กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 14 -100% + โปรโมชั่นงานหนังสือ
แจ้งข่าวหน่อยน้าาา เนื่องจากงานหนังสือครั้งนี้สนพ.ไม่ได้ไปออกบูธนะคะ แต่จัดโปรโมชั่นสั่งซื้อออนไลน์ให้ (ทุกเล่มลดราคาเหลือเท่าเปิดจอง) ใครสนใจเล่มไหนของปลายปากกาจัดไปค่ะ ฮี่ๆ ราคานี้ไม่มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อนะคะ จะกี่เรื่องกี่เล่มก็ได้ ส่งฟรีหมดจ้า กระซิบรักฯ ก็ด้วย
หรืออยากไปร่วมสนุกกับกิจกรรม "รีวิว แชะ แชร์" เพื่อลุ้นรับหนังสือที่ต้องการฟรีจากปลายปากกาสำนักพิมพ์จัดไปโลดดดดด (สามารถเลือกได้ว่า eBook หรือแบบเล่มหนังสือ)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ ได้ที่เพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ นะคะ
******************
เอรินเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นอาหารมากมายวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
ระหว่างนั้นชานนท์นั่งอมยิ้มอยู่บนโต๊ะอาหาร เพราะเป็นคนสั่งมาเองทั้งหมด แถมยังให้บริกรที่ขึ้นมาเสิร์ฟอาหารให้ที่ห้องช่วยจัดโต๊ะให้ด้วย ในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสอาหารมื้อพิเศษของฟลอเรนซ์โดยไม่โดนขัดลาภปากจากมารตัวน้อยเสียที
“นี่มันอลังการงานสร้างมากเลยนะคุณ กินกันอยู่แค่สองคนจะไหวหรือคะ”
หล่อนอุทานออกมาขณะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา แล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเพราะกำลังหิวอยู่เหมือนกัน ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่กุหลาบสีชมพูช่อโตซึ่งถูกจัดไว้อย่างสวยงามในแจกันโบราณวางเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโต๊ะ
“นั่นสำหรับคุณ” ชานนท์บอกเองเสร็จสรรพ รู้สึกภูมิใจที่เห็นเอรินมองช่อกุหลาบไม่วางตา
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเอาเปรียบคุณยังไงไม่รู้ ได้แต่รับอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีอะไรตอบแทนคุณเลย”
“คิดมากอีกแล้วสาวน้อย...ยังไม่ผ่านคืนนี้ก็ยังถือว่าเราเป็นแฟนกันอยู่ สำหรับผมทำให้แฟนแค่นี้ไม่มากเกินไปหรอก”
“แต่ว่า...”
“ผมตามใจคุณแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ตามใจผมบ้างก็แล้วกันนะ”
ชานนท์ตัดบทแกมอ้อนนิดๆ ก่อนจะรินไวน์ขาวแก้วหนึ่งให้ตัวเอง และอีกแก้วของเอริน รายหลังเลยยื่นมือมารับแก้วไวน์จากเขาไปถือไว้แล้วทำหน้าปูเลี่ยนๆ ชอบกลเมื่อสูดกลิ่นของเหลวในแก้ว
“ลองชิมดูสิ ไวน์ขาวชื่อดังของแคว้นทัสคานี” ชานนท์บอกให้สาวน้อยรู้แล้วก็จิบไวน์ในแก้วตัวเองอย่างสบายอารมณ์
เอรินจดๆ จ้องๆ อยู่ครู่ก็กลั้นใจยกแก้วไวน์ขึ้นจิบบ้าง แล้วถึงกับหน้าเบ้ “ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ ขมคอไปหมด ทำไมคนถึงชอบกันก็ไม่รู้ แต่ฉันไม่เอาด้วยละ”
พูดจบเอรินก็จิบไวน์ซ้ำรวดเดียวเกือบหมดแก้ว ทำเอาแฟนวันเดียวของหล่อนตกใจไม่น้อย
“ค่อยๆ จิบสิคุณ ไหนว่าไม่ชอบไง เดี๋ยวก็เมากันพอดี”
“ก็ฉันเสียดายนี่คะ ของราคาตั้งแพง” ว่าแล้วหล่อนก็ยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย และกระดกแก้วไวน์ขึ้นจิบต่อจนหมดแก้ว
“แน่ะ เตือนยังไม่ฟังอีก พอๆ มาลองทีโบนสเต็กฟิออเรนติน่าดีกว่าปลอดภัยสำหรับเด็ก” ชานนท์ยังไม่วายแหย่สาวน้อย พลางบรรจงปลายมีดลงบนเนื้อสเต็กหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เอรินได้ลองลิ้มรส
น่ารักจัง...
