ฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'พฤษภา' สาวสวยผู้อ่อนหวาน ทายาทผู้พี่ของตระกูลมาเฟียคูเปอร์สไตน์เดินทางมาเมืองไทยเพื่อดูแลญาติผู้ใหญ่ของมารดาที่ล้มป่วย หล่อนไม่รู้เลยสักนิดว่าได้เดินเข้าสู่อุ้งมืออันหยาบกร้านของ 'เสือ' หรือ 'พยัคฆ์' วีรกาญจน์ ทายาทนายเหมืองที่เพิ่งฆ่าตัวตายไปเพราะภรรยาแอบเล่นชู้กับสามีของเศรษฐีนีผู้เป็นญาติของหล่อน พยัคฆ์ฉุดกระชากลากถูพฤษภาเข้าไปในป่าลึกด้วยความแค้น เขาคิดจะใช้หล่อนเรียกร้องความยุติธรรมให้ครอบครัว
'เมษา' น้องน้อยผู้ปราดเปรียว มือแม่นปืนที่ทั้งใจร้อนและวู่วาม รีบรุดมาตามพี่สาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หล่อนจึงได้พบกับ 'ธรรศ' พ่อหม้ายเรือพ่วงสวมแว่นหนาเตอะผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นพรานนำทางให้หล่อน เมษาหัวหมุนไปหมดกับบุคลิกของเขา เปลือกนอกเขาทั้งเย็นชาและเชื่องช้า แต่ทว่าบางครั้งกลับจู่โจมฉับไวจนน่าหวาดหวั่น
หรือว่าเขาจะเป็นเสือซ่อนเล็บตัวที่สองแห่งดงสางเสือกันแน่!
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง 'พนาพร่ำรัก') และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เช่นเคยจ้า ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้หอมดึกจะพาทุกท่านไปบุกป่าล่าเสือและล่าสาวในคราวเดียวกัน! ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากมีเสือเถื่อนและเสือขรึมให้สาวๆ หวั่นไหวเล่นแล้ว พ่วงด้วยความมันแบบซื่อๆ ฮาๆ ตามประสาชาวบ้านในป่าเขาลำเนาไพร บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านหนอนนิยาย เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 448 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 3 ตอนรวด!)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 345฿ จากราคาปก 382฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 390฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 415฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
'เมษา' น้องน้อยผู้ปราดเปรียว มือแม่นปืนที่ทั้งใจร้อนและวู่วาม รีบรุดมาตามพี่สาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หล่อนจึงได้พบกับ 'ธรรศ' พ่อหม้ายเรือพ่วงสวมแว่นหนาเตอะผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นพรานนำทางให้หล่อน เมษาหัวหมุนไปหมดกับบุคลิกของเขา เปลือกนอกเขาทั้งเย็นชาและเชื่องช้า แต่ทว่าบางครั้งกลับจู่โจมฉับไวจนน่าหวาดหวั่น
หรือว่าเขาจะเป็นเสือซ่อนเล็บตัวที่สองแห่งดงสางเสือกันแน่!
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง 'พนาพร่ำรัก') และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เช่นเคยจ้า ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้หอมดึกจะพาทุกท่านไปบุกป่าล่าเสือและล่าสาวในคราวเดียวกัน! ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากมีเสือเถื่อนและเสือขรึมให้สาวๆ หวั่นไหวเล่นแล้ว พ่วงด้วยความมันแบบซื่อๆ ฮาๆ ตามประสาชาวบ้านในป่าเขาลำเนาไพร บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านหนอนนิยาย เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 448 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 3 ตอนรวด!)