เลื่อมลายพรายจันทร์: ดุจดาริน (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'ดมิสา' เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังจิต
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 10 -70%
ช่วงนี้ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะรีดเดอร์ เป็นห่วงจ้า มาอ่านนิยายลืมโลกกันดีกว่า 555+ แบบเล่มหนังสือยังสามารถซื้อได้นะคะ รายละเอียดอยู่ในปุ่ม ‘อ่านเรื่องย่อ’ ด้านบน
**************
‘คำทิพย์ เอ็งเตรียมของให้พ่อเสร็จหรือยัง’
นุชชารีย์เกิดรับรู้ได้จากสัญญา[1]เก่าว่าเด็กหญิงสายเลือดไทยมอญวัยราวสิบปีที่ชื่อคำทิพย์ผู้นี้คือตัวหล่อนเองในอดีตชาติ คำทิพย์เป็นเด็กซื่อ เชื่อฟังและทำตามที่บิดาสั่งทุกอย่าง และตอนนี้เธอจับคอไก่โต้งไว้มั่น ขณะหันไปตอบบิดา
‘ใกล้แล้วจ้ะ’
โดยไม่สนใจว่าไก่จะดิ้นรนแค่ไหน หล่อนก็เชือดคอไก่แล้วรินเลือดลงถ้วยตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ราวกับเคยชินกับการฆ่ามาทั้งชีวิต ใน ขณะที่นุชชารีย์ยกมือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคืออดีตชาติของตน ในเมื่อชาตินี้แม้มดสักตัว หล่อนยังไม่เคยฆ่าเลย
‘นี่จ้ะพ่อ’
หมอผีชั่วรับถ้วยเลือดไป ก่อนลูบหัวบุตรสาวอย่างชื่นชม
‘เออ ดี เอ็งมันเก่ง ไม่เสียแรงที่พ่อสั่งสอนเอ็งมาดี’
เด็กหญิงยิ้มรับคำชมทั้งที่ยังกำคอไก่ที่ร่างกายกระตุกใกล้ตายไว้แน่น เลือดกระเซ็นเต็มใบหน้าอ่อนใส แล้วภาพก็ตัดไป กลายเป็นภาพหมอผีมอญกำลังใช้เลือดไก่และของอุบาทว์จัญไรทำพิธีทำร้ายหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์จนตกเลือดจนตายตามการว่าจ้างของภรรยาน้อยของสามีหญิงตั้ง ครรภ์
‘ไอ้โต้ง ไอ้โต้ง’ นุชชารีย์เห็นคำทิพย์วิ่งไล่ตามไก่โต้งอีกตัว ตอนนี้หล่อนอายุสิบสี่ปีแล้ว และไก่โต้งตัวนั้นก็วิ่งหนีเร็วเหลือเกิน แต่ก็ไม่พ้นถูกคำทิพย์จับได้อยู่ดี
‘วิ่งเร็วเหลือเกินนะมึง คอยดูนะ กูจะทำให้มึงวิ่งไม่ได้อีกเลย’
พูดจบก็ใช้เชือกมัดร่างไก่พันไว้จนเชือกหมดเส้นด้วยโทสะ ไก่ถูกเชือกรัดก็พยายามดิ้นแต่คำทิพย์ก็โยนมันเข้าสุ่มไก่ทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี คิดเพียงว่าวันพรุ่งนี้ก็ต้องเชือดมันแล้ว ซึ่งไก่โต้งชิงตายไปก่อนเพราะหายใจไม่ออก ทำให้คำทิพย์หัวเสียมากเพราะพิธีของบิดาต้องใช้เลือดไก่เป็นๆ เท่านั้น
นุชชารีย์มองภาพโต้งที่ถูกมัดแล้วน้ำตาไหลพราก เพราะสภาพของมัน ไม่ต่างจากที่วิญญาณหล่อนถูกเส้นผมตัวเองพันธนาการเลย!
