เลื่อมลายพรายจันทร์: ดุจดาริน (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'ดมิสา' เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังจิต
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 10 -30%
ที่วัดระฆัง จิณไตยชวนดมิสามาไหว้พระทำบุญและเดินไปให้อาหารปลาและนกพิราบที่ท่าน้ำ สองหนุ่มสาวนั่งคุยกันตรงม้านั่งขณะมองเรือรับส่งนักท่องเที่ยวแล่นผ่านไปมา หญิงสาวจึงเล่าเรื่องคนไข้ที่ชื่อสุกัญญาให้เขาฟัง
“มิ้งค์ก็ลำบากใจแย่เลยสิ” จิณไตยหันมองเธออย่างเป็นห่วง “แล้วไงต่อ ผู้หญิงคนนั้นย้อนกลับมาทำอะไรไม่ดีอีกหรือเปล่า”
ดมิสาสั่นศีรษะยิ้มๆ
“หายไปหกเจ็ดวันแล้วคงไม่ย้อนกลับมาแล้วค่ะ เรื่องแบบนี้มิ้งค์ชินเสียแล้วละ งานแบบมิ้งค์ต้องเจอคนมากหน้าหลายตา ร้อยพ่อพันแม่ แต่ก็ไม่เคยเจอเคสหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ถ้าไม่ได้กั้งช่วยมิ้งค์คงแย่”
“กั้งเนี่ย ใช่ผู้ชายที่ไปบวชกับมิ้งค์หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ” ดมิสาพยักหน้า ก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดูด
“ตอนอยู่วัด...ดูไม่ออกเลยเนอะ”
“กั้งเป็นคนมีความตั้งใจจริงค่ะ” หญิงสาวลดแก้วน้ำอัดลมวางลงบนตัก “เวลาทำอะไรเขาจะจริงจังเสมอ เขารู้ว่าการที่เป็นแบบนั้นแล้วนอนกระท่อมเดียวกับอุบาสกก็ไม่งาม นอนกับมิ้งค์ก็ไม่ได้ เขาเลยเลือกที่จะปิดวาจา ปฏิบัติอย่างเดียวไม่พูดกับใคร”
“น่าชื่นชมนะ”
“ค่ะ”
“และดีมากด้วยที่เขาดูแลมิ้งค์มาอย่างดีก่อนจะมาเจอพี่”
หญิงสาวเสยกแก้วน้ำขึ้นอีกครั้งและมองไปอีกทางเมื่อถูกเขาหยอดคำหวานและมองมาตาหวาน เธอชวนเขาออกจากท่าน้ำเพื่อหาข้าวเย็นกินกัน แต่เมื่อเดินมาถึงอาคารจอดรถหน้าวัดและต่างเข้ามานั่งในรถกันแล้วจิณไตยก็กลับเปลี่ยนใจที่จะพาเธอไปร้านอาหาร
“ไปกินข้าวบ้านพี่ไหม”
“เอ๊ะ”
“พี่อยากแนะนำให้มิ้งค์รู้จักน้องสาวพี่ จะได้สนิทกันไว้”
ดมิสานิ่งคิด ก่อนสั่นศีรษะ
“ไว้คราวหลังได้ไหมคะ มิ้งค์ยังไม่พร้อม เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แล้วอีกอย่าง...” เธอชะงัก ไม่พูดต่อว่าภรรยาเก่าของเขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นปีนี้เอง ที่เขามีเธอตอนนี้ ครอบครัวของเขาอาจมองว่าเร็วเกินไป “...อีกอย่างมิ้งค์หิวแล้วค่ะ หาร้านใกล้ๆ กินกันดีกว่า”
จิณไตยเม้มริมฝีปาก อยากจะเค้นถามว่าเธอมีอะไรในใจ แต่เมื่อเธอเฉไฉ เขาจึงถอนหายใจแล้วตอบตกลงยิ้มๆ แม้จะเปิดใจอยู่บ้าง แต่เขาดูออกว่าดมิสาไม่ได้เปิดให้เขาเห็นทุกซอกทุกมุมในหัวใจ หญิงสาวดูมีความลับ มีอะไรหลายอย่างที่ปิดบังเขา และเขาสัญญากับตัวเองว่าวันหนึ่งจะค้นเข้าไปในหัวใจเธอ
จะหาให้เจอว่าเธอซ่อนอะไรไว้ข้างในนั้น...
