เลื่อมลายพรายจันทร์: ดุจดาริน (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'ดมิสา' เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังจิต
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 11 -60%
ระหว่างที่เจิมจันทร์เรียกสุวรรณไปพบนั้น ดมิสาไม่รู้เลยว่าสุวรรณไม่ได้อยู่ในจี้เครื่องรางเพราะกุมารน้อยไม่ได้ออกมาให้เธอเห็นตลอดเวลา หญิงสาวกลับเข้าบ้านมาหลังจากไปรับประทานอาหารเย็นกับจิณไตย เธอจึงเดินเข้าห้องนอนส่วนตัวอย่างเป็นสุข ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอันใด
แต่เมื่อปิดประตูห้องนอนสนิท ก็เห็นบุญเลิศทำก้นโด่งแนบคางลงกับพื้นไม้ วิญญาณสุนัขกำลังมองเข้าไปใต้เตียง เมื่อมันหันมาเห็นเธอก็วิ่งมานัวเนียกระดิกหางเป็นระวิง แล้ววิ่งกลับไปทำท่าเดิมอีกพร้อมกับร้องงี้ดๆ ชวนให้สงสัย
ดมิสาเดินเข้าไปทรุดตัวลงก้มมองเข้าไปใต้เตียงว่าบุญเลิศกำลังมองอะไร เมื่อเห็น ‘สิ่งนั้น’ หญิงสาวถึงกับผงะถอยหนี ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ดของตัวเองสุดกำลัง เธอแทบจำไม่ได้ว่าวิญญาณที่พลังงานลดน้อยถอยลงเหลือเกินนั้นคือดวงจิตที่เธอเคยพบ กระทั่งเห็นสไบสีเขียวขาดรุ่งริ่ง และเห็นกำไลข้อมือที่ดมิสาจำได้ดีว่าตานีที่ใส่กำไลทองแบบนี้ มีแค่ตานีที่เคยมานัวเนียสมคิดเท่านั้น
“ตานี...” หญิงสาวครางเรียกเสียงเบาหวิว และเหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะพลันได้ยิน
ตานีที่พุพองไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะใบหน้า กลั้นใจดึงตัวเองออกมาจากใต้เตียงที่หล่อนหลบซ่อน ตอนนี้หล่อนมองไม่เห็นอะไรแล้วเพราะเจิมจันทร์ทรมานทรกรรมหล่อนจนตาทิพย์มืดบอด หญิงชราร้ายกาจคนนั้นชั่วช้านัก! ถ้าหากเปลวเทียนไม่บังเอิญไหววูบมาถูกสายสิญจน์ขาด ตานีคงหนีออกมาไม่ได้เช่นนี้
ตอนที่กำลังหนีอย่างอับจนหนทาง มือผีทาสหลายมือพยายามยื้อยุดฉุดหล่อนไว้ แต่ตานีก็สู้ยิบตาด้วยความกลัวตาย กระทั่งหนีพ้นออกมาได้จากห้องที่เป็นราวนรกของตน ก็ได้ยินเสียงเจิมจันทร์ดังตามมา
‘ไม่ต้องไปตามมัน สภาพแบบนั้นเดี๋ยวมันก็ตายห่าตกนรกหมกไหม้แล้ว ไม่พ้นคืนนี้หรอก!’
ตานีหนีซมซานเข้ามาในห้องนี้ เพราะได้กลิ่นที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นกลิ่นกายของดมิสา กลิ่นที่อวลด้วยศีล จาคะ ปัญญา ตานีนั้นร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเมื่อนาสิกสัมผัสกลิ่นของกุมารแพทย์หญิงที่นางเคยชัง เมื่อเผชิญหน้ากับเจิมจันทร์แล้ว ดมิสาก็กลายเป็นนางฟ้าสำหรับนางไปเลย
ตานีได้ยินเสียงและสัมผัสของบุญเลิศ รับรู้ว่าเป็นวิญญาณสุนัข แต่บุญเลิศไม่เห่าและไม่กัดหล่อน ตานีเลยซมซานเข้าไปหลบที่ใต้เตียงเพื่อรอ ดมิสากลับมา หล่อนพยายามฝืนสังขารไว้สุดกำลังแค่เพราะเพียงคิดว่า ดมิสาจะรู้หรือไม่ว่ายายเจิมจันทร์ซุกซ่อนไสยศาสตร์มืดดำไว้ในบ้าน!