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 345฿ จากราคาปก 382฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 390฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 415฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: เสือ ป่า พี่น้อง เซ็กซี่ ละมุน เถื่อน เชลย คุณหนู มาเฟีย บู๊ ครอบครัว
ตอน: บทที่9 -60%
“ใครส่งนายมา”
“เสือใหญ่ครับ” มันโพล่งออกมาอย่างไม่ต้องคิด เมษาสบตาธรรศก่อนจะซักไซ้ต่อ “เขาต้องการอะไร”
“หลานชายเสือใหญ่จับพี่สาวของคุณไป พี่สาวของคุณบอกว่าเธอต้องการแลกเปลี่ยนตัวเธอกับเงินสักก้อน แต่หลานชายเสือใหญ่ไม่ยอมปล่อยเธอ”
“เขาชื่ออะไร”
“เสือ”
“เหอะ ดีจริงนะ หันไปทางไหนก็มีแต่เสือ”
เมษาอดค่อนขอดตามวิสัยหญิงไม่ได้
“แล้วตอนนี้พี่สาวฉันอยู่ที่ไหน” หล่อนจ้องใบหน้าเหี้ยมและดวงตาหลุกหลิกของมัน
“บอกมา”
“บอกไม่ได้ครับ ยกเว้นคุณจะตกลงราคากันก่อน แล้วเราจะไปพาคุณคนนั้นออกมาให้อย่างปลอดภัย”
“เท่าไร”
“เดี๋ยว! เมื่อตะกี้แกบอกว่านายเสืออะไรนั่นเป็นหลานของเสือใหญ่ แล้วเรื่องอะไรเสือใหญ่จะไปทำอย่างนั้น ถึงจิตใจจะเหี้ยมเกรียมแต่เสือใหญ่ก็ไม่ปล้นพี่น้องกันเองกิน ไม่ใช่รึ”
“ตะ...แต่ เอ่อ เงินก้อนใหญ่นี่ครับ ยังไงเสือใหญ่ก็เอา ไม่เอาก็โง่แล้วครับ” พูดออกไปแล้วมันก็ก้มหน้างุดอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตาย ดวงตาของธรรศเป็นประกาย
ไอ้ลูกกะจ๊อกทรยศ
“แสดงว่าถ้าเสือใหญ่ยอมโง่ จะมีโจรคนอื่นๆ อย่างแกที่ฉลาดและขี้โกงกว่าเข้ามาสวมรอยทันทีใช่ไหม”
“มะ...ไม่ ไม่ใช่ๆ ใครมันจะกล้ากับพี่เสือใหญ่” มันลนลานรีบปฏิเสธ เมษาเพิ่งเห็นว่ามันไปยืนขาสั่นอยู่ปากเหวที่ธรรศล่อให้ไปติดกับ
“ทำไมจะไม่ล่ะ ถ้าเงินมันมากพอ จริงไหมเสือก้าน”
“มะ...มึง มึงรู้จักชื่อกูได้ยังไง” เสือหนุ่มดิ้นเร่า หมดท่า หงอยอมก้มหัวให้ ดวงตาของมันถลนจ้องมองธรรศราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“บอกที่ซ่อนตัวของพยัคฆ์มา!” ธรรศเดินเข้ามาตวัดปลายเท้าเหยียดยอดอกเสือก้านจนผงะหงาย
“กูไม่รู้ กูเอาข่าวพี่เสือใหญ่มาให้พวกมึง ถ้ามึงไม่ตกลงก็เตรียมรับศพนังหน้าสวยได้เลย”
“ไม่ ไม่นะ เดี๋ยว คุยกันก่อน”
เมษารีบเข้ามาขวาง แต่มือแกร่งของเจ้าของเท้าที่เหยียบอกไอ้เสือก้านอยู่รวบต้นแขนออกแรงเหวี่ยงให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง หล่อนเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บ อ้าปากจะอาละวาด แต่ดวงตาคมวาววับของเขาตวัดมองมาห้ามไว้ก่อน
“พวกกูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากโจรกระจอกอย่างมึงกับนายของมึง”
“เหอะ ปากดีไปเถอะ คนที่จะตามเข้าไปดงสางเสือได้ก็มีแต่พวกกูเท่านั้น” หลุดปากไปแล้วมันก็หน้าซีด ทรุดลงกับพื้นทราย มันพลาดแล้วพลาดอีกจนแทบอยากจะกรอกปากตัวเองด้วยลูกตะกั่ว
ไอ้หนุ่มแว่นตีนหนักคนนี้มันเป็นใครวะ สอบเก่งยังกับตำรวจ!
“ดงสางเสือรึ” ธรรศพึมพำ ยกเท้าออกจากอกแห้งๆ ของอีกฝ่าย อย่างไม่ใส่ใจอีกต่อไป เขาจับต้นแขนบางดึงให้ออกห่างจากมัน พาเดินมาที่ใต้ร่มไทรอึมครึม
“ทำอะไรของคุณน่ะ คิดเองตัดสินใจเองไปเสียหมด ครอบครัวของฉันยินดีจ่ายเงินถ้านั่นจะทำให้พี่เมย์ปลอดภัย”
“แล้วเชื่อได้รึว่าจะปลอดภัย ลองมีกวางเนื้ออ่อนหลงเข้าป่ามาถึงสองตัวแบบนี้ เสือหิวอย่างพวกมันจะยอมปล่อยพวกคุณไปง่ายๆ หรือไง กลัวแต่ว่าเงินมันก็จะเอา คนก็จะไม่ปล่อยมากกว่า มีตัวประกันสองคนย่อมดีกว่าคนเดียวไม่ใช่รึ หัดคิดให้รอบคอบเสียบ้าง อย่าเอาแต่คิดจะใช้เงินหว่าน”
“คุณไม่เข้าใจหรอก ฉันอยากได้ตัวพี่เมย์กลับไปให้เร็วที่สุด ทำไมเราไม่เจรจากับพวกมัน คุณปิดโอกาสไปเสียหมด” เมษาสะบัดแขนเท่าไรก็ไม่หลุดจากมือนั้น
“เสียใจด้วยคุณเมษา คราวนี้ผมให้คุณเสี่ยงตัดสินใจเองไม่ได้ คุณไม่รู้จักพวกมันดีพอ”
“แล้วคุณล่ะ รู้จักโจรพวกนี้ดีแค่ไหน”
“ผมรู้จักพยัคฆ์ วีรกาญจน์ดีพอที่จะเชื่อได้ว่า ตราบใดที่น้องเมย์อยู่กับเขา เธอจะปลอดภัยกว่าอยู่ในรังเสือใหญ่”
“นี่คุณรู้จักไอ้คนที่ลักพาตัวพี่เมย์ไปด้วยรึ”
เมษาผลักอกกว้างอย่างแรง ผลุนผลันออกห่าง มือกระชับกระบอกปืนขึ้นเล็ง ธรรศกลอกตาไปมาด้วยความระอาใจ
แน่ละ ระหว่างนั้นไอ้เสือก้านมันจ้องอยู่ตลอดเวลา ป่านนี้มันคงได้ยิ้มเยาะเขาเป็นแน่
“ลดปืนลง” ธรรศสั่งเสียงเข้ม
“ไม่!” เมษาถอยกรูด หากปืนยังประทับเล็ง
“ดื้อด้านที่สุด เด็กอะไร”
“นาย!” จังหวะนั้นจังหวะเดียวกระมังที่หล่อนพลาด มือที่จับปืนมาจนชินไหวเพียงนิ้วเดียวด้วยอารมณ์โกรธรุนแรง เขาก็เข้าประชิดถึงตัว
‘ใช้ปืนใจต้องนิ่งนะลูก’ คำของบิดาเข้าหูซ้ายมาก่อนจะถูกเหวี่ยงออกหูขวาด้วยแรงกระชากจากคนที่รุกประชิด
“อย่าอวดเก่งกับผู้ชาย” เขาคำรามกรอด ใกล้จนหล่อนอยากจะกรีดร้องใส่หน้า แต่นั่นก็พลาดไปอีก พรานพ่อลูกอ่อนแว่นหนาเตอะไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้ออกฤทธิ์
เพียงแค่เขาปิดปากหล่อนด้วยริมฝีปากหนาหนักของตน ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเมษาก็รวนไปหมดสิ้น หูไม่สดับเสียงใดอีกนอกจากเสียงหอบหายใจกระเส่าของตน ผิวกายร้อนวูบวาบไปกับมือหยาบจาบจ้วงทั้งกอดรัดและลูบไล้ตามแต่ใจจะคิดลงทัณฑ์หล่อน ลิ้นเล็กรับรสเผ็ดร้อนจากปลายลิ้นอีกฝ่าย ให้รสขมปร่าหวานแหลมระคนกัน ดูเหมือนเขาจะแกล้งจูบหล่อนให้ขาดใจตายไปเลยกระมัง
ชิชะๆ อีนังคุณหนูชูคอเสียดิบดี ที่แท้ก็ถูกไอ้แว่นตีนโหดงาบไปแดกเสียแล้ว! มิน่ามันถึงหวงนักหนา
ไอ้ก้านรำพึงรำพันในใจด้วยความเสียดาย ก่อนจะเอนตัวลงนอนกับพื้นดินอย่างหมดแรง
*************
รุ่งเช้าที่ตลาดสดกลางเมืองกาญจน์
แมกโนเลียเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ในตลาดซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ในมือของหล่อนนั้นถือตะกร้าจ่ายตลาด ของเล็กๆ น้อยๆ ที่หล่อนซื้อได้จะใส่ในตะกร้านั้น ส่วนพวกที่หนักมากอย่างผลไม้สด เชษฐ์ฉวยไปถือไว้เอง
วันนี้แมกโนเลียตั้งใจไว้ว่าจะซื้อพวกผลไม้กับข้าวของมาทำครัว เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าหล่อนจะไปทำบุญที่วัดและแวะกราบอัฐิคุณตาคุณยายเสียด้วยเลย เชษฐ์จึงออกมาเป็นเพื่อนจ่ายตลาดกับหล่อน ส่วนขนมหวาน ยายหนูน้อยที่ธรรศฝากหล่อนไว้นั้น เวลานี้แมกโนเลียจ้างเด็กสาวคนหนึ่งชื่อ น้อย มาช่วยดูแลแล้ว และจะได้คอยช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ หล่อนด้วย
แมกโนเลียเดินมาจนถึงร้านขายข้าวสารนานาชนิดที่หล่อนเคยมาซื้อหาเมื่อครั้งที่กลับเมืองไทยครั้งก่อน คนขายในเช้าวันนี้ไม่ใช่ป้านุ่มหญิงชราใจดีผมขาวโพลนทั้งหัว แต่เป็นหญิงร่างอ้วนฉุหน้ามันเยิ้มตาขวางดุคนหนึ่ง
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป ป้านุ่มคงจากไปแล้วสินะ...
“ข้าวหอมมะลิถุงละเท่าไรจ๊ะ”
“ร้อยแปดสิบ” หญิงร่างอ้วนพูดพลางยื่นมือมาจับป้ายราคาเหยเกขึ้นปักไว้บนกองข้าว หน้าตาบูดบึ้งพิศมองใบหน้าเนียนสวยผิดชาวบ้านร้านตลาดของอีกฝ่าย แถมยังมีชายร่างสูงใหญ่ถือถุงข้าวของให้อีก
ผู้ลากมากดีมาจากไหนอีกล่ะ เอ๊ะ นังนี่หน้าคุ้นๆ หลานอีมาลินีใจดำนี่หว่า ใช่แน่ละ ไหนว่าอุ้มท้องไปอยู่กับผัวฝรั่งอยู่นอก หน็อยแน่ วันนี้มีผู้ดีมาให้กัดถึงที่
“นี่จ้ะ” แมกโนเลียยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้หล่อนสองใบ พร้อมรอเงินทอน แต่แม่ค้ากลับยัดเงินเข้ากระเป๋าแล้วหันไปฉอเลาะกับลูก ค้ารายใหม่หน้าตาเฉย แมกโนเลียยืนรออยู่นานจนต้องออกปาก
“พี่สาว ลืมตังค์ทอนฉันหรือเปล่าจ๊ะ”
“ต๊าย ไม่นึกว่าเศรษฐีจะขี้เหนียวอย่างนี้ หลานคุณนายมาลินีก็ต้องเหมือนกันสินะ เงินสิบบาทยี่สิบบาทก็ทวง เหอะ”
“ทอนเงินให้คุณเขามาเสียสิ” เชษฐ์เอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าดุเคร่งขรึม
“แม่เจ้าโว้ย มีนักเลงโตมาคุมเสียด้วย กลัวใครที่ตลาดนี้เหรอจ๊ะ ว่าไม่ได้สินะ โจทก์อีคุณนายหน้าเลือดป้าของหล่อนก็มากอยู่ เมียน้อยเสี่ยสุชาติมีเป็นโหลได้กระมัง”
“ช่างเถอะ ถ้าพี่อยากได้เงินยี่สิบบาทก็เก็บไว้ก็แล้วกัน”
แมกโนเลียถอนใจ ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูหนาแน่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“กูไม่เอา นี่เอาไป” ธนบัตรสีเขียวถูกขยำแล้วเขวี้ยงใส่หน้าแมกโนเลีย ดีที่หวิดไปโดนอกเสื้อแทน เชษฐ์ถลันเข้ามาขวาง ตั้งท่าพร้อมปกป้องเจ้านายเต็มที่
