โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 10 -100%
เมื่อเห็นนทีนั่งอยู่กับพี่สาว พิมริสาอดที่จะมองๆ หาอีกคนไม่ได้ ทำไมรู้สึกเหมือนผิดหวังที่เห็นนทีมาคนเดียว ทั้งๆ ที่บอกตัวเองว่าไม่อยากเจอหน้ารุ่นพี่คนนั้น คนที่คอยจ้องจะซื้อที่ดินของเธอจนทำให้สัมพันธภาพที่ทำ ท่าว่าจะดีต้องมาแย่ลงไปอีก
เธอไม่อยากเจอ...แต่...แต่อีกใจก็อยากพบเขาสักนิด แค่นิดเดียวเพื่อ...ใช่สิ เธอยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เขาได้ช่วยเธอไว้ไม่ให้ตกเขื่อนที่มีน้ำไหลลึกอยู่เบื้องล่าง นี่คือเหตุผลที่เธออยากเจอเขา ไม่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้...พิมริสาบอกตัวเองอย่างนั้นตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาที่เธอไม่ได้พบเขา
ครั้นจะโทรศัพท์ไปหาก็...ไม่ใช่เรื่อง เขาเองก็คงสบายดี เพราะร่อนไปร่อนมากับเกดแก้ว ทั้งคู่ผ่านบ้านเธอไปที่ทำงานของภพพิชัยโดยไม่คิดจะแวะมาทักทายอะไร เมื่อคืน เมื่อได้ยินพี่ชายเล่า พิมริสาจึงนึกเคืองๆ ทำให้ต้องฉุนเฉียวใส่ผู้เป็นน้า แต่เธอก็ได้ขอโทษน้าชดไปแล้วตั้งแต่เช้ามืดที่ออก ไปดูต้นไม้ด้วยกัน เธอเป็นคนแบบนี้แหละ โกรธง่าย หายเร็ว และเป็นคนไม่ขี้เหนียวกับคำพูดพวก ‘ขอโทษ’ ‘ขอบคุณ’
นทีทักทายเธออย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เห็นพิมริสาแล้วเขานึกถึงดอก ไม้ที่เบ่งบานรับแสงตะวันในยามเช้า เธอช่างสดใสแบบนั้นไม่มีผิด
ส่วนพิมริสาก็นึกเดาว่า หุ้นส่วนของภาณุรุจต้องมายื่นข้อเสนออะไรใหม่ๆ เรื่องที่ดินอีกเป็นแน่ เธอจึงถามเสียงเรียบ
“คุณนทีจะมาขอซื้อที่ดินพิมอีกหรือคะ”
นทีรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน “เปล่าครับเปล่า แหม เข้าใจผิดกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย ผมเองเพิ่งจะบอกครูพรไปตะกี้นี่เองว่าผมเป็นคนแพ้เป็น สบายใจได้ครับคุณพิม เรื่องที่ผืนนี้ ผมปล่อยมือแน่นอนแล้ว”
หญิงสาวเลิกคิ้ว หันไปสบตาพี่สาว ก่อนจะหันกลับมามองเขาอีกรอบอย่างไม่เชื่อหู
ก็นายไผ่ยังอยากได้ไม่เลิกอยู่เลย ทำไมหุ้นส่วนมาพูดอีกอย่าง...