“โยมเสียชีวิตเพราะเป็นฝีในท้อง ตอนอายุสิบสี่ปี”
พระดินกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเมตตา
“ก่อนจะมาเกิดเป็นนุชชารีย์ โยมไปเกิดใช้เศษกรรมเป็นไก่มาแล้วหลายชาติ เมื่อเกิดชาตินี้ก็เกิดในครอบครัวที่ดีกว่าชาติก่อนๆ ได้รับการสอนที่ดี โยมจึงเป็นคนดี มีสัมมาทิฐิ เพราะพื้นฐานจิตใจของโยมเป็นคนซื่อ สั่งสอนได้ง่าย”
นุชชารีย์อยากจะเอ่ยปากถาม แต่หล่อนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้ เพราะแท้จริงแล้วหล่อนยังถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นผมของตัวเองในจี้เครื่องราง
“คนเรานะโยม จะเป็นคนดีได้ต้องคิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี หากโยมพลาดพลั้งไปเกิดกับคนพาลอีก โยมอาจจะทำผิดซ้ำอีก”
ท่านยกมือขึ้นแตะที่อกตนเอง
“จิตเรานี้สำคัญที่สุด...จงตั้งมั่นในความดี ยึดคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อิสระของโยมกำลังเดินทางมา ระหว่างนี้ขอให้โยมพยายามตั้งจิตตั้งใจอธิษฐานเถิด เกิดภพใดชาติใดก็ขอให้เกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ และจะรักษาศีลห้าเป็นอย่างต่ำ เพื่ออนาคตระหว่างที่ยังคงวนเวียนในวัฏสงสารของโยมเอง”
พระดินยิ้ม ก่อนจางหายไป...
นุชชารีย์สะดุ้งเฮือก! ฟื้นตื่นขึ้นมาในจี้เครื่องรางอีกครั้ง
แต่คราวนี้หล่อนไม่ได้ตีอกชกหัวเรียกร้องความยุติธรรมจากฟ้าจากสวรรค์อีกแล้ว ไม่โทษว่าเป็นความผิดของจิณไตยหรือดมิสาด้วย หล่อนนึกขอบคุณพระอาจารย์ที่อุตส่าห์มาโปรดทั้งที่หล่อนไม่ใช่หลานสาวแบบดมิสา หล่อนเป็นคนอื่น เป็นคนแปลกหน้า และเกือบจะเคียดแค้นชิงชังคนดีๆ แบบ ดมิสากับจิณไตยด้วยอคติ
ทั้งที่ก็เห็นว่าสองคนนั้นกระทำแต่กรรมดี ไม่ว่าจะอยู่นอกบ้าน หรือในบ้าน มีคนเห็น หรือลับหลัง โดยเฉพาะดมิสาที่คอยส่งดวงวิญญาณไปเกิดเสมอโดยไม่เอาความดีความชอบ ไม่เคยประกาศบอกใคร ไม่เคยแสดงตนว่ายิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ผู้ไม่มีสัมผัสทิพย์
หญิงสาวปิดเปลือกตา ปล่อยให้น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม แม้รู้สึกทรมานนักหนา แต่เธอก็พยายามตั้งจิตอธิษฐานตามที่พระอาจารย์แนะนำ
การคบหาคนชั่ว ถูกสั่งสอนโดยคนชั่ว
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน...
***************
ยามเย็นของต้นฤดูฝน สมคิดเปิดประตูบ้านออกมากวาดใบไม้นอกกำแพงด้วยความขยัน กวาดไปกวาดมาก็มีแมวหลงเดินผ่านมาที่หน้ารั้วบ้าน มันเดินมาเอาหัวถูสมคิดอ้อนขออาหาร ชายหนุ่มผู้อ่อนโยนจึงเรียกมันให้ตามเข้ามาในรั้วบ้านเสน่ห์จันทน์
“เข้ามาเลยๆ ฉันมีไก่ทอดให้แกกินนะ”
สมคิดนั่งลงที่เก้าอี้ไม้หน้าอิสราภรณ์คลินิก ซึ่งเขาวางถุงใส่ไก่ทอดของโปรดไว้ตรงนั้น แมวเหมียวเดินนวยนาดตามเข้าไปตามคำบอกอนุญาต โดยที่สมคิดไม่รู้เลยว่าตานีที่ซุ่มรอท่าอยู่หน้าบ้านมาหลายเดือนแล้ว พุ่งตัวตามแมวเหมียวเข้าไปทันที!
สมคิดก็เป็นคนในบ้าน ใช่แต่อีดมิสาเมื่อไรที่ถือสิทธิ์จะอนุญาตหรือ ไม่อนุญาตอยู่ในมือ!