“ทำไม มึงจะทำอะไรกู”
“อย่าหยาบคายกับคุณเขาอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“อีนวล” เสียงแม่ค้าเขียงหมูลอยมาสมทบ
“มึงก็อย่าใจร้ายกับหลานคุณนายนักเลย ได้ข่าวว่าลูกสาวโดนฉุด ได้คืนหรือยังล่ะแม่คุณ” ถ้อยคำอาจฟังดูเห็นอกเห็นใจ แต่น้ำเสียงและสีหน้าช่างสวนทางกัน
“ชะช้า ไอ้เด็กคนที่อยู่ในท้องสมัยโน่นนะรึ แหม...โตเป็นสาวมาเป็นได้เรื่องเชียวนะ ป่านนี้หล่อนได้หลานแล้วกระมัง”
“นี่เธอ” เชษฐ์ถลันเข้าใส่ แม่ค้าขายข้าวหน้าถอดสี หุบปากเงียบ แต่แม่ค้าขายผักยังอดปากสอดแทรกเข้ามาไม่ได้
“เขาว่าลูกชายเหมืองพลอยลักพาตัวไปนี่ หล่อนจะได้เป็นแม่ยายเจ้าของเหมืองสินะ แต่เสียใจด้วยนะเพราะมันเป็นแค่เหมืองร้างน่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“อยากโดนข้อหาหมิ่นประมาทหรือไงหา!” เชษฐ์ตะคอกกลับทำให้ทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากขึ้น
“เชษฐ์ไม่เป็นไร กลับเถอะ” แมกโนเลียกำหูตะกร้าไว้แน่น หล่อนเงยหน้าขึ้น แล้วเดินฝ่าความเกลียดชังของคนครึ่งค่อนตลาดออกไปด้านนอกด้วยความเจ็บปวด ผลพวงของความคับแค้นที่ทุกคนมีต่อป้าและลุงเขย ลูกสาวคนโตของหล่อนต้องมารับกรรมแทนอย่างนั้นเหรอ
โธ่...พฤษภาของแม่ ช่างน่าสงสารนัก เกิดมาก็ตกระกำลำบาก กว่าจะรอดมาได้ พอจะสุขสบายขึ้นมาบ้างก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นอีก
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“เสือใหญ่ครับ” มันโพล่งออกมาอย่างไม่ต้องคิด เมษาสบตาธรรศก่อนจะซักไซ้ต่อ “เขาต้องการอะไร”
“หลานชายเสือใหญ่จับพี่สาวของคุณไป พี่สาวของคุณบอกว่าเธอต้องการแลกเปลี่ยนตัวเธอกับเงินสักก้อน แต่หลานชายเสือใหญ่ไม่ยอมปล่อยเธอ”
“เขาชื่ออะไร”
“เสือ”
“เหอะ ดีจริงนะ หันไปทางไหนก็มีแต่เสือ”
เมษาอดค่อนขอดตามวิสัยหญิงไม่ได้
“แล้วตอนนี้พี่สาวฉันอยู่ที่ไหน” หล่อนจ้องใบหน้าเหี้ยมและดวงตาหลุกหลิกของมัน
“บอกมา”
“บอกไม่ได้ครับ ยกเว้นคุณจะตกลงราคากันก่อน แล้วเราจะไปพาคุณคนนั้นออกมาให้อย่างปลอดภัย”
“เท่าไร”
“เดี๋ยว! เมื่อตะกี้แกบอกว่านายเสืออะไรนั่นเป็นหลานของเสือใหญ่ แล้วเรื่องอะไรเสือใหญ่จะไปทำอย่างนั้น ถึงจิตใจจะเหี้ยมเกรียมแต่เสือใหญ่ก็ไม่ปล้นพี่น้องกันเองกิน ไม่ใช่รึ”
“ตะ...แต่ เอ่อ เงินก้อนใหญ่นี่ครับ ยังไงเสือใหญ่ก็เอา ไม่เอาก็โง่แล้วครับ” พูดออกไปแล้วมันก็ก้มหน้างุดอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตาย ดวงตาของธรรศเป็นประกาย
ไอ้ลูกกะจ๊อกทรยศ
“แสดงว่าถ้าเสือใหญ่ยอมโง่ จะมีโจรคนอื่นๆ อย่างแกที่ฉลาดและขี้โกงกว่าเข้ามาสวมรอยทันทีใช่ไหม”
“มะ...ไม่ ไม่ใช่ๆ ใครมันจะกล้ากับพี่เสือใหญ่” มันลนลานรีบปฏิเสธ เมษาเพิ่งเห็นว่ามันไปยืนขาสั่นอยู่ปากเหวที่ธรรศล่อให้ไปติดกับ
“ทำไมจะไม่ล่ะ ถ้าเงินมันมากพอ จริงไหมเสือก้าน”
“มะ...มึง มึงรู้จักชื่อกูได้ยังไง” เสือหนุ่มดิ้นเร่า หมดท่า หงอยอมก้มหัวให้ ดวงตาของมันถลนจ้องมองธรรศราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“บอกที่ซ่อนตัวของพยัคฆ์มา!” ธรรศเดินเข้ามาตวัดปลายเท้าเหยียดยอดอกเสือก้านจนผงะหงาย
“กูไม่รู้ กูเอาข่าวพี่เสือใหญ่มาให้พวกมึง ถ้ามึงไม่ตกลงก็เตรียมรับศพนังหน้าสวยได้เลย”
“ไม่ ไม่นะ เดี๋ยว คุยกันก่อน”
เมษารีบเข้ามาขวาง แต่มือแกร่งของเจ้าของเท้าที่เหยียบอกไอ้เสือก้านอยู่รวบต้นแขนออกแรงเหวี่ยงให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง หล่อนเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บ อ้าปากจะอาละวาด แต่ดวงตาคมวาววับของเขาตวัดมองมาห้ามไว้ก่อน
“พวกกูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากโจรกระจอกอย่างมึงกับนายของมึง”
“เหอะ ปากดีไปเถอะ คนที่จะตามเข้าไปดงสางเสือได้ก็มีแต่พวกกูเท่านั้น” หลุดปากไปแล้วมันก็หน้าซีด ทรุดลงกับพื้นทราย มันพลาดแล้วพลาดอีกจนแทบอยากจะกรอกปากตัวเองด้วยลูกตะกั่ว
ไอ้หนุ่มแว่นตีนหนักคนนี้มันเป็นใครวะ สอบเก่งยังกับตำรวจ!
“ดงสางเสือรึ” ธรรศพึมพำ ยกเท้าออกจากอกแห้งๆ ของอีกฝ่าย อย่างไม่ใส่ใจอีกต่อไป เขาจับต้นแขนบางดึงให้ออกห่างจากมัน พาเดินมาที่ใต้ร่มไทรอึมครึม
“ทำอะไรของคุณน่ะ คิดเองตัดสินใจเองไปเสียหมด ครอบครัวของฉันยินดีจ่ายเงินถ้านั่นจะทำให้พี่เมย์ปลอดภัย”
“แล้วเชื่อได้รึว่าจะปลอดภัย ลองมีกวางเนื้ออ่อนหลงเข้าป่ามาถึงสองตัวแบบนี้ เสือหิวอย่างพวกมันจะยอมปล่อยพวกคุณไปง่ายๆ หรือไง กลัวแต่ว่าเงินมันก็จะเอา คนก็จะไม่ปล่อยมากกว่า มีตัวประกันสองคนย่อมดีกว่าคนเดียวไม่ใช่รึ หัดคิดให้รอบคอบเสียบ้าง อย่าเอาแต่คิดจะใช้เงินหว่าน”
“คุณไม่เข้าใจหรอก ฉันอยากได้ตัวพี่เมย์กลับไปให้เร็วที่สุด ทำไมเราไม่เจรจากับพวกมัน คุณปิดโอกาสไปเสียหมด” เมษาสะบัดแขนเท่าไรก็ไม่หลุดจากมือนั้น
“เสียใจด้วยคุณเมษา คราวนี้ผมให้คุณเสี่ยงตัดสินใจเองไม่ได้ คุณไม่รู้จักพวกมันดีพอ”
“แล้วคุณล่ะ รู้จักโจรพวกนี้ดีแค่ไหน”
“ผมรู้จักพยัคฆ์ วีรกาญจน์ดีพอที่จะเชื่อได้ว่า ตราบใดที่น้องเมย์อยู่กับเขา เธอจะปลอดภัยกว่าอยู่ในรังเสือใหญ่”
“นี่คุณรู้จักไอ้คนที่ลักพาตัวพี่เมย์ไปด้วยรึ”