“ตานี” ดมิสาร้องเรียก น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม แม้จะเคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน แต่สภาพของตานีสาวในเวลานี้ก็น่าสงสารเหลือเกิน “นี่เธอไปโดนอะไรมา”
ตานีพยายามยื่นมือมาสัมผัสมือของดมิสา หล่อนพยายามเงยหน้ามองแม้ไม่เห็น เนิ่นนานกว่ามือพุพองจะแทรกผ่านกายหยาบของหญิงสาว เมื่อหล่อนสัมผัสได้ ตานีพยายามกำมือดมิสาแน่นๆ ขณะเอ่ยเตือนแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะมีทาสรับใช้ของเจิมจันทร์มาได้ยินเข้า
‘ระวังเจิมจันทร์’ เสียงหล่อนแตกพร่า ฟังไม่ชัดนัก
‘อย่าไว้ใจเจิม...จันทร์!!!’
ดมิสาไม่เข้าใจสิ่งที่ตานีพยายามจะสื่อ เจิมจันทร์...ยายของเธอทำอะไรหรือ ตานีถึงพยายามพูดอยู่เช่นนี้ทั้งที่ดวงจิตทุกข์ทรมานแทบจะแตกดับอยู่แล้ว
‘ไส...ยะ’
พูดได้แค่นั้นจิตของตานีก็อดทนต่อไม่ไหว หล่อนค่อยๆ กลายเป็นฟองสีขาวลอยหายขึ้นฟ้าไปโดยไม่รู้เลยว่าจิตใจแห่งความห่วงใยและอดทนรอเตือนให้ดมิสาระวังภัยนั้น นำพาให้ดวงจิตติดกามของหล่อนเปลี่ยนไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะจิตก่อนตายได้เสียสละตน ยินยอมที่จะทุกข์ทรมานเพื่อกระทำกรรมดี และเมื่อเกิดใหม่หล่อนก็ลืมเรื่องราวที่บ้านเสน่ห์จันทน์นี้แล้ว ตามบุญกรรมของหล่อนที่สะสมมา
ดมิสานิ่งอึ้ง เธอจะคิดว่าตานีใส่ร้ายเจิมจันทร์ก็ไม่ได้เพราะแสงสุด ท้ายของตานีเป็นสีขาวลอยขึ้นฟ้า เธอเห็นอยู่กับตา นั่นแปลว่าสิ่งที่ตานีพูดคือคำสัตย์ คือความจริง
ระวังเจิมจันทร์ อย่าไว้ใจเจิมจันทร์ ไสยะ...
ไสยศาสตร์!
ดมิสายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตระหนก ยายของเธอน่ะหรือเป็นพวกเล่นของอวิชชา ใช้คุณไสยมนตร์ดำทำร้ายผู้อื่น และเป็นคนลงมือฆ่าตา นีอย่างโหดเหี้ยมทรมาน เจิมจันทร์น่ะหรือ!