“จริงๆ หรือคะคุณนที”
“ก็จริงนะสิครับ คุณพิมเลิกกังวลเรื่องนี้ได้เลย ทำไร่ปทุมมาให้ออกดอกออกผลเต็มที่เถอะ มีอะไรจะให้ผมช่วยก็ขอให้บอก ผมยินดีเสมอ”
“แล้วพี่ไผ่ล่ะคะ คุณนทีตกลงกับเขาแล้วหรือ พิมรู้สึกว่าเขายังต้อง การที่ดินผืนนี้อยู่นะคะ”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ หุ้นส่วนไม่เอาเสียอย่าง ไผ่เขาก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก”
แววตาพิมริสายังคลางแคลง แต่เธอก็รู้สึกดีที่นทีเข้าใจเธอมากกว่าอีกคน นึกเปรียบเทียบหุ้นส่วนสองคนนี้แล้ว พิมริสาเริ่มเห็นความแตกต่าง นทีผู้ซึ่งใครๆ บอกว่าเป็นคนดุ เข้าถึงยาก แต่เอาเข้าจริงเขากลับเป็นคนรอม ชอมกว่าภาณุรุจที่ใครๆ ยกย่องว่าใจดี และเฟรนด์ลี่
ตั้งแต่เรื่องเส้นทางช้างมาแล้ว ภาณุรุจยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้ แต่นทีกลับเปลี่ยนให้อย่างง่ายดาย มาเรื่องที่ดินนี้อีก คนที่ควรจะเข้าใจเธอ น่าจะเป็นภาณุรุจ แต่กลับเป็นนทีอีกเช่นกัน แถมเขายังให้กำลังใจเธอเรื่องปลูกดอกไม้อีก
“ขอบคุณนะคะคุณนที พิมขอบคุณที่คุณเข้าใจเรา”
นทียิ้มเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าคมคายสมชายชาตรีมีเสน่ห์ขึ้นอีก
จากนั้นนทีก็พูดถึงธุระที่เขาต้องแวะมาบอกในวันนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องเดียวกับที่ภพพิชัยพูดถึงเมื่อคืนแล้ว แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่า พูดจบ ชายหนุ่มก็สรุปว่า
“งานปลูกป่านี้ ผมกับคุณไผ่อยากให้คนในชุมชนร่วมมือมากกว่าคนข้างนอกอีกครับ สื่อจะได้เอาไปกระจาย ภาพลักษณ์ของหมู่บ้านจะได้ดี เป็นที่จดจำ แล้วจากนั้นนักท่องเที่ยวก็จะเข้ามามากขึ้นทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มขึ้น”
“พรไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ถ้าใช้เวลาแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนอย่างคุณว่า และตรงกับเสาร์อาทิตย์ พรขอร่วมด้วย”
“ขอบคุณครับครู คุณพิมด้วยนะครับ ผมขอเชิญ”
พิมริสาอึกอักอยู่พักหนึ่งก่อนตอบตกลงกับเขา ก็นักธุรกิจใหญ่ใจดีอย่างนทีลงทุนมาเชิญด้วยตัวเองถึงบ้านทั้งที พี่สาวก็รับคำล่วงหน้าไปแล้วด้วย ยากที่เธอจะปฏิเสธเหลือเกิน ถ้าเธอไม่ไปก็คงจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวขึ้นมาทันที
นทีขอบคุณยกใหญ่ที่สองสาวให้ความร่วมมืออย่างดี เขายังคงชวนคุยต่อแต่เป็นเรื่องสัพเพเหระโดยไม่มีที่ท่าว่าจะกลับ พักใหญ่ทีเดียว พรผกาเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปนานแล้วจึงพูดขึ้นว่า
“ถ้าคุณนทียังไม่ทานอะไร ก็ขอเชิญทานข้าวเช้าด้วยกันนะคะ วันนี้พรจัดชุดใหญ่เลยค่ะ”
นทีมองไม่ออกว่านี่คือการไล่แบบสุภาพ หรือเชิญด้วยใจจริง แต่เขาก็อยากผูกสัมพันธ์กับครอบครัวนี้ให้แน่นแฟ้นขึ้นอีก ชายหนุ่มจึงรับคำ ไม่นานเขาก็มาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับทุกคนรวมถึงบิดามารดาของสองสาวด้วย และเพราะฝีมือการทำอาหารที่เลิศรสของพรผกา ทำให้นทีรับประทานจนอิ่มแปล้ก่อนจะลากลับไปอย่างชื่นมื่น
*******************
ที่ร้านอาหารของรีสอร์ตอิงไพรในคืนนั้น ภาณุรุจรับฟังหุ้นส่วนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าที่เขาไปที่บ้านของพิมริสาไปพลางจิบเบียร์ไปพลาง ยามนี้เบียร์ที่เย็นเป็นวุ้นกลับทำให้เขารู้สึกร้อนเหมือนกระเพาะจะมอดไหม้
นทีไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาเข้าตามตรอกออกตามประตูทุกอย่าง เขาพยายามเอาชนะใจสาวบ้านนั้นด้วยวิถีที่ถูกครรลอง ถึงกับไปนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับครอบครัวเธอแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย นทีก้าวหน้าอย่างยิ่ง โอกาสที่จะได้ที่ทางมาสร้างรีสอร์ตในฝันดูเหมือนไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ทำไมเขาทำใจให้เห็นดีเห็นงามไปกับเรื่องนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“วันที่ล่องแพปลูกป่า ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับสองสาวนั้นอีก ผมย้ำอีกทีนะไผ่ ถ้าคุณยังไม่มีใครในใจ ก็น่าจะลองเข้าทางพี่สาวของพิมริสาดู ครูพรผกาก็เป็นคนน่ารักมาก เป็นกุลสตรีทุกอย่าง ฝีมือการครัวนี่ก็ชั้นยอด”
“แล้วทำไมพี่นทีไม่ลองคบกับครูดูล่ะครับ”
ในที่สุดเขาก็หลุดปากประโยคนั้นไป นทีมองเขาด้วยความงุนงง
“อ้าว ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมชอบคนน้อง”
“ชอบจริงๆ หรือครับ หรือว่า...”