เอรินนึกชมแฟนวันเดียวของหล่อนในใจแล้วเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว มองเขาหั่นสเต็กเคลิ้ม ก็ปกติชานนท์ชอบแกล้งหล่อนตลอดนี่นา ไม่ค่อยได้เห็นมุมอ่อนโยนของเขาแบบนี้หรอก...ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเลย
“ขอบคุณนะคะคุณลุง” เอรินเอ่ยยิ้มๆ
ทว่า ‘คุณลุง’ กำลังหั่นสเต็กอยู่ดีๆ ชะงักกึก
เขาวางช้อนส้อมพลัน ลุกขึ้นเดินมาหาสาวน้อย สีหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังทันที
“อะ...อะไรคะ ลุกมาทำไม ฉันทำอะไรผิดอีก”
เอรินตกใจไม่น้อย พอรู้ตัวชานนท์ก็เข้ามาใกล้แล้วจนหล่อนผวาจะลุกหนี แต่ไม่ไวเท่าร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่โน้มตัวลงมากดไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนบังคับให้นั่งลงตามเดิม
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้เรียกลุง ทำไมชอบพูดให้ผมดูแก่อยู่เรื่อย”
“ฉะ...ฉันแค่แซวคุณเล่นเอง”
“แต่ผมจริงจัง” พูดจบชานนท์ก็ก้มหน้าลงมาฉกฉวยริมฝีปากนุ่มทันที ไม่ให้สาวน้อยได้ทันตั้งตัว
เอรินถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จูบของชานนท์ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะสัมผัสแนบสนิทจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อน ไม่เพียงแต่ริมฝีปาก ชายหนุ่มยังส่งเรียวลิ้นรุกล้ำจนเอรินไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนที่จะเตลิดเพริดพราวราวเห็นดาวระยิบเต็มท้องฟ้าจากสัมผัสอ่อนโยนที่เขาพาไป เอรินก็รู้ตัวรีบผลักชายหนุ่มออกห่าง
“ขะ...คุณ! คุณเมา!?”
เอรินต่อว่าเขาทั้งยังหอบ รีบยกมือปิดปากตัวเอง
ดูท่าแล้วชานนท์ทั้งเชี่ยวชาญทั้งเก่งกาจ ถ้าหล่อนไม่รีบทำอะไรสักอย่าง มีหวังได้ถูกเขาหลอกล่อจนหูตาพร่าพรายตามเขาไม่ทันเป็นแน่!
“คำก็ลุง สองคำก็ลุง ผมเลยต้องทำโทษคุณจะได้รู้ว่า รสจูบของผู้ชายวัยสามสิบแปดเป็นยังไง...ว่าแต่ใช้ได้ไหมล่ะ”
“นี่คุณ...” เอรินตั้งท่าจะต่อว่าเขาอีกเป็นชุด แต่กลับเงียบหายกลางอากาศเพราะชานนท์โน้มตัวลงมาจูบเอรินอีกรอบ! และคราวนี้เขารุกล้ำหนักกว่าเดิมจนสาวน้อยอ่อนระทวยแทบไร้เรี่ยวแรง แต่แล้วเขาก็กลับหยุดเสียเอง ถอนริมฝีปากออกจากกลีบปากบางกะทันหัน
“บ้าจริง เพิ่งรู้ว่าแค่จูบก็ยังเจ็บแผล” ชานนท์บ่นพลางแตะที่มุมปากตัวเองเพราะเจ็บแผลขึ้นมา
เอรินถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะโดนชายหนุ่มขโมยจูบถึงสองครั้งติด หล่อนพยายามคิดว่าเขาคงเมาไวน์เลยทำตัวรุ่มร่ามกับหล่อน แม้เขาจะเพิ่งจิบก็เถอะ!
“ไม่เป็นไร จูบไม่ได้งั้นเปลี่ยนมาเต้นรำแทนดีกว่า มาเถอะ”
จู่ๆ ชานนท์ก็นึกครึ้มยื่นมือมา
แต่เอรินส่ายหน้าปฏิเสธ ดวงตากลมใสหลุบต่ำอย่างขัดเขิน
“ฉะ...ฉันเต้นไม่เป็น คุณเองก็เจ็บขาอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“เถอะน่า จะเต้นเสียอย่าง ไหวอยู่” ว่าแล้วเขาก็ดึงมือหล่อนให้ลุกตาม
ชานนท์พาเอรินมาที่ระเบียงกว้างของห้องฮันนีมูนสวีต แล้วก้มโค้งให้เพื่อขอหญิงสาวเต้นรำ จากนั้นชายหนุ่มก็วางมือลงบนเอวบาง ขณะที่มืออีกข้างจับมือนุ่มนิ่มของเอรินไว้ไม่ยอมปล่อย
จังหวะที่ชานนท์โอบประคอง และก้าวเท้าเต้นนำอย่างเชื่องช้า
ไม่รู้เพราะฤทธิ์ไวน์หรือเพราะเพิ่งโดนเขาจูบจนเสียอาการ เอรินยังใจสั่นไม่หาย มือไม้เย็นเฉียบ พยายามเต้นตามจังหวะของชายหนุ่มทั้งสีหน้าตื่นๆ เลยเอาแต่ก้มมองเท้าตัวเองแทบจะตลอด ชานนท์เห็นหน้าแดงๆ นั้นก็ให้เอ็นดู ยกมือไล้แก้มช้ำของสาวน้อยอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเต้นรำไปด้วย
ในรัตติกาลนั้นไม่มีเสียงเพลงใดๆ มีเพียงเสียงหัวใจของสองหนุ่มสาวที่เต้นตึกตักในอก ต่างเพลงรักที่บรรเลงขับขานเป็นท่วงทำนองเดียวกันใต้แสงจันทร์สีเหลืองนวล
****************
รุ่งเช้า บนเครื่องบินลำที่เดินทางจากกรุงโรมมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย มีเอรินนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย มือกำผ้าพันคอสีชมพูผืนสวยซึ่งเป็นของขวัญจากแฟนวันเดียวก่อนแยกจากกัน แล้วน้ำตาคลอหยดลงบนกำไลหนังถักของแทนใจที่ซื้อให้ทั้งตัวเองและชายหนุ่มคนละเส้น พลันหัวใจก็คิดไปถึงชายหนุ่มอีกครั้ง
หลังจากวันนี้ไปหล่อนและเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกันแล้ว เพราะหล่อนต้องกลับเมืองไทย และคงไม่ได้กลับมาอีก ส่วนเขาเองก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตซีอีโอหนุ่มที่อังกฤษตามเดิม ต่างคนต่างกลับไปใช้ชีวิตตามเส้นทางของตัวเอง
“ลาก่อนคุณลุงแฟนวันเดียวของฉัน ลาก่อนที่รักของฉัน...” เอรินสะอื้นเบาๆ ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา
หล่อนจะจดจำช่วงเวลาดีๆ ที่ฟลอเรนซ์นี้ไว้ให้ลึกสุดใจ...
ในเวลาเดียวกันนั้น ชานนท์ก็นั่งเครื่องบินอีกลำมุ่งหน้าจากกรุงโรมไปยังประเทศอังกฤษ
ใบหน้าคมครึ้มแซมไรหนวดนิดๆ เหม่อมองตุ๊กตาหุ่นชักพินอคคิโอชุดสีแดงเหลืองในมือแววตาอาลัย เอรินซื้อให้เขาที่หน้าสถานีรถไฟระหว่างเดินทางมาขึ้นเครี่องบินที่โรมด้วยกัน ขณะที่เขาก็ซื้อผ้าพันคอให้หล่อนโดยไม่ได้นัดหมาย
“แกชื่อเจ้าฟิเรนเซจมูกดื้อก็แล้วกันนะ”
จมูกดื้อเหมือนเจ้าของมันไม่มีผิด...
