เรื่องรักวันไม่ธรรมดา [เรื่องสั้น 5 ตอนจบ]
อะไรก็เกิดขึ้นได้...ในโลกของความรัก เรื่องสั้นรักๆ 5 ตอนจบ ของ "สิรินดา" ความรักมีหลายแง่มุม และแม้มันจะมีมุมมืด แต่ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เมื่อ ReadAWrite มีโปรเจคดีๆ ก็ขอร่วมแจมด้วยสักหน่อย ชอบไม่ชอบเรื่องของสิรินดายังไง ก็ติชมมาได้นะคะ (^__^)
Tags: #READTOBER2019, สิรินดา, นิยาย, เรื่องสั้น, วัยรุ่น, แจ่มใส
ตอน: ทะเล ความเหงา และเขาอีกคน
บ้านชั้นเดียวสีขาวหลังนั้นตั้งอยู่ติดหาด สภาพโดยรวมของมันเหมือนบ้านพักตากอากาศเก๋ๆ ของใครสักคนมากกว่า 'ร้านนวด' มีป้ายที่ติดอยู่ด้านหน้าเป็นป้ายไม้ทาสีขาว แกะขอบเป็นลายดอกไม้ มีตัวหนังสือทำจากไม้ สีเขียวอ่อน 'spa&massage' ฉันผลักประตูเข้าไป พบว่าด้านหน้าเป็นสวนขนาดเล็ก ที่ระบบรดน้ำอัตโนมัติกำลังทำงาน การเปิดประตูของฉันทำให้เกิดเสียงกรุ๊งกริ๊งเบาๆ จังหวะนั้นเองที่ประตูบ้านเปิดออกมา
หญิงสาวคนหนึ่ง สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว สวมกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มชะโงกหน้าออกมา "มาแล้วหรือคะ เชิญค่ะ"
ฉันเดินตาม ผลักประตูบ้านเข้าไป กลิ่นตะไคร้ ซึ่งคงเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ร้านใช้ลอยอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ นั่นเพิ่มความมั่นใจให้ฉันนิดหนึ่งว่ามาไม่ผิดที่แน่นอนแล้ว
"สวัสดีค่ะ คุณมาจากโรงแรม'N' ใช่ไหมคะ พี่ณีโทรมาบอกเมื่อกี้ มาเช้าจัง ปกติที่นี่แขกจะมาสักสิบโมง" สาวคนเดิม ซึ่งตอนนี้ในมือของเธอมีสมุดที่คงเป็นตารางนัดหมายอยู่ในมือ "จองไว้สองชั่วโมง นวดคลายเครียดแบบไพรเวท"
ฉันพยักหน้า "พนักงานต้อนรับที่โรงแรมบอกว่าที่นี่นวดดีมาก โดยเฉพาะคอร์สไพรเวท เธอคะยั้นคะยอบุ๊กกี้งให้เสร็จสรรพ"
"ค่ะ แต่ก็ต้องจองกันหน่อย คุณโชคดีค่ะที่นัดหมายเดิมยกเลิกก่อนทางคุณโทรเข้ามานิดเดียว เชิญทางนี้เลยนะคะ รบกวนเปลี่ยนชุด แล้วก็รอที่ห้องริมระเบียงด้านในสุดเลยค่ะ"
ฉันรับเสื้อผ้าสีน้ำตาลอ่อนมาเปลี่ยน ก่อนออกจากห้องน้ำมีตู้เก็บเสื้อผ้าและของใช้ แยกไว้เป็นสัดส่วนพร้อมกุญแจล็อกอย่างดี ห้องด้านในสุดเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กๆ ที่ด้านหนึ่งเป็นกระจกเผยให้เห็นสวนที่จัดแต่งอย่างสวยงามไม่แพ้ด้านหน้า
"ดื่มน้ำอุ่นๆ ก่อนครับ"
"อุ๊ย" ฉันหันไป คนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ถือถาดใบเล็ก ซึ่งมีกาสีขาวและถ้วยเซรามิกสีเดียวกันไว้ในมือ ผมหยักศกที่ยาวระด้านหน้านั่นแทบจะปรกตา ถ้าดูไม่ผิด เหมือนมันจะผ่านการทำสีผมมาก่อน
"สวัสดีครับ ผมนัท ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ฉัน...คิดว่า"
คนที่เข้ามาใหม่เอากาน้ำชาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ยิ้มที่มุมปาก "คุณไม่คิดว่าคนนวดจะเป็นผู้ชาย และคุณไม่รู้ว่าคอร์สไพรเวทของที่นี่เป็นผู้ชายนวด"
ฉันพยักหน้า
"เจ้าหน้าที่ที่โรงแรมบอกฉันว่า ดูฉันจะเหนื่อยๆ สนใจนวดหรือเปล่า แถวๆ นี้มีที่นวดดีมากๆ ที่อยากแนะนำให้ที่หนึ่ง ถ้าหากฉันเครียด ที่นี่จะช่วยได้"
รอยยิ้มอ่อนๆ ของชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบของร้าน คือเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงน้ำตาลเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการส่ายหน้าน้อยๆ "พี่เขาลืมบอกอีกแล้ว"
"ถ้าฉันขอเปลี่ยน...คอร์ส"
"ถ้าคุณไม่แน่ใจ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเช็กดู เผื่อมีคนอื่นว่าง" ชายหนุ่มหายตัวไป อีกพักเดียวเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับก็เดินมาหาฉัน เธอบอกว่า 'พี่นัท' เป็นหมอนวดมือดี อยากให้ฉันลอง แล้วจะติดใจ แต่ถ้าฉันอยากจะเปลี่ยนคนนวดคนใหม่จริงๆ ก็จะหาให้
"อืม...ลองก็ได้ค่ะ" ฉันตัดสินใจในที่สุด ในเมื่อฉันบอกตัวเองว่าจะทำอะไรใหม่ๆ แล้วลองนวดไทยโดยหมอนวดผู้ชายที่เก่งๆ ดูสักทีจะเป็นไรไป
"ผมจะให้น้องหมอนวดฝึกหัดมานั่งอยู่ด้วยคนหนึ่งก็แล้วกัน คุณจะได้สบายใจ" คนนวดสรุป
.................
"คุณเครียดมาก" เสียงเบาๆ เอ่ยขึ้นในความเงียบ ฉันไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรในตอนแรก เพราะกำลังเพลินและใกล้ภาวะหลับเต็มที นิ้วเรียวแข็งแรงไต่ไล่จากต้นขาขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้มันกำลังร่ายมนตร์อยู่กลางหลัง
"นิดหน่อยค่ะ" ฉันตอบเบาๆ
"หวังว่าผมคงช่วยได้บ้าง ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ"
"ไม่ค่ะ สบายดีมากๆ" ฉันตอบ "เกือบหลับแล้ว"
"หลับไปเลยก็ได้ครับ"
และฉันก็หลับไปจริงๆ ตื่นขึ้นมาอีกที รู้สึกว่ารอบตัวเงียบสงบ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยยังส่งกลิ่นอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ ปลายเตียง มีสาวน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่
"ตื่นแล้วหรือคะ"
"นี่ฉันหลับไปนานไหม" ฉันลุกขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ "เกือบสองชั่วโมง ทำไมไม่ปลุกล่ะ"
"เราอยากให้คุณพักผ่อนให้สบายค่ะ พี่นัทบอกว่าคุณไม่ได้จะไปที่ไหนต่อ นอนได้ตลอดเช้า พี่เขานวดดีไหม"
ฉันพยักหน้า นี่ถ้าเปลี่ยนหมอนวดคงเสียดายแย่ ตอนแรกๆ ก็เขินๆ ที่มีผู้ชายมานวด แต่การทำงานของเขาดูเป็นมืออาชีพมาก และมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากจริงๆ
.................
"ฉันไม่ได้สั่งนี่คะ" ฉันเอ่ยกับพนักงานเสิร์ฟที่นำเครื่องดื่มสีสวยแก้วนั้นมาวางให้ที่โต๊ะ จะว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยก็ไม่น่าจะใช่ เพราะฉันมานั่งฟังเพลงและกินอาหารจนใกล้จะกลับแล้ว
"ผมสั่งให้เอง"
ฉันเงยหน้าขึ้น ผู้ชายที่เป็นมือนวดให้ฉันเมื่อตอนเช้านั่นเอง
"นั่งด้วยได้ไหมครับ โต๊ะเต็ม" เขาเอ่ย
"ได้ค่ะ ฉันกำลังจะกลับแล้ว" ฉันทำท่าจะยกมือเรียกเก็บเงิน บอกตรงๆ ว่าไม่มีแก่ใจจะอยู่คุยกับใครนัก
"โรงแรมใกล้แค่นี้เอง จะรีบไปไหน"
"ฉันไม่ชอบถูกใครจีบ และฉันไม่ได้อยากมีใครตอนนี้" ตอบตามตรง เพราะการที่ผู้ชายสักคนซื้อเครื่องดื่มให้หญิงสาวที่นั่งอยู่คนเดียวในร้านอาหารกึ่งผับ แถมขอนั่งด้วยมันมีเหตุผลอยู่ไม่กี่เรื่อง
"ผมแค่อยากคุยกับคุณ เพราะใหม่กับที่เกาะนี้เหมือนกัน เดาว่าคุณมาจากกรุงเทพฯ ผมก็มาจากกรุงเทพฯ ถึงเมื่อสองวันก่อน อีกห้าวันผมก็กลับแล้ว"
"..."
"ไม่เชื่อหรือครับ"
"ค่ะ ไม่เชื่อ"
"ผมชื่อนัทวีร์ เป็นอาจารย์สอนนวดแผนโบราณอยู่ที่กรุงเทพฯ ร้านที่คุณไปนวดเมื่อเช้า จ้างผมมาสอนเพิ่มเติมให้พนักงานในร้านอาทิตย์หนึ่ง ผมจะสอนพวกเขาตอนเช้าทุกวัน ก่อนเริ่มงาน อีกทีก็บ่ายแก่ๆ จนถึงสองทุ่ม"
ฉันเลิกคิ้ว แสดงว่าวันนั้นเขาเพิ่งสอนเสร็จ
"หน้าตาท่าทางผมคงไม่ให้" คนพูดหัวเราะกับตัวเอง "ผมสนใจด้านนี้ และก็เรียนจนได้ปริญญา แต่มากกว่านั้น ผมทำงานด้านนี้ระหว่างเรียนมาหลายปีแล้ว"
"...ถ้าฉันไม่ใช่ลูกค้าของคุณเมื่อเช้า ฉันคงไม่เชื่อ" เขานวดดีมากๆ และท่าทางที่เด็กๆ ในร้านค่อนข้างดูเคารพเกรงใจเขา เป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นอาจารย์ของพวกนั้นจริงๆ
"ผมพักที่นี่ เหมือนกับคุณ"
ฉันเบิกตากว้าง
"และคุณจำเป็นต้องได้รับการผ่อนคลายอย่างด่วน ผมจึงเสนอตัวนวดให้คุณเมื่อเช้า"
"คุณ...รู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการการผ่อนคลาย"
แววตานิ่งๆ ของเขามองตรงมาที่ฉัน แล้วก็ก้มลงหยิบเครื่องดื่มที่เขาสั่งให้ขึ้นมาส่งให้ "คุณควรจะดื่มมัน เมื่อวานผมลอง อร่อยมาก"
"บอกก่อนว่าคุณรู้ได้ยังไง"
"ผมเคยอกหักมาก่อน...ไม่นานมานี้" เขาตอบ คราวนี้จ้องตากลับแบบตรงไปตรงมา "ผมเห็นคุณเมื่อวานตอนที่เข้ามาที่ล็อบบี้ ได้ฟังเรื่องคุณคุยกับพนักงานต้อนรับ"
"คุณเดา" เขารู้ว่าฉันมาคนเดียว
"ผมไม่ได้เห็นด้วยตา แต่ผมเห็นจากความรู้สึก และยิ่งชัดตอนที่นวดคุณวันนี้"
ฉันก้มหน้า
"คุณจะให้ผมถือมันทั้งคืน หรือว่ารับไปดื่มก่อนที่น้ำแข็งจะละลาย มันไม่มีแอลกอฮอล์รับรอง"
เครื่องดื่มรสดีจริงอย่างที่เขาบอก ฉันจิบไปสองอีกแล้วส่งคืน
"ฉันจะขึ้นไปนอนแล้ว ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่ม"
"คุณยังไม่ได้กินอะไร" เขามองโต๊ะที่มีเพียงของกินเล่นหนึ่งจานที่พร่องไปนิดเดียว
"ฉันไม่หิว และ..."
อีกฝ่ายโบกมือ "โอเค คุณไม่อยากคุยกับใคร เชิญครับ ตามสบาย"
ฉันพยักหน้า เรียกเก็บเงิน
"ขอบคุณนะคะที่มานั่งคุยด้วย"
หมอนัทอมยิ้ม ยกแก้วเครื่องดื่มที่ฉันเพิ่งดื่มส่งให้ "เอาขึ้นไปจิบเล่นบนห้องได้ครับ เสียดาย"
ฉันรับมา แล้วก็เดินกลับขึ้นห้องเงียบๆ ... คนเดียว
.................
ฉันอยู่เกาะนี้มาห้าวันแล้ว ทุกวันฉันจะหากิจกรรมง่ายๆ สบายๆ ทำ ไม่ออกไปเดินเล่นริมหาด ก็นั่งอ่านหนังสือข้างสระว่ายน้ำ ออกไปหากาแฟ ที่ร้านกาแฟดื่ม หนังสือที่พกมาด้วยสองเล่มจบไปหนึ่งเล่ม และอีกเล่มผ่านไปแล้วกว่าครึ่ง
พรุ่งนี้จะกลับแล้ว วันนี้ฉันตื่นสาย สิบโมงกว่าตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินแบบรวมสองมื้อไปด้วยกัน พร้อมกับหาที่อ่านหนังสือที่ค้างไว้ให้จบด้วย เดินพ้นมาจากบันไดก็ต้องชะงักเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งยืนคุยกับเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับอยู่
ฉันพยักหน้าให้ทั้งคู่ แล้วก็เดินเลยออกมาจากโรงแรม หันทิศไปยังร้านอาหารเป้าหมายซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมไม่เกินห้าสิบเมตร
"เดินเร็วจัง" เสียงเบาๆ จากด้านหลัง "กลัวจิ๊กโก๋แถวนี้ตามหรือไง"
"เปล่า ฉันหิว" ฉันตอบ หันไปยิ้มกับคนที่เดินมาจนทันนิดหนึ่ง "วันนี้ไม่ทำงานเหรอคะ"
"วันหยุด" เขาตอบ "ให้เดาคุณจะไปร้านข้างหน้าใช่ไหม"
ฉันพยักหน้า
"ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม ผมยังไม่กินข้าวเช้าเหมือนกัน"
ฉันเงียบ
"คุณยังอยากอยู่คนเดียวอีกเหรอ อยู่คนเดียวมาหลายวันยังไม่เบื่ออีกหรือไง มาอยู่นี่ได้กินอาหารทะเลบ้างหรือยัง"
คำตอบในใจของฉันคือไม่ ทั้งสองอย่าง ถ้าตอบตรงๆ อยู่เงียบๆ คนเดียวมาหลายวันมันก็เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน
"คุณมาที่นี่บ่อยแค่ไหน"
"ช่วงนี้เดือนละครั้ง มาสามเดือนแล้ว" คนข้างๆ ตอบ
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงพอรู้จักร้านอร่อย"
"ก็พอได้ เดี๋ยวพาไป รับรองอร่อยจริง"
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากคุยกับฉัน แต่ถึงจังหวะนี้ การมีเพื่อนกินข้าว แถมน่าจะเชื่อได้ว่าอร่อย ก็คงดีกว่านั่งกินอยู่คนเดียว
การเริ่มต้นรู้จักกันของฉันกับผู้ชายที่ชื่อนัทวีร์เกิดขึ้นภายในร้านอาหารเล็กๆ ริมทะเลที่อยู่ห่างจากโรงแรมไปพักใหญ่ ร้านอยู่ในซอยแถมอยู่ชั้นสอง แต่ด้วยความที่ผนังเปิดโล่ง จึงทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลไกลๆ ได้
เราสั่งอาหารทะเลสองสามอย่าง รสชาติดีและมีความเป็นพื้นเมืองแบบฟิวชั่น ไม่รู้ว่าความสดของอาหาร ความเก่งกาจของแม่ครัว หรือความหิวของฉันและเพื่อนใหม่ เราจัดการทุกอย่างหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นานนัก
บทสนทนาเริ่มด้วยเรื่องอาหาร และตามมาด้วยเรื่องอะไรอีกมากมาย
การมีคนคุยด้วย โดยที่ไม่ต้องคิดว่าเราจะต้องพบกันอีกหรือไม่ มันทำให้ความรู้สึกว่างเปล่าในหลายวันที่ผ่านมาของฉันเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง
...ตบท้าย เหมือนเราจะยังคุยกันไม่จบ หลังอาหาร นัทวีร์ชวนฉันเดินย่อยอาหารไปยังร้านกาแฟแบบเก๋ไม่ไกลจากร้านอาหารแห่งนั้นนัก
"ลูกค้าต่างชาติของผมคนหนึ่งแนะนำ"
"ผู้หญิง?"
เขาหัวเราะไม่ปฏิเสธ เขามีลูกค้าที่มากินข้าว ดื่มกาแฟด้วยกันกี่คนแล้วนะ
แต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของฉันนี่ เราเจอกันวันนี้ และพรุ่งนี้เราก็จะแยกจากกันตลอดกาลแล้ว ทำไมฉันจะต้องคิดถึงเรื่องเก่าของเขากันด้วย
"ทำไมคุณถึงจับพลัดจับผลูมาเรียนนวดได้ค่ะ ฉันไม่ค่อยเห็นผู้ชายอยู่ในวงการนี้มากนัก"
คนฟังหัวเราะเบาๆ
"ถูกถามบ่อยล่ะสิ"
เขาพยักหน้า "ผมตั้งใจ และอยากเรียนมันจริงๆ ศาสตร์ด้านนี้เป็นอะไรที่น่าค้นหา มันเป็นการทำงานเพื่อช่วยทำให้คนมีความสุข ผ่อนคลาย บางครั้งก็ลดการเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อ ผมชอบความรู้สึกที่เห็นลูกค้ามีความสุขออกไปหลังจากนวด" คนพูดมีแววตาที่บอกได้ว่า เขาภูมิใจในมันมาก "อีกอย่าง สมัยเด็กผมก็เกเรเสียจนเรียนอย่างอื่นไม่ได้" ชายหนุ่มเปิดกระเป๋า หยิบนามบัตรของตัวเองออกมา "ถ้าคุณกลับไปกรุงเทพฯ แล้วอยากนวด ไปหาผมได้นะ ผมทำงานที่นี่"