“เอ...คุณนี่แปลก ผมว่าผมเคยคุยให้ฟังแบบหมดเปลือกแล้วนะ ผมชอบพิมริสาจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตชีวา ดูน่ารักมาก ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งสดชื่น ใช่ ไอ้ที่ดินตรงนั้นผมก็อยากได้ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่พิมริสา คุณคิดว่าผมจะเข้าไปพัวพันด้วยหรือ ผมไม่ใช่พวกที่ลูบไม่มีหางแล้วคบหมดนะโว้ย” นทีพูดฉุนๆ
“ครับ เข้าใจแล้วครับ แล้ว...เธอมีทีท่ากับพี่ยังไงบ้าง” ภาณุรุจถามไปแล้วก็กลั้นใจฟังคำตอบ
“ก็ไม่รังเกียจอะไร อาจเพราะเธอเห็นว่าผมก็มีน้ำใจช่วยเธอเรื่องช้างด้วยมั้ง”
ภาณุรุจหัวเราะฝืด “ผมก็เลยกลายเป็นคนใจดำไปเลยสิเนี่ย”
“ไม่เอาน่าไผ่ อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวพอทุกอย่างลงเอย พิมก็คงเข้าใจคุณดี เท่าที่ดู เธอไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไรหรอกนะ ออกจะน่ารัก”
“ครับ ดีงามทุกอย่าง” ภาณุรุจแดกดันเนิบๆ แต่อีกฝ่ายไม่รู้สึกรู้สาเพราะกำลังคุยติดลม
“เรื่องครูพร เอาเป็นว่าก็แล้วแต่คุณแล้วกัน ที่ลุ้นเพราะเห็นว่าเธอเหมาะกับคุณ เหมาะกว่าเกดแก้วที่คุณไปไหนมาไหนด้วยเสียอีกนะ รายนั้นก็ไม่ใช่สเปกคุณไม่ใช่หรือ หรือว่าตอนนี้ใช่แล้ว”
“ก็ยังไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้คบเกดแบบแฟน แต่ทำงานแล้วดีลกันง่าย เธอเหมือนเพื่อนมากกว่า เรื่องผู้หญิง ผมไม่มีสเปกหรอก ชอบก็คือชอบ มันจะชอบของมันเอง”
“ต้องสวยสะเด็ดด้วยหรือเปล่า ผู้หญิงที่คุณจะปิ๊งได้เนี่ย ของผมนี่ยอมรับเลย ยังไงก็ขอสวยไว้ก่อน เพราะมองแล้วสบายใจ”
“สำหรับผม สิ่งนั้นมันก็แค่สะดุดตาแวบแรกเท่านั้นแหละครับ ถ้ามีอะไรบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้ผมรู้สึกชอบ ต่อให้ขี้เหร่ยังไงก็รับได้”
นทีหรี่ตา “จริงๆ หรือ”
“จริงครับ ดูแพมสิครับ พี่ก็เห็นว่าเธอไม่ใช่คนสวยอะไร หน้าก็ตกกระ แถมยังหนักกว่าผมตั้งหลายโล” เขาพูด มีรอยยิ้มเจือจางผุดขึ้นเมื่อนึกถึงอดีตคนรัก
“นี่คุณยังไม่ลืมแหม่มอังกฤษสิท่า”
“ไม่ลืมครับ แต่ไม่ได้แปลว่า ยังรัก”
“งั้นก็รีบหาแฟนเข้าสิ ไม่งั้นเดี๋ยวใครเขาจะหาว่าสองหนุ่มนักธุรกิจหล่อรวยที่ธารรุ้งเป็นเกย์นะ เพราะยังโสดทั้งคู่”
นทีพูดแล้วก็หัวเราะครื้นเครง ส่วนภาณุรุจนั้นได้แต่ยิ้มขื่นๆ ให้กับคืนอันหมองหมาง
************
สวัสดีปีใหม่ค่ารีดเดอร์ วันนี้มาซะดึกเลย แหะๆ มัวแต่ปั่นงาน อีบุ๊คโหลดได้ที่เว็บ mebmarket นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เธอไม่อยากเจอ...แต่...แต่อีกใจก็อยากพบเขาสักนิด แค่นิดเดียวเพื่อ...ใช่สิ เธอยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เขาได้ช่วยเธอไว้ไม่ให้ตกเขื่อนที่มีน้ำไหลลึกอยู่เบื้องล่าง นี่คือเหตุผลที่เธออยากเจอเขา ไม่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้...พิมริสาบอกตัวเองอย่างนั้นตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาที่เธอไม่ได้พบเขา