****************
นุชชารีย์สะอื้นไห้อยู่ภายใต้พันธนาการของเส้นผมตัวเอง วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เธอมองเห็น เธอได้ยิน เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง...แต่กลับไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับใครได้เลย
ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน
‘พี่มิ้งค์ๆ’
เสียงของสุวรรณลูกชายสุดที่รักดังขึ้น วิญญาณสาวจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง หล่อนขยับริมฝีปากที่ถูกเส้นผมตัวเองพันธนาการ พยายามเรียกลูก แต่ก็มิอาจกระทำ
‘ทำให้ดอกไม้บานได้ไหมคับ’
นุชชารีย์เห็นสุวรรณชี้มือไปยังกุหลาบขาวภายในห้องนอนของดมิสา วิญญาณสาวรู้เรื่องที่ดมิสามีพลังจิตพร้อมสุวรรณมานาน...นานแค่ไหนแล้วนะ หล่อนจำไม่ได้เลย รู้เพียงว่าสุวรรณเห่อพลังจิตของดมิสามาก เพราะไม่เคยเห็นมนุษย์ที่ไหนงอช้อนได้ ทำให้เก้าอี้โยกเองได้ หรือทำให้จานลอยมาวางที่โต๊ะได้แบบนั้นมาก่อน
ดมิสาหันมองกุหลาบตูมในแจกัน เพ่งสมาธิชั่วครู่กุหลาบขาวก็แย้มกลีบบานอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
‘โอ้โห’ สุวรรณทำตาโต ‘ทำให้สุวรรณลอยได้ไหมคับ’
กุมารแพทย์สาวหัวเราะ
“สุวรรณก็ลอยได้เองอยู่แล้วนี่”
‘โฮ่งๆ’ บุญเลิศเห่ารับราวกับว่าเห็นด้วย
หญิงสาวและพรายกุมารหัวเราะออกมาพร้อมกัน ภาพความสนิทสนมนั้นกรีดหัวใจของนุชชารีย์นัก แม้จะไม่มากเท่าเมื่อดมิสากับจิณไตยนัดเจอกัน หยอกล้อกันอย่างสนิทสนมขึ้นทุกวัน
ทำไมกันนะ ทำไม...
ทำไมหล่อนถึงโชคร้ายอยู่เสมอ
นุชชารีย์แอบรักจิณไตยมานาน ตั้งแต่เป็นรุ่นน้องของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ชายหนุ่มก็มีแฟนอยู่แล้วนับแต่ตอนนั้น มิหนำซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรากัน นุชชารีย์แม้มีผู้ชายดีเลิศแค่ไหนมาจีบก็ปฏิเสธไปหมดเพราะหล่อนตัดใจจากจิณไตยไม่ได้
กระทั่งภรรยาเขาตาย เธอจึงได้รับโอกาสเป็นภรรยาคนที่สองของเขาอย่างที่ไม่เคยคิดฝัน แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เธอก็กลับต้องมาตายตกลงไปด้วยอีกคน
ทำไมกันนะ...
หล่อนมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม เป็นลูกที่ดีของบิดามารดา เป็นเพื่อนที่ดีของมิตรสหาย และเป็นภรรยาที่ดีของจิณไตย แล้วเหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งหล่อนถึงเพียงนี้! กับดมิสา ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ดูจิณไตยกลับรักใครลุ่มหลงมันเสียจนลืมหล่อนได้ในระยะเวลาอันสั้น
หญิงก็ชั่ว...ชายก็เลว!
แสงวูบหนึ่งสาดมาจนนุชชารีย์ต้องหยีตา ชั่วขณะหนึ่งเหมือนตัวหล่อนหลับวูบไปทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อลืมตาขึ้นอีกทีหญิงสาวก็พบว่าตัว เองเป็นอิสระ ไร้ซึ่งพันธนาการ หากแต่รอบกายมืดดำ มีเพียงแสงที่ส่องมาจากร่างที่ห่มจีวรตรงหน้าเท่านั้น
พระอาจารย์ดิน ขันติสุโภ
วิญญาณสาวทรุดกายลงนั่งประนมมือ หล่อนรู้จักท่านเจ้าอาวาสวัดป่าอิสราภรณ์รูปนี้ เพราะหล่อนติดอยู่ในจี้เครื่องรางของดมิสามานาน หล่อนทราบดีว่าท่านเป็นพระมีอภิญญา สามารถทำอะไรได้หลายอย่างแบบที่ยามมีลมหายใจ นุชชารีย์ไม่สามารถจินตนาการได้เลย
พระดินยิ้ม ท่านเห็นทางแยกอันตรายของนุชชารีย์ วิญญาณสาวกำลังหยุดอยู่ตรงทางเลือกระหว่างการอดทนทำดีต่อไป หรือกลับกลายเป็นวิญญาณร้ายและอาจหลงทางสู่อเวจีอันทุกข์ทรมานในอนาคต
ด้วยความเมตตา ท่านจึงผายมือออกด้านข้าง เผยให้เห็นอดีตชาติของนุชชารีย์ที่เกิดเป็นลูกสาวของหมอผีมอญ ซึ่งต่อมาคือครูสอนมนตร์ดำให้เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์!
((ebook โหลดได้ที่ mebmarket))
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“มิ้งค์ก็ลำบากใจแย่เลยสิ” จิณไตยหันมองเธออย่างเป็นห่วง “แล้วไงต่อ ผู้หญิงคนนั้นย้อนกลับมาทำอะไรไม่ดีอีกหรือเปล่า”
ดมิสาสั่นศีรษะยิ้มๆ
“หายไปหกเจ็ดวันแล้วคงไม่ย้อนกลับมาแล้วค่ะ เรื่องแบบนี้มิ้งค์ชินเสียแล้วละ งานแบบมิ้งค์ต้องเจอคนมากหน้าหลายตา ร้อยพ่อพันแม่ แต่ก็ไม่เคยเจอเคสหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ถ้าไม่ได้กั้งช่วยมิ้งค์คงแย่”
“กั้งเนี่ย ใช่ผู้ชายที่ไปบวชกับมิ้งค์หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ” ดมิสาพยักหน้า ก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดูด
“ตอนอยู่วัด...ดูไม่ออกเลยเนอะ”
“กั้งเป็นคนมีความตั้งใจจริงค่ะ” หญิงสาวลดแก้วน้ำอัดลมวางลงบนตัก “เวลาทำอะไรเขาจะจริงจังเสมอ เขารู้ว่าการที่เป็นแบบนั้นแล้วนอนกระท่อมเดียวกับอุบาสกก็ไม่งาม นอนกับมิ้งค์ก็ไม่ได้ เขาเลยเลือกที่จะปิดวาจา ปฏิบัติอย่างเดียวไม่พูดกับใคร”
“น่าชื่นชมนะ”
“ค่ะ”
“และดีมากด้วยที่เขาดูแลมิ้งค์มาอย่างดีก่อนจะมาเจอพี่”
หญิงสาวเสยกแก้วน้ำขึ้นอีกครั้งและมองไปอีกทางเมื่อถูกเขาหยอดคำหวานและมองมาตาหวาน เธอชวนเขาออกจากท่าน้ำเพื่อหาข้าวเย็นกินกัน แต่เมื่อเดินมาถึงอาคารจอดรถหน้าวัดและต่างเข้ามานั่งในรถกันแล้วจิณไตยก็กลับเปลี่ยนใจที่จะพาเธอไปร้านอาหาร
“ไปกินข้าวบ้านพี่ไหม”
“เอ๊ะ”
“พี่อยากแนะนำให้มิ้งค์รู้จักน้องสาวพี่ จะได้สนิทกันไว้”
ดมิสานิ่งคิด ก่อนสั่นศีรษะ
“ไว้คราวหลังได้ไหมคะ มิ้งค์ยังไม่พร้อม เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แล้วอีกอย่าง...” เธอชะงัก ไม่พูดต่อว่าภรรยาเก่าของเขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นปีนี้เอง ที่เขามีเธอตอนนี้ ครอบครัวของเขาอาจมองว่าเร็วเกินไป “...อีกอย่างมิ้งค์หิวแล้วค่ะ หาร้านใกล้ๆ กินกันดีกว่า”
จิณไตยเม้มริมฝีปาก อยากจะเค้นถามว่าเธอมีอะไรในใจ แต่เมื่อเธอเฉไฉ เขาจึงถอนหายใจแล้วตอบตกลงยิ้มๆ แม้จะเปิดใจอยู่บ้าง แต่เขาดูออกว่าดมิสาไม่ได้เปิดให้เขาเห็นทุกซอกทุกมุมในหัวใจ หญิงสาวดูมีความลับ มีอะไรหลายอย่างที่ปิดบังเขา และเขาสัญญากับตัวเองว่าวันหนึ่งจะค้นเข้าไปในหัวใจเธอ
จะหาให้เจอว่าเธอซ่อนอะไรไว้ข้างในนั้น...
****************
นุชชารีย์สะอื้นไห้อยู่ภายใต้พันธนาการของเส้นผมตัวเอง วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เธอมองเห็น เธอได้ยิน เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง...แต่กลับไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับใครได้เลย
ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน
‘พี่มิ้งค์ๆ’
เสียงของสุวรรณลูกชายสุดที่รักดังขึ้น วิญญาณสาวจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง หล่อนขยับริมฝีปากที่ถูกเส้นผมตัวเองพันธนาการ พยายามเรียกลูก แต่ก็มิอาจกระทำ
‘ทำให้ดอกไม้บานได้ไหมคับ’
นุชชารีย์เห็นสุวรรณชี้มือไปยังกุหลาบขาวภายในห้องนอนของดมิสา วิญญาณสาวรู้เรื่องที่ดมิสามีพลังจิตพร้อมสุวรรณมานาน...นานแค่ไหนแล้วนะ หล่อนจำไม่ได้เลย รู้เพียงว่าสุวรรณเห่อพลังจิตของดมิสามาก เพราะไม่เคยเห็นมนุษย์ที่ไหนงอช้อนได้ ทำให้เก้าอี้โยกเองได้ หรือทำให้จานลอยมาวางที่โต๊ะได้แบบนั้นมาก่อน
ดมิสาหันมองกุหลาบตูมในแจกัน เพ่งสมาธิชั่วครู่กุหลาบขาวก็แย้มกลีบบานอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
‘โอ้โห’ สุวรรณทำตาโต ‘ทำให้สุวรรณลอยได้ไหมคับ’
กุมารแพทย์สาวหัวเราะ
“สุวรรณก็ลอยได้เองอยู่แล้วนี่”
‘โฮ่งๆ’ บุญเลิศเห่ารับราวกับว่าเห็นด้วย
หญิงสาวและพรายกุมารหัวเราะออกมาพร้อมกัน ภาพความสนิทสนมนั้นกรีดหัวใจของนุชชารีย์นัก แม้จะไม่มากเท่าเมื่อดมิสากับจิณไตยนัดเจอกัน หยอกล้อกันอย่างสนิทสนมขึ้นทุกวัน
ทำไมกันนะ ทำไม...
ทำไมหล่อนถึงโชคร้ายอยู่เสมอ
นุชชารีย์แอบรักจิณไตยมานาน ตั้งแต่เป็นรุ่นน้องของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ชายหนุ่มก็มีแฟนอยู่แล้วนับแต่ตอนนั้น มิหนำซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรากัน นุชชารีย์แม้มีผู้ชายดีเลิศแค่ไหนมาจีบก็ปฏิเสธไปหมดเพราะหล่อนตัดใจจากจิณไตยไม่ได้
กระทั่งภรรยาเขาตาย เธอจึงได้รับโอกาสเป็นภรรยาคนที่สองของเขาอย่างที่ไม่เคยคิดฝัน แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เธอก็กลับต้องมาตายตกลงไปด้วยอีกคน
ทำไมกันนะ...
หล่อนมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม เป็นลูกที่ดีของบิดามารดา เป็นเพื่อนที่ดีของมิตรสหาย และเป็นภรรยาที่ดีของจิณไตย แล้วเหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งหล่อนถึงเพียงนี้! กับดมิสา ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ดูจิณไตยกลับรักใครลุ่มหลงมันเสียจนลืมหล่อนได้ในระยะเวลาอันสั้น
หญิงก็ชั่ว...ชายก็เลว!
แสงวูบหนึ่งสาดมาจนนุชชารีย์ต้องหยีตา ชั่วขณะหนึ่งเหมือนตัวหล่อนหลับวูบไปทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อลืมตาขึ้นอีกทีหญิงสาวก็พบว่าตัว เองเป็นอิสระ ไร้ซึ่งพันธนาการ หากแต่รอบกายมืดดำ มีเพียงแสงที่ส่องมาจากร่างที่ห่มจีวรตรงหน้าเท่านั้น
พระอาจารย์ดิน ขันติสุโภ
วิญญาณสาวทรุดกายลงนั่งประนมมือ หล่อนรู้จักท่านเจ้าอาวาสวัดป่าอิสราภรณ์รูปนี้ เพราะหล่อนติดอยู่ในจี้เครื่องรางของดมิสามานาน หล่อนทราบดีว่าท่านเป็นพระมีอภิญญา สามารถทำอะไรได้หลายอย่างแบบที่ยามมีลมหายใจ นุชชารีย์ไม่สามารถจินตนาการได้เลย
พระดินยิ้ม ท่านเห็นทางแยกอันตรายของนุชชารีย์ วิญญาณสาวกำลังหยุดอยู่ตรงทางเลือกระหว่างการอดทนทำดีต่อไป หรือกลับกลายเป็นวิญญาณร้ายและอาจหลงทางสู่อเวจีอันทุกข์ทรมานในอนาคต
ด้วยความเมตตา ท่านจึงผายมือออกด้านข้าง เผยให้เห็นอดีตชาติของนุชชารีย์ที่เกิดเป็นลูกสาวของหมอผีมอญ ซึ่งต่อมาคือครูสอนมนตร์ดำให้เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์!
((ebook โหลดได้ที่ mebmarket))
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มี.ค. 2563, 21:54:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มี.ค. 2563, 21:54:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 450
<< บทที่ 9 -100% | บทที่ 10 -70% >> |