กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง

Love go on, until the end of the world…

เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง


***************************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***

Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์

ตอน: บทที่ 5 -50%

เพราะไม่ฟังวินซ์ให้จบนี่เอง ความซวยเลยมาเยือนเอริน

หญิงสาวอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องมานั่งหน้างอง้ำอยู่ตรงหน้าชานนท์ที่กำลังนั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองหล่อนไม่วางตา สายตาของซีอีโอหนุ่มใหญ่นั้นยากเกินที่จะเข้าใจ

หล่อนกำลังอยู่ช่วงแพ้แววตาของเขาอยู่ด้วย บางคราก็คล้ายจะเย็นชาแต่บางคราคล้ายอบอุ่น จนหล่อนออกอาการประหม่ายามอยู่ต่อหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัด

“คุณยังไม่ไปอีกหรือคะ” เป็นเอรินที่ทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นก่อน

ตอนนี้ภายในห้องรับรองวีไอพี เพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวคนอื่นๆ ให้ช่างแต่งหน้าทำผมกันเสร็จแล้ว และออกไปจากห้องกันหมดแล้วด้วย เลยเหลือแค่เอรินกับชานนท์ที่ยังนั่งอยู่ในห้อง ทั้งที่ก็ให้ช่างแต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน 

“คุณจะให้ผมไปไหน” เขาถามกลับด้วยท่าทีสบายๆ ยังคงไม่มีแววว่าจะลุกออกจากห้องไปไหน คนถามเองอย่างเอรินเลยอึกอัก 

“ก็ เอ่อ แบบว่า ออกไปทำงาน อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ฉันเห็นคุณนั่งคุมเชิงอยู่นานแล้ว”

“วินซ์ไม่ได้บอกคุณเหรอว่า ผมรับปากกับวิลเลียมไว้ว่าจะเป็นพิธีกรให้ แล้วก็คอยดูแลการจัดงานวันนี้ด้วย”

“อ๋อ...นอกจากจะเป็นซีอีโอแล้ว ยังรับจ็อบเป็นพิธีกรงานแต่งด้วยคุณนี่สุดยอดไปเลย เอาเงินไปไว้ไหนหมดคะเนี่ย ไม่แบ่งให้คนอื่นใช้มั่งเลย”

“ผมจะถือว่านี่เป็นคำชม” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากพลางสำรวจร่างสูงเพรียวของหล่อน “ว่าแต่แน่ใจนะว่าจะใส่ชุดเว้าหลังเปิดไหล่แทนที่จะใส่ชุดที่ผมเลือกให้เมื่อวาน”

“แน่ใจสิคะ ฉันไม่ควรขัดใจเจ้าสาว”

หล่อนตอบแต่ต้องขมวดคิ้วเพราะสายตาตำหนินั่น

“รู้สึกคุณจะมีปัญหากับฉันได้ทุกเรื่องเลยสินะ มองข้ามๆ ไปบ้างก็ได้”

ชานนท์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลุกขึ้นเดินมาหาจนเอรินถึงกับผงะลุกหนี กลัวเขาทำรุ่มร่ามเหมือนตอนอยู่ด้วยกันที่สะพานคืนนั้นอีก แม้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้เมาเหมือนคืนนั้นก็เถอะ!

“ฉะ...ฉันกลับห้องก่อนนะคะ” เอรินเอ่ยพลางเบี่ยงตัวออกห่าง แต่กลับโดนเขาคว้าแขนไว้

“โอ๊ย! คุณจะหาเรื่องฉันอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“เปล่า ผมแค่อยากเข้ามาดูชุดคุณชัดๆ คุณน่าจะใส่ชุดนั้นจริงๆ นะ มันน่ารักเหมาะกับคุณดี”

“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้” หล่อนชักสีหน้าและตอบอย่างเสียมิได้

“ฉันไม่อยากมีปัญหาในวันสำคัญของเพื่อน คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันมาลอนดอนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ”

