โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 6 -60%
รถสองคันแล่นเข้ามาจอดริมลำธาร ชายหนุ่มสองคนเดินลงมาจากรถ ทั้งคู่รูปร่างหน้าตาดีกว่าชาวบ้านทั่วไป คนที่เป็นหนุ่มใหญ่แต่งกายภูมิฐาน คิ้วเข้ม ใบหน้าคมสันสมชายชาตรี ผมดำสนิทเรียบแปล้ เสื้อยืดคอโปโลแขนสั้นมีตราแบรนด์ดังที่หน้าอก เขายัดชายเสื้อในกางเกงยีนขายาวสีเข้มใหม่เอี่ยมโชว์เข็มขัดสายหนังวัวเกรดพรีเมียม นทีถือเป็นชายหนุ่มที่มาดโก้ ดูแพงไปทั้งตัว
ส่วนอีกคนที่อาวุโสน้อยกว่า มีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน ผิวขาวแต่ถูกแดดบ่มจนแดง ผมสีน้ำตาลเข้ม หน้าเรียว จมูกโด่ง ท่าทางปราดเปรียวดูเป็น ‘ขาลุย’ ภาณุรุจใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นปล่อยชายคลุมกางเกงขาสั้นผ้าฝ้ายเนื้อหนาสีกากี สิ่งที่ดูมีราคาที่สุดในตัวเขาน่าจะเป็นแว่นกันแดดสีฟ้าสด
สองหนุ่มคือคู่หูนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่รูปหล่อไฟแรง เป็นที่จับตาในวง การธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ ณ ขณะนี้ พวกเขาเป็นผู้บุกเบิกการทำรีสอร์ต การล่องแพ นั่งช้างในเขตธารรุ้งและอำเภอใกล้เคียง และนับวันกิจการก็ยิ่งจะเติบโตเพราะแทนที่จะเป็นคู่แข่ง ทั้งคู่กลับจับมือขยายธุรกิจร่วมกัน
จากลำธารฝั่งนี้ ชายหนุ่มทั้งสองมองไปยังบ้านไม้สองชั้นสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ไม่ไกล หลังคากระเบื้องลอนสีเขียวสอดรับกับบรรดาพุ่มไม้ไพรพฤกษ์รอบด้าน ที่บัดนี้แกว่งไกวเพราะแรงลม ด้านล่างส่วนหน้าของตัวบ้าน เปิดเป็นใต้ถุนโล่งแบบบ้านตามชนบททั่วไป โดยเจ้าของบ้านได้จัดแต่งพื้นที่ตรงนี้เป็นที่รับแขกและนั่งเล่น ส่วนโรงรถนั้นแยกไว้ต่างหาก
ไกลจากตัวบ้านออกไปทางซ้ายมือของจุดที่ทั้งคู่ยืน มองเห็นพื้นที่ไล่ระดับลาดชันขึ้นก่อนจะมุดตัวหายลงไปอีกด้าน จุดนี้เคยเป็นสวนผสมที่ทั้งสองเคยเห็นอยู่บ่อยๆ แต่บัดนี้เจ้าสวนที่ว่าได้หายไปหมดแล้ว ส่วนที่เข้ามาแทนคือพื้นที่โล่งเตียนจากการไถพรวน และมีร่องรอยการหว่านปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน
ภาณุรุจรู้สึกเสียดายและใจหายระคนกัน ที่ทางสวยขนาดนี้ เนินกว้างมีร่มไม้ใหญ่หลายต้น ติดลำธารใสแจ๋ว แถมยังอยู่ใกล้ภูเขาสีน้ำเงินเข้มด้วย ที่นี่คือจุดที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน ไหนจะไฮไลต์สำคัญเรื่องสายรุ้งนั่นอีกเล่า ขนาดเขายืนในที่ต่ำ ยังมองเห็นสายรุ้งตั้งครึ่งค่อนตัวทอดโค้งเหนือน้ำตก แล้วถ้ามองลงมาจากเนินสูงนั้นเล่า รับรองต้องมองเห็นรุ้งได้เต็มตาเต็มตัว
ถ้าพื้นที่ตรงนี้เป็นรีสอร์ต จะน่าหลงใหลสักเพียงใดหนอ...
เขาเองตั้งใจจะสร้างให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติด้วย เชื่อว่ามันจะ ต้องกลายเป็นถิ่นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่บอกปากต่อปากกันทั่วโลกเป็นแน่ เพราะปกติก็บ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวเมื่อนั่งช้างผ่านมาตรงนี้ ต่างตื่นตาตื่นใจและชี้ชวนกันดูสายรุ้งเหนือธารน้ำ ภาณุรุจคิดไม่ออกเลยว่า มันจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด ถ้าคนพวกนั้นได้เห็นความงามที่ว่านี้แทบทุกวันขณะเข้าพักที่รีสอร์ตของเขา
แต่ฝันเขาก็สลายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่ที่งามราวเทพนิรมิตผืนนี้ จู่ๆ มันจะกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมไปได้ และไม่ ใช่เกษตรกรรมใหญ่ยิ่งอะไรด้วย มันกำลังจะกลายเป็นแค่ไร่ดอกไม้พื้นๆ อยู่ข้างหน้า
“เขาเตรียมการกันถึงขนาดนี้แล้ว...” นทีเอ่ยขึ้น “...ไม่กี่วันก็คงขึ้นแปลง เขาถึงว่าสัจจะชาวบ้านเชื่อไม่ได้ ไอ้เราก็นอนใจมานาน ไม่คิดว่าเขาจะไม่ขายให้ เอาไงดีไผ่ เรายังไม่ถอยใช่ไหม”
“ครับ พี่นทีก็รู้นี่ครับว่าผมไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ”
“ผมก็สู้ยิบตา” นทีว่า เขาใช้สรรพนามแทนตัวเองกับภาณุรุจว่า ‘ผม’ ตามความเคยชินตั้งแต่แรกพบกันที่ต่างประเทศ “แล้วจะทำยังไง ข้อ เสนอใหม่ของเรา เขาก็ปฏิเสธ เราก็ไม่ใช่พวกนักเลงโตประเภทเผาไล่ที่ซะด้วย”
“กำลังคิดอยู่ครับพี่ ผมว่าบางทีต้องอาศัยเวลาอีกหน่อย ตอนนี้เราต่อให้เขาไปก่อนแล้วกัน”
นทีขมวดคิ้วอย่างสงสัย ภาณุรุจพูดต่อ
“เมื่อวานตอนพาลูกค้าไปลงเรือ เห็นพิมริสาคุยอยู่กับเกดแก้ว สองคนนี้เป็นเพื่อนเก่ากัน เกดบอกผมว่าพิมมาขอคำแนะนำเรื่องหาคนงาน กับเรื่องหาตลาดแถวนี้ คิดดูสิครับ ยังไม่พร้อมตั้งหลายอย่างแต่ไถที่เตรียมปลูกกันแล้ว”
“ดูเหมือนพ่อแม่เขาก็ตามใจลูกด้วยนะ ตัวเองเป็นคนสวนอยู่แล้ว กลับให้ลูกมาเป็นแกนหลักเสียอย่างนั้น ครอบครัวนี้ไม่ใช่เกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จอะไร เขาโชคดีที่มีมรดกเป็นที่ดินที่สวยสุดยอดจากบรรพบุรุษเท่านั้น” มีรอยยิ้มหยันจากปากคนพูด
“แต่ก็อย่าประเมินเขาต่ำไปครับ พิมริสาเป็นคนรุ่นใหม่ จบเกียรตินิยมด้วย เรื่องไร่ปทุมมาที่ผมว่าเรายังมีโอกาสก็คือ ต่อให้เขาปลูกแล้ว เราก็ยังไปคุยใหม่ได้นี่ครับ ทำเลตรงนี้ยังไงมันก็ไม่ไปไหน พี่ว่าจริงไหม”