ชานนท์ผุดรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก จ้องมองพินอคคิโอจมูกยาวไม่วางตา ปกติแล้วของแบบนี้ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา เขาไม่เคยคิดที่จะสนใจมันด้วยซ้ำทั้งที่เป็นของที่ระลึกประจำฟลอเรนซ์วางขายอยู่เกลื่อนเมือง แต่เวลานี้มันกลับเสมือนสายใยบางๆ ที่ผูกพันเขาไว้กับสาวน้อยที่เพิ่งแยกจากกัน
เสียใจ...
ใช่ เขากำลังรู้สึกเสียใจที่ไม่รั้งหล่อนไว้อย่างใจคิด อันที่จริงแล้วเขายังมีภารกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงเสียก่อน และเขาจะใช้หัวใจนำไม่ได้
เมื่อนึกถึงหญิงสาวแก้มกลมร่างเล็กที่ทำให้หัวใจชายหนุ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง คำสัญญาที่ให้กับตัวเองและหล่อนไว้ก่อนจากกันเรียกพลังใจจากเขาได้มากโข
ชานนท์ขอให้เอรินรอเขา...แค่หนึ่งปีเท่านั้น และเขาจะเป็นฝ่ายไปหาหล่อนเอง
ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่า สาวน้อยจะเชื่อมั่นในคำสัญญานั้นของเขามากน้อยแค่ไหน แต่เขาพูดจริง และหวังว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมื่อถึงวันนั้นเขาจะยึดหล่อนไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไม่ปล่อยให้หล่อนต้องแยกจากเขาไปไหนอีก!
ชานนท์หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน มือลูบไล้กำไลหนังถักสีน้ำตาลที่ข้อมือด้วยความคิดถึง เขาเริ่มต้นนับวันรอที่จะได้เจอเอริน สาวน้อยที่ทำให้โลกของเขากลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง...
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
หรืออยากไปร่วมสนุกกับกิจกรรม "รีวิว แชะ แชร์" เพื่อลุ้นรับหนังสือที่ต้องการฟรีจากปลายปากกาสำนักพิมพ์จัดไปโลดดดดด (สามารถเลือกได้ว่า eBook หรือแบบเล่มหนังสือ)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ ได้ที่เพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ นะคะ
******************
เอรินเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นอาหารมากมายวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
ระหว่างนั้นชานนท์นั่งอมยิ้มอยู่บนโต๊ะอาหาร เพราะเป็นคนสั่งมาเองทั้งหมด แถมยังให้บริกรที่ขึ้นมาเสิร์ฟอาหารให้ที่ห้องช่วยจัดโต๊ะให้ด้วย ในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสอาหารมื้อพิเศษของฟลอเรนซ์โดยไม่โดนขัดลาภปากจากมารตัวน้อยเสียที
“นี่มันอลังการงานสร้างมากเลยนะคุณ กินกันอยู่แค่สองคนจะไหวหรือคะ”
หล่อนอุทานออกมาขณะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา แล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเพราะกำลังหิวอยู่เหมือนกัน ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่กุหลาบสีชมพูช่อโตซึ่งถูกจัดไว้อย่างสวยงามในแจกันโบราณวางเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโต๊ะ
“นั่นสำหรับคุณ” ชานนท์บอกเองเสร็จสรรพ รู้สึกภูมิใจที่เห็นเอรินมองช่อกุหลาบไม่วางตา
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเอาเปรียบคุณยังไงไม่รู้ ได้แต่รับอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีอะไรตอบแทนคุณเลย”
“คิดมากอีกแล้วสาวน้อย...ยังไม่ผ่านคืนนี้ก็ยังถือว่าเราเป็นแฟนกันอยู่ สำหรับผมทำให้แฟนแค่นี้ไม่มากเกินไปหรอก”
“แต่ว่า...”
“ผมตามใจคุณแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ตามใจผมบ้างก็แล้วกันนะ”
ชานนท์ตัดบทแกมอ้อนนิดๆ ก่อนจะรินไวน์ขาวแก้วหนึ่งให้ตัวเอง และอีกแก้วของเอริน รายหลังเลยยื่นมือมารับแก้วไวน์จากเขาไปถือไว้แล้วทำหน้าปูเลี่ยนๆ ชอบกลเมื่อสูดกลิ่นของเหลวในแก้ว
“ลองชิมดูสิ ไวน์ขาวชื่อดังของแคว้นทัสคานี” ชานนท์บอกให้สาวน้อยรู้แล้วก็จิบไวน์ในแก้วตัวเองอย่างสบายอารมณ์
เอรินจดๆ จ้องๆ อยู่ครู่ก็กลั้นใจยกแก้วไวน์ขึ้นจิบบ้าง แล้วถึงกับหน้าเบ้ “ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ ขมคอไปหมด ทำไมคนถึงชอบกันก็ไม่รู้ แต่ฉันไม่เอาด้วยละ”
พูดจบเอรินก็จิบไวน์ซ้ำรวดเดียวเกือบหมดแก้ว ทำเอาแฟนวันเดียวของหล่อนตกใจไม่น้อย
“ค่อยๆ จิบสิคุณ ไหนว่าไม่ชอบไง เดี๋ยวก็เมากันพอดี”
“ก็ฉันเสียดายนี่คะ ของราคาตั้งแพง” ว่าแล้วหล่อนก็ยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย และกระดกแก้วไวน์ขึ้นจิบต่อจนหมดแก้ว
“แน่ะ เตือนยังไม่ฟังอีก พอๆ มาลองทีโบนสเต็กฟิออเรนติน่าดีกว่าปลอดภัยสำหรับเด็ก” ชานนท์ยังไม่วายแหย่สาวน้อย พลางบรรจงปลายมีดลงบนเนื้อสเต็กหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เอรินได้ลองลิ้มรส
น่ารักจัง...
เอรินนึกชมแฟนวันเดียวของหล่อนในใจแล้วเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว มองเขาหั่นสเต็กเคลิ้ม ก็ปกติชานนท์ชอบแกล้งหล่อนตลอดนี่นา ไม่ค่อยได้เห็นมุมอ่อนโยนของเขาแบบนี้หรอก...ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเลย
“ขอบคุณนะคะคุณลุง” เอรินเอ่ยยิ้มๆ
ทว่า ‘คุณลุง’ กำลังหั่นสเต็กอยู่ดีๆ ชะงักกึก
เขาวางช้อนส้อมพลัน ลุกขึ้นเดินมาหาสาวน้อย สีหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังทันที
“อะ...อะไรคะ ลุกมาทำไม ฉันทำอะไรผิดอีก”
เอรินตกใจไม่น้อย พอรู้ตัวชานนท์ก็เข้ามาใกล้แล้วจนหล่อนผวาจะลุกหนี แต่ไม่ไวเท่าร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่โน้มตัวลงมากดไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนบังคับให้นั่งลงตามเดิม
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้เรียกลุง ทำไมชอบพูดให้ผมดูแก่อยู่เรื่อย”
“ฉะ...ฉันแค่แซวคุณเล่นเอง”
“แต่ผมจริงจัง” พูดจบชานนท์ก็ก้มหน้าลงมาฉกฉวยริมฝีปากนุ่มทันที ไม่ให้สาวน้อยได้ทันตั้งตัว
เอรินถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จูบของชานนท์ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะสัมผัสแนบสนิทจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อน ไม่เพียงแต่ริมฝีปาก ชายหนุ่มยังส่งเรียวลิ้นรุกล้ำจนเอรินไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนที่จะเตลิดเพริดพราวราวเห็นดาวระยิบเต็มท้องฟ้าจากสัมผัสอ่อนโยนที่เขาพาไป เอรินก็รู้ตัวรีบผลักชายหนุ่มออกห่าง
“ขะ...คุณ! คุณเมา!?”
เอรินต่อว่าเขาทั้งยังหอบ รีบยกมือปิดปากตัวเอง
ดูท่าแล้วชานนท์ทั้งเชี่ยวชาญทั้งเก่งกาจ ถ้าหล่อนไม่รีบทำอะไรสักอย่าง มีหวังได้ถูกเขาหลอกล่อจนหูตาพร่าพรายตามเขาไม่ทันเป็นแน่!