ผีสาวลอยลิ่วไปเกาะกอดรอบคอสมคิด ทำให้เขารู้สึกหนาวยะเยือกสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีทั้งที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าเพราะเขาทำงานหนัก เหงื่อไหลไคลย้อย เมื่อลมพัดมาก็เลยหนาว
ชายหนุ่มแกะเนื้อไก่ทอดวางให้แมวเล็มกิน เขามองเจ้าตัวเล็กอย่างมีความสุขเพราะร้อยวันพันปีบ้านนี้ไม่มีสัตว์ให้เล่นเลย ไม่ว่าสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่า เมื่อก่อนนี้มีบุญเลิศ แต่เจ้าหมาตัวนั้นก็อายุสั้นด่วนตายจากไปก่อน นั่นเป็นสัตว์ตัวแรกและตัวสุดท้ายที่เขาได้กอดได้จับได้อาบน้ำให้ เมื่อมีแมวเหมียวหลงเข้ามาจากไหนไม่รู้ เขาก็คิดอยากจะขอคุณท่านเลี้ยงเอาไว้
แต่แมวน้อยเล็มกินไก่ได้ไม่นาน สัญชาตญาณก็จับได้ถึงสัญญาณอันตรายจนมันสะดุ้ง! ลุกขึ้นขู่ฟ่อ ขนลุกตั้งชันไปตลอดแนวไขสันหลัง เมื่อสมคิดตกใจยื่นมือไปหาจะปลอบ มันก็สะบัดมือข่วนมือเขาดังแควก แล้ววิ่งเตลิดหนีออกจากบ้านไปท่ามกลางความงุนงงและแสนเสียดายของสมคิด
ชายหนุ่มจับมือที่เป็นแผลแมวข่วนจนเลือดไหลซิบ ขณะมองตามเจ้าตัวเล็กไปอย่างแสนเสียดาย เขาเลยอดมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงาเลย
เสียดายได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของเจิมจันทร์ เขาจำเสียงได้ สมคิดรีบเอาผ้าเช็ดเหงื่อมาพันมือห้ามเลือด ก่อนวิ่งไปเปิดประตูรั้วให้อย่างขยันขันแข็ง ชายหนุ่มยกมือไหว้คุณท่านตอนที่รถคันหรูแล่นผ่าน โดยที่เจิมจันทร์แค่ปราดตามองอย่างรำคาญ ใช่จะรำคาญสม คิด นางรำคาญอีผีตานีมักมากใฝ่ต่ำที่เข้ามาในบ้านให้รกหูรกตานางอีกแล้ว!
ถนอมขับรถไปจอดที่หน้าเรือนเสน่ห์จันทน์ ก่อนกุลีกุจอลงจากรถมาเปิดประตูให้เจิมจันทร์ที่นุ่งชุดขาวสำหรับถือศีล ในมือนางถือกระเป๋าใบหรูราคาเหยียบแสนเดินขึ้นเรือนไป ในขณะที่ถนอมเอารถเข้าไปจอดในโรงจอดรถที่ตอนนี้มีเพียงรถยนต์ของเจิมจันทร์เท่านั้นที่เข้าไปจอดได้ ไอ้อีที่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์! แม้แต่ดมิสาผู้เป็นหลานก็ตาม
เมื่อเดินขึ้นเรือนไปถึงห้องนอนส่วนตัวได้แค่ชั่วอึดใจ วางกระเป๋าถือราคาแพงลงบนโต๊ะวางของเรียบร้อย ถนอมก็หอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมตามเข้ามาวางไว้ให้อย่างนอบน้อม แล้วออกจากห้องไปโดยไม่ลืมปิดประตูให้ด้วย เจิมจันทร์เดินไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แกะมวยผมออกแล้วใช้หวีสางจนเรือนผมดำขลับสยายไปกับแผ่นหลัง มีรอยงอเล็กน้อยจากการมัดรวบตึงมาเกือบตลอดสามวัน
ที่สะท้อนจากเงากระจก คือหญิงชราวัยเจ็ดสิบปีเศษ แม้เรือนผม จะยังดำเงาราวสาวรุ่น แต่ใบหน้าก็อ่อนเยาว์ลงได้แค่ที่วัยสี่สิบห้าสิบเท่านั้น เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์มองสบตาตัวเองในกระจกอย่างเจ็บใจ ทำไมความสาวความสวยถึงอยู่กับนางได้ไม่นานนัก ทั้งที่อวิชชาของนางเมื่อใช้ผสมในว่านสมุนไพรก็รักษาเส้นผมได้ไม่หงอกสักเส้น แต่ผิวหนังกลับเต่งตึงดังสาวรุ่นไม่ได้
‘สมคิดจ๋า...’