เมษาผลักอกกว้างอย่างแรง ผลุนผลันออกห่าง มือกระชับกระบอกปืนขึ้นเล็ง ธรรศกลอกตาไปมาด้วยความระอาใจ
แน่ละ ระหว่างนั้นไอ้เสือก้านมันจ้องอยู่ตลอดเวลา ป่านนี้มันคงได้ยิ้มเยาะเขาเป็นแน่
“ลดปืนลง” ธรรศสั่งเสียงเข้ม
“ไม่!” เมษาถอยกรูด หากปืนยังประทับเล็ง
“ดื้อด้านที่สุด เด็กอะไร”
“นาย!” จังหวะนั้นจังหวะเดียวกระมังที่หล่อนพลาด มือที่จับปืนมาจนชินไหวเพียงนิ้วเดียวด้วยอารมณ์โกรธรุนแรง เขาก็เข้าประชิดถึงตัว
‘ใช้ปืนใจต้องนิ่งนะลูก’ คำของบิดาเข้าหูซ้ายมาก่อนจะถูกเหวี่ยงออกหูขวาด้วยแรงกระชากจากคนที่รุกประชิด
“อย่าอวดเก่งกับผู้ชาย” เขาคำรามกรอด ใกล้จนหล่อนอยากจะกรีดร้องใส่หน้า แต่นั่นก็พลาดไปอีก พรานพ่อลูกอ่อนแว่นหนาเตอะไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้ออกฤทธิ์
เพียงแค่เขาปิดปากหล่อนด้วยริมฝีปากหนาหนักของตน ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเมษาก็รวนไปหมดสิ้น หูไม่สดับเสียงใดอีกนอกจากเสียงหอบหายใจกระเส่าของตน ผิวกายร้อนวูบวาบไปกับมือหยาบจาบจ้วงทั้งกอดรัดและลูบไล้ตามแต่ใจจะคิดลงทัณฑ์หล่อน ลิ้นเล็กรับรสเผ็ดร้อนจากปลายลิ้นอีกฝ่าย ให้รสขมปร่าหวานแหลมระคนกัน ดูเหมือนเขาจะแกล้งจูบหล่อนให้ขาดใจตายไปเลยกระมัง
ชิชะๆ อีนังคุณหนูชูคอเสียดิบดี ที่แท้ก็ถูกไอ้แว่นตีนโหดงาบไปแดกเสียแล้ว! มิน่ามันถึงหวงนักหนา
ไอ้ก้านรำพึงรำพันในใจด้วยความเสียดาย ก่อนจะเอนตัวลงนอนกับพื้นดินอย่างหมดแรง
*************
รุ่งเช้าที่ตลาดสดกลางเมืองกาญจน์
แมกโนเลียเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ในตลาดซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ในมือของหล่อนนั้นถือตะกร้าจ่ายตลาด ของเล็กๆ น้อยๆ ที่หล่อนซื้อได้จะใส่ในตะกร้านั้น ส่วนพวกที่หนักมากอย่างผลไม้สด เชษฐ์ฉวยไปถือไว้เอง
วันนี้แมกโนเลียตั้งใจไว้ว่าจะซื้อพวกผลไม้กับข้าวของมาทำครัว เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าหล่อนจะไปทำบุญที่วัดและแวะกราบอัฐิคุณตาคุณยายเสียด้วยเลย เชษฐ์จึงออกมาเป็นเพื่อนจ่ายตลาดกับหล่อน ส่วนขนมหวาน ยายหนูน้อยที่ธรรศฝากหล่อนไว้นั้น เวลานี้แมกโนเลียจ้างเด็กสาวคนหนึ่งชื่อ น้อย มาช่วยดูแลแล้ว และจะได้คอยช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ หล่อนด้วย
แมกโนเลียเดินมาจนถึงร้านขายข้าวสารนานาชนิดที่หล่อนเคยมาซื้อหาเมื่อครั้งที่กลับเมืองไทยครั้งก่อน คนขายในเช้าวันนี้ไม่ใช่ป้านุ่มหญิงชราใจดีผมขาวโพลนทั้งหัว แต่เป็นหญิงร่างอ้วนฉุหน้ามันเยิ้มตาขวางดุคนหนึ่ง
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป ป้านุ่มคงจากไปแล้วสินะ...