ครั้นจะโทรศัพท์ไปหาก็...ไม่ใช่เรื่อง เขาเองก็คงสบายดี เพราะร่อนไปร่อนมากับเกดแก้ว ทั้งคู่ผ่านบ้านเธอไปที่ทำงานของภพพิชัยโดยไม่คิดจะแวะมาทักทายอะไร เมื่อคืน เมื่อได้ยินพี่ชายเล่า พิมริสาจึงนึกเคืองๆ ทำให้ต้องฉุนเฉียวใส่ผู้เป็นน้า แต่เธอก็ได้ขอโทษน้าชดไปแล้วตั้งแต่เช้ามืดที่ออก ไปดูต้นไม้ด้วยกัน เธอเป็นคนแบบนี้แหละ โกรธง่าย หายเร็ว และเป็นคนไม่ขี้เหนียวกับคำพูดพวก ‘ขอโทษ’ ‘ขอบคุณ’
นทีทักทายเธออย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เห็นพิมริสาแล้วเขานึกถึงดอก ไม้ที่เบ่งบานรับแสงตะวันในยามเช้า เธอช่างสดใสแบบนั้นไม่มีผิด
ส่วนพิมริสาก็นึกเดาว่า หุ้นส่วนของภาณุรุจต้องมายื่นข้อเสนออะไรใหม่ๆ เรื่องที่ดินอีกเป็นแน่ เธอจึงถามเสียงเรียบ
“คุณนทีจะมาขอซื้อที่ดินพิมอีกหรือคะ”
นทีรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน “เปล่าครับเปล่า แหม เข้าใจผิดกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย ผมเองเพิ่งจะบอกครูพรไปตะกี้นี่เองว่าผมเป็นคนแพ้เป็น สบายใจได้ครับคุณพิม เรื่องที่ผืนนี้ ผมปล่อยมือแน่นอนแล้ว”
หญิงสาวเลิกคิ้ว หันไปสบตาพี่สาว ก่อนจะหันกลับมามองเขาอีกรอบอย่างไม่เชื่อหู
ก็นายไผ่ยังอยากได้ไม่เลิกอยู่เลย ทำไมหุ้นส่วนมาพูดอีกอย่าง...
“จริงๆ หรือคะคุณนที”
“ก็จริงนะสิครับ คุณพิมเลิกกังวลเรื่องนี้ได้เลย ทำไร่ปทุมมาให้ออกดอกออกผลเต็มที่เถอะ มีอะไรจะให้ผมช่วยก็ขอให้บอก ผมยินดีเสมอ”
“แล้วพี่ไผ่ล่ะคะ คุณนทีตกลงกับเขาแล้วหรือ พิมรู้สึกว่าเขายังต้อง การที่ดินผืนนี้อยู่นะคะ”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ หุ้นส่วนไม่เอาเสียอย่าง ไผ่เขาก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก”
แววตาพิมริสายังคลางแคลง แต่เธอก็รู้สึกดีที่นทีเข้าใจเธอมากกว่าอีกคน นึกเปรียบเทียบหุ้นส่วนสองคนนี้แล้ว พิมริสาเริ่มเห็นความแตกต่าง นทีผู้ซึ่งใครๆ บอกว่าเป็นคนดุ เข้าถึงยาก แต่เอาเข้าจริงเขากลับเป็นคนรอม ชอมกว่าภาณุรุจที่ใครๆ ยกย่องว่าใจดี และเฟรนด์ลี่
ตั้งแต่เรื่องเส้นทางช้างมาแล้ว ภาณุรุจยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้ แต่นทีกลับเปลี่ยนให้อย่างง่ายดาย มาเรื่องที่ดินนี้อีก คนที่ควรจะเข้าใจเธอ น่าจะเป็นภาณุรุจ แต่กลับเป็นนทีอีกเช่นกัน แถมเขายังให้กำลังใจเธอเรื่องปลูกดอกไม้อีก
“ขอบคุณนะคะคุณนที พิมขอบคุณที่คุณเข้าใจเรา”
นทียิ้มเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าคมคายสมชายชาตรีมีเสน่ห์ขึ้นอีก
จากนั้นนทีก็พูดถึงธุระที่เขาต้องแวะมาบอกในวันนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องเดียวกับที่ภพพิชัยพูดถึงเมื่อคืนแล้ว แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่า พูดจบ ชายหนุ่มก็สรุปว่า
“งานปลูกป่านี้ ผมกับคุณไผ่อยากให้คนในชุมชนร่วมมือมากกว่าคนข้างนอกอีกครับ สื่อจะได้เอาไปกระจาย ภาพลักษณ์ของหมู่บ้านจะได้ดี เป็นที่จดจำ แล้วจากนั้นนักท่องเที่ยวก็จะเข้ามามากขึ้นทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มขึ้น”
“พรไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ถ้าใช้เวลาแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนอย่างคุณว่า และตรงกับเสาร์อาทิตย์ พรขอร่วมด้วย”
“ขอบคุณครับครู คุณพิมด้วยนะครับ ผมขอเชิญ”
พิมริสาอึกอักอยู่พักหนึ่งก่อนตอบตกลงกับเขา ก็นักธุรกิจใหญ่ใจดีอย่างนทีลงทุนมาเชิญด้วยตัวเองถึงบ้านทั้งที พี่สาวก็รับคำล่วงหน้าไปแล้วด้วย ยากที่เธอจะปฏิเสธเหลือเกิน ถ้าเธอไม่ไปก็คงจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวขึ้นมาทันที
นทีขอบคุณยกใหญ่ที่สองสาวให้ความร่วมมืออย่างดี เขายังคงชวนคุยต่อแต่เป็นเรื่องสัพเพเหระโดยไม่มีที่ท่าว่าจะกลับ พักใหญ่ทีเดียว พรผกาเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปนานแล้วจึงพูดขึ้นว่า
“ถ้าคุณนทียังไม่ทานอะไร ก็ขอเชิญทานข้าวเช้าด้วยกันนะคะ วันนี้พรจัดชุดใหญ่เลยค่ะ”
นทีมองไม่ออกว่านี่คือการไล่แบบสุภาพ หรือเชิญด้วยใจจริง แต่เขาก็อยากผูกสัมพันธ์กับครอบครัวนี้ให้แน่นแฟ้นขึ้นอีก ชายหนุ่มจึงรับคำ ไม่นานเขาก็มาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับทุกคนรวมถึงบิดามารดาของสองสาวด้วย และเพราะฝีมือการทำอาหารที่เลิศรสของพรผกา ทำให้นทีรับประทานจนอิ่มแปล้ก่อนจะลากลับไปอย่างชื่นมื่น
*******************
ที่ร้านอาหารของรีสอร์ตอิงไพรในคืนนั้น ภาณุรุจรับฟังหุ้นส่วนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าที่เขาไปที่บ้านของพิมริสาไปพลางจิบเบียร์ไปพลาง ยามนี้เบียร์ที่เย็นเป็นวุ้นกลับทำให้เขารู้สึกร้อนเหมือนกระเพาะจะมอดไหม้
นทีไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาเข้าตามตรอกออกตามประตูทุกอย่าง เขาพยายามเอาชนะใจสาวบ้านนั้นด้วยวิถีที่ถูกครรลอง ถึงกับไปนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับครอบครัวเธอแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย นทีก้าวหน้าอย่างยิ่ง โอกาสที่จะได้ที่ทางมาสร้างรีสอร์ตในฝันดูเหมือนไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ทำไมเขาทำใจให้เห็นดีเห็นงามไปกับเรื่องนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“วันที่ล่องแพปลูกป่า ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับสองสาวนั้นอีก ผมย้ำอีกทีนะไผ่ ถ้าคุณยังไม่มีใครในใจ ก็น่าจะลองเข้าทางพี่สาวของพิมริสาดู ครูพรผกาก็เป็นคนน่ารักมาก เป็นกุลสตรีทุกอย่าง ฝีมือการครัวนี่ก็ชั้นยอด”
“แล้วทำไมพี่นทีไม่ลองคบกับครูดูล่ะครับ”
ในที่สุดเขาก็หลุดปากประโยคนั้นไป นทีมองเขาด้วยความงุนงง
“อ้าว ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมชอบคนน้อง”
“ชอบจริงๆ หรือครับ หรือว่า...”