“โอเคๆ คุณก็เลยไม่ใส่ชุดที่ผมซื้อให้ ผิดหวังเลยนะเนี่ย”

ชานนท์พูดหน้านิ่ง แล้วเหลือบมองไปทางประตูห้องเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะจากด้านนอก

เอรินนั้นไม่ได้ยินกับเขาด้วยหรอก หล่อนกำลังพยายามอ่านสีหน้านิ่งๆ นั้นของชายหนุ่ม กระทั่งคนด้านนอกผลักประตูห้องเข้ามา เรียกความสนใจจากหญิงสาวพลัน

“คุณอธิปก!”

เอรินร้องทักด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในชุดทักซิโด้สีครีม เปิดประตูเข้ามาในห้องรับรองวีไอพีสีหน้างุนงง

เอรินตื่นเต้นจะเข้าไปหาเขา แต่ไม่ไวเท่าชานนท์ที่ก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวก็ผ่านหน้าหล่อนไปถึงตัวคนมาใหม่ได้ก่อนเฉย เอรินเลยได้แต่มองสองหนุ่มเอ่ยทักทายกันอย่างสนิทสนม และเป็นชานนท์อีกเช่นกันที่นึกขึ้นได้ว่ายังมีหญิงสาวอีกคนอยู่ในห้องด้วย ตอนนั้นเองทั้งเขาและอธิปกถึงค่อยหันมาหาหล่อน

“เธอชื่อเอรินเป็นเพื่อนเจ้าสาวของวินซ์ ส่วนนี่โอม อดีตน้องเขยผมเอง เขาจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยคืนนี้”

“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะคะคุณอธิ เอ๊ย คุณโอม ที่แท้คุณก็มางานเดียวกับฉันนี่เอง”

“ถึงว่าสิ ตาขวาผมกระตุกยังไงพิกล ที่แท้เพราะต้องมาเจอคุณอีกครั้งนี่เอง” อธิปกเย้าอารมณ์ดี

“คุณน่ะ ฉันอุตส่าห์ดีใจนะคะเนี่ย” หล่อนได้แต่หัวเราะแก้เก้อ ยืนบิดตัวขวยเขิน

ท่าทางสนิทสนมกันเร็วเกินเหตุของเอรินกับอธิปก ซีอีโอหนุ่มใหญ่ยังยืนร่วมวงสนทนาอยู่ด้วยเลยกระแอมเบาๆ ขัดจังหวะ “ตกลงเป็นนายเองสินะที่พาเด็กหลงติดรถมาด้วย โลกช่างกลมจนน่าขนลุกจริงๆ”

ชานนท์ปรายตามามองเอรินด้วยแววตาเอ็นดูแกมขบขัน หญิงสาวหนึ่งเดียวในวงสนทนาถึงกับหน้าง้ำ ในตอนนั้นทั้งสองเลยไม่ได้สังเกตอธิปกที่กำลังลอบมองมากึ่งพินิจพิเคราะห์อยู่ในที เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่เพื่อนรุ่นพี่ดูจะผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่เจอกัน

แต่ท่าทีที่แปลกไปของชานนท์นั้น ยังไม่ติดใจอธิปกเท่าเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งของชานนท์ เพราะคืนก่อนที่ออกไปดื่มด้วยกัน เพื่อนรุ่นพี่ดูมีเรื่องทุกข์ใจไม่น้อยไปกว่าเขา และถ้าให้เดาน่าจะเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเขายังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ สักที ที่ผ่านมาชานนท์ก็ได้แต่เล่าให้ฟังแค่ผิวเผิน

คิดแล้วอธิปกก็ไม่รีรอถามถึงหญิงสาวผู้กำหัวใจพี่ชายคนเก่งทันที

“นี่พี่อยู่กับคุณเอรินแค่สองคนเหรอครับ แล้วคุณมินนี่คนสวยของพี่ไปไหนเสียละ ผมชักอยากเห็นเสียแล้วสิ”