แม้จะมีบรรพบุรุษเป็นโหรหลวงในวัง มีฝีมือทางการดูดวงและดูหินสี แต่ดมิสาไม่เคยจินตนาการเลยว่ายายของเธอจะหยิบจับอวิชชาให้มือทั้งสองแปดเปื้อน
“ไม่” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อในความคิดของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้”
แม้จะปฏิเสธสักเท่าไร ก็ไม่อาจหนีความจริงพ้น
และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ อยู่ในสายตาของสุวรรณที่กลับมาแล้วเช่นกัน เขายืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของดมิสา ครุ่นคิดกังวลว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ดมิสาไม่ควรรับรู้เรื่องนี้
มันจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายที่สุวรรณเดาไม่ออกเลยว่า เจิมจันทร์จะจัดการอย่างไรกับหลานสาวที่ล่วงรู้ความลับ มิหนำซ้ำยังเป็นหลานสาวที่เจิมจันทร์เกลียดชังจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วย!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
แต่เมื่อปิดประตูห้องนอนสนิท ก็เห็นบุญเลิศทำก้นโด่งแนบคางลงกับพื้นไม้ วิญญาณสุนัขกำลังมองเข้าไปใต้เตียง เมื่อมันหันมาเห็นเธอก็วิ่งมานัวเนียกระดิกหางเป็นระวิง แล้ววิ่งกลับไปทำท่าเดิมอีกพร้อมกับร้องงี้ดๆ ชวนให้สงสัย
ดมิสาเดินเข้าไปทรุดตัวลงก้มมองเข้าไปใต้เตียงว่าบุญเลิศกำลังมองอะไร เมื่อเห็น ‘สิ่งนั้น’ หญิงสาวถึงกับผงะถอยหนี ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ดของตัวเองสุดกำลัง เธอแทบจำไม่ได้ว่าวิญญาณที่พลังงานลดน้อยถอยลงเหลือเกินนั้นคือดวงจิตที่เธอเคยพบ กระทั่งเห็นสไบสีเขียวขาดรุ่งริ่ง และเห็นกำไลข้อมือที่ดมิสาจำได้ดีว่าตานีที่ใส่กำไลทองแบบนี้ มีแค่ตานีที่เคยมานัวเนียสมคิดเท่านั้น
“ตานี...” หญิงสาวครางเรียกเสียงเบาหวิว และเหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะพลันได้ยิน
ตานีที่พุพองไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะใบหน้า กลั้นใจดึงตัวเองออกมาจากใต้เตียงที่หล่อนหลบซ่อน ตอนนี้หล่อนมองไม่เห็นอะไรแล้วเพราะเจิมจันทร์ทรมานทรกรรมหล่อนจนตาทิพย์มืดบอด หญิงชราร้ายกาจคนนั้นชั่วช้านัก! ถ้าหากเปลวเทียนไม่บังเอิญไหววูบมาถูกสายสิญจน์ขาด ตานีคงหนีออกมาไม่ได้เช่นนี้
ตอนที่กำลังหนีอย่างอับจนหนทาง มือผีทาสหลายมือพยายามยื้อยุดฉุดหล่อนไว้ แต่ตานีก็สู้ยิบตาด้วยความกลัวตาย กระทั่งหนีพ้นออกมาได้จากห้องที่เป็นราวนรกของตน ก็ได้ยินเสียงเจิมจันทร์ดังตามมา
‘ไม่ต้องไปตามมัน สภาพแบบนั้นเดี๋ยวมันก็ตายห่าตกนรกหมกไหม้แล้ว ไม่พ้นคืนนี้หรอก!’
ตานีหนีซมซานเข้ามาในห้องนี้ เพราะได้กลิ่นที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นกลิ่นกายของดมิสา กลิ่นที่อวลด้วยศีล จาคะ ปัญญา ตานีนั้นร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเมื่อนาสิกสัมผัสกลิ่นของกุมารแพทย์หญิงที่นางเคยชัง เมื่อเผชิญหน้ากับเจิมจันทร์แล้ว ดมิสาก็กลายเป็นนางฟ้าสำหรับนางไปเลย
ตานีได้ยินเสียงและสัมผัสของบุญเลิศ รับรู้ว่าเป็นวิญญาณสุนัข แต่บุญเลิศไม่เห่าและไม่กัดหล่อน ตานีเลยซมซานเข้าไปหลบที่ใต้เตียงเพื่อรอ ดมิสากลับมา หล่อนพยายามฝืนสังขารไว้สุดกำลังแค่เพราะเพียงคิดว่า ดมิสาจะรู้หรือไม่ว่ายายเจิมจันทร์ซุกซ่อนไสยศาสตร์มืดดำไว้ในบ้าน!