ฉันมองไปที่นามบัตรใบเล็กๆ ที่รับมา แล้วก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงภูมิใจในงาน สปาในโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งเป็น chain ของโรงแรมต่างชาติ
"คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอกหัก แล้วเครียดแบบนี้อีกบ่อยๆ หรอก" ฉันพึมพำราวกับพูดกับตัวเองมากกว่า "แต่ก็ขอบคุณนะ"
"การนวดคือการผ่อนคลาย และการตอบแทนให้ร่างกายได้พักผ่อนนะครับ อย่าไปคิดว่าต้องเครียด ต้องเมื่อย แล้วถึงไปหาหมอนวด" คนพูดจิบกาแฟ "คิดแบบนี้พวกผมก็หมดอนาคตกันหมด"
ฉันยิ้มตอบ เก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าสตางค์ ไม่ได้ตกปากรับคำอะไร...เพราะฉันไม่ชอบพูดโกหก
บอกตัวเองว่าถึงอยากจะไปนวดกับเขา...ก็คงไม่มีปัญญาไปสปาโรงแรมดังๆ แบบนั้นหรอก
หญิงสาวคนหนึ่ง สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว สวมกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มชะโงกหน้าออกมา "มาแล้วหรือคะ เชิญค่ะ"
ฉันเดินตาม ผลักประตูบ้านเข้าไป กลิ่นตะไคร้ ซึ่งคงเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ร้านใช้ลอยอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ นั่นเพิ่มความมั่นใจให้ฉันนิดหนึ่งว่ามาไม่ผิดที่แน่นอนแล้ว
"สวัสดีค่ะ คุณมาจากโรงแรม'N' ใช่ไหมคะ พี่ณีโทรมาบอกเมื่อกี้ มาเช้าจัง ปกติที่นี่แขกจะมาสักสิบโมง" สาวคนเดิม ซึ่งตอนนี้ในมือของเธอมีสมุดที่คงเป็นตารางนัดหมายอยู่ในมือ "จองไว้สองชั่วโมง นวดคลายเครียดแบบไพรเวท"
ฉันพยักหน้า "พนักงานต้อนรับที่โรงแรมบอกว่าที่นี่นวดดีมาก โดยเฉพาะคอร์สไพรเวท เธอคะยั้นคะยอบุ๊กกี้งให้เสร็จสรรพ"
"ค่ะ แต่ก็ต้องจองกันหน่อย คุณโชคดีค่ะที่นัดหมายเดิมยกเลิกก่อนทางคุณโทรเข้ามานิดเดียว เชิญทางนี้เลยนะคะ รบกวนเปลี่ยนชุด แล้วก็รอที่ห้องริมระเบียงด้านในสุดเลยค่ะ"
ฉันรับเสื้อผ้าสีน้ำตาลอ่อนมาเปลี่ยน ก่อนออกจากห้องน้ำมีตู้เก็บเสื้อผ้าและของใช้ แยกไว้เป็นสัดส่วนพร้อมกุญแจล็อกอย่างดี ห้องด้านในสุดเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กๆ ที่ด้านหนึ่งเป็นกระจกเผยให้เห็นสวนที่จัดแต่งอย่างสวยงามไม่แพ้ด้านหน้า
"ดื่มน้ำอุ่นๆ ก่อนครับ"
"อุ๊ย" ฉันหันไป คนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ถือถาดใบเล็ก ซึ่งมีกาสีขาวและถ้วยเซรามิกสีเดียวกันไว้ในมือ ผมหยักศกที่ยาวระด้านหน้านั่นแทบจะปรกตา ถ้าดูไม่ผิด เหมือนมันจะผ่านการทำสีผมมาก่อน
"สวัสดีครับ ผมนัท ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ฉัน...คิดว่า"
คนที่เข้ามาใหม่เอากาน้ำชาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ยิ้มที่มุมปาก "คุณไม่คิดว่าคนนวดจะเป็นผู้ชาย และคุณไม่รู้ว่าคอร์สไพรเวทของที่นี่เป็นผู้ชายนวด"
ฉันพยักหน้า
"เจ้าหน้าที่ที่โรงแรมบอกฉันว่า ดูฉันจะเหนื่อยๆ สนใจนวดหรือเปล่า แถวๆ นี้มีที่นวดดีมากๆ ที่อยากแนะนำให้ที่หนึ่ง ถ้าหากฉันเครียด ที่นี่จะช่วยได้"
รอยยิ้มอ่อนๆ ของชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบของร้าน คือเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงน้ำตาลเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการส่ายหน้าน้อยๆ "พี่เขาลืมบอกอีกแล้ว"
"ถ้าฉันขอเปลี่ยน...คอร์ส"
"ถ้าคุณไม่แน่ใจ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเช็กดู เผื่อมีคนอื่นว่าง" ชายหนุ่มหายตัวไป อีกพักเดียวเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับก็เดินมาหาฉัน เธอบอกว่า 'พี่นัท' เป็นหมอนวดมือดี อยากให้ฉันลอง แล้วจะติดใจ แต่ถ้าฉันอยากจะเปลี่ยนคนนวดคนใหม่จริงๆ ก็จะหาให้
"อืม...ลองก็ได้ค่ะ" ฉันตัดสินใจในที่สุด ในเมื่อฉันบอกตัวเองว่าจะทำอะไรใหม่ๆ แล้วลองนวดไทยโดยหมอนวดผู้ชายที่เก่งๆ ดูสักทีจะเป็นไรไป
"ผมจะให้น้องหมอนวดฝึกหัดมานั่งอยู่ด้วยคนหนึ่งก็แล้วกัน คุณจะได้สบายใจ" คนนวดสรุป
.................
