โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 15 -100%
รถยนต์คันเล็กของพิมริสาจอดสนิทอยู่นานแล้ว เพราะมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ ซึ่งเธอก็ยังไม่มีเวลาจะพามันไปซ่อมเสียที เธอยังหาเวลาจัดการกับมันไม่ได้ และไม่มีแก่ใจจะซ่อมในตอนนี้ เพราะซ่อมมาก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่าซ่อม
หมู่บ้านเล็กๆ แค่นี้ แค่ปั่นจักรยานก็ไปไหนได้ทั่วแล้ว พิมริสาไม่รู้จะเอารถมาใช้ให้เปลืองน้ำมันทำไม ถ้าเกิดต้องไปไหนไกลๆ จริงๆ เธอก็ใช้รถกระบะของบิดา รถของเธอรอก็แต่เวลาเอาไปขายเต็นท์มือสองในเมืองเท่า นั้น เธอขายมันแน่เพื่อเอาเงินมาโปะไร่
ช่วงสายๆ หญิงสาวจึงปล่อยให้คนอื่นวุ่นอยู่ในไร่ ส่วนตัวเธอคว้าจักรยานยนต์คันเก่าของบิดาขับออกไป ที่จริงก็ยังขับไม่ชำนาญนัก แต่ครั้นจะใช้จักรยานก็คงแย่ยิ่งกว่า เพราะเส้นทางที่ตรงไปยังที่ทำการอุทยานฯ ที่พี่ชายทำงานอยู่เป็นทางที่ต้องขึ้นเนินชันไปเรื่อยๆ
ภพพิชัยบอกว่า ช่วงบ่ายเขาจะเข้าเมืองไปที่ศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้ หญิงสาวอยากอาศัยไปด้วย เพราะอยากได้พันธุ์ปทุมมาสีอื่นมาเพิ่ม คราวที่แล้วเลือกมาแต่สีชมพู แต่พอเห็นดอกไม้หลากสีที่ภาณุรุจขนมาให้แล้ว เธอก็นึกอยากได้ปทุมมาสีอื่นๆ ขึ้นมาบ้าง ก็ในเมื่อมันเป็นดอกไม้ที่มีตั้งหลายสี ทำไมจะต้องยึดมั่นอยู่แต่สีชมพูที่คุ้นเคย ถ้าได้หัวพันธุ์มา รุ่นหลากสีนี้เธอจะไม่ปลูกลงดิน แต่จะปลูกในถุง ตามที่เคยคุยกับบิดาไว้
ขณะขับรถจวนจะถึงที่หมาย พิมริสาก็ต้องร้องโอ๊ะออกมา เมื่อยางล้อรถเกิดแบนราบขึ้นอย่างไร้เหตุผล มันบดไปกับพื้นถนนจนบังคับรถแทบไม่อยู่ ใจหนึ่งอยากทิ้งรถแล้วเดินไป แต่ก็กลัวรถของบิดาจะหาย หญิงสาวจึงจำใจจูงรถถูลู่ถูกังไปทีละนิดละหน่อย ซึ่งมันก็ทำเอาเหงื่อโชก
แต่เหนื่อยจนเหงื่อท่วมหน้าก็ยังไม่เท่าไหร่ พิมริสามาใจหายวาบหน้าซีดเผือด ก็ตอนที่จูงรถลับเหลี่ยมโค้งถนนลูกรังนั่นเอง
“ช้าง!”
