ฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'พฤษภา' สาวสวยผู้อ่อนหวาน ทายาทผู้พี่ของตระกูลมาเฟียคูเปอร์สไตน์เดินทางมาเมืองไทยเพื่อดูแลญาติผู้ใหญ่ของมารดาที่ล้มป่วย หล่อนไม่รู้เลยสักนิดว่าได้เดินเข้าสู่อุ้งมืออันหยาบกร้านของ 'เสือ' หรือ 'พยัคฆ์' วีรกาญจน์ ทายาทนายเหมืองที่เพิ่งฆ่าตัวตายไปเพราะภรรยาแอบเล่นชู้กับสามีของเศรษฐีนีผู้เป็นญาติของหล่อน พยัคฆ์ฉุดกระชากลากถูพฤษภาเข้าไปในป่าลึกด้วยความแค้น เขาคิดจะใช้หล่อนเรียกร้องความยุติธรรมให้ครอบครัว
'เมษา' น้องน้อยผู้ปราดเปรียว มือแม่นปืนที่ทั้งใจร้อนและวู่วาม รีบรุดมาตามพี่สาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หล่อนจึงได้พบกับ 'ธรรศ' พ่อหม้ายเรือพ่วงสวมแว่นหนาเตอะผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นพรานนำทางให้หล่อน เมษาหัวหมุนไปหมดกับบุคลิกของเขา เปลือกนอกเขาทั้งเย็นชาและเชื่องช้า แต่ทว่าบางครั้งกลับจู่โจมฉับไวจนน่าหวาดหวั่น
หรือว่าเขาจะเป็นเสือซ่อนเล็บตัวที่สองแห่งดงสางเสือกันแน่!
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง 'พนาพร่ำรัก') และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เช่นเคยจ้า ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้หอมดึกจะพาทุกท่านไปบุกป่าล่าเสือและล่าสาวในคราวเดียวกัน! ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากมีเสือเถื่อนและเสือขรึมให้สาวๆ หวั่นไหวเล่นแล้ว พ่วงด้วยความมันแบบซื่อๆ ฮาๆ ตามประสาชาวบ้านในป่าเขาลำเนาไพร บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านหนอนนิยาย เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 448 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 3 ตอนรวด!)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 345฿ จากราคาปก 382฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 390฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 415฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
'เมษา' น้องน้อยผู้ปราดเปรียว มือแม่นปืนที่ทั้งใจร้อนและวู่วาม รีบรุดมาตามพี่สาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หล่อนจึงได้พบกับ 'ธรรศ' พ่อหม้ายเรือพ่วงสวมแว่นหนาเตอะผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นพรานนำทางให้หล่อน เมษาหัวหมุนไปหมดกับบุคลิกของเขา เปลือกนอกเขาทั้งเย็นชาและเชื่องช้า แต่ทว่าบางครั้งกลับจู่โจมฉับไวจนน่าหวาดหวั่น
หรือว่าเขาจะเป็นเสือซ่อนเล็บตัวที่สองแห่งดงสางเสือกันแน่!
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง 'พนาพร่ำรัก') และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เช่นเคยจ้า ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้หอมดึกจะพาทุกท่านไปบุกป่าล่าเสือและล่าสาวในคราวเดียวกัน! ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากมีเสือเถื่อนและเสือขรึมให้สาวๆ หวั่นไหวเล่นแล้ว พ่วงด้วยความมันแบบซื่อๆ ฮาๆ ตามประสาชาวบ้านในป่าเขาลำเนาไพร บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านหนอนนิยาย เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 448 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 3 ตอนรวด!)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 345฿ จากราคาปก 382฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 390฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 415฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: เสือ ป่า พี่น้อง เซ็กซี่ ละมุน เถื่อน เชลย คุณหนู มาเฟีย บู๊ ครอบครัว