เสียงนั้นลอยมาตามลม และผลจากการเดินทางไปนั่งสมาธิเพื่อฟื้น ฟูพลังมนตร์ดำของนางถึงวัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีก็ทำให้หูทิพย์ของเจิมจันทร์มีพลังมากขึ้น อีตานี...อีไพร่ชั้นต่ำ! อีมักมากในกาม! หญิงสูงวัยผุดลุกจากเก้าอี้ ทุบโต๊ะเครื่องแป้งดังปัง!
คราวก่อนนางอุตส่าห์ไม่สนใจแล้วยังจะมีหน้าย้อนกลับมาทำระยำจัญไรอีก อีร่าน! อีผีโคมเขียว! วันนี้มึงจะได้รู้ว่าเรือนเสน่ห์จันทน์ไม่ใช่ตรอกเต๊า[2]สำหรับมึง!
[1] สัญญา (ภาษาสันสกฤต: สํชญา) แปลว่า จำความได้ ความหมายรู้ได้ คือระบบความจำที่สามารถจำคน สัตว์ สิ่งของ และเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ทางพุทธศาสนาถือว่า สัญญานั้นย้อนกลับไปได้ไม่สิ้นสุด เช่น เราลองนึกถึงตัวเราในอดีตที่กำลังเศร้ากับการกระทำที่ผิด พลาดของตนในอดีต ในสัญญาของตัวเราในอดีตก็มีเหตุการณ์ที่ตัวเราในอดีตขณะนั้นมีภาพตัวเราที่เป็นอดีตของอดีตตัวเราทำความผิดพลาดซ้อนอีก ดังนั้น สัญญาจะมีลักษณะซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด แต่ที่เราจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ เพราะอำนาจสติมีกำลังน้อย อีกทั้งที่เราจำชาติก่อนไม่ได้เพราะกฎแห่งวัฏสงสาร
[2] ตรอกเต๊าคือย่านสำนักโสเภณีชื่อดังในอดีต
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
**************
‘คำทิพย์ เอ็งเตรียมของให้พ่อเสร็จหรือยัง’
นุชชารีย์เกิดรับรู้ได้จากสัญญา[1]เก่าว่าเด็กหญิงสายเลือดไทยมอญวัยราวสิบปีที่ชื่อคำทิพย์ผู้นี้คือตัวหล่อนเองในอดีตชาติ คำทิพย์เป็นเด็กซื่อ เชื่อฟังและทำตามที่บิดาสั่งทุกอย่าง และตอนนี้เธอจับคอไก่โต้งไว้มั่น ขณะหันไปตอบบิดา
‘ใกล้แล้วจ้ะ’
โดยไม่สนใจว่าไก่จะดิ้นรนแค่ไหน หล่อนก็เชือดคอไก่แล้วรินเลือดลงถ้วยตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ราวกับเคยชินกับการฆ่ามาทั้งชีวิต ใน ขณะที่นุชชารีย์ยกมือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคืออดีตชาติของตน ในเมื่อชาตินี้แม้มดสักตัว หล่อนยังไม่เคยฆ่าเลย
‘นี่จ้ะพ่อ’
หมอผีชั่วรับถ้วยเลือดไป ก่อนลูบหัวบุตรสาวอย่างชื่นชม
‘เออ ดี เอ็งมันเก่ง ไม่เสียแรงที่พ่อสั่งสอนเอ็งมาดี’
เด็กหญิงยิ้มรับคำชมทั้งที่ยังกำคอไก่ที่ร่างกายกระตุกใกล้ตายไว้แน่น เลือดกระเซ็นเต็มใบหน้าอ่อนใส แล้วภาพก็ตัดไป กลายเป็นภาพหมอผีมอญกำลังใช้เลือดไก่และของอุบาทว์จัญไรทำพิธีทำร้ายหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์จนตกเลือดจนตายตามการว่าจ้างของภรรยาน้อยของสามีหญิงตั้ง ครรภ์
‘ไอ้โต้ง ไอ้โต้ง’ นุชชารีย์เห็นคำทิพย์วิ่งไล่ตามไก่โต้งอีกตัว ตอนนี้หล่อนอายุสิบสี่ปีแล้ว และไก่โต้งตัวนั้นก็วิ่งหนีเร็วเหลือเกิน แต่ก็ไม่พ้นถูกคำทิพย์จับได้อยู่ดี
‘วิ่งเร็วเหลือเกินนะมึง คอยดูนะ กูจะทำให้มึงวิ่งไม่ได้อีกเลย’