"คุณเครียดมาก" เสียงเบาๆ เอ่ยขึ้นในความเงียบ ฉันไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรในตอนแรก เพราะกำลังเพลินและใกล้ภาวะหลับเต็มที นิ้วเรียวแข็งแรงไต่ไล่จากต้นขาขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้มันกำลังร่ายมนตร์อยู่กลางหลัง
"นิดหน่อยค่ะ" ฉันตอบเบาๆ
"หวังว่าผมคงช่วยได้บ้าง ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ"
"ไม่ค่ะ สบายดีมากๆ" ฉันตอบ "เกือบหลับแล้ว"
"หลับไปเลยก็ได้ครับ"
และฉันก็หลับไปจริงๆ ตื่นขึ้นมาอีกที รู้สึกว่ารอบตัวเงียบสงบ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยยังส่งกลิ่นอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ ปลายเตียง มีสาวน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่
"ตื่นแล้วหรือคะ"
"นี่ฉันหลับไปนานไหม" ฉันลุกขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ "เกือบสองชั่วโมง ทำไมไม่ปลุกล่ะ"
"เราอยากให้คุณพักผ่อนให้สบายค่ะ พี่นัทบอกว่าคุณไม่ได้จะไปที่ไหนต่อ นอนได้ตลอดเช้า พี่เขานวดดีไหม"
ฉันพยักหน้า นี่ถ้าเปลี่ยนหมอนวดคงเสียดายแย่ ตอนแรกๆ ก็เขินๆ ที่มีผู้ชายมานวด แต่การทำงานของเขาดูเป็นมืออาชีพมาก และมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากจริงๆ
.................
"ฉันไม่ได้สั่งนี่คะ" ฉันเอ่ยกับพนักงานเสิร์ฟที่นำเครื่องดื่มสีสวยแก้วนั้นมาวางให้ที่โต๊ะ จะว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยก็ไม่น่าจะใช่ เพราะฉันมานั่งฟังเพลงและกินอาหารจนใกล้จะกลับแล้ว
"ผมสั่งให้เอง"
ฉันเงยหน้าขึ้น ผู้ชายที่เป็นมือนวดให้ฉันเมื่อตอนเช้านั่นเอง
"นั่งด้วยได้ไหมครับ โต๊ะเต็ม" เขาเอ่ย
"ได้ค่ะ ฉันกำลังจะกลับแล้ว" ฉันทำท่าจะยกมือเรียกเก็บเงิน บอกตรงๆ ว่าไม่มีแก่ใจจะอยู่คุยกับใครนัก
"โรงแรมใกล้แค่นี้เอง จะรีบไปไหน"
"ฉันไม่ชอบถูกใครจีบ และฉันไม่ได้อยากมีใครตอนนี้" ตอบตามตรง เพราะการที่ผู้ชายสักคนซื้อเครื่องดื่มให้หญิงสาวที่นั่งอยู่คนเดียวในร้านอาหารกึ่งผับ แถมขอนั่งด้วยมันมีเหตุผลอยู่ไม่กี่เรื่อง
"ผมแค่อยากคุยกับคุณ เพราะใหม่กับที่เกาะนี้เหมือนกัน เดาว่าคุณมาจากกรุงเทพฯ ผมก็มาจากกรุงเทพฯ ถึงเมื่อสองวันก่อน อีกห้าวันผมก็กลับแล้ว"
"..."
"ไม่เชื่อหรือครับ"
"ค่ะ ไม่เชื่อ"
"ผมชื่อนัทวีร์ เป็นอาจารย์สอนนวดแผนโบราณอยู่ที่กรุงเทพฯ ร้านที่คุณไปนวดเมื่อเช้า จ้างผมมาสอนเพิ่มเติมให้พนักงานในร้านอาทิตย์หนึ่ง ผมจะสอนพวกเขาตอนเช้าทุกวัน ก่อนเริ่มงาน อีกทีก็บ่ายแก่ๆ จนถึงสองทุ่ม"
ฉันเลิกคิ้ว แสดงว่าวันนั้นเขาเพิ่งสอนเสร็จ
"หน้าตาท่าทางผมคงไม่ให้" คนพูดหัวเราะกับตัวเอง "ผมสนใจด้านนี้ และก็เรียนจนได้ปริญญา แต่มากกว่านั้น ผมทำงานด้านนี้ระหว่างเรียนมาหลายปีแล้ว"
"...ถ้าฉันไม่ใช่ลูกค้าของคุณเมื่อเช้า ฉันคงไม่เชื่อ" เขานวดดีมากๆ และท่าทางที่เด็กๆ ในร้านค่อนข้างดูเคารพเกรงใจเขา เป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นอาจารย์ของพวกนั้นจริงๆ
"ผมพักที่นี่ เหมือนกับคุณ"
ฉันเบิกตากว้าง
"และคุณจำเป็นต้องได้รับการผ่อนคลายอย่างด่วน ผมจึงเสนอตัวนวดให้คุณเมื่อเช้า"
"คุณ...รู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการการผ่อนคลาย"
แววตานิ่งๆ ของเขามองตรงมาที่ฉัน แล้วก็ก้มลงหยิบเครื่องดื่มที่เขาสั่งให้ขึ้นมาส่งให้ "คุณควรจะดื่มมัน เมื่อวานผมลอง อร่อยมาก"
"บอกก่อนว่าคุณรู้ได้ยังไง"
"ผมเคยอกหักมาก่อน...ไม่นานมานี้" เขาตอบ คราวนี้จ้องตากลับแบบตรงไปตรงมา "ผมเห็นคุณเมื่อวานตอนที่เข้ามาที่ล็อบบี้ ได้ฟังเรื่องคุณคุยกับพนักงานต้อนรับ"
"คุณเดา" เขารู้ว่าฉันมาคนเดียว
"ผมไม่ได้เห็นด้วยตา แต่ผมเห็นจากความรู้สึก และยิ่งชัดตอนที่นวดคุณวันนี้"
ฉันก้มหน้า
"คุณจะให้ผมถือมันทั้งคืน หรือว่ารับไปดื่มก่อนที่น้ำแข็งจะละลาย มันไม่มีแอลกอฮอล์รับรอง"
เครื่องดื่มรสดีจริงอย่างที่เขาบอก ฉันจิบไปสองอีกแล้วส่งคืน
"ฉันจะขึ้นไปนอนแล้ว ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่ม"
"คุณยังไม่ได้กินอะไร" เขามองโต๊ะที่มีเพียงของกินเล่นหนึ่งจานที่พร่องไปนิดเดียว
"ฉันไม่หิว และ..."
อีกฝ่ายโบกมือ "โอเค คุณไม่อยากคุยกับใคร เชิญครับ ตามสบาย"
ฉันพยักหน้า เรียกเก็บเงิน
"ขอบคุณนะคะที่มานั่งคุยด้วย"
หมอนัทอมยิ้ม ยกแก้วเครื่องดื่มที่ฉันเพิ่งดื่มส่งให้ "เอาขึ้นไปจิบเล่นบนห้องได้ครับ เสียดาย"
ฉันรับมา แล้วก็เดินกลับขึ้นห้องเงียบๆ ... คนเดียว
.................
ฉันอยู่เกาะนี้มาห้าวันแล้ว ทุกวันฉันจะหากิจกรรมง่ายๆ สบายๆ ทำ ไม่ออกไปเดินเล่นริมหาด ก็นั่งอ่านหนังสือข้างสระว่ายน้ำ ออกไปหากาแฟ ที่ร้านกาแฟดื่ม หนังสือที่พกมาด้วยสองเล่มจบไปหนึ่งเล่ม และอีกเล่มผ่านไปแล้วกว่าครึ่ง
พรุ่งนี้จะกลับแล้ว วันนี้ฉันตื่นสาย สิบโมงกว่าตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินแบบรวมสองมื้อไปด้วยกัน พร้อมกับหาที่อ่านหนังสือที่ค้างไว้ให้จบด้วย เดินพ้นมาจากบันไดก็ต้องชะงักเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งยืนคุยกับเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับอยู่
ฉันพยักหน้าให้ทั้งคู่ แล้วก็เดินเลยออกมาจากโรงแรม หันทิศไปยังร้านอาหารเป้าหมายซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมไม่เกินห้าสิบเมตร
"เดินเร็วจัง" เสียงเบาๆ จากด้านหลัง "กลัวจิ๊กโก๋แถวนี้ตามหรือไง"
"เปล่า ฉันหิว" ฉันตอบ หันไปยิ้มกับคนที่เดินมาจนทันนิดหนึ่ง "วันนี้ไม่ทำงานเหรอคะ"
"วันหยุด" เขาตอบ "ให้เดาคุณจะไปร้านข้างหน้าใช่ไหม"
ฉันพยักหน้า
"ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม ผมยังไม่กินข้าวเช้าเหมือนกัน"
ฉันเงียบ
"คุณยังอยากอยู่คนเดียวอีกเหรอ อยู่คนเดียวมาหลายวันยังไม่เบื่ออีกหรือไง มาอยู่นี่ได้กินอาหารทะเลบ้างหรือยัง"
คำตอบในใจของฉันคือไม่ ทั้งสองอย่าง ถ้าตอบตรงๆ อยู่เงียบๆ คนเดียวมาหลายวันมันก็เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน
"คุณมาที่นี่บ่อยแค่ไหน"
"ช่วงนี้เดือนละครั้ง มาสามเดือนแล้ว" คนข้างๆ ตอบ
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงพอรู้จักร้านอร่อย"
"ก็พอได้ เดี๋ยวพาไป รับรองอร่อยจริง"
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากคุยกับฉัน แต่ถึงจังหวะนี้ การมีเพื่อนกินข้าว แถมน่าจะเชื่อได้ว่าอร่อย ก็คงดีกว่านั่งกินอยู่คนเดียว
การเริ่มต้นรู้จักกันของฉันกับผู้ชายที่ชื่อนัทวีร์เกิดขึ้นภายในร้านอาหารเล็กๆ ริมทะเลที่อยู่ห่างจากโรงแรมไปพักใหญ่ ร้านอยู่ในซอยแถมอยู่ชั้นสอง แต่ด้วยความที่ผนังเปิดโล่ง จึงทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลไกลๆ ได้
เราสั่งอาหารทะเลสองสามอย่าง รสชาติดีและมีความเป็นพื้นเมืองแบบฟิวชั่น ไม่รู้ว่าความสดของอาหาร ความเก่งกาจของแม่ครัว หรือความหิวของฉันและเพื่อนใหม่ เราจัดการทุกอย่างหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นานนัก
บทสนทนาเริ่มด้วยเรื่องอาหาร และตามมาด้วยเรื่องอะไรอีกมากมาย
การมีคนคุยด้วย โดยที่ไม่ต้องคิดว่าเราจะต้องพบกันอีกหรือไม่ มันทำให้ความรู้สึกว่างเปล่าในหลายวันที่ผ่านมาของฉันเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง
...ตบท้าย เหมือนเราจะยังคุยกันไม่จบ หลังอาหาร นัทวีร์ชวนฉันเดินย่อยอาหารไปยังร้านกาแฟแบบเก๋ไม่ไกลจากร้านอาหารแห่งนั้นนัก
"ลูกค้าต่างชาติของผมคนหนึ่งแนะนำ"
"ผู้หญิง?"
เขาหัวเราะไม่ปฏิเสธ เขามีลูกค้าที่มากินข้าว ดื่มกาแฟด้วยกันกี่คนแล้วนะ
แต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของฉันนี่ เราเจอกันวันนี้ และพรุ่งนี้เราก็จะแยกจากกันตลอดกาลแล้ว ทำไมฉันจะต้องคิดถึงเรื่องเก่าของเขากันด้วย
"ทำไมคุณถึงจับพลัดจับผลูมาเรียนนวดได้ค่ะ ฉันไม่ค่อยเห็นผู้ชายอยู่ในวงการนี้มากนัก"
คนฟังหัวเราะเบาๆ
"ถูกถามบ่อยล่ะสิ"
เขาพยักหน้า "ผมตั้งใจ และอยากเรียนมันจริงๆ ศาสตร์ด้านนี้เป็นอะไรที่น่าค้นหา มันเป็นการทำงานเพื่อช่วยทำให้คนมีความสุข ผ่อนคลาย บางครั้งก็ลดการเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อ ผมชอบความรู้สึกที่เห็นลูกค้ามีความสุขออกไปหลังจากนวด" คนพูดมีแววตาที่บอกได้ว่า เขาภูมิใจในมันมาก "อีกอย่าง สมัยเด็กผมก็เกเรเสียจนเรียนอย่างอื่นไม่ได้" ชายหนุ่มเปิดกระเป๋า หยิบนามบัตรของตัวเองออกมา "ถ้าคุณกลับไปกรุงเทพฯ แล้วอยากนวด ไปหาผมได้นะ ผมทำงานที่นี่"
ฉันมองไปที่นามบัตรใบเล็กๆ ที่รับมา แล้วก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงภูมิใจในงาน สปาในโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งเป็น chain ของโรงแรมต่างชาติ
"คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอกหัก แล้วเครียดแบบนี้อีกบ่อยๆ หรอก" ฉันพึมพำราวกับพูดกับตัวเองมากกว่า "แต่ก็ขอบคุณนะ"
"การนวดคือการผ่อนคลาย และการตอบแทนให้ร่างกายได้พักผ่อนนะครับ อย่าไปคิดว่าต้องเครียด ต้องเมื่อย แล้วถึงไปหาหมอนวด" คนพูดจิบกาแฟ "คิดแบบนี้พวกผมก็หมดอนาคตกันหมด"
ฉันยิ้มตอบ เก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าสตางค์ ไม่ได้ตกปากรับคำอะไร...เพราะฉันไม่ชอบพูดโกหก
บอกตัวเองว่าถึงอยากจะไปนวดกับเขา...ก็คงไม่มีปัญญาไปสปาโรงแรมดังๆ แบบนั้นหรอก
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ต.ค. 2562, 17:07:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ต.ค. 2562, 17:07:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 989
<< เรื่องเล่าต้นฤดูหนาว | ไม่ใช่เรื่องราวที่ผ่านเลย >> |