“ข้าวหอมมะลิถุงละเท่าไรจ๊ะ”
“ร้อยแปดสิบ” หญิงร่างอ้วนพูดพลางยื่นมือมาจับป้ายราคาเหยเกขึ้นปักไว้บนกองข้าว หน้าตาบูดบึ้งพิศมองใบหน้าเนียนสวยผิดชาวบ้านร้านตลาดของอีกฝ่าย แถมยังมีชายร่างสูงใหญ่ถือถุงข้าวของให้อีก
ผู้ลากมากดีมาจากไหนอีกล่ะ เอ๊ะ นังนี่หน้าคุ้นๆ หลานอีมาลินีใจดำนี่หว่า ใช่แน่ละ ไหนว่าอุ้มท้องไปอยู่กับผัวฝรั่งอยู่นอก หน็อยแน่ วันนี้มีผู้ดีมาให้กัดถึงที่
“นี่จ้ะ” แมกโนเลียยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้หล่อนสองใบ พร้อมรอเงินทอน แต่แม่ค้ากลับยัดเงินเข้ากระเป๋าแล้วหันไปฉอเลาะกับลูก ค้ารายใหม่หน้าตาเฉย แมกโนเลียยืนรออยู่นานจนต้องออกปาก
“พี่สาว ลืมตังค์ทอนฉันหรือเปล่าจ๊ะ”
“ต๊าย ไม่นึกว่าเศรษฐีจะขี้เหนียวอย่างนี้ หลานคุณนายมาลินีก็ต้องเหมือนกันสินะ เงินสิบบาทยี่สิบบาทก็ทวง เหอะ”
“ทอนเงินให้คุณเขามาเสียสิ” เชษฐ์เอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าดุเคร่งขรึม
“แม่เจ้าโว้ย มีนักเลงโตมาคุมเสียด้วย กลัวใครที่ตลาดนี้เหรอจ๊ะ ว่าไม่ได้สินะ โจทก์อีคุณนายหน้าเลือดป้าของหล่อนก็มากอยู่ เมียน้อยเสี่ยสุชาติมีเป็นโหลได้กระมัง”
“ช่างเถอะ ถ้าพี่อยากได้เงินยี่สิบบาทก็เก็บไว้ก็แล้วกัน”
แมกโนเลียถอนใจ ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูหนาแน่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“กูไม่เอา นี่เอาไป” ธนบัตรสีเขียวถูกขยำแล้วเขวี้ยงใส่หน้าแมกโนเลีย ดีที่หวิดไปโดนอกเสื้อแทน เชษฐ์ถลันเข้ามาขวาง ตั้งท่าพร้อมปกป้องเจ้านายเต็มที่
“ทำไม มึงจะทำอะไรกู”
“อย่าหยาบคายกับคุณเขาอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“อีนวล” เสียงแม่ค้าเขียงหมูลอยมาสมทบ
“มึงก็อย่าใจร้ายกับหลานคุณนายนักเลย ได้ข่าวว่าลูกสาวโดนฉุด ได้คืนหรือยังล่ะแม่คุณ” ถ้อยคำอาจฟังดูเห็นอกเห็นใจ แต่น้ำเสียงและสีหน้าช่างสวนทางกัน
“ชะช้า ไอ้เด็กคนที่อยู่ในท้องสมัยโน่นนะรึ แหม...โตเป็นสาวมาเป็นได้เรื่องเชียวนะ ป่านนี้หล่อนได้หลานแล้วกระมัง”
“นี่เธอ” เชษฐ์ถลันเข้าใส่ แม่ค้าขายข้าวหน้าถอดสี หุบปากเงียบ แต่แม่ค้าขายผักยังอดปากสอดแทรกเข้ามาไม่ได้
“เขาว่าลูกชายเหมืองพลอยลักพาตัวไปนี่ หล่อนจะได้เป็นแม่ยายเจ้าของเหมืองสินะ แต่เสียใจด้วยนะเพราะมันเป็นแค่เหมืองร้างน่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“อยากโดนข้อหาหมิ่นประมาทหรือไงหา!” เชษฐ์ตะคอกกลับทำให้ทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากขึ้น
“เชษฐ์ไม่เป็นไร กลับเถอะ” แมกโนเลียกำหูตะกร้าไว้แน่น หล่อนเงยหน้าขึ้น แล้วเดินฝ่าความเกลียดชังของคนครึ่งค่อนตลาดออกไปด้านนอกด้วยความเจ็บปวด ผลพวงของความคับแค้นที่ทุกคนมีต่อป้าและลุงเขย ลูกสาวคนโตของหล่อนต้องมารับกรรมแทนอย่างนั้นเหรอ
โธ่...พฤษภาของแม่ ช่างน่าสงสารนัก เกิดมาก็ตกระกำลำบาก กว่าจะรอดมาได้ พอจะสุขสบายขึ้นมาบ้างก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นอีก
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2562, 08:00:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2562, 08:00:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 586
<< บทที่9 -30% | บทที่9 -100% >> |