ตอน: บทที่ 21 -100%
ย่านนั้นของตัวเมืองช่วงสี่ห้าทุ่มเงียบสงัด เพราะเป็นย่านเก่าแก่มีแต่ตึกแถวที่เสื่อมโทรม ครอบครัวคนจีนที่ทำมาค้าขายจนร่ำรวยย้ายไปอยู่ที่อื่นจนหมด เหลือไว้ก็แต่ร้านรวงเล็กๆ ที่ปิดประตูหน้าร้านตั้งแต่ห้าหกโมงเย็น มีเพียงคนไร้บ้านที่เดินผ่านไปมาหาเก็บเศษอาหารคุ้ยเขี่ยขยะไปตามประสา ข้างๆ หมาจรจัดหิวโซที่เดินตุปัดตุเป๋ไปมาไร้ทิศทาง
แต่ถึงเสื่อมโทรมขนาดนั้น ก็ยังมีรถยนต์คันยาววิ่งปราดเข้ามาจอด
ชายร่างท้วมแต่งกายมิดชิดสวมแว่นบดบังใบหน้ากว่าครึ่ง เดินลงมาจากรถคันนั้น ตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงอีกคน แล้วรถคันยาวก็วิ่งหาย ไปหน้าปากซอย
ประตูเหล็กสนิมเขรอะส่งเสียงแกรกกรากยามถูกดึงให้เปิดออกต้อนรับชายทั้งสอง
แม้ด้านนอกเป็นตึกโทรมเก่าแก่ แต่ด้านในกลับเป็นโถงทางเดินลึก กว้าง นำไปสู่ห้องหรู มีเสียงเพลงเปิดคลอแผ่วๆ ผนังตกแต่งด้วยหลอดไฟสลัวที่ให้แสงสีแดงอ่อนๆ ทั้งขวาซ้ายมีประตูหลายบาน เสียงพูดและกิจกรรมทางกายต่างๆ นานาเล็ดลอดออกมาจากแต่ละห้อง เร่งให้ร่างท้วมเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องประจำของตน
“มึงไปรอที่ทางออกด้านหลัง เผื่อไว้ก่อน”
“ครับเสี่ย”
ร่างท้วมหายเข้าไปในห้องของตนไม่นานก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาสวมใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำแสนสบาย เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นก่อนที่บริกรชายหนุ่มเคราแพะจะเปิดประตูเข้ามาอย่างนอบน้อม
เสี่ยสุชาติคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เขาวางธนบัตรใบละพันลงบนถาดสีทองหลายใบ จึงได้รับการคำนับจากอีกฝ่ายอีกหลายครั้ง
สำหรับที่นี่เงินทอนไม่ว่าจะมากหรือน้อยล้วนเป็นทิปทั้งนั้น ไม่มีใครขอคืน เพราะรู้ดีว่าถ้าทิปไม่หนัก ปากไม่มีหูรูดของคนคงปูดสารพัดเรื่องวิปริตวิตถารที่เกิดขึ้นหลังประตูแต่ละบาน ไม่มีใครอยากตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งให้เสียชื่อหรอก
“เด็กมาหรือยัง”
“น่าจะมาถึงแล้วนะครับ ผมว่าเจ๊คงกำลังขัดสีฉวีวรรณมาให้เสี่ยอยู่ รอสักครู่นะครับ ผมจะไปเร่งให้”
แขกพยักหน้าพอใจ กรีดธนบัตรสีม่วงออกมาอีกหนึ่งใบแล้วยื่นให้บริกรยื่นมือออกมารับแทบจะทันที ก่อนจะรีบรุดจนขาแทบขวิดไปห้องแต่ง ตัวด้านใน
“เจ๊ เด็กของเสี่ยสุชาติพร้อมหรือยัง เสี่ยเขาเร่งแล้ว”
“พร้อมกับผีอะไร ส่งมาได้สองคน อีคนพี่เพิ่งเสร็จ คนน้องก็เอาแต่ร้องไห้...เอ๊ะ นังนี่ เลิกร้องทีได้ไหม ถ้ามึงกลัวมึงมาขายตัวทำไม” เจ๊ตะคอกตาถลน เด็กหญิงวัยสิบสี่สิบห้าผวา เงินที่รับไปแล้วครึ่งหนึ่งจากเพื่อนที่เป็นเด็กเที่ยวด้วยกันก็ใช้จนหมดแล้ว เงินที่เหลือก็อยากได้แต่หล่อนกลัวจนแทบวิ่งหนีแล้วตอนนี้
“ส่งนังคนพี่ไปก่อนสิ”
“ไม่ได้ เสี่ยสั่งเด็กขบเผาะไป”
“นังคนนี้ก็ทั้งสาวทั้งสวย มึงดูหน้ามันสิ นางแบบชัดๆ”
ทั้งสองพูดคุยกันราวกับคนที่นั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองอยู่ในชุดรัดรูปแน่นเปรี๊ยะไม่มีตัวตน
“ลูกครึ่งหรือน้อง” บริกรชายถาม
หล่อนพยักหน้า เม้มปากบางที่ระบายสีลิปสติกแดงจัดจ้าน ใบหน้าตกแต่งหนาเตอะจนแทบจำเค้าโครงหน้าเดิมของตนเองไม่ได้
“เอ้า เสร็จแล้ว เอาผ้าคลุมหน้าแล้วพาไปได้แล้ว ไหนว่าเสี่ยรีบไง แล้วอย่าเสือกเอาหน้ารับทิปแต่คนเดียวล่ะ”
บริกรหนุ่มกัดฟันกรอด เกลียดอีเจ๊นี่นัก รู้ดีไปเสียทุกอย่าง แม้เขาเดินออกไปไกลแล้วเสียงบ่นของเจ๊ยังแว่วติดตาม
“กูก็เหนื่อยเหมือนกันนะ คนนี้จะเอาเด็กหญิง คนนั้นอยากตุ๋ยเด็กหนุ่ม ไอ้นั่นจะเอาเซ็กซ์หมู่ วันๆ กูมีเวลาทำห่าอะไรบ้างนอกจากหาเครื่อง มือสนองตัณหามาให้คนพวกนี้ เบื่อ เบื่อจริงๆ”
กริ๊ก!
เสียงวัตถุกระทบกันดังขึ้นที่ข้างขมับ ปากที่กำลังจะพ่นถ้อยคำหยาบโลนชะงักกึก ดวงตารีเบิกถลน ไม่นานมือใหญ่ก็เอื้อมมาปิดปากไว้แน่น ตามด้วยกุญแจมือพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะลากตัวเจ๊ออก ไปจากตึกอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางที่ถูกพาออกไป ก็มีชายฉกรรจ์หลายคนวิ่งสวนเข้ามา ต่อให้อีเจ๊โง่ขนาดไหนก็รู้ว่าเป็นตำรวจแน่!
ฉิบหาย อีแก่เจ้าของซ่องเบี้ยวส่งส่วยแน่ๆ มันถึงได้แห่กันมาทั้งกรม กูเลยซวยไปด้วย
ปึง!
เสียงประตูถูกถีบเปิดออกอย่างแรง ภาพเสี่ยสุชาตินั่งคร่อมตัวหญิงสาวบอบบางคนหนึ่งอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ กับเด็กหญิงที่ยืนร้องไห้ตัวสั่นอยู่ข้างเตียง ทำให้เท้าขวาของคนที่ถีบประตูเข้ามายันเข้าไปที่บั้นท้ายเสี่ยใหญ่เต็มแรงจนหน้าคว่ำตกเตียง
ทันใดนั้น ร่างบอบบางที่นอนแผ่อ่อนระทวยอยู่บนเตียง มีท่าทีกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันตา หล่อนดึงผ้าคลุมหน้าของตนออก ตามมาด้วยคว้ากล้องพกติดตัวขนาดเล็กในอกเสื้อออกมากดถ่ายภาพเสี่ยสุชาติรัวเร็ว
“อย่าถ่ายเด็ก”
คนที่ถีบประตูเข้ามาเมื่อครู่สั่งเสียงห้วนจัด ยังผลให้คนที่กำลังกดถ่ายภาพรัวๆ ชะงัก หันกลับมามองใบหน้าคมที่เห็นเพียงซีกหนึ่งในความสลัวของห้อง แต่กระนั้นหล่อนก็ยังจำได้
“คุณธรรศ!” เสียงหวานใสทำให้ดวงตาในกรอบแว่นเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นใครภายใต้เครื่องสำอางหนาเตอะ เขาก็กัดฟันกรอด
“เมษา”
“ฉิบหาย” เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเสี่ยที่ลนลานวิ่งไปกระโดดลงหน้าต่างเตี้ยๆ ที่ทำเป็นทางหนีไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
เมษาทำท่าจะตามไปแต่เสียงฝีเท้าหลายสิบคู่ที่กรูกันเข้ามาใกล้ทำให้ธรรศกระชากแขนหล่อนดึงถูลู่ถูกังหนีออกไปอีกทาง
“ดะ เดี๋ยวคุณ เด็กล่ะ”
“ให้ตำรวจเขาจัดการ”
“จะไปไหนคะ”
“เงียบ!” เขาตวาด ก่อนจะพาหล่อนวิ่งจนหอบเหนื่อยมาไกลจนพ้นแนวตึกแถว จากตรงนั้นพอมองเห็นแสงไฟที่สว่างจ้ามาจากตึกที่ตำรวจเพิ่งบุกเข้าไปเมื่อสักครู่ หากจุดที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นเป็นซอกตึกลับตาคน ทั้งมืดและรกร้างจนน่ากลัว เมษาหดคอหนีดวงตาดุ ผมเผ้าที่ดัดลอนฟูๆ เซ็กซี่รุ่ยร่าย ชุดรัดรูปร่นสั้นจู๋น่าเสียวไส้
“เข้ามายุ่งด้วยทำไม”
“ยุ่งตรงไหนคะ ฉันมาช่วยล่อเสี่ยสุชาติต่างหาก น้องคนนั้นคนเดียวรับมือไม่ไหวหรอก เด็กแท้ๆ เชียว”
“แล้วตัวเองโตนักสินะ เหอะ คิดจะล่อมัน เกือบจะถูกมันล่อเอาแล้วล่ะไม่ว่า”
“เอ๊ะ คุณธรรศ” เสียงหวานกรีดแหลม
“ถ้าเก่งจริงทำไมถึงได้ถูกมันจับขึงได้ล่ะ” ตะคอกถามไม่พอ มือยังบีบแขนหล่อนแน่น “ดูแต่งเนื้อแต่งตัวเข้า ถ้าตำรวจพวกนั้นเห็นเข้าคงงามหน้า”
เมษาหน้าแดงก่ำ มือบางพยายามดึงชุดล่อเสือล่อตะเข้ลงแต่พอหล่อนดึงขวา ซ้ายก็ร่น ดึงหน้า หลังก็รั้งอยู่อย่างนั้น ช่างน่าโมโหนัก
“ฉันไม่พลาดง่ายๆ หรอกน่า” หล่อนบ่นอุบอิบ เหนื่อยใจกับชุดที่จัดว่าเด็ดซึ่งตัวเองเลือกมากับมือ
“ปากเก่ง อวดดี”
“อย่ามาว่านะ คุณไม่ใช่คุณพ่อของฉันนะ”
“ดี คุณโชคดีแล้วที่ผมไม่ใช่ เพราะเป็นผมจะจัดให้หนัก ผมคิดว่าผมจบภารกิจอารักขาคุณไปแล้วนะ ทำไมยังเอาตัวเองมาเป็นเป้าล่ออันตรายแบบนี้อีก”
“ฉันมีปืน” หล่อนยกท่อนขาเรียวขึ้นสูง ดึงชายกระโปรงรั้งขึ้นถึงต้นขาเผยปลอกปืนพกขนาดเล็กรัดเรียวขาอวบอิ่มในถุงน่องเนื้อเนียนยวนยั่ว
“เด็กโง่” เขาเข้าประชิดตัว ตรึงหน้าผากนวลไว้ด้วยหน้าผากของตัวเอง มือหนึ่งรั้งขาเรียวยกสูงจนหล่อนร้องกรี๊ด จัดการปลดอาวุธประจำกายของหล่อนด้วยมือเปล่าอย่างเชื่องช้าและแสนทรมาน
“แบบนี้ผู้ชายเขายิ่งคลั่ง รู้ไหม” เสียงเขาแหบพร่า เขารวบขาหล่อนยกสูงจนดูน่าหวาดเสียว เมษาหน้าแดงก่ำ
“อะ...เอาปืนฉันคืนมานะ”
“ไหนทำให้ดูสิว่าถ้าโดนแบบนี้แล้วจะเอาตัวรอดยังไง หืม” เขากระซิบถามข้างใบหูเล็ก
“ก็จะ เตะ...อุ๊ย” ปลายเท้าที่ยกทำท่าจะซัดเขาถูกยกรั้งสูงขึ้นอีก สองขากวัดแกว่งกลางอากาศหล่อนทำท่าจะหงายหลัง เรียวขาสวยจึงรัดร่างแกร่งไว้แน่น หอบหายใจสั่นสะท้าน ใบหน้าแดงก่ำ
“อ้อ นี่หรือท่าไม้ตาย” เขายิ้มเยาะ ยิ่งเขาปล่อยมือจากเอวบางหล่อนยิ่งต้องรัดรึงเอวสอบให้แน่นเข้า สองมือขยุ้มอกเสื้อจนแทบขาด ใบหน้าของธรรศลอยลงมาต่ำ เมษารีบหลับตาสะบัดหน้าหนี กลั้นใจแทบเป็นลมจนเสียงทุ้มดุดังขึ้น
“ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย เก่งแต่ปาก ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
เขาถลึงตาใส่ดวงตาสีเขียวมรกต ก่อนจะจับเอวบางให้ลงยืนที่พื้นด้วยตัวเอง
“กลับบ้าน!” เขาออกคำสั่งพร้อมฉุดข้อมือบางไปยังรถที่จอดซุกพงหญ้าสูงไว้
เมษาหน้างอ บึ้งตึง นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาไม่มองหน้าเขาไปจนรถคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้านวรกาญจน์ บ้านหลังใหม่ของหล่อนกับบิดามารดานั่นเอง
