เลื่อมลายพรายจันทร์: ดุจดาริน (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'ดมิสา' เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังจิต
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…

'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!

**************

นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…

*******************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)

ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***

**************

หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)

*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป

(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 12 -100%

ดมิสาเม้มริมฝีปากสั่นเทาด้วยความลังเลใจ มันเร็วเกินไปที่จะเปิดประตูให้ภมรหนุ่มรุกล้ำเข้ามาเชยชมดอกไม้แสนงามที่เธอตั้งใจจะเก็บไว้จน ถึงวันที่ได้สวมชุดเจ้าสาว ทว่าความรักก็ถักทอเต็มหัวใจจนยากจะห้ามปรามแรงอารมณ์

“อ๊ะ พี่จิณ...”

เสียงหวานแหบพร่าอุทานออกมาเมื่อเขาเลื่อนมือเข้าไปใต้เสื้อ ชายหนุ่มเลื่อนลูบแผ่นหลังเนียนละมุนจนชะงักที่ตะขอบราเซียร์ทางด้านหลัง  

เขามองสบตาเธอด้วยประกายตาที่ดมิสาอ่านไม่ออก ก่อนขยับนิ้วเพียงครั้งเดียว ตะขอเล็กๆ ก็หลุดจากกัน เปิดโอกาสให้ฝ่ามือร้อนเลื่อนลูบแผ่นหลังเปลือยต่อได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น

“มิ้งค์...” เขากระซิบชิดริมฝีปาก พอใจที่ลมหายใจหอมๆ ยังเป่ารดใบหน้าหล่อเหลาด้วยอาการสะท้าน หาใช่ผลักไส

“ถ้ามิ้งค์ยังไม่พร้อม พี่... พี่จะหยุด...”

แม้จะหมายความอย่างนั้นจริงๆ แต่ชายหนุ่มกลับเลื่อนจูบซอกคอ อ่อนนุ่ม ไล่ลงมาถึงชีพจรที่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นรัญจวนใจ ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาราวกับมีเวทย์มนตร์หลอกล่อให้เธอลุ่มหลงหม่นไหม้

ดมิสาผวาโอบรอบคอเขาเมื่อจิณไตยอุ้มเธอลุกขึ้นจากโซฟา เขาก้มลงมาจูบปิดปาก ไล้เลียกลีบปากสีชมพูที่ขึ้นสีแดงชัดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความวาบหวาม หญิงสาวไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกเขาวางลงบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ และกระดุมเสื้อถูกปลดไปจนหมดแถวตอนไหน

รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อปลