห็นหน้าบูดงอเง้าของเด็กชายตัวอ้วนกลมในอ้อมแขนของปกเกศ
สองคนนี้ไม่ดูแลน้องปั้นเลย...แย่มาก!
“ถ้าไม่สะดวกจะดูแลน้องปั้น ให้ดิฉันจัดการดีกว่านะคะ” กุลวดีเสนอตัว เสียงเรียบหน้าเคร่งขรึม ร่างผอมก้าวเดินทื่อเข้ามาหาสองหนุ่มสาว ตั้งใจจะเข้ามาเอาตัวน้องปั้นไปดูแลอย่างที่เจ้าตัวเอ่ยปากบอก แต่กลับต้องชะงักกึก หน้าบึ้ง เพราะกานต์ชนกปรามเธอเอาไว้อย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้อง น้องปั้นเพิ่งกินนมอิ่ม ให้แกอยู่กับแม่ของแกสักพักมันจะเป็นอะไรไป เธอกลับไปก่อน แล้วฉันจะเอาน้องปั้นไปส่งให้เอง”
“แต่น้องปั้นร้องไห้...” กุลวดีแย้งเสียงอ่อนลง สีหน้าลังเล ไม่สบายใจ
“แกไม่ได้เป็นอะไร” ก็แค่เด็กหวงแม่เลยโวยวาย
กานต์ชนกไม่ได้อธิบายอย่างที่ใจคิด ไม่เห็นว่าจำเป็นจะต้องอธิบายให้กุลวดีฟัง คำพูดห้วนๆ วางอำนาจของเขาทำให้พี่เลี้ยงสาวหน้าเสีย จำต้องยอมหันหลังเดินออกจากห้องของเจ้านายไปทั้งที่ไม่เต็มใจ
ชายหนุ่มเองก็มองตามหลังร่างผอมบางของอีกฝ่ายไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน ดวงตาคมดุเข้ม ก่อนจะอ่อนแสงลง เมื่อเจ้าตัวก้มมองหนูน้อยตัวกลม ในอ้อมแขนกอดรัดอย่างหวงแหนของปกเกศ
เธอทำท่าทางราวกับกลัวว่าเขาจะส่งตัวน้องปั้นให้กุลวดี...กานต์ชนกอมยิ้ม ขำคุณแม่หวงลูก
“เพราะคุณเลย คุณคนเดียวทำให้น้องปั้นไม่พอใจ” เธอกล่าวหาเขา แก้มยังแดงเรื่อน่าเอ็นดู
“มาโทษฉันคนเดียวได้ไง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่”
กานต์ชนกลากเธอเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันรับผิดชอบ เรื่องอะไรเขาจะยอมถูกเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
“คุณ...คุณมัน...ไม่พูดกับคุณแล้ว!” เธออุ้มลูกหันหน้าเมินหนีคนตัวโต เขินจนไม่กล้าสบตาเขา คนอะไรไว้ใจไม่ได้เลย
ทว่านอกเหนือจากความหมั่นไส้ที่มีต่อเขาแล้ว ปกเกศรู้สึกดีใจมากที่เมื่อครู่ อีกฝ่ายไม่ได้ส่งตัวน้องปั้นให้กุลวดีไป
บางที...กานต์ชนกอาจไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป...
หญิงสาวแอบมองอีกฝ่าย หัวใจไหวรัวแรงเมื่อพบว่า เขาจ้องมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มบางเบาแต่แสนอ่อนโยน
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมความโกรธเกลียดที่มีต่อกานต์ชนก นับวันจะยิ่งลดเลือนหายไป แต่บางอย่างที่ตรงข้ามกันกลับยิ่งเพิ่มทวี มากขึ้น...มากขึ้น
ทำอย่างไรดี...เธอหยุดความรู้สึกแปลกๆ นี้ไม่ได้เลย!
*****************
อะแฮ่มๆ ที่เหลือตามต่อกันในเล่มนะคะนักอ่านทุกท่าน ^O^ ยาวนานทีเดียวสำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ทั้งที่อุดหนุนแล้วและติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่นเลย จุ๊บๆ นอกจากความน่ารักน่าหยิกของครอบครัวนายกานต์ชนก ปกเกศ และน้องปั้นแล้ว อุปสรรคของทั้งสามยังไม่หมดจ้า สปอยล์เลย 555+ ดราม่าทั้งปมแม่สามีและลูกสะใภ้ อดีตของปกเกศที่ยังคลุมเครือเรื่องบิดา สาวใช้กุลวดีก็ใช่ย่อย เหอๆ แล้วยังจะมีแม่คุณที่คอยตามเกาะกานต์ชนกไม่ยอมปล่อยอยู่นั่นเอง
ความรักของคนทั้งคู่จะลงเอยเช่นไรตามต่อโลดดดด เรื่องนี้หนามากค่ะมีทั้งหมด 45 บท พร้อมตอนพิเศษอีก 4 ตอนรวด!
วางขายที่ 'ศูนย์หนังสือจุฬาฯ' และร้านออนไลน์ หรือจะสั่งซื้อกับสนพ.โดยตรง inbox ที่เพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' กับผ่าน Line: plaipakkabooks นะคะ
eBook โหลดได้ที่เว็บ Mebmarket
ฝากผลงานของทักษิณา และปลายปากกาสำนักพิมพ์ด้วยนะคะ
ตอนนี้มีลงเรื่องอื่นให้อ่านอีกเยอะเลย ตามต่อกันได้เรื่อยๆ ล่าสุดคือ ฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา (หอมดึก ผู้แต่งพนาพร่ำรัก) มาลีเริงไฟ และราคีสีเพลิง (รังสี ดุจดาริน และรางนากค่ะ)
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2562, 18:54:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ต.ค. 2562, 18:10:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 691
<< บทที่ 26 -60% |