“อืม ก็จริง ต่อให้เขาปลูกสำเร็จ เรายังเทคโอเวอร์ได้อีก มันยังซื้อกันได้นะของพรรค์นี้”
“ใช่ครับ เรายังมีหวัง ที่จริงผมเองก็ใจร้อน แต่ยอมรับว่ายังคิดแผนอื่นยังไม่ออก เอาเงินไปฟาดหัวเขาเมื่อวาน เขาก็ไม่ยอมให้ฟาด” ภาณุรุจหัวเราะเบาๆ กับคำพูดตัวเอง “ดูเหมือนยายพิมกำลังกินอุดมคติอยู่อย่างเอร็ดอร่อย”
“ฟังดูแล้ว คุณกับน้องพิมอะไรนี่ เหมือนจะไม่ค่อยกินเส้นกันจริงๆ นะ ที่จริงเป็นพี่น้องสถาบันเดียวกัน น่าจะไปกันได้ดีนี่นา”
“ไม่รู้สิครับ เขายังผูกใจเจ็บกับผมไม่หายที่สมัยเรียนผมไปว้ากเขา ที่จริง ผมก็ว้ากรุ่นน้องทุกรุ่นนั่นแหละ ขืนไม่ว้าก ทำตัวจ๋อยๆ รุ่นน้องเองต่างหากที่มองเราไม่เอาไหน ถึงขั้นไม่นับถือเอาเลย” ภาณุรุจพูดพลางส่ายหน้าอย่างระอา “แล้วพอมาเจอกันอีก ก็มีเรื่องช้างอีกเรื่องที่เขาไม่พอใจ”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็เห็นพรผกากับพิมริสาเดินลงมาจากตัวบ้าน สองสาวมองมาที่สองหนุ่มแล้วหันไปซุบซิบกันก่อนจะชักชวนกันเดินมา
“นั่นหรือ พิมริสา” นทีเอียงหน้าไปถามภาณุรุจเบาๆ และโดยไม่รอคำตอบ เขาก็โพล่งขึ้นว่า “งามยังกับนางฟ้า”
คำพูดของพี่ชายร่วมหุ้นทำเอาภาณุรุจสะดุ้งอยู่ข้างใน แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยเห็นนทีสนใจจะเอ่ยชมสาวใด แต่คิดอีกทีก็ไม่แปลก เพราะพิมริสาสวยเด่นมาแต่ไกลจริงๆ ขนาดอยู่ห่างขนาดนั้น ออร่าของเธอก็ยังส่องมาถึง นักร้องหรือดาราบางคนที่เขาเคยเห็นตัวจริงเสียอีก ยังออร่าไม่เท่านี้ ส่วนครูพรผกานั้น เมื่อเดินมากับน้อง เธอก็ดูหมองไปถนัด ทั้งๆ ที่เขาก็เคยคิดว่าเธอเป็นคนสวยหาตัวจับยากคนหนึ่งของธารรุ้ง
สองสาวเดินมาหยุดยืนที่อีกฟากสะพาน สี่คนต่างมีลำธารจุดที่แคบที่สุดขวางกั้นอยู่
“คุณนที จะมาหาคุณพ่อหรือคะ”
พรผกาเอ่ยถามนทีเพราะเคยพูดคุยกันบ้าง ส่วนกับภาณุรุจนั้น แม้เขาจะอยู่ที่ธารรุ้งนานแล้ว แต่เพราะวงจรที่ไม่ตรงกัน เธอจึงเคยเห็นเขาแบบผ่านๆ แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น และวันนี้เมื่อได้เห็นในระยะใกล้ ก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนุ่มหน้าตาดี ดูอ่อนเยาว์อยู่มาก อายุก็น่าจะรุ่นเดียวกับเธอหรือพี่ชาย
นทีหันไปทางภาณุรุจ ก่อนตอบ “ใช่ครับครู เราจะ...”