เมษาลงจากรถโดยไม่รอให้เขามาเปิดประตูให้ ธรรศถอนหายใจแรง เดินตามมาทันที่บันไดพร้อมยื่นปืนกระบอกเล็กคืนให้ เมษาคว้าปืนไปถือไว้ก่อนจะโยนกล้องเล็กให้เขา
“เอาไป แล้วไม่ต้องมาขอบคุณหรอกนะที่ช่วย ฉันมันก็แค่เด็กโง่คนนึงเท่านั้น ราตรีสวัสดิ์นายแทสเมเนียนเดวิลตัวร้าย” พูดจบหล่อนก็วิ่งซอยเท้าขึ้นบ้านไปอย่างไม่เหลียวหลัง
ธรรศถอยรถออกจากคฤหาสน์หลังงามหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าบ้านหลังเล็กของตน ลูกสาวนอนอุตุอยู่บนเตียงของเขาแทนที่จะนอนกับพี่เลี้ยงในห้อง สงสัยคงงอแงตามเคย
เขาเดินไปก้มลงมองแก้มสีชมพูเป็นพวงน่าจูบ ธรรศจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากลูกสาวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
เขาใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง เสียเวลากับการเผลอคิดถึงต้นขาอวบอิ่มเรียวยาวที่มีปืนกระบอกเล็กรัดไว้ด้วยสายรัดสีดำเข้มเหนือถุงน่องสีเนื้อเนียนเป็นนาน ยิ่งความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกายยามที่หล่อนรัดเอวของเขาแน่นทำให้ธรรศต้องระบายลมหายใจแรงๆ จนเกือบหอบ การอาบน้ำเย็นจัดยามดึกแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
แต่ถึงเสื่อมโทรมขนาดนั้น ก็ยังมีรถยนต์คันยาววิ่งปราดเข้ามาจอด
ชายร่างท้วมแต่งกายมิดชิดสวมแว่นบดบังใบหน้ากว่าครึ่ง เดินลงมาจากรถคันนั้น ตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงอีกคน แล้วรถคันยาวก็วิ่งหาย ไปหน้าปากซอย
ประตูเหล็กสนิมเขรอะส่งเสียงแกรกกรากยามถูกดึงให้เปิดออกต้อนรับชายทั้งสอง
แม้ด้านนอกเป็นตึกโทรมเก่าแก่ แต่ด้านในกลับเป็นโถงทางเดินลึก กว้าง นำไปสู่ห้องหรู มีเสียงเพลงเปิดคลอแผ่วๆ ผนังตกแต่งด้วยหลอดไฟสลัวที่ให้แสงสีแดงอ่อนๆ ทั้งขวาซ้ายมีประตูหลายบาน เสียงพูดและกิจกรรมทางกายต่างๆ นานาเล็ดลอดออกมาจากแต่ละห้อง เร่งให้ร่างท้วมเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องประจำของตน
“มึงไปรอที่ทางออกด้านหลัง เผื่อไว้ก่อน”
“ครับเสี่ย”
ร่างท้วมหายเข้าไปในห้องของตนไม่นานก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาสวมใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำแสนสบาย เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นก่อนที่บริกรชายหนุ่มเคราแพะจะเปิดประตูเข้ามาอย่างนอบน้อม
เสี่ยสุชาติคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เขาวางธนบัตรใบละพันลงบนถาดสีทองหลายใบ จึงได้รับการคำนับจากอีกฝ่ายอีกหลายครั้ง