“เอ...คุณนี่แปลก ผมว่าผมเคยคุยให้ฟังแบบหมดเปลือกแล้วนะ ผมชอบพิมริสาจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตชีวา ดูน่ารักมาก ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งสดชื่น ใช่ ไอ้ที่ดินตรงนั้นผมก็อยากได้ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่พิมริสา คุณคิดว่าผมจะเข้าไปพัวพันด้วยหรือ ผมไม่ใช่พวกที่ลูบไม่มีหางแล้วคบหมดนะโว้ย” นทีพูดฉุนๆ
“ครับ เข้าใจแล้วครับ แล้ว...เธอมีทีท่ากับพี่ยังไงบ้าง” ภาณุรุจถามไปแล้วก็กลั้นใจฟังคำตอบ
“ก็ไม่รังเกียจอะไร อาจเพราะเธอเห็นว่าผมก็มีน้ำใจช่วยเธอเรื่องช้างด้วยมั้ง”
ภาณุรุจหัวเราะฝืด “ผมก็เลยกลายเป็นคนใจดำไปเลยสิเนี่ย”
“ไม่เอาน่าไผ่ อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวพอทุกอย่างลงเอย พิมก็คงเข้าใจคุณดี เท่าที่ดู เธอไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไรหรอกนะ ออกจะน่ารัก”
“ครับ ดีงามทุกอย่าง” ภาณุรุจแดกดันเนิบๆ แต่อีกฝ่ายไม่รู้สึกรู้สาเพราะกำลังคุยติดลม
“เรื่องครูพร เอาเป็นว่าก็แล้วแต่คุณแล้วกัน ที่ลุ้นเพราะเห็นว่าเธอเหมาะกับคุณ เหมาะกว่าเกดแก้วที่คุณไปไหนมาไหนด้วยเสียอีกนะ รายนั้นก็ไม่ใช่สเปกคุณไม่ใช่หรือ หรือว่าตอนนี้ใช่แล้ว”
“ก็ยังไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้คบเกดแบบแฟน แต่ทำงานแล้วดีลกันง่าย เธอเหมือนเพื่อนมากกว่า เรื่องผู้หญิง ผมไม่มีสเปกหรอก ชอบก็คือชอบ มันจะชอบของมันเอง”
“ต้องสวยสะเด็ดด้วยหรือเปล่า ผู้หญิงที่คุณจะปิ๊งได้เนี่ย ของผมนี่ยอมรับเลย ยังไงก็ขอสวยไว้ก่อน เพราะมองแล้วสบายใจ”
“สำหรับผม สิ่งนั้นมันก็แค่สะดุดตาแวบแรกเท่านั้นแหละครับ ถ้ามีอะไรบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้ผมรู้สึกชอบ ต่อให้ขี้เหร่ยังไงก็รับได้”
นทีหรี่ตา “จริงๆ หรือ”
“จริงครับ ดูแพมสิครับ พี่ก็เห็นว่าเธอไม่ใช่คนสวยอะไร หน้าก็ตกกระ แถมยังหนักกว่าผมตั้งหลายโล” เขาพูด มีรอยยิ้มเจือจางผุดขึ้นเมื่อนึกถึงอดีตคนรัก
“นี่คุณยังไม่ลืมแหม่มอังกฤษสิท่า”
“ไม่ลืมครับ แต่ไม่ได้แปลว่า ยังรัก”
“งั้นก็รีบหาแฟนเข้าสิ ไม่งั้นเดี๋ยวใครเขาจะหาว่าสองหนุ่มนักธุรกิจหล่อรวยที่ธารรุ้งเป็นเกย์นะ เพราะยังโสดทั้งคู่”
นทีพูดแล้วก็หัวเราะครื้นเครง ส่วนภาณุรุจนั้นได้แต่ยิ้มขื่นๆ ให้กับคืนอันหมองหมาง
************
สวัสดีปีใหม่ค่ารีดเดอร์ วันนี้มาซะดึกเลย แหะๆ มัวแต่ปั่นงาน อีบุ๊คโหลดได้ที่เว็บ mebmarket นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ม.ค. 2563, 23:23:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ม.ค. 2563, 23:23:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 647
<< บทที่ 10 -60% | บทที่ 11 -50% >> |