“ถ้าพวกพี่จะมาคุยเรื่องซื้อที่กับพ่อ” เป็นเสียงของพิมริสาที่เจาะจงพูดกับภาณุรุจ “พี่ก็เห็นแล้วนะคะว่า เราไถหมดแล้ว อีกวันสองวันก็ลงต้น ไม้”
“ใช่ พี่เห็นแล้วละ พี่กับคุณนทีก็เลยยืนคุยกันแค่ตรงนี้ไง”
ตอบแล้วเขาก็ยกมือขึ้นกอดอก ขากางออกเล็กน้อย หันหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนความเอือมระอากับท่าทีของพิมริสา ที่จริง เมื่อวานเขาไม่น่าช่วยฉุดเธอไว้เลย น่าจะปล่อยให้ตกลงไปในแอ่งน้ำลึกให้รู้แล้วรู้รอด ผู้หญิงอะไรพูดจาได้กวนทุกคำ
“เข้าไปข้างในก่อนก็ได้นะคะ ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน”
พรผกาเอ่ยชวน ความเป็นครูทำให้เธอค่อนข้างใจเย็นกว่าน้องสาวและพูดจาอ่อนหวานกับทุกคน
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับครู” นทีตอบพรผกา แต่ตายังชำเลืองไปที่อีกคน “ก็อย่างที่คุณพิมเธอพูดนั่นแหละครับ ยังไงพ่อของพวกคุณก็คงไม่เปลี่ยนใจแล้ว”
“พรเสียใจด้วยนะคะคุณนที คุณไผ่ ที่ตรงนี้พ่อเขายกให้น้องพิมอยู่ก่อนแล้วน่ะค่ะ ลองเจรจากับเจ้าตัวดูอีกทีสิคะเผื่อจะเปลี่ยนใจ...ว่าไงพิม หืม เปลี่ยนใจขายเขาไหม” พรผกาหันมาเย้าน้องสาว “ยังทันนะ แค่เพิ่งไถเอง”
“แหม...พี่พรก็ นั่นพูดเล่นหรือพูดจริงล่ะคะ พิมไม่ตอบดีกว่า”
พิมริสาหน้างอใส่พี่สาวแล้วยืนนิ่ง นทีจึงส่งยิ้มให้เธอแล้วพูดเสียงสุภาพ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าเราสองคนทำให้คุณพิมไม่สบายใจ คุณไผ่เขาบอกว่า คุณเป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัยเขา วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสพบตัวจริง รู้สึกยินดีมากๆ เลยครับ”
“เช่นกันค่ะ”
เธอตอบสั้นๆ แม้ไม่มีรอยยิ้ม แต่ภาณุรุจก็จับได้ว่ามีความนุ่มนวลอยู่ในน้ำเสียง...ช่างแตกต่างกันเหลือเกินกับเวลาพูดกับเขา!