สำหรับที่นี่เงินทอนไม่ว่าจะมากหรือน้อยล้วนเป็นทิปทั้งนั้น ไม่มีใครขอคืน เพราะรู้ดีว่าถ้าทิปไม่หนัก ปากไม่มีหูรูดของคนคงปูดสารพัดเรื่องวิปริตวิตถารที่เกิดขึ้นหลังประตูแต่ละบาน ไม่มีใครอยากตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งให้เสียชื่อหรอก
“เด็กมาหรือยัง”
“น่าจะมาถึงแล้วนะครับ ผมว่าเจ๊คงกำลังขัดสีฉวีวรรณมาให้เสี่ยอยู่ รอสักครู่นะครับ ผมจะไปเร่งให้”
แขกพยักหน้าพอใจ กรีดธนบัตรสีม่วงออกมาอีกหนึ่งใบแล้วยื่นให้บริกรยื่นมือออกมารับแทบจะทันที ก่อนจะรีบรุดจนขาแทบขวิดไปห้องแต่ง ตัวด้านใน
“เจ๊ เด็กของเสี่ยสุชาติพร้อมหรือยัง เสี่ยเขาเร่งแล้ว”
“พร้อมกับผีอะไร ส่งมาได้สองคน อีคนพี่เพิ่งเสร็จ คนน้องก็เอาแต่ร้องไห้...เอ๊ะ นังนี่ เลิกร้องทีได้ไหม ถ้ามึงกลัวมึงมาขายตัวทำไม” เจ๊ตะคอกตาถลน เด็กหญิงวัยสิบสี่สิบห้าผวา เงินที่รับไปแล้วครึ่งหนึ่งจากเพื่อนที่เป็นเด็กเที่ยวด้วยกันก็ใช้จนหมดแล้ว เงินที่เหลือก็อยากได้แต่หล่อนกลัวจนแทบวิ่งหนีแล้วตอนนี้
“ส่งนังคนพี่ไปก่อนสิ”
“ไม่ได้ เสี่ยสั่งเด็กขบเผาะไป”
“นังคนนี้ก็ทั้งสาวทั้งสวย มึงดูหน้ามันสิ นางแบบชัดๆ”
ทั้งสองพูดคุยกันราวกับคนที่นั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองอยู่ในชุดรัดรูปแน่นเปรี๊ยะไม่มีตัวตน
“ลูกครึ่งหรือน้อง” บริกรชายถาม
หล่อนพยักหน้า เม้มปากบางที่ระบายสีลิปสติกแดงจัดจ้าน ใบหน้าตกแต่งหนาเตอะจนแทบจำเค้าโครงหน้าเดิมของตนเองไม่ได้
“เอ้า เสร็จแล้ว เอาผ้าคลุมหน้าแล้วพาไปได้แล้ว ไหนว่าเสี่ยรีบไง แล้วอย่าเสือกเอาหน้ารับทิปแต่คนเดียวล่ะ”
บริกรหนุ่มกัดฟันกรอด เกลียดอีเจ๊นี่นัก รู้ดีไปเสียทุกอย่าง แม้เขาเดินออกไปไกลแล้วเสียงบ่นของเจ๊ยังแว่วติดตาม
“กูก็เหนื่อยเหมือนกันนะ คนนี้จะเอาเด็กหญิง คนนั้นอยากตุ๋ยเด็กหนุ่ม ไอ้นั่นจะเอาเซ็กซ์หมู่ วันๆ กูมีเวลาทำห่าอะไรบ้างนอกจากหาเครื่อง มือสนองตัณหามาให้คนพวกนี้ เบื่อ เบื่อจริงๆ”
กริ๊ก!
เสียงวัตถุกระทบกันดังขึ้นที่ข้างขมับ ปากที่กำลังจะพ่นถ้อยคำหยาบโลนชะงักกึก ดวงตารีเบิกถลน ไม่นานมือใหญ่ก็เอื้อมมาปิดปากไว้แน่น ตามด้วยกุญแจมือพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะลากตัวเจ๊ออก ไปจากตึกอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางที่ถูกพาออกไป ก็มีชายฉกรรจ์หลายคนวิ่งสวนเข้ามา ต่อให้อีเจ๊โง่ขนาดไหนก็รู้ว่าเป็นตำรวจแน่!
ฉิบหาย อีแก่เจ้าของซ่องเบี้ยวส่งส่วยแน่ๆ มันถึงได้แห่กันมาทั้งกรม กูเลยซวยไปด้วย
ปึง!