“เธอยุ่งๆ น่ะ เป็นทั้งเลขาและเป็นแม่งานจัดเวดดิ้ง รายนั้นเขาเก่งชนิดหาตัวจับยากเชียวล่ะ” ชานนท์พูดถึงหญิงสาวอีกคนอย่างชื่นชม “ต้องยอมรับเลยว่าที่โรงแรมเราขึ้นชื่อด้านจัดงานแต่งมากขนาดนี้ เพราะเธอเลย”

“อื้อฮือ ผมจะมีบุญได้เห็นสาวสวยคนเก่งของพี่ไหมเนี่ย”

“มีสิ นายต้องได้เจอเธออยู่แล้ว”

สองหนุ่มคุยกันอย่างออกรส ขณะที่เอรินนั้นเป็นฝ่ายยืนฟังเสียมากกว่า นิ่งอึ้งไปตั้งแต่ได้ยินอธิปกถามถึง ‘คุณมินนี่’ แล้ว!

จะไม่ให้หล่อนอึ้งได้ไง ในเมื่อเพิ่งรู้จากชานนท์เมื่อคืนสดๆ ร้อนๆ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสิมิลัน...และชายหนุ่มอีกคน ที่มาถึงตอนนี้หล่อนพอจะเดาได้ไม่ยากแล้วว่าคืออธิปกนั่นเอง! ชานนท์เล่นแนะนำอีกฝ่ายว่าเป็นอดีตน้องเขยเสียขนาดนั้น และที่ทำให้เอรินอึ้งยิ่งกว่าคืออธิปกยังไม่เคยเจอคุณมินนี่ของชานนท์ และชานนท์ยังคงพูดคุยกับเพื่อนรุ่นน้องของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเป็นเรื่องปกติทั่วไป ทั้งที่รู้ความจริงอยู่เต็มอก!

เอรินรู้ตัวว่าถ้าขืนอยู่ต่อ หล่อนต้องหลุดสีหน้ากระอักกระอ่วนหรือมีอาการพิรุธให้อธิปกเห็นแน่ เลยตัดสินใจขอตัวกลับห้อง

ชานนท์ไม่รั้งหล่อนไว้อยู่แล้วเพราะเขาเองก็คงไม่อยากให้เด็กอย่างหล่อนทำเสียเรื่อง

แต่แค่คล้อยหลังเอรินออกจากห้องไปเท่านั้น อธิปกก็ร้องเสียงหลงออกมา

“อะไรนะ! พี่จะให้ผมเล่นเปียโนเซอร์ไพรส์วิลเลียม?”

“ใช่” ชานนท์พยักหน้ารับ

“งานเลี้ยงมีตอนค่ำๆ นายยังพอมีเวลาซ้อม เป็นตัวแทนให้พวกเราหน่อยนะ ฉันรู้ว่านายมีฝีมือพอตัวอยู่”

“แต่ผมทิ้งไปนานเลยตั้งแต่...” 

“ไม่เป็นไรน่า เล่นเพลงอะไรก็ได้ที่นายถนัด แค่นี้วิลเลียมก็ดีใจมากแล้ว นายก็รู้ว่าหมอนั่นชอบโรแมนติกขนาดไหน คิสส์อินเดอะเรนดีไหม ฉันเห็นนายชอบฟังแล้วก็เล่นบ่อยด้วย”

“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ”

“คือ ผม...” อธิปกอ้ำอึ้ง เขาไม่อยากบอกว่าเพลงที่เพื่อนรุ่นพี่เสนอมานั้น เป็นเพลงที่เขามีความหลังฝังใจกับหญิงสาวอดีตคนรัก เลยอ้อมแอ้มให้เหตุผลไปว่า

“ผมทิ้งไปนานแล้วน่ะพี่ แต่ถ้า เอ่อ พี่อยากให้ผมเล่นจริงๆ” อธิปกมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนพยักหน้ารับข้อเสนอ “งั้นผมเล่นโอเวอร์เดอะเรนโบว์ก็แล้วกันครับ ดูจะเข้ามือผมที่สุด”