เธออุทาน ภาพที่ปรากฏทำให้ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที เธอเจอช้าง เป็นช้างป่าด้วยเพราะไม่มีควาญ
มันมากันเป็นโขลงใหญ่ไม่ต่ำกว่าสิบตัว กำลังเคลื่อนขบวนออกจากแนวป่า มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ บางตัวก็มีงายาวเฟื้อยน่าสะพรึง พวกมันกำลังเดินข้ามถนนที่เป็นทางดินไปอย่างช้าๆ
พิมริสายืนตาเหลือกลาน ตัวแข็งทื่อ เอามือปิดปากตัวเองแนบสนิทเพื่อไม่ให้เผลอมีเสียงหลุดรอดไป ซึ่งอาการนิ่งเป็นหุ่นยนต์ก็ได้ผล เพราะไม่มีอะไรไปรบกวนมัน ช้างโขลงนั้นแม้บางตัวจะหันมาทางเธอ มันอาจเห็นเธอแล้วด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่สนใจ
กระทั่งโขลงช้างเดินผ่านทางข้าม หายลับไปในพงพฤกษ์อีกฟาก
หญิงสาวก็ยังไม่หายตัวสั่น ใจยังเต้นโครมคราม
เธอไม่เคยเห็นภาพอะไรเช่นนี้ แค่ตัวสองตัวก็กลัวแทบแย่แล้ว แต่นี่เล่นมากันเป็นสิบ! พวกมันเหมือนภูเขาลูกย่อมๆ ที่เคลื่อนไหวได้และทำเอาแผ่นดินสะเทือน
เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก ละล้าละลังว่าจะกลับหรือจะไปต่อดี เพราะวันนี้ดูเสียฤกษ์เสียแล้ว หมู่บ้านนี้มีทั้งช้างบ้านช้างป่าเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด เมื่อครู่ถ้าเธอเผลอเคลื่อนไหวหรือทำอะไรให้มันตกใจ ไอ้ช้างโขลงนั้นมันไม่มาเหยียบเธอเอาดอกหรือ แล้วถ้าเจอมันอีกจะทำอย่างไร
พิมริสามองโทรศัพท์ก็ไร้สัญญาณ รู้สึกกลัดกลุ้มใจจนอยากทิ้งทุกอย่างแล้วนั่งร้องไห้กับพื้น แต่ท้ายที่สุดก็จำต้องมุ่งหน้าต่อเพราะขากลับน่า จะลำบากกว่า จูงรถไกลไม่ว่า แต่ต้องจูงลงเนินนี่สิ ไม่น่าเอาอยู่ เธออาจรอดจากการถูกช้างเหยียบตายก็จริง แต่อาจไม่รอดจากการตกเนินสูงโดยมีรถของบิดาทับตาย
หญิงสาวเดินจูงรถไปทีละนิดด้วยความเหน็ดเหนื่อย ใจนึกสาปแช่งโชคชะตาตัวเองไป เธอรนหาที่แท้ๆ นี่ถ้าบอกน้าชดให้มาส่งก็หมดเรื่อง
ทันใดนั้น หญิงสาวก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งๆ จึงหันกลับไปมอง รถกระบะคันใหญ่คันหนึ่งโผล่โค้งถนนเบื้องหลังไกลๆ ออกมา พิมริสาใจชื้น คราวแรกนึกว่าเป็นรถอุทยานฯ แต่พอรถแล่นมาใกล้หญิงสาวก็ใจเต้นตึกตักหนักยิ่งกว่าเจอช้างเมื่อครู่เสียอีก
รถกระบะโฟร์วีลสีดำมะเมื่อมคันนั้น ทั้งหมู่บ้านมีคันเดียว และเธอก็ได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมาสองครั้งแล้ว คุ้นเคยกับมันราวกับเป็นรถตัวเองก็ว่าได้!
ภาณุรุจหยุดรถตรงหน้า สีหน้าสงสัย แววตาห่วงกังวลเมื่อแลเห็นสภาพมอมแมมของเจ้าของไร่พิมปทุมมา
“นั่นพิมจะไปไหน ทำไมมาจูงรถกลางป่าแบบนี้”
“จะไปหาพี่ภพ”
“แล้วทำไมไม่ให้ใครมาส่ง ขับรถมาเองแบบนี้รู้ไหมว่าอันตราย แถวนี้มีเจ้าจมูกยาวที่พิมเกลียดด้วยนะ”
คราวนี้คนฟังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ใช่ ตะกี้พิมเจอมันด้วย มาเป็นโขลงเลย เป็นสิบๆ ตัวน่ากลัวมาก”
“จริงหรือ” ชายหนุ่มตกใจกับคำบอกเล่านั้น แทบจะกระโดดลงจากรถตรงมาที่เธอ!
“โชคดีที่มันไม่ทำอะไรพิม พิมรอดมาได้ไงก็ไม่รู้”
พูดแล้วพิมริสาน้ำตาก็ไหลด้วยความดีใจที่พบเขาและด้วยความอัดอั้นตันใจในเหตุการณ์ระทึกขวัญ เธอกลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง จูงรถบ้านี้ไปเธอก็กลัวไป กลัวว่ามันจะโผล่มาอีก
ภาณุรุจเห็นสภาพเธอที่ยืนน้ำตาไหลแบบนั้นแล้ว เขาสุดทนจะนิ่งเฉยต่อไปได้ ชายหนุ่มดึงร่างนั้นเข้าสู่อ้อมกอด เอามือลูบศีรษะและท้ายทอยเบาๆ ปากก็พร่ำบอก
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องกลัว”
“พี่ไผ่ต้องเห็นมัน ไอ้ช้างพวกนั้น...”
