กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง

Love go on, until the end of the world…

เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง


***************************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***

Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์

ตอน: บทที่ 8 -60%

เอรินกลับมายังห้องพักของตัวเอง แววตาเลื่อนลอย...

ภาพสุดท้ายก่อนที่หญิงสาวจะออกมาจากห้องทำงานของชานนท์คือ ราเชลทรุดลงไปนั่งสะอื้นไห้ต่อหน้า เอรินทนไม่ได้เลยเป็นฝ่ายออกมาจากห้องก่อนทั้งที่ยังรู้สึกชาไปทั้งตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพาตัวเองเดินกลับมาถึงห้องพักเมื่อไหร่ สิ่งที่ชานนท์บอกกับราเชลยังวนเวียนในสมอง

‘ผมกำลังจะขอมินแต่งงาน...!’

‘ผมตัดสินใจแล้ว...ไม่ว่ามินจะเลือกใคร ผมพร้อมยอมรับ...’

หล่อนไม่ได้หูฝาดไปเอง ชานนท์ตั้งใจจะขอสิมิลันแต่งงานจริงๆ ในวันเกิดของเขา!

คืนนั้น เอรินเข้านอนเร็วกว่าทุกวันก็จริง แต่ทว่าเรื่องของชานนท์รบกวนจิตใจจนหล่อนไม่อาจข่มตาให้หลับได้ หล่อนคาดเดาไปไกลต่างๆ นานาแล้วว่าหลังจากที่ชานนท์เคลียร์กับราเชลเรียบร้อย ก็คงกลับไปที่ห้องสูทเพื่อขอสิมิลันแต่งงานตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก และถ้าสิมิลันตอบตกลงแต่งงานกับเขาขึ้นมาจริงๆ หล่อนในฐานะ ‘แขกของโรงแรม’ ก็ควรยินดีกับเขาด้วย...

ไม่ใช่เหรอ

เมื่อเอรินนึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาเจ้ากรรมก็เอ่อคลอหน่วยและหยดลงหมอนที่หล่อนกำลังหนุนนอน โดยที่หล่อนเองก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นกัน

หรือเป็นเพราะสองสามวันมานี้หล่อนได้ใกล้ชิดกับเขาเสียจนห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

หล่อนคงชอบชานนท์เข้าให้แล้วจริงๆ!

ตอนที่อยู่ร่วมงานวันเกิดของเขา เอรินไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ารู้สึกน้อยใจและโกรธชานนท์มาก เมื่อรู้ว่าเขาจงใจหลอกให้หล่อนไปร่วมงานด้วยเพื่อกันอธิปกออกจากสิมิลัน อีกใจหนึ่งนั้นเอรินก็เข้าใจว่าที่เขาทำไปคงยังเคืองอธิปกไม่น้อย ทั้งเรื่องที่จู่ๆ อธิปกก็พาสิมิลันหายไปด้วยกัน และยังย้ายมาพักที่โรงแรมของชานนท์เหมือนหยามกันอีก สีหน้า แววตา และคำพูดของเขากับอธิปกตอนอยู่ด้วยกันในงานชัดเจนเสียขนาดนั้น และการที่เขาชวนอธิปกมาร่วมเป็นสักขีพยานการขอแต่งงานของเขากับสิมิลันด้วย ก็คงเพราะต้องการเอาคืนอธิปกนั่นเอง

แต่ยังไงเอรินก็ยังเคืองชานนท์อยู่ดี หนำซ้ำตอนที่เห็นราเชลบุกเข้ามา ท่าทีของหญิงสาวที่ดูสนิทสนมกับชานนท์จนออกนอกหน้า ก็ยิ่งทำให้เอรินนึกฉุนพานโกรธเขาแทนสิมิลันขึ้นมา เหตุนี้พอเขาลากราเชลออกไปจากห้องสูท เอรินเลยแอบตามไปด้วยอีกคนเพราะสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง และอยากรู้ต้นสายปลายเหตุที่หญิงสาวคนนั้นเหมือนจะไม่ถูกกับอธิปกและสิมิลันด้วย...