“เยี่ยมเลย เพลงนี้ความหมายดี” ชานนท์ยิ้มออก

แวบหนึ่งที่ได้ยินชื่อเพลงนั้นจากอธิปก ทำให้ซีอีโอหนุ่มใหญ่นึกถึงสิมิลัน รอยยิ้มที่มีให้เพื่อนรุ่นน้องเลยฝาดเฝื่อนอดไม่ได้เอ่ยออกมาว่า “มินนี่ก็ชอบเพลงนี้มาก ฉันอยากให้เธอได้ฟังนายเล่นเหมือนกัน”

“งั้นก็ได้ครับ” อธิปกตอบแบ่งรับแบ่งสู้



**************



แต่แล้วในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสค่ำคืนนั้น ระหว่างเจ้าบ่าวซึ่งก็คือวิลเลียม โอ ไบรอัน เศรษฐีหนุ่มเจ้าของกิจการบ่อน้ำมัน และวินซ์ เจย์ เจ้าสาวลูกครึ่งส้มหล่นจากเมืองไทย มีอันต้องเกือบหยุดชะงัก เพราะเซอร์ไพรส์จากชานนท์เป็นเหตุ!  

ก่อนเกิดเรื่อง...

อธิปกที่ตกกระไดพลอยโจนเป็นนักเปียโนจำเป็น กำลังบรรเลงบทเพลงรักหวานซึ้งอวยพรคู่บ่าวสาวอยู่บนเวทีตามที่รับปากกับชานนท์เอาไว้ ลีลาของชายหนุ่มนั้นพลิ้วไหวสะกดสายตาผู้คนในงานที่อยู่ด้านล่าง เช่น เดียวกับบ่าวสาวที่ควงคู่เต้นรำซบไหล่กันอยู่หน้าเวที ตามท่วงทำนองเพลงโอเวอร์เดอะเรนโบว์ที่ยังคงบรรเลงด้วยความไพเราะอย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงช่างหวานละมุนราวตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน สาวช่างมโนอย่างเอรินเองก็พลอยเคลิ้มไปด้วย เผลอโยกตัวเบาๆ ตามท่วงทำนองเพลงที่อธิปกบรรเลง ทั้งที่ยืนอยู่ข้างชานนท์ห่างจากเวทีไปไม่มากนัก

“คุณดูมีความสุขนะ” ชานนท์โน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูสาวน้อย

“คะ?” เอรินกำลังมโนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงกำลังเต้นรำกับเจ้าชายสะดุดกึก

หล่อนลืมไปเสียสนิทว่ามีชานนท์อยู่ข้างๆ เลยยิ้มเหยเกให้เขา

“นานทีฉันจะได้เจออะไรแบบนี้น่ะค่ะ เห็นเพื่อนมีความสุข ฉันก็มีความสุขด้วย”

“นั่นสิ ยิ่งคุณใส่ชุดนี้ มันเหมาะกับคุณมากนะ” ซีอีโอหนุ่มผู้รวบหน้าที่พิธีกรประจำงานอีกหนึ่งตำแหน่งเอ่ยชมแกมเย้าสาวน้อย แววตาล้ำลึกคู่นั้นจับจ้องหล่อนไม่วางตา

เอรินเปลี่ยนมาใส่ชุดราตรีที่เขาซื้อให้แล้ว ซึ่งเป็นสีครีมอ่อนสไตล์โบฮีเมียน แต่ที่หล่อนเปลี่ยนใจเอาในวินาทีสุดท้ายหยิบชุดนี้มาใส่ ก็เพราะชายหนุ่มข้างกายเองนั่นละที่ถามย้ำอยู่ได้ จนหล่อนหมดความมั่นใจที่จะใส่ชุดที่วินซ์เลือกให้ไปในบัดดล

ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่า พอได้ใส่ชุดราตรีในแบบที่ชานนท์เลือกให้แล้ว มันเข้ากับหล่อนมากกว่าจริงๆ รอยยิ้มเหยเกที่มีให้เขาก่อนหน้านี้เลยเปลี่ยนเป็นเอียงอาย แต่ดวงตาซุกซนเป็นประกายสดใสอย่างเด็กๆ

“ฉันโดนยายวีบ่นแทบแย่ค่ะตอนที่เห็นฉันเปลี่ยนมาใส่ชุดนี้ แต่ฉันชอบนะ ชุดนี้ทำให้ฉันดูเด็กแล้วก็เหมาะกับฉันมากกว่าชุดนั้นจริงๆ ขอบคุณคุณมากนะคะ”

“ไม่เป็นไร ดีใจที่คุณชอบ”

ชานนท์พอใจกับคำตอบนั้น แต่ความพอใจของเขาที่เห็นหญิงสาวใส่ชุดที่เขาเลือกให้ เป็นอันต้องสลายไปเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของหล่อน

“คุณโอมเล่นเปียโนเพราะจังค่ะ” เอรินหันกลับไปสนใจชายหนุ่มบนเวทีแล้ว

“เมื่อกี้ตอนถ่ายรูปรวมกับบ่าวสาว ฉันแอบได้ยินแขกชมฉันกับคุณโอมด้วยว่าหนุ่มสาวไทยสวยหล่อสมกันยังกับกิ่งทองใบหยก ยายวีนี่ร้ายจริงไม่ยอมบอกกันก่อนว่าเป็นคุณโอม ฉันจะได้เตรียมใจก่อน คนอะไรหล๊อหล่อ แถมยังโรแมนติกอีก”

หล่อนชมชายหนุ่มอีกคนเจื้อยแจ้วอารมณ์ดี ชานนท์ยังยืนอยู่ข้างๆได้ยินก็หมั่นไส้ เปรยออกมาลอยๆ แต่คำพูดบาดจิตสมกับเป็นเขา “แบบนี้เองคุณถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูมีความสุขกว่าเจ้าสาวเสียอีก...ท่าทางคุณจะชอบผู้ชายหล่อๆ สินะ”

“ใครไม่ชอบคนหล่อบ้างล่ะคะ คุณนี่ก็พูดจาพิลึกคน ว่าแต่ฉันยังไม่เจอคุณมินนี่เลยค่ะ อยากรู้จังว่าเธอใส่ชุดที่คุณซื้อให้แล้วจะสวยขนาดไหน”

“อืม...นั่นสิ หายไปไหนของเขา”

ชานนท์เพิ่งฉุกใจคิดได้ก็ตอนที่เอรินถามเดี๋ยวนี้เองเลยกวาดตามองหา ตั้งแต่เริ่มงานช่วงเย็น เขาเองก็ยังไม่เจอสิมิลันเลย

“เดี๋ยวผมโทร.ตามดีกว่า งานใกล้จบแล้วด้วย”

ชายหนุ่มก้มดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที หยิบโทรศัพท์มือถือจะกดโทร.หาสิมิลัน

แต่จู่ๆ เสียงเปียโนก็หยุดลงกะทันหัน นำพาความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ บ่าวสาวและแขกเหรื่อในงานก็พลอยชะงักไปด้วย หันมองไปบนเวทีเป็นตาเดียวกันเพราะคิดว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรอีก

หากทว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นคือ นักเปียโนจำเป็นอย่างอธิปก ลุกพรวดจากที่นั่งและเดินกึ่งวิ่งลงเวทีไปดื้อๆ!

เอรินกับชานนท์เหลียวมองตามอย่างงงๆ เพราะเป็นเรื่องที่ทั้งสองไม่คาดคิดมาก่อน แขกในงานก็ด้วย ร้อนถึงพิธีกรประจำงานอย่างชานนท์ต้องรีบขึ้นเวทีไปกอบกู้สถานการณ์



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2562, 10:39:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2562, 10:39:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 731





<< บทที่ 4 -100%   บทที่ 5 -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account