“เรื่องที่ดิน ในเมื่อทางครอบครัวคุณพิมไม่ขาย ทางผมก็คงไม่ติดใจอะไรแล้วละ และหวังว่าพวกเรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ จริงไหมครับ”
“ค่ะ คุณนที พิมก็หวังเช่นนั้น”
ภาณุรุจขยับตัว หยิบแว่นกันแดดที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาใส่ บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าหมดเวลาที่จะต้องพูดคุยแบบเห็นหน้าเห็นตาอีกต่อ ไป
เมื่ออำลาสองสาวแล้ว สองหนุ่มก็ต่างแยกย้ายไปขึ้นรถคนละคัน ขับออกไปคนละทาง
*****************
ช่องทางสั่งจอง
- Inbox เพจ 'ปลายปากกาสำนักพิมพ์'
- Line: plaipakkabooks
- เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
-ร้านนิยายออนไลน์ที่ร่วมเปิดจอง (ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านThebookbokckub)
เต็มอิ่มจุใจด้วยจำนวน 544 หน้า
ในราคาเพียง 369฿ (จากราคาปก 402฿)
ส่งฟรีแบบลงทะเบียน กรณีจัดส่ง EMS บวกเพิ่ม 45฿
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ส่วนอีกคนที่อาวุโสน้อยกว่า มีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน ผิวขาวแต่ถูกแดดบ่มจนแดง ผมสีน้ำตาลเข้ม หน้าเรียว จมูกโด่ง ท่าทางปราดเปรียวดูเป็น ‘ขาลุย’ ภาณุรุจใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นปล่อยชายคลุมกางเกงขาสั้นผ้าฝ้ายเนื้อหนาสีกากี สิ่งที่ดูมีราคาที่สุดในตัวเขาน่าจะเป็นแว่นกันแดดสีฟ้าสด
สองหนุ่มคือคู่หูนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่รูปหล่อไฟแรง เป็นที่จับตาในวง การธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ ณ ขณะนี้ พวกเขาเป็นผู้บุกเบิกการทำรีสอร์ต การล่องแพ นั่งช้างในเขตธารรุ้งและอำเภอใกล้เคียง และนับวันกิจการก็ยิ่งจะเติบโตเพราะแทนที่จะเป็นคู่แข่ง ทั้งคู่กลับจับมือขยายธุรกิจร่วมกัน
จากลำธารฝั่งนี้ ชายหนุ่มทั้งสองมองไปยังบ้านไม้สองชั้นสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ไม่ไกล หลังคากระเบื้องลอนสีเขียวสอดรับกับบรรดาพุ่มไม้ไพรพฤกษ์รอบด้าน ที่บัดนี้แกว่งไกวเพราะแรงลม ด้านล่างส่วนหน้าของตัวบ้าน เปิดเป็นใต้ถุนโล่งแบบบ้านตามชนบททั่วไป โดยเจ้าของบ้านได้จัดแต่งพื้นที่ตรงนี้เป็นที่รับแขกและนั่งเล่น ส่วนโรงรถนั้นแยกไว้ต่างหาก
ไกลจากตัวบ้านออกไปทางซ้ายมือของจุดที่ทั้งคู่ยืน มองเห็นพื้นที่ไล่ระดับลาดชันขึ้นก่อนจะมุดตัวหายลงไปอีกด้าน จุดนี้เคยเป็นสวนผสมที่ทั้งสองเคยเห็นอยู่บ่อยๆ แต่บัดนี้เจ้าสวนที่ว่าได้หายไปหมดแล้ว ส่วนที่เข้ามาแทนคือพื้นที่โล่งเตียนจากการไถพรวน และมีร่องรอยการหว่านปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน
ภาณุรุจรู้สึกเสียดายและใจหายระคนกัน ที่ทางสวยขนาดนี้ เนินกว้างมีร่มไม้ใหญ่หลายต้น ติดลำธารใสแจ๋ว แถมยังอยู่ใกล้ภูเขาสีน้ำเงินเข้มด้วย ที่นี่คือจุดที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน ไหนจะไฮไลต์สำคัญเรื่องสายรุ้งนั่นอีกเล่า ขนาดเขายืนในที่ต่ำ ยังมองเห็นสายรุ้งตั้งครึ่งค่อนตัวทอดโค้งเหนือน้ำตก แล้วถ้ามองลงมาจากเนินสูงนั้นเล่า รับรองต้องมองเห็นรุ้งได้เต็มตาเต็มตัว
ถ้าพื้นที่ตรงนี้เป็นรีสอร์ต จะน่าหลงใหลสักเพียงใดหนอ...