“ตานี” ดมิสาร้องเรียก น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม แม้จะเคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน แต่สภาพของตานีสาวในเวลานี้ก็น่าสงสารเหลือเกิน “นี่เธอไปโดนอะไรมา”
ตานีพยายามยื่นมือมาสัมผัสมือของดมิสา หล่อนพยายามเงยหน้ามองแม้ไม่เห็น เนิ่นนานกว่ามือพุพองจะแทรกผ่านกายหยาบของหญิงสาว เมื่อหล่อนสัมผัสได้ ตานีพยายามกำมือดมิสาแน่นๆ ขณะเอ่ยเตือนแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะมีทาสรับใช้ของเจิมจันทร์มาได้ยินเข้า
‘ระวังเจิมจันทร์’ เสียงหล่อนแตกพร่า ฟังไม่ชัดนัก
‘อย่าไว้ใจเจิม...จันทร์!!!’
ดมิสาไม่เข้าใจสิ่งที่ตานีพยายามจะสื่อ เจิมจันทร์...ยายของเธอทำอะไรหรือ ตานีถึงพยายามพูดอยู่เช่นนี้ทั้งที่ดวงจิตทุกข์ทรมานแทบจะแตกดับอยู่แล้ว
‘ไส...ยะ’
พูดได้แค่นั้นจิตของตานีก็อดทนต่อไม่ไหว หล่อนค่อยๆ กลายเป็นฟองสีขาวลอยหายขึ้นฟ้าไปโดยไม่รู้เลยว่าจิตใจแห่งความห่วงใยและอดทนรอเตือนให้ดมิสาระวังภัยนั้น นำพาให้ดวงจิตติดกามของหล่อนเปลี่ยนไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะจิตก่อนตายได้เสียสละตน ยินยอมที่จะทุกข์ทรมานเพื่อกระทำกรรมดี และเมื่อเกิดใหม่หล่อนก็ลืมเรื่องราวที่บ้านเสน่ห์จันทน์นี้แล้ว ตามบุญกรรมของหล่อนที่สะสมมา
ดมิสานิ่งอึ้ง เธอจะคิดว่าตานีใส่ร้ายเจิมจันทร์ก็ไม่ได้เพราะแสงสุด ท้ายของตานีเป็นสีขาวลอยขึ้นฟ้า เธอเห็นอยู่กับตา นั่นแปลว่าสิ่งที่ตานีพูดคือคำสัตย์ คือความจริง
ระวังเจิมจันทร์ อย่าไว้ใจเจิมจันทร์ ไสยะ...
ไสยศาสตร์!
ดมิสายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตระหนก ยายของเธอน่ะหรือเป็นพวกเล่นของอวิชชา ใช้คุณไสยมนตร์ดำทำร้ายผู้อื่น และเป็นคนลงมือฆ่าตา นีอย่างโหดเหี้ยมทรมาน เจิมจันทร์น่ะหรือ!
แม้จะมีบรรพบุรุษเป็นโหรหลวงในวัง มีฝีมือทางการดูดวงและดูหินสี แต่ดมิสาไม่เคยจินตนาการเลยว่ายายของเธอจะหยิบจับอวิชชาให้มือทั้งสองแปดเปื้อน
“ไม่” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อในความคิดของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้”
แม้จะปฏิเสธสักเท่าไร ก็ไม่อาจหนีความจริงพ้น
และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ อยู่ในสายตาของสุวรรณที่กลับมาแล้วเช่นกัน เขายืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของดมิสา ครุ่นคิดกังวลว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ดมิสาไม่ควรรับรู้เรื่องนี้
มันจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายที่สุวรรณเดาไม่ออกเลยว่า เจิมจันทร์จะจัดการอย่างไรกับหลานสาวที่ล่วงรู้ความลับ มิหนำซ้ำยังเป็นหลานสาวที่เจิมจันทร์เกลียดชังจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วย!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2563, 20:42:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มี.ค. 2563, 20:42:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 461
<< บทที่ 11 -30% + แจ้งข่าวงานหนังสือ | บทที่ 11 -100% >> |