“คำก็ลุง สองคำก็ลุง ผมเลยต้องทำโทษคุณจะได้รู้ว่า รสจูบของผู้ชายวัยสามสิบแปดเป็นยังไง...ว่าแต่ใช้ได้ไหมล่ะ”
“นี่คุณ...” เอรินตั้งท่าจะต่อว่าเขาอีกเป็นชุด แต่กลับเงียบหายกลางอากาศเพราะชานนท์โน้มตัวลงมาจูบเอรินอีกรอบ! และคราวนี้เขารุกล้ำหนักกว่าเดิมจนสาวน้อยอ่อนระทวยแทบไร้เรี่ยวแรง แต่แล้วเขาก็กลับหยุดเสียเอง ถอนริมฝีปากออกจากกลีบปากบางกะทันหัน
“บ้าจริง เพิ่งรู้ว่าแค่จูบก็ยังเจ็บแผล” ชานนท์บ่นพลางแตะที่มุมปากตัวเองเพราะเจ็บแผลขึ้นมา
เอรินถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะโดนชายหนุ่มขโมยจูบถึงสองครั้งติด หล่อนพยายามคิดว่าเขาคงเมาไวน์เลยทำตัวรุ่มร่ามกับหล่อน แม้เขาจะเพิ่งจิบก็เถอะ!
“ไม่เป็นไร จูบไม่ได้งั้นเปลี่ยนมาเต้นรำแทนดีกว่า มาเถอะ”
จู่ๆ ชานนท์ก็นึกครึ้มยื่นมือมา
แต่เอรินส่ายหน้าปฏิเสธ ดวงตากลมใสหลุบต่ำอย่างขัดเขิน
“ฉะ...ฉันเต้นไม่เป็น คุณเองก็เจ็บขาอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“เถอะน่า จะเต้นเสียอย่าง ไหวอยู่” ว่าแล้วเขาก็ดึงมือหล่อนให้ลุกตาม
ชานนท์พาเอรินมาที่ระเบียงกว้างของห้องฮันนีมูนสวีต แล้วก้มโค้งให้เพื่อขอหญิงสาวเต้นรำ จากนั้นชายหนุ่มก็วางมือลงบนเอวบาง ขณะที่มืออีกข้างจับมือนุ่มนิ่มของเอรินไว้ไม่ยอมปล่อย
จังหวะที่ชานนท์โอบประคอง และก้าวเท้าเต้นนำอย่างเชื่องช้า
ไม่รู้เพราะฤทธิ์ไวน์หรือเพราะเพิ่งโดนเขาจูบจนเสียอาการ เอรินยังใจสั่นไม่หาย มือไม้เย็นเฉียบ พยายามเต้นตามจังหวะของชายหนุ่มทั้งสีหน้าตื่นๆ เลยเอาแต่ก้มมองเท้าตัวเองแทบจะตลอด ชานนท์เห็นหน้าแดงๆ นั้นก็ให้เอ็นดู ยกมือไล้แก้มช้ำของสาวน้อยอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเต้นรำไปด้วย
ในรัตติกาลนั้นไม่มีเสียงเพลงใดๆ มีเพียงเสียงหัวใจของสองหนุ่มสาวที่เต้นตึกตักในอก ต่างเพลงรักที่บรรเลงขับขานเป็นท่วงทำนองเดียวกันใต้แสงจันทร์สีเหลืองนวล
****************
รุ่งเช้า บนเครื่องบินลำที่เดินทางจากกรุงโรมมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย มีเอรินนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย มือกำผ้าพันคอสีชมพูผืนสวยซึ่งเป็นของขวัญจากแฟนวันเดียวก่อนแยกจากกัน แล้วน้ำตาคลอหยดลงบนกำไลหนังถักของแทนใจที่ซื้อให้ทั้งตัวเองและชายหนุ่มคนละเส้น พลันหัวใจก็คิดไปถึงชายหนุ่มอีกครั้ง
หลังจากวันนี้ไปหล่อนและเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกันแล้ว เพราะหล่อนต้องกลับเมืองไทย และคงไม่ได้กลับมาอีก ส่วนเขาเองก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตซีอีโอหนุ่มที่อังกฤษตามเดิม ต่างคนต่างกลับไปใช้ชีวิตตามเส้นทางของตัวเอง
“ลาก่อนคุณลุงแฟนวันเดียวของฉัน ลาก่อนที่รักของฉัน...” เอรินสะอื้นเบาๆ ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา
หล่อนจะจดจำช่วงเวลาดีๆ ที่ฟลอเรนซ์นี้ไว้ให้ลึกสุดใจ...