เขาเองตั้งใจจะสร้างให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติด้วย เชื่อว่ามันจะ ต้องกลายเป็นถิ่นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่บอกปากต่อปากกันทั่วโลกเป็นแน่ เพราะปกติก็บ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวเมื่อนั่งช้างผ่านมาตรงนี้ ต่างตื่นตาตื่นใจและชี้ชวนกันดูสายรุ้งเหนือธารน้ำ ภาณุรุจคิดไม่ออกเลยว่า มันจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด ถ้าคนพวกนั้นได้เห็นความงามที่ว่านี้แทบทุกวันขณะเข้าพักที่รีสอร์ตของเขา
แต่ฝันเขาก็สลายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่ที่งามราวเทพนิรมิตผืนนี้ จู่ๆ มันจะกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมไปได้ และไม่ ใช่เกษตรกรรมใหญ่ยิ่งอะไรด้วย มันกำลังจะกลายเป็นแค่ไร่ดอกไม้พื้นๆ อยู่ข้างหน้า
“เขาเตรียมการกันถึงขนาดนี้แล้ว...” นทีเอ่ยขึ้น “...ไม่กี่วันก็คงขึ้นแปลง เขาถึงว่าสัจจะชาวบ้านเชื่อไม่ได้ ไอ้เราก็นอนใจมานาน ไม่คิดว่าเขาจะไม่ขายให้ เอาไงดีไผ่ เรายังไม่ถอยใช่ไหม”
“ครับ พี่นทีก็รู้นี่ครับว่าผมไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ”
“ผมก็สู้ยิบตา” นทีว่า เขาใช้สรรพนามแทนตัวเองกับภาณุรุจว่า ‘ผม’ ตามความเคยชินตั้งแต่แรกพบกันที่ต่างประเทศ “แล้วจะทำยังไง ข้อ เสนอใหม่ของเรา เขาก็ปฏิเสธ เราก็ไม่ใช่พวกนักเลงโตประเภทเผาไล่ที่ซะด้วย”
“กำลังคิดอยู่ครับพี่ ผมว่าบางทีต้องอาศัยเวลาอีกหน่อย ตอนนี้เราต่อให้เขาไปก่อนแล้วกัน”
นทีขมวดคิ้วอย่างสงสัย ภาณุรุจพูดต่อ
“เมื่อวานตอนพาลูกค้าไปลงเรือ เห็นพิมริสาคุยอยู่กับเกดแก้ว สองคนนี้เป็นเพื่อนเก่ากัน เกดบอกผมว่าพิมมาขอคำแนะนำเรื่องหาคนงาน กับเรื่องหาตลาดแถวนี้ คิดดูสิครับ ยังไม่พร้อมตั้งหลายอย่างแต่ไถที่เตรียมปลูกกันแล้ว”
“ดูเหมือนพ่อแม่เขาก็ตามใจลูกด้วยนะ ตัวเองเป็นคนสวนอยู่แล้ว กลับให้ลูกมาเป็นแกนหลักเสียอย่างนั้น ครอบครัวนี้ไม่ใช่เกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จอะไร เขาโชคดีที่มีมรดกเป็นที่ดินที่สวยสุดยอดจากบรรพบุรุษเท่านั้น” มีรอยยิ้มหยันจากปากคนพูด
“แต่ก็อย่าประเมินเขาต่ำไปครับ พิมริสาเป็นคนรุ่นใหม่ จบเกียรตินิยมด้วย เรื่องไร่ปทุมมาที่ผมว่าเรายังมีโอกาสก็คือ ต่อให้เขาปลูกแล้ว เราก็ยังไปคุยใหม่ได้นี่ครับ ทำเลตรงนี้ยังไงมันก็ไม่ไปไหน พี่ว่าจริงไหม”