เสียงประตูถูกถีบเปิดออกอย่างแรง ภาพเสี่ยสุชาตินั่งคร่อมตัวหญิงสาวบอบบางคนหนึ่งอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ กับเด็กหญิงที่ยืนร้องไห้ตัวสั่นอยู่ข้างเตียง ทำให้เท้าขวาของคนที่ถีบประตูเข้ามายันเข้าไปที่บั้นท้ายเสี่ยใหญ่เต็มแรงจนหน้าคว่ำตกเตียง
ทันใดนั้น ร่างบอบบางที่นอนแผ่อ่อนระทวยอยู่บนเตียง มีท่าทีกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันตา หล่อนดึงผ้าคลุมหน้าของตนออก ตามมาด้วยคว้ากล้องพกติดตัวขนาดเล็กในอกเสื้อออกมากดถ่ายภาพเสี่ยสุชาติรัวเร็ว
“อย่าถ่ายเด็ก”
คนที่ถีบประตูเข้ามาเมื่อครู่สั่งเสียงห้วนจัด ยังผลให้คนที่กำลังกดถ่ายภาพรัวๆ ชะงัก หันกลับมามองใบหน้าคมที่เห็นเพียงซีกหนึ่งในความสลัวของห้อง แต่กระนั้นหล่อนก็ยังจำได้
“คุณธรรศ!” เสียงหวานใสทำให้ดวงตาในกรอบแว่นเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นใครภายใต้เครื่องสำอางหนาเตอะ เขาก็กัดฟันกรอด
“เมษา”
“ฉิบหาย” เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเสี่ยที่ลนลานวิ่งไปกระโดดลงหน้าต่างเตี้ยๆ ที่ทำเป็นทางหนีไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
เมษาทำท่าจะตามไปแต่เสียงฝีเท้าหลายสิบคู่ที่กรูกันเข้ามาใกล้ทำให้ธรรศกระชากแขนหล่อนดึงถูลู่ถูกังหนีออกไปอีกทาง
“ดะ เดี๋ยวคุณ เด็กล่ะ”
“ให้ตำรวจเขาจัดการ”
“จะไปไหนคะ”
“เงียบ!” เขาตวาด ก่อนจะพาหล่อนวิ่งจนหอบเหนื่อยมาไกลจนพ้นแนวตึกแถว จากตรงนั้นพอมองเห็นแสงไฟที่สว่างจ้ามาจากตึกที่ตำรวจเพิ่งบุกเข้าไปเมื่อสักครู่ หากจุดที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นเป็นซอกตึกลับตาคน ทั้งมืดและรกร้างจนน่ากลัว เมษาหดคอหนีดวงตาดุ ผมเผ้าที่ดัดลอนฟูๆ เซ็กซี่รุ่ยร่าย ชุดรัดรูปร่นสั้นจู๋น่าเสียวไส้
“เข้ามายุ่งด้วยทำไม”
“ยุ่งตรงไหนคะ ฉันมาช่วยล่อเสี่ยสุชาติต่างหาก น้องคนนั้นคนเดียวรับมือไม่ไหวหรอก เด็กแท้ๆ เชียว”
“แล้วตัวเองโตนักสินะ เหอะ คิดจะล่อมัน เกือบจะถูกมันล่อเอาแล้วล่ะไม่ว่า”
“เอ๊ะ คุณธรรศ” เสียงหวานกรีดแหลม
“ถ้าเก่งจริงทำไมถึงได้ถูกมันจับขึงได้ล่ะ” ตะคอกถามไม่พอ มือยังบีบแขนหล่อนแน่น “ดูแต่งเนื้อแต่งตัวเข้า ถ้าตำรวจพวกนั้นเห็นเข้าคงงามหน้า”
เมษาหน้าแดงก่ำ มือบางพยายามดึงชุดล่อเสือล่อตะเข้ลงแต่พอหล่อนดึงขวา ซ้ายก็ร่น ดึงหน้า หลังก็รั้งอยู่อย่างนั้น ช่างน่าโมโหนัก
“ฉันไม่พลาดง่ายๆ หรอกน่า” หล่อนบ่นอุบอิบ เหนื่อยใจกับชุดที่จัดว่าเด็ดซึ่งตัวเองเลือกมากับมือ
“ปากเก่ง อวดดี”
“อย่ามาว่านะ คุณไม่ใช่คุณพ่อของฉันนะ”
“ดี คุณโชคดีแล้วที่ผมไม่ใช่ เพราะเป็นผมจะจัดให้หนัก ผมคิดว่าผมจบภารกิจอารักขาคุณไปแล้วนะ ทำไมยังเอาตัวเองมาเป็นเป้าล่ออันตรายแบบนี้อีก”
“ฉันมีปืน” หล่อนยกท่อนขาเรียวขึ้นสูง ดึงชายกระโปรงรั้งขึ้นถึงต้นขาเผยปลอกปืนพกขนาดเล็กรัดเรียวขาอวบอิ่มในถุงน่องเนื้อเนียนยวนยั่ว