ในเวลาเดียวกันนั้น ชานนท์ก็นั่งเครื่องบินอีกลำมุ่งหน้าจากกรุงโรมไปยังประเทศอังกฤษ
ใบหน้าคมครึ้มแซมไรหนวดนิดๆ เหม่อมองตุ๊กตาหุ่นชักพินอคคิโอชุดสีแดงเหลืองในมือแววตาอาลัย เอรินซื้อให้เขาที่หน้าสถานีรถไฟระหว่างเดินทางมาขึ้นเครี่องบินที่โรมด้วยกัน ขณะที่เขาก็ซื้อผ้าพันคอให้หล่อนโดยไม่ได้นัดหมาย
“แกชื่อเจ้าฟิเรนเซจมูกดื้อก็แล้วกันนะ”
จมูกดื้อเหมือนเจ้าของมันไม่มีผิด...
ชานนท์ผุดรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก จ้องมองพินอคคิโอจมูกยาวไม่วางตา ปกติแล้วของแบบนี้ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา เขาไม่เคยคิดที่จะสนใจมันด้วยซ้ำทั้งที่เป็นของที่ระลึกประจำฟลอเรนซ์วางขายอยู่เกลื่อนเมือง แต่เวลานี้มันกลับเสมือนสายใยบางๆ ที่ผูกพันเขาไว้กับสาวน้อยที่เพิ่งแยกจากกัน
เสียใจ...
ใช่ เขากำลังรู้สึกเสียใจที่ไม่รั้งหล่อนไว้อย่างใจคิด อันที่จริงแล้วเขายังมีภารกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงเสียก่อน และเขาจะใช้หัวใจนำไม่ได้
เมื่อนึกถึงหญิงสาวแก้มกลมร่างเล็กที่ทำให้หัวใจชายหนุ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง คำสัญญาที่ให้กับตัวเองและหล่อนไว้ก่อนจากกันเรียกพลังใจจากเขาได้มากโข
ชานนท์ขอให้เอรินรอเขา...แค่หนึ่งปีเท่านั้น และเขาจะเป็นฝ่ายไปหาหล่อนเอง
ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่า สาวน้อยจะเชื่อมั่นในคำสัญญานั้นของเขามากน้อยแค่ไหน แต่เขาพูดจริง และหวังว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมื่อถึงวันนั้นเขาจะยึดหล่อนไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไม่ปล่อยให้หล่อนต้องแยกจากเขาไปไหนอีก!
ชานนท์หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน มือลูบไล้กำไลหนังถักสีน้ำตาลที่ข้อมือด้วยความคิดถึง เขาเริ่มต้นนับวันรอที่จะได้เจอเอริน สาวน้อยที่ทำให้โลกของเขากลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง...
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2562, 17:59:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2562, 00:08:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 712
<< บทที่ 14 -40% | บทที่ 15 -50% >> |
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ 3 ต.ค. 2562, 00:09:38 น.
แปะลิงก์โพสต์กิจกรรมให้ค่ะ
>>>https://www.facebook.com/544836732574623/posts/1044159225975702?sfns=mo
แปะลิงก์โพสต์กิจกรรมให้ค่ะ
>>>https://www.facebook.com/544836732574623/posts/1044159225975702?sfns=mo
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ 3 ต.ค. 2562, 00:10:15 น.
ลิงก์นี้คือโปรโมชั่นสั่งซื้อออนไลน์ช่วงงานหนังสือนะคะ
>>>https://www.facebook.com/544836732574623/posts/1043481879376770?sfns=mo
ลิงก์นี้คือโปรโมชั่นสั่งซื้อออนไลน์ช่วงงานหนังสือนะคะ
>>>https://www.facebook.com/544836732574623/posts/1043481879376770?sfns=mo