***************



หลังจากวันนั้น เอรินก็ไม่ได้เจอชานนท์อีกเลย อันที่จริงต้องบอกว่าเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายหายหน้าไปเฉย สิมิลันและอธิปกก็ด้วย และเอรินไม่คิดจะตามหาหรือถามถึงพวกเขากับใครอยู่แล้ว เพราะยังเสียความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น

บางทีชานนท์อาจจะงานยุ่งหรือมัวแต่สวีตหวานกับสิมิลันจนลืมแขกอย่างหล่อนไปแล้วก็ได้ ส่วนอธิปกก็คงยอมแพ้กลับไปพักโรงแรมเดิมหรือไม่ก็กลับเมืองไทยไปแล้ว เอรินไม่อยากคิดมากเรื่องพวกเขาอีก เลยเอาเวลาที่เหลือที่ยังต้องอยู่ลอนดอนออกเที่ยวเก็บข้อมูลต่อไปเรื่อยตามประสา จนกระทั่งถึงวันที่หล่อนต้องกลับเมืองไทยในที่สุด...

“คนอะไร ใจร้ายใจดำที่สุด รู้อยู่ว่าฉันจะกลับวันนี้แล้ว โผล่มาหากันสักนิดก็ไม่มี” เอรินบ่นพึมพำสีหน้าบูดบึ้งอยู่คนเดียวในห้องพัก ขณะเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางอย่างอ้อยอิ่ง หล่อนอยู่ในชุดทะมัดทะแมงพร้อมออกเดินทางแล้ว แต่พอต้องจากลอนดอนไปจริงๆ กลับรู้สึกใจหายยังไงไม่รู้

สองวันเต็มๆ นับตั้งแต่งานวันเกิดที่เอรินไม่พบชานนท์อีกเลย และถ้ารวมวันนี้ด้วยก็สามวันเข้าไปแล้ว ใจคอเขาจะปล่อยให้หล่อนต้องกลับไทยไปทั้งที่ยังไม่ได้เจอหน้าเขา หรือไม่มีแม้แต่คำล่ำลาจากเขาเลยอย่างนั้นเหรอ...หรือหล่อนกับเขาจะต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปตลอดกาลเสียแล้ว

คิดแค่นั้นสาวน้อยก็นั่งน้ำตาซึม หมดแรงที่จะเก็บข้าวของดื้อๆ เสียอย่างนั้น หล่อนบังคับหัวใจตัวเองที่จะไม่ให้คิดถึงเขาไม่ได้เลยจริงๆ...

รู้ตัวอีกที เอรินก็พาตัวเองลงลิฟต์มาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับในบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมแล้ว แววตาละห้อยคู่นั้นกวาดมองไปรอบๆ มองหาซีอีโอหนุ่มอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อไม่เห็นเขาอีกตามเคยจึงตัดสินใจเข้าไปคุยกับพนักงานผมบลอนด์ตรงหน้า

“ขอโทษนะคะ ฉัน เอ่อ...” เอรินหยุดคิดหาเหตุผลที่เหมาะสมแล้วจึงเอ่ยต่อเป็นภาษาอังกฤษว่า

“พอดีฉันต้องกลับไทยวันนี้แล้วน่ะค่ะ แต่คุณอเล็กซ์บอกไว้ว่าจะช่วยจัดการเรื่องค่าที่พักให้ ไม่ทราบว่าเขาอยู่หรือเปล่าคะ”

“อ๋อ มิสเอรินใช่ไหมคะ” พนักงานต้อนรับสาวคนนั้นเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษสีหน้ายิ้มแย้มกลับมา “ดิฉันได้รับแจ้งแล้วค่ะ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็สามารถออกได้เลย ทางเราจะไปส่งคุณที่สนามบินให้ค่ะ”

“คะ?” เอรินแปลกใจไม่น้อยกับคำตอบนั้น พนักงานสาวเองก็พออ่านสีหน้าสาวน้อยออกเลยมีรอยยิ้มขันแกมเอ็นดูเล็กน้อย บอกต่อว่า