“มันไปแล้ว พิมปลอดภัยแล้วจ้ะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มกระชับตัวเธอเข้ามาอีกในวงแขนเขา พิมริสาต้องอบอุ่นปลอดภัย ต่อให้เจ้าจมูกยาวมา มันก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เพราะมันต้องข้ามศพเขาไปก่อน
และกอดคราวนี้ เขารู้ตัวดี เขาไม่มีอารมณ์หื่นหรืออื่นใดมาแทรกทั้งสิ้น นอกจากอยากจะปลอบเธอให้หายกลัว...แค่นั้น
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
หมู่บ้านเล็กๆ แค่นี้ แค่ปั่นจักรยานก็ไปไหนได้ทั่วแล้ว พิมริสาไม่รู้จะเอารถมาใช้ให้เปลืองน้ำมันทำไม ถ้าเกิดต้องไปไหนไกลๆ จริงๆ เธอก็ใช้รถกระบะของบิดา รถของเธอรอก็แต่เวลาเอาไปขายเต็นท์มือสองในเมืองเท่า นั้น เธอขายมันแน่เพื่อเอาเงินมาโปะไร่
ช่วงสายๆ หญิงสาวจึงปล่อยให้คนอื่นวุ่นอยู่ในไร่ ส่วนตัวเธอคว้าจักรยานยนต์คันเก่าของบิดาขับออกไป ที่จริงก็ยังขับไม่ชำนาญนัก แต่ครั้นจะใช้จักรยานก็คงแย่ยิ่งกว่า เพราะเส้นทางที่ตรงไปยังที่ทำการอุทยานฯ ที่พี่ชายทำงานอยู่เป็นทางที่ต้องขึ้นเนินชันไปเรื่อยๆ
ภพพิชัยบอกว่า ช่วงบ่ายเขาจะเข้าเมืองไปที่ศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้ หญิงสาวอยากอาศัยไปด้วย เพราะอยากได้พันธุ์ปทุมมาสีอื่นมาเพิ่ม คราวที่แล้วเลือกมาแต่สีชมพู แต่พอเห็นดอกไม้หลากสีที่ภาณุรุจขนมาให้แล้ว เธอก็นึกอยากได้ปทุมมาสีอื่นๆ ขึ้นมาบ้าง ก็ในเมื่อมันเป็นดอกไม้ที่มีตั้งหลายสี ทำไมจะต้องยึดมั่นอยู่แต่สีชมพูที่คุ้นเคย ถ้าได้หัวพันธุ์มา รุ่นหลากสีนี้เธอจะไม่ปลูกลงดิน แต่จะปลูกในถุง ตามที่เคยคุยกับบิดาไว้
ขณะขับรถจวนจะถึงที่หมาย พิมริสาก็ต้องร้องโอ๊ะออกมา เมื่อยางล้อรถเกิดแบนราบขึ้นอย่างไร้เหตุผล มันบดไปกับพื้นถนนจนบังคับรถแทบไม่อยู่ ใจหนึ่งอยากทิ้งรถแล้วเดินไป แต่ก็กลัวรถของบิดาจะหาย หญิงสาวจึงจำใจจูงรถถูลู่ถูกังไปทีละนิดละหน่อย ซึ่งมันก็ทำเอาเหงื่อโชก
แต่เหนื่อยจนเหงื่อท่วมหน้าก็ยังไม่เท่าไหร่ พิมริสามาใจหายวาบหน้าซีดเผือด ก็ตอนที่จูงรถลับเหลี่ยมโค้งถนนลูกรังนั่นเอง
“ช้าง!”
เธออุทาน ภาพที่ปรากฏทำให้ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที เธอเจอช้าง เป็นช้างป่าด้วยเพราะไม่มีควาญ
มันมากันเป็นโขลงใหญ่ไม่ต่ำกว่าสิบตัว กำลังเคลื่อนขบวนออกจากแนวป่า มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ บางตัวก็มีงายาวเฟื้อยน่าสะพรึง พวกมันกำลังเดินข้ามถนนที่เป็นทางดินไปอย่างช้าๆ
พิมริสายืนตาเหลือกลาน ตัวแข็งทื่อ เอามือปิดปากตัวเองแนบสนิทเพื่อไม่ให้เผลอมีเสียงหลุดรอดไป ซึ่งอาการนิ่งเป็นหุ่นยนต์ก็ได้ผล เพราะไม่มีอะไรไปรบกวนมัน ช้างโขลงนั้นแม้บางตัวจะหันมาทางเธอ มันอาจเห็นเธอแล้วด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่สนใจ
กระทั่งโขลงช้างเดินผ่านทางข้าม หายลับไปในพงพฤกษ์อีกฟาก
หญิงสาวก็ยังไม่หายตัวสั่น ใจยังเต้นโครมคราม
เธอไม่เคยเห็นภาพอะไรเช่นนี้ แค่ตัวสองตัวก็กลัวแทบแย่แล้ว แต่นี่เล่นมากันเป็นสิบ! พวกมันเหมือนภูเขาลูกย่อมๆ ที่เคลื่อนไหวได้และทำเอาแผ่นดินสะเทือน
เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก ละล้าละลังว่าจะกลับหรือจะไปต่อดี เพราะวันนี้ดูเสียฤกษ์เสียแล้ว หมู่บ้านนี้มีทั้งช้างบ้านช้างป่าเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด เมื่อครู่ถ้าเธอเผลอเคลื่อนไหวหรือทำอะไรให้มันตกใจ ไอ้ช้างโขลงนั้นมันไม่มาเหยียบเธอเอาดอกหรือ แล้วถ้าเจอมันอีกจะทำอย่างไร
พิมริสามองโทรศัพท์ก็ไร้สัญญาณ รู้สึกกลัดกลุ้มใจจนอยากทิ้งทุกอย่างแล้วนั่งร้องไห้กับพื้น แต่ท้ายที่สุดก็จำต้องมุ่งหน้าต่อเพราะขากลับน่า จะลำบากกว่า จูงรถไกลไม่ว่า แต่ต้องจูงลงเนินนี่สิ ไม่น่าเอาอยู่ เธออาจรอดจากการถูกช้างเหยียบตายก็จริง แต่อาจไม่รอดจากการตกเนินสูงโดยมีรถของบิดาทับตาย
หญิงสาวเดินจูงรถไปทีละนิดด้วยความเหน็ดเหนื่อย ใจนึกสาปแช่งโชคชะตาตัวเองไป เธอรนหาที่แท้ๆ นี่ถ้าบอกน้าชดให้มาส่งก็หมดเรื่อง
ทันใดนั้น หญิงสาวก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งๆ จึงหันกลับไปมอง รถกระบะคันใหญ่คันหนึ่งโผล่โค้งถนนเบื้องหลังไกลๆ ออกมา พิมริสาใจชื้น คราวแรกนึกว่าเป็นรถอุทยานฯ แต่พอรถแล่นมาใกล้หญิงสาวก็ใจเต้นตึกตักหนักยิ่งกว่าเจอช้างเมื่อครู่เสียอีก
รถกระบะโฟร์วีลสีดำมะเมื่อมคันนั้น ทั้งหมู่บ้านมีคันเดียว และเธอก็ได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมาสองครั้งแล้ว คุ้นเคยกับมันราวกับเป็นรถตัวเองก็ว่าได้!
ภาณุรุจหยุดรถตรงหน้า สีหน้าสงสัย แววตาห่วงกังวลเมื่อแลเห็นสภาพมอมแมมของเจ้าของไร่พิมปทุมมา
“นั่นพิมจะไปไหน ทำไมมาจูงรถกลางป่าแบบนี้”
“จะไปหาพี่ภพ”
“แล้วทำไมไม่ให้ใครมาส่ง ขับรถมาเองแบบนี้รู้ไหมว่าอันตราย แถวนี้มีเจ้าจมูกยาวที่พิมเกลียดด้วยนะ”
คราวนี้คนฟังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ใช่ ตะกี้พิมเจอมันด้วย มาเป็นโขลงเลย เป็นสิบๆ ตัวน่ากลัวมาก”
“จริงหรือ” ชายหนุ่มตกใจกับคำบอกเล่านั้น แทบจะกระโดดลงจากรถตรงมาที่เธอ!
“โชคดีที่มันไม่ทำอะไรพิม พิมรอดมาได้ไงก็ไม่รู้”
พูดแล้วพิมริสาน้ำตาก็ไหลด้วยความดีใจที่พบเขาและด้วยความอัดอั้นตันใจในเหตุการณ์ระทึกขวัญ เธอกลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง จูงรถบ้านี้ไปเธอก็กลัวไป กลัวว่ามันจะโผล่มาอีก
ภาณุรุจเห็นสภาพเธอที่ยืนน้ำตาไหลแบบนั้นแล้ว เขาสุดทนจะนิ่งเฉยต่อไปได้ ชายหนุ่มดึงร่างนั้นเข้าสู่อ้อมกอด เอามือลูบศีรษะและท้ายทอยเบาๆ ปากก็พร่ำบอก
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องกลัว”
“พี่ไผ่ต้องเห็นมัน ไอ้ช้างพวกนั้น...”
“มันไปแล้ว พิมปลอดภัยแล้วจ้ะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มกระชับตัวเธอเข้ามาอีกในวงแขนเขา พิมริสาต้องอบอุ่นปลอดภัย ต่อให้เจ้าจมูกยาวมา มันก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เพราะมันต้องข้ามศพเขาไปก่อน
และกอดคราวนี้ เขารู้ตัวดี เขาไม่มีอารมณ์หื่นหรืออื่นใดมาแทรกทั้งสิ้น นอกจากอยากจะปลอบเธอให้หายกลัว...แค่นั้น
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 พ.ค. 2563, 16:24:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ค. 2563, 16:24:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 432
<< บทที่ 15 -70% | บทที่ 16 -40% + แจ้งข่าวดี >> |