“อืม ก็จริง ต่อให้เขาปลูกสำเร็จ เรายังเทคโอเวอร์ได้อีก มันยังซื้อกันได้นะของพรรค์นี้”
“ใช่ครับ เรายังมีหวัง ที่จริงผมเองก็ใจร้อน แต่ยอมรับว่ายังคิดแผนอื่นยังไม่ออก เอาเงินไปฟาดหัวเขาเมื่อวาน เขาก็ไม่ยอมให้ฟาด” ภาณุรุจหัวเราะเบาๆ กับคำพูดตัวเอง “ดูเหมือนยายพิมกำลังกินอุดมคติอยู่อย่างเอร็ดอร่อย”
“ฟังดูแล้ว คุณกับน้องพิมอะไรนี่ เหมือนจะไม่ค่อยกินเส้นกันจริงๆ นะ ที่จริงเป็นพี่น้องสถาบันเดียวกัน น่าจะไปกันได้ดีนี่นา”
“ไม่รู้สิครับ เขายังผูกใจเจ็บกับผมไม่หายที่สมัยเรียนผมไปว้ากเขา ที่จริง ผมก็ว้ากรุ่นน้องทุกรุ่นนั่นแหละ ขืนไม่ว้าก ทำตัวจ๋อยๆ รุ่นน้องเองต่างหากที่มองเราไม่เอาไหน ถึงขั้นไม่นับถือเอาเลย” ภาณุรุจพูดพลางส่ายหน้าอย่างระอา “แล้วพอมาเจอกันอีก ก็มีเรื่องช้างอีกเรื่องที่เขาไม่พอใจ”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็เห็นพรผกากับพิมริสาเดินลงมาจากตัวบ้าน สองสาวมองมาที่สองหนุ่มแล้วหันไปซุบซิบกันก่อนจะชักชวนกันเดินมา
“นั่นหรือ พิมริสา” นทีเอียงหน้าไปถามภาณุรุจเบาๆ และโดยไม่รอคำตอบ เขาก็โพล่งขึ้นว่า “งามยังกับนางฟ้า”
คำพูดของพี่ชายร่วมหุ้นทำเอาภาณุรุจสะดุ้งอยู่ข้างใน แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยเห็นนทีสนใจจะเอ่ยชมสาวใด แต่คิดอีกทีก็ไม่แปลก เพราะพิมริสาสวยเด่นมาแต่ไกลจริงๆ ขนาดอยู่ห่างขนาดนั้น ออร่าของเธอก็ยังส่องมาถึง นักร้องหรือดาราบางคนที่เขาเคยเห็นตัวจริงเสียอีก ยังออร่าไม่เท่านี้ ส่วนครูพรผกานั้น เมื่อเดินมากับน้อง เธอก็ดูหมองไปถนัด ทั้งๆ ที่เขาก็เคยคิดว่าเธอเป็นคนสวยหาตัวจับยากคนหนึ่งของธารรุ้ง
สองสาวเดินมาหยุดยืนที่อีกฟากสะพาน สี่คนต่างมีลำธารจุดที่แคบที่สุดขวางกั้นอยู่
“คุณนที จะมาหาคุณพ่อหรือคะ”
พรผกาเอ่ยถามนทีเพราะเคยพูดคุยกันบ้าง ส่วนกับภาณุรุจนั้น แม้เขาจะอยู่ที่ธารรุ้งนานแล้ว แต่เพราะวงจรที่ไม่ตรงกัน เธอจึงเคยเห็นเขาแบบผ่านๆ แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น และวันนี้เมื่อได้เห็นในระยะใกล้ ก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนุ่มหน้าตาดี ดูอ่อนเยาว์อยู่มาก อายุก็น่าจะรุ่นเดียวกับเธอหรือพี่ชาย
นทีหันไปทางภาณุรุจ ก่อนตอบ “ใช่ครับครู เราจะ...”