“ไม่ต้องห่วงนะคะ บิ๊กบอสจัดการให้หมดแล้วค่ะ”

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนเหรอคะ ฉันอยากเจอเขาน่ะค่ะ”

“เขาไปสนามบินแล้ว”

คำตอบนั้นไม่ได้มาจากพนักงานสาวคนเดิม แต่กลับเป็นใครอีกคนที่เพิ่งเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังเอรินเยื้องไปหน่อย เอรินได้ยินก็ถึงกับสะดุ้งหันมอง

เจ้าของเสียงนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างสูงโปร่งระหงราวนางแบบอยู่ในชุดเดรสยาวสีดำเรียบหรูและสวมแว่นตากันแดดสีดำ พยักหน้าน้อยๆ ให้พนักงานผมบลอนด์ในเชิงว่าจะเป็นคนจัดการต่อเอง รายนั้นเลยผละไปดูแลแขกคนอื่นต่อ ขณะที่เอรินยังคงมองหญิงสาวมาใหม่อย่างงงๆ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

“เธอคงเป็นเอริน แขกที่พี่อเล็กซ์ดูแลอยู่สินะ”

“ค่ะ” เอรินตอบรับสีหน้างุนงง “คุณคือ...”

“ฉัน สริน หรือเธอจะเรียกแซนดี้ก็ได้ ฉันเป็นน้องสาวของเขา”

“คุณสรินหรือคะ” เอรินตาโตขึ้นมาทันที เพราะจำได้ว่าชานนท์เคยพูดถึงอยู่บ่อยๆ

“เธอพอจะมีเวลาไหม ฉันมาดูแลโรงแรมแทนพี่อเล็กซ์ชั่วคราวน่ะเลยมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอนิดหน่อย นั่งก่อนสิ” ไม่รอคำตอบสรินก็เดินนำไปยังโซฟามุมหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวหน่อยในล็อบบี้ แม้เอรินจะงุนงงเล็กน้อย แต่เมื่อเหลือบมองเวลาในโทรศัพท์มือถือแล้วเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ทันถมเทที่จะไปขึ้นเครื่องเลยยอมตามอีกฝ่ายไป

จังหวะนั้นเองที่เอรินทรุดตัวลงนั่งที่โซฟายาวตัวเดียวกัน หล่อนไม่ทันสังเกตว่า สาวสวยหน้าไทยแท้แต่ร่างสูงเพรียวกว่า และมีดวงตาเรียวเฉี่ยว กำลังพินิจมองหล่อนอย่างสนใจ

“โทษที ทีแรกฉันว่าจะเชิญเธอไปคุยที่ห้องทำงานอยู่เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้มัวแต่วุ่นๆ เรื่องงานศพคุณแม่ ดีเหมือนกันที่เจอเธอพอดี”

“งานศพคุณแม่คุณเหรอคะ...ฉันเสียใจด้วยนะคะ” เอรินเอ่ยอย่างจริงใจ

สรินพยักหน้า ดวงตายังฉายแววเศร้า

“แล้วเธอล่ะโอเคไหม ฉันขอโทษแทนพี่อเล็กซ์ด้วยนะ เขาหายไปช่วยงานศพแม่ฉันที่โบสถ์นั่นแหละ มินกับโอมก็ด้วยเลยไม่มีใครดูแลเธอเลย พี่อเล็กซ์เขาก็ห่วงๆ เธออยู่เหมือนกัน ฉันเองก็พอรู้เรื่องเธอบ้างจากเขา”

“อ๋อ ค่ะ” เอรินยิ้มแห้งๆ “ฉันกลับไทยวันนี้แล้วค่ะ แล้วที่เคาน์เตอร์เมื่อกี้คุณบอกว่าเขาไปสนามบิน...”