“เด็กโง่” เขาเข้าประชิดตัว ตรึงหน้าผากนวลไว้ด้วยหน้าผากของตัวเอง มือหนึ่งรั้งขาเรียวยกสูงจนหล่อนร้องกรี๊ด จัดการปลดอาวุธประจำกายของหล่อนด้วยมือเปล่าอย่างเชื่องช้าและแสนทรมาน
“แบบนี้ผู้ชายเขายิ่งคลั่ง รู้ไหม” เสียงเขาแหบพร่า เขารวบขาหล่อนยกสูงจนดูน่าหวาดเสียว เมษาหน้าแดงก่ำ
“อะ...เอาปืนฉันคืนมานะ”
“ไหนทำให้ดูสิว่าถ้าโดนแบบนี้แล้วจะเอาตัวรอดยังไง หืม” เขากระซิบถามข้างใบหูเล็ก
“ก็จะ เตะ...อุ๊ย” ปลายเท้าที่ยกทำท่าจะซัดเขาถูกยกรั้งสูงขึ้นอีก สองขากวัดแกว่งกลางอากาศหล่อนทำท่าจะหงายหลัง เรียวขาสวยจึงรัดร่างแกร่งไว้แน่น หอบหายใจสั่นสะท้าน ใบหน้าแดงก่ำ
“อ้อ นี่หรือท่าไม้ตาย” เขายิ้มเยาะ ยิ่งเขาปล่อยมือจากเอวบางหล่อนยิ่งต้องรัดรึงเอวสอบให้แน่นเข้า สองมือขยุ้มอกเสื้อจนแทบขาด ใบหน้าของธรรศลอยลงมาต่ำ เมษารีบหลับตาสะบัดหน้าหนี กลั้นใจแทบเป็นลมจนเสียงทุ้มดุดังขึ้น
“ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย เก่งแต่ปาก ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
เขาถลึงตาใส่ดวงตาสีเขียวมรกต ก่อนจะจับเอวบางให้ลงยืนที่พื้นด้วยตัวเอง
“กลับบ้าน!” เขาออกคำสั่งพร้อมฉุดข้อมือบางไปยังรถที่จอดซุกพงหญ้าสูงไว้
เมษาหน้างอ บึ้งตึง นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาไม่มองหน้าเขาไปจนรถคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้านวรกาญจน์ บ้านหลังใหม่ของหล่อนกับบิดามารดานั่นเอง
เมษาลงจากรถโดยไม่รอให้เขามาเปิดประตูให้ ธรรศถอนหายใจแรง เดินตามมาทันที่บันไดพร้อมยื่นปืนกระบอกเล็กคืนให้ เมษาคว้าปืนไปถือไว้ก่อนจะโยนกล้องเล็กให้เขา
“เอาไป แล้วไม่ต้องมาขอบคุณหรอกนะที่ช่วย ฉันมันก็แค่เด็กโง่คนนึงเท่านั้น ราตรีสวัสดิ์นายแทสเมเนียนเดวิลตัวร้าย” พูดจบหล่อนก็วิ่งซอยเท้าขึ้นบ้านไปอย่างไม่เหลียวหลัง
ธรรศถอยรถออกจากคฤหาสน์หลังงามหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าบ้านหลังเล็กของตน ลูกสาวนอนอุตุอยู่บนเตียงของเขาแทนที่จะนอนกับพี่เลี้ยงในห้อง สงสัยคงงอแงตามเคย
เขาเดินไปก้มลงมองแก้มสีชมพูเป็นพวงน่าจูบ ธรรศจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากลูกสาวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
เขาใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง เสียเวลากับการเผลอคิดถึงต้นขาอวบอิ่มเรียวยาวที่มีปืนกระบอกเล็กรัดไว้ด้วยสายรัดสีดำเข้มเหนือถุงน่องสีเนื้อเนียนเป็นนาน ยิ่งความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกายยามที่หล่อนรัดเอวของเขาแน่นทำให้ธรรศต้องระบายลมหายใจแรงๆ จนเกือบหอบ การอาบน้ำเย็นจัดยามดึกแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ส.ค. 2562, 23:18:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ส.ค. 2562, 23:18:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 565
<< บทที่ 21 -40% | บทที่ 22 -30% >> |