“ถ้าพวกพี่จะมาคุยเรื่องซื้อที่กับพ่อ” เป็นเสียงของพิมริสาที่เจาะจงพูดกับภาณุรุจ “พี่ก็เห็นแล้วนะคะว่า เราไถหมดแล้ว อีกวันสองวันก็ลงต้น ไม้”
“ใช่ พี่เห็นแล้วละ พี่กับคุณนทีก็เลยยืนคุยกันแค่ตรงนี้ไง”
ตอบแล้วเขาก็ยกมือขึ้นกอดอก ขากางออกเล็กน้อย หันหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนความเอือมระอากับท่าทีของพิมริสา ที่จริง เมื่อวานเขาไม่น่าช่วยฉุดเธอไว้เลย น่าจะปล่อยให้ตกลงไปในแอ่งน้ำลึกให้รู้แล้วรู้รอด ผู้หญิงอะไรพูดจาได้กวนทุกคำ
“เข้าไปข้างในก่อนก็ได้นะคะ ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน”
พรผกาเอ่ยชวน ความเป็นครูทำให้เธอค่อนข้างใจเย็นกว่าน้องสาวและพูดจาอ่อนหวานกับทุกคน
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับครู” นทีตอบพรผกา แต่ตายังชำเลืองไปที่อีกคน “ก็อย่างที่คุณพิมเธอพูดนั่นแหละครับ ยังไงพ่อของพวกคุณก็คงไม่เปลี่ยนใจแล้ว”
“พรเสียใจด้วยนะคะคุณนที คุณไผ่ ที่ตรงนี้พ่อเขายกให้น้องพิมอยู่ก่อนแล้วน่ะค่ะ ลองเจรจากับเจ้าตัวดูอีกทีสิคะเผื่อจะเปลี่ยนใจ...ว่าไงพิม หืม เปลี่ยนใจขายเขาไหม” พรผกาหันมาเย้าน้องสาว “ยังทันนะ แค่เพิ่งไถเอง”
“แหม...พี่พรก็ นั่นพูดเล่นหรือพูดจริงล่ะคะ พิมไม่ตอบดีกว่า”
พิมริสาหน้างอใส่พี่สาวแล้วยืนนิ่ง นทีจึงส่งยิ้มให้เธอแล้วพูดเสียงสุภาพ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าเราสองคนทำให้คุณพิมไม่สบายใจ คุณไผ่เขาบอกว่า คุณเป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัยเขา วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสพบตัวจริง รู้สึกยินดีมากๆ เลยครับ”
“เช่นกันค่ะ”
เธอตอบสั้นๆ แม้ไม่มีรอยยิ้ม แต่ภาณุรุจก็จับได้ว่ามีความนุ่มนวลอยู่ในน้ำเสียง...ช่างแตกต่างกันเหลือเกินกับเวลาพูดกับเขา!
“เรื่องที่ดิน ในเมื่อทางครอบครัวคุณพิมไม่ขาย ทางผมก็คงไม่ติดใจอะไรแล้วละ และหวังว่าพวกเรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ จริงไหมครับ”
“ค่ะ คุณนที พิมก็หวังเช่นนั้น”
ภาณุรุจขยับตัว หยิบแว่นกันแดดที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาใส่ บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าหมดเวลาที่จะต้องพูดคุยแบบเห็นหน้าเห็นตาอีกต่อ ไป
เมื่ออำลาสองสาวแล้ว สองหนุ่มก็ต่างแยกย้ายไปขึ้นรถคนละคัน ขับออกไปคนละทาง
*****************
ช่องทางสั่งจอง
- Inbox เพจ 'ปลายปากกาสำนักพิมพ์'
- Line: plaipakkabooks
- เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
-ร้านนิยายออนไลน์ที่ร่วมเปิดจอง (ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านThebookbokckub)
เต็มอิ่มจุใจด้วยจำนวน 544 หน้า
ในราคาเพียง 369฿ (จากราคาปก 402฿)
ส่งฟรีแบบลงทะเบียน กรณีจัดส่ง EMS บวกเพิ่ม 45฿
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2562, 12:33:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2562, 12:33:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 619
<< บทที่ 5 -100% | บทที่ 6 -100% >> |