“พี่อเล็กซ์มีบินไปฟลอเรนซ์ ฉันเลยอาสามาอยู่บริหารที่นี่แทน เธอ เอ่อ รู้ใช่ไหมเรื่องที่เขาขอมินแต่งงาน”

“ค่ะ เขาเชิญฉันไปเป็นพยานวันนั้นด้วย”

เอรินบอกสั้นๆ แค่นั้น หากทำให้สรินแปลกใจไม่น้อย

“เหรอ ท่าทางเธอจะสนิทกับพี่ชายฉันมากกว่าที่ฉันคิด...จริงสิ เธอคงรู้เรื่องที่มินกับโอมหายไปด้วยกันในคืนวันแต่งงานของเพื่อนเธอด้วยสินะ” เมื่อพูดถึงชายหนุ่มอีกคนสรินก็เสียงแผ่วลง หากเป็นความรู้สึกผิดเจืออยู่ในน้ำเสียงนั้นมากกว่าที่จะเป็นความอิจฉาริษยา

“งั้นพี่ชายฉันก็คงจะบอกเธอแล้วว่า มินกับโอมหายไปพักที่โรงแรมรอยัลเฮาส์การ์ดด้วยกัน บังเอิญเขาได้ยินจากคนขับรถของโรงแรมน่ะ แต่สองคนนั้นยังไม่รู้ตัวหรอก พวกเขาไม่ยอมบอก”

“เหรอคะ แบบนี้เอง...”

“เธอคิดยังไงกับพี่ชายฉัน”

“คะ?” จู่ๆ สรินก็โพล่งถามขึ้นมาตรงๆ เล่นเอาคนถูกถามอย่างเอรินถึงกับนิ่งอึ้งไป คนถามเลยกระตุกยิ้มที่มุมปาก หัวเราะเล็กน้อย

“ตกใจเหรอ ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“คือฉัน ไม่...”

“เชื่อไหมว่าฉันแอบได้ยินพนักงานซุบซิบกันเรื่องที่เธอสนิทสนมกับพี่อเล็กซ์ตั้งแต่วันแรกที่ฉันมาถึงที่นี่เลย ทีแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่จากที่ฉันเห็นเธอถามถึงพี่ชายฉันที่เคาน์เตอร์เมื่อกี้ แล้วยังจะที่เธอบอกฉันอีก ฉันเริ่มคิดแล้วล่ะ”

“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณสริน” เอรินรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธพัลวัน หน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงหล่อนจะสนิทสนมกับชานนท์มากแค่ไหน แต่สำหรับเขาแล้วหล่อนก็ยังเป็นได้แค่เด็กกะโปโลที่ทำตัววุ่น วายให้เขาปวดหัวไปวันๆ

“เอาเถอะ เธอไม่ต้องบอกฉันก็ได้” สรินพอจะดูอาการนั้นออกเลยเอ่ยต่อ ไม่อยากทำให้สาวน้อยข้างกายรู้สึกอึดอัด

“ที่ฉันต้องถามเธอตรงๆ เพราะมันสำคัญกับพี่ชายฉันน่ะ ฉันอยากช่วยเขา”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“เธอเป็นผู้หญิงด้วยกันก็น่าจะดูออกว่ามิน...ยังมีใจให้นายโอมอยู่” สรินบอกแล้วเงียบไปครู่หนึ่งคล้ายชั่งใจ ก่อนจะเล่าต่อหน้าเศร้า “ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้อะไรมามากน้อยแค่ไหน แต่ฉันไม่ใช่พี่ที่ดีของมินนักหรอก แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่ฉันรักแล้ว ฉันไม่อยากทำร้ายมินอีก แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นพี่อเล็กซ์ต้องอกหักเหมือนกัน”

อกหัก? เอรินแค่ร้องถามในใจ สีหน้าฉงนงุนงงหนักกว่าเก่า

“พี่อเล็กซ์ขอมินแต่งงานก็จริง แต่เขารู้ว่ามินรู้สึกยังไงกับโอม ก็เลยให้เวลามินตัดสินใจน่ะ ถ้ามินเลือกเขา ก็ต้องไปฟลอเรนซ์ด้วยกันวันนี้เลย”