พูดจบก็ใช้เชือกมัดร่างไก่พันไว้จนเชือกหมดเส้นด้วยโทสะ ไก่ถูกเชือกรัดก็พยายามดิ้นแต่คำทิพย์ก็โยนมันเข้าสุ่มไก่ทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี คิดเพียงว่าวันพรุ่งนี้ก็ต้องเชือดมันแล้ว ซึ่งไก่โต้งชิงตายไปก่อนเพราะหายใจไม่ออก ทำให้คำทิพย์หัวเสียมากเพราะพิธีของบิดาต้องใช้เลือดไก่เป็นๆ เท่านั้น
นุชชารีย์มองภาพโต้งที่ถูกมัดแล้วน้ำตาไหลพราก เพราะสภาพของมัน ไม่ต่างจากที่วิญญาณหล่อนถูกเส้นผมตัวเองพันธนาการเลย!
“โยมเสียชีวิตเพราะเป็นฝีในท้อง ตอนอายุสิบสี่ปี”
พระดินกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเมตตา
“ก่อนจะมาเกิดเป็นนุชชารีย์ โยมไปเกิดใช้เศษกรรมเป็นไก่มาแล้วหลายชาติ เมื่อเกิดชาตินี้ก็เกิดในครอบครัวที่ดีกว่าชาติก่อนๆ ได้รับการสอนที่ดี โยมจึงเป็นคนดี มีสัมมาทิฐิ เพราะพื้นฐานจิตใจของโยมเป็นคนซื่อ สั่งสอนได้ง่าย”
นุชชารีย์อยากจะเอ่ยปากถาม แต่หล่อนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้ เพราะแท้จริงแล้วหล่อนยังถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นผมของตัวเองในจี้เครื่องราง
“คนเรานะโยม จะเป็นคนดีได้ต้องคิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี หากโยมพลาดพลั้งไปเกิดกับคนพาลอีก โยมอาจจะทำผิดซ้ำอีก”
ท่านยกมือขึ้นแตะที่อกตนเอง
“จิตเรานี้สำคัญที่สุด...จงตั้งมั่นในความดี ยึดคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อิสระของโยมกำลังเดินทางมา ระหว่างนี้ขอให้โยมพยายามตั้งจิตตั้งใจอธิษฐานเถิด เกิดภพใดชาติใดก็ขอให้เกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ และจะรักษาศีลห้าเป็นอย่างต่ำ เพื่ออนาคตระหว่างที่ยังคงวนเวียนในวัฏสงสารของโยมเอง”
พระดินยิ้ม ก่อนจางหายไป...
นุชชารีย์สะดุ้งเฮือก! ฟื้นตื่นขึ้นมาในจี้เครื่องรางอีกครั้ง
แต่คราวนี้หล่อนไม่ได้ตีอกชกหัวเรียกร้องความยุติธรรมจากฟ้าจากสวรรค์อีกแล้ว ไม่โทษว่าเป็นความผิดของจิณไตยหรือดมิสาด้วย หล่อนนึกขอบคุณพระอาจารย์ที่อุตส่าห์มาโปรดทั้งที่หล่อนไม่ใช่หลานสาวแบบดมิสา หล่อนเป็นคนอื่น เป็นคนแปลกหน้า และเกือบจะเคียดแค้นชิงชังคนดีๆ แบบ ดมิสากับจิณไตยด้วยอคติ
ทั้งที่ก็เห็นว่าสองคนนั้นกระทำแต่กรรมดี ไม่ว่าจะอยู่นอกบ้าน หรือในบ้าน มีคนเห็น หรือลับหลัง โดยเฉพาะดมิสาที่คอยส่งดวงวิญญาณไปเกิดเสมอโดยไม่เอาความดีความชอบ ไม่เคยประกาศบอกใคร ไม่เคยแสดงตนว่ายิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ผู้ไม่มีสัมผัสทิพย์
หญิงสาวปิดเปลือกตา ปล่อยให้น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม แม้รู้สึกทรมานนักหนา แต่เธอก็พยายามตั้งจิตอธิษฐานตามที่พระอาจารย์แนะนำ
การคบหาคนชั่ว ถูกสั่งสอนโดยคนชั่ว
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน...
***************
ยามเย็นของต้นฤดูฝน สมคิดเปิดประตูบ้านออกมากวาดใบไม้นอกกำแพงด้วยความขยัน กวาดไปกวาดมาก็มีแมวหลงเดินผ่านมาที่หน้ารั้วบ้าน มันเดินมาเอาหัวถูสมคิดอ้อนขออาหาร ชายหนุ่มผู้อ่อนโยนจึงเรียกมันให้ตามเข้ามาในรั้วบ้านเสน่ห์จันทน์
“เข้ามาเลยๆ ฉันมีไก่ทอดให้แกกินนะ”
สมคิดนั่งลงที่เก้าอี้ไม้หน้าอิสราภรณ์คลินิก ซึ่งเขาวางถุงใส่ไก่ทอดของโปรดไว้ตรงนั้น แมวเหมียวเดินนวยนาดตามเข้าไปตามคำบอกอนุญาต โดยที่สมคิดไม่รู้เลยว่าตานีที่ซุ่มรอท่าอยู่หน้าบ้านมาหลายเดือนแล้ว พุ่งตัวตามแมวเหมียวเข้าไปทันที!
สมคิดก็เป็นคนในบ้าน ใช่แต่อีดมิสาเมื่อไรที่ถือสิทธิ์จะอนุญาตหรือ ไม่อนุญาตอยู่ในมือ!
ผีสาวลอยลิ่วไปเกาะกอดรอบคอสมคิด ทำให้เขารู้สึกหนาวยะเยือกสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีทั้งที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าเพราะเขาทำงานหนัก เหงื่อไหลไคลย้อย เมื่อลมพัดมาก็เลยหนาว
ชายหนุ่มแกะเนื้อไก่ทอดวางให้แมวเล็มกิน เขามองเจ้าตัวเล็กอย่างมีความสุขเพราะร้อยวันพันปีบ้านนี้ไม่มีสัตว์ให้เล่นเลย ไม่ว่าสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่า เมื่อก่อนนี้มีบุญเลิศ แต่เจ้าหมาตัวนั้นก็อายุสั้นด่วนตายจากไปก่อน นั่นเป็นสัตว์ตัวแรกและตัวสุดท้ายที่เขาได้กอดได้จับได้อาบน้ำให้ เมื่อมีแมวเหมียวหลงเข้ามาจากไหนไม่รู้ เขาก็คิดอยากจะขอคุณท่านเลี้ยงเอาไว้
แต่แมวน้อยเล็มกินไก่ได้ไม่นาน สัญชาตญาณก็จับได้ถึงสัญญาณอันตรายจนมันสะดุ้ง! ลุกขึ้นขู่ฟ่อ ขนลุกตั้งชันไปตลอดแนวไขสันหลัง เมื่อสมคิดตกใจยื่นมือไปหาจะปลอบ มันก็สะบัดมือข่วนมือเขาดังแควก แล้ววิ่งเตลิดหนีออกจากบ้านไปท่ามกลางความงุนงงและแสนเสียดายของสมคิด
ชายหนุ่มจับมือที่เป็นแผลแมวข่วนจนเลือดไหลซิบ ขณะมองตามเจ้าตัวเล็กไปอย่างแสนเสียดาย เขาเลยอดมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงาเลย
เสียดายได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของเจิมจันทร์ เขาจำเสียงได้ สมคิดรีบเอาผ้าเช็ดเหงื่อมาพันมือห้ามเลือด ก่อนวิ่งไปเปิดประตูรั้วให้อย่างขยันขันแข็ง ชายหนุ่มยกมือไหว้คุณท่านตอนที่รถคันหรูแล่นผ่าน โดยที่เจิมจันทร์แค่ปราดตามองอย่างรำคาญ ใช่จะรำคาญสม คิด นางรำคาญอีผีตานีมักมากใฝ่ต่ำที่เข้ามาในบ้านให้รกหูรกตานางอีกแล้ว!
ถนอมขับรถไปจอดที่หน้าเรือนเสน่ห์จันทน์ ก่อนกุลีกุจอลงจากรถมาเปิดประตูให้เจิมจันทร์ที่นุ่งชุดขาวสำหรับถือศีล ในมือนางถือกระเป๋าใบหรูราคาเหยียบแสนเดินขึ้นเรือนไป ในขณะที่ถนอมเอารถเข้าไปจอดในโรงจอดรถที่ตอนนี้มีเพียงรถยนต์ของเจิมจันทร์เท่านั้นที่เข้าไปจอดได้ ไอ้อีที่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์! แม้แต่ดมิสาผู้เป็นหลานก็ตาม
เมื่อเดินขึ้นเรือนไปถึงห้องนอนส่วนตัวได้แค่ชั่วอึดใจ วางกระเป๋าถือราคาแพงลงบนโต๊ะวางของเรียบร้อย ถนอมก็หอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมตามเข้ามาวางไว้ให้อย่างนอบน้อม แล้วออกจากห้องไปโดยไม่ลืมปิดประตูให้ด้วย เจิมจันทร์เดินไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แกะมวยผมออกแล้วใช้หวีสางจนเรือนผมดำขลับสยายไปกับแผ่นหลัง มีรอยงอเล็กน้อยจากการมัดรวบตึงมาเกือบตลอดสามวัน
ที่สะท้อนจากเงากระจก คือหญิงชราวัยเจ็ดสิบปีเศษ แม้เรือนผม จะยังดำเงาราวสาวรุ่น แต่ใบหน้าก็อ่อนเยาว์ลงได้แค่ที่วัยสี่สิบห้าสิบเท่านั้น เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์มองสบตาตัวเองในกระจกอย่างเจ็บใจ ทำไมความสาวความสวยถึงอยู่กับนางได้ไม่นานนัก ทั้งที่อวิชชาของนางเมื่อใช้ผสมในว่านสมุนไพรก็รักษาเส้นผมได้ไม่หงอกสักเส้น แต่ผิวหนังกลับเต่งตึงดังสาวรุ่นไม่ได้
‘สมคิดจ๋า...’
เสียงนั้นลอยมาตามลม และผลจากการเดินทางไปนั่งสมาธิเพื่อฟื้น ฟูพลังมนตร์ดำของนางถึงวัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีก็ทำให้หูทิพย์ของเจิมจันทร์มีพลังมากขึ้น อีตานี...อีไพร่ชั้นต่ำ! อีมักมากในกาม! หญิงสูงวัยผุดลุกจากเก้าอี้ ทุบโต๊ะเครื่องแป้งดังปัง!
คราวก่อนนางอุตส่าห์ไม่สนใจแล้วยังจะมีหน้าย้อนกลับมาทำระยำจัญไรอีก อีร่าน! อีผีโคมเขียว! วันนี้มึงจะได้รู้ว่าเรือนเสน่ห์จันทน์ไม่ใช่ตรอกเต๊า[2]สำหรับมึง!
[1] สัญญา (ภาษาสันสกฤต: สํชญา) แปลว่า จำความได้ ความหมายรู้ได้ คือระบบความจำที่สามารถจำคน สัตว์ สิ่งของ และเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ทางพุทธศาสนาถือว่า สัญญานั้นย้อนกลับไปได้ไม่สิ้นสุด เช่น เราลองนึกถึงตัวเราในอดีตที่กำลังเศร้ากับการกระทำที่ผิด พลาดของตนในอดีต ในสัญญาของตัวเราในอดีตก็มีเหตุการณ์ที่ตัวเราในอดีตขณะนั้นมีภาพตัวเราที่เป็นอดีตของอดีตตัวเราทำความผิดพลาดซ้อนอีก ดังนั้น สัญญาจะมีลักษณะซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด แต่ที่เราจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ เพราะอำนาจสติมีกำลังน้อย อีกทั้งที่เราจำชาติก่อนไม่ได้เพราะกฎแห่งวัฏสงสาร
[2] ตรอกเต๊าคือย่านสำนักโสเภณีชื่อดังในอดีต
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2563, 18:59:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2563, 18:59:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 469
<< บทที่ 10 -30% | บทที่ 10 -100% >> |