“อะไรนะคะ!?” เอรินตกใจกับสิ่งที่สรินบอกไม่น้อย

“แล้ว...แล้วคุณมินว่ายังไงคะ แล้วทำไมต้องไปฟลอเรนซ์ด้วย ไปทำงาน หรือว่าไปเรื่องส่วนตัวคะ หรือ...” เอรินละล่ำละลักถามออกไปแล้วเพิ่งรู้ตัวชะงักเม้มริมฝีปากแน่น “เอ่อ...ฉันขอโทษที่ละลาบละล้วงค่ะ”

“เธอเป็นห่วงเขามากเลยรู้ตัวหรือเปล่า” สรินอดเย้าไม่ได้

“เปล่านะคะ ฉันแค่อยากรู้” เอรินแก้ตัวพลางหลุบตามองต่ำ จากที่ว่าน้อยใจชานนท์อยู่กุมมือตัวเองบนตักแน่น สรินเลยเอื้อมมือมากุมมือเอรินไว้ จ้องตาไม่กะพริบ

“เธออยากไปฟลอเรนซ์เป็นเพื่อนพี่ชายฉันไหม”

เอรินไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าอยู่นั่นเอง แต่แววตาครุ่นคิดเป็นห่วงชานนท์สารพัดอย่างปิดไม่มิด

“รีบตัดสินใจล่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงพี่ฉันก็ต้องขึ้นเครื่องแล้ว มินทิ้งตั๋วไว้ที่ฉัน ฝากฉันบอกพี่อเล็กซ์ ถ้าเธอไปแทนได้ก็คงดี ฉันสงสารพี่ชายฉัน ตอนราเชลก็ครั้งนึงแล้ว ตอนนี้ยังมามินอีก ทำไมถึงไม่มีใครรักพี่ชายฉันจริงๆ สักคนเลยนะ” สรินพูดจบก็ถอนใจออกมา

“ฉันจะเป็นคนนั้นเองค่ะ...” เอรินหลุดปากออกมาเดี๋ยวนั้น เล่นเอาคนเพิ่งถอนใจเมื่อครู่ถึงกับชะงักทันใด

“เธอว่าไงนะ”

“คะ เอ่อ คือ” รู้ตัวว่าเผลอพูดความในใจออกไป เอรินเลยอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครู่ แล้วต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าหันมาสบตากับสริน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างมุ่นมั่น

“ถ้าคุณมินไม่ใช้แล้ว ขอฉันได้ไหมคะ!”

“หืม ขอพี่ชายฉันหรือว่าตั๋วเครื่องบิน?”

“ตั๋วสิคะ” ถูกสรินเย้าอีกรอบสาวน้อยก็ยิ่งหน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุดบอกกับสรินว่า “ก็คุณอยากให้ฉันไปฟลอเรนซ์เป็นเพื่อนเขาไม่ใช่เหรอคะ ฉันจะหมายถึงเขาได้ยังไง”

“โอเค” สรินแทบหลุดขำออกมาที่อีกฝ่ายตอบกลับซื่อๆ แววตาเป็นประกายสมใจ

“งั้นฉันจะจัดการให้นะ ขอบคุณเธอมากเลย รับรองว่าเผลอๆ เธออาจโชคดีได้ทั้งตั๋วได้ทั้งคนนั่นแหละ พี่ชายฉันเป็นคนดี ถ้าเธออยากดามใจเขา ฉันขออวยพรให้เธอเอาชนะใจพ่อเสือยิ้มยากให้ได้นะจ๊ะ...น้องสาวคนใหม่”

“นะ...น้องสาวคนใหม่หรือคะ” เอรินอึกอัก อายแทบแทรกแผ่นดินหนีที่หลุดเผยความรู้สึกกับคนที่เพิ่งได้คุยกันครั้งแรก!




หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2562, 14:17:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2562, 09:31:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 462





<< บทที่ 7 -100%   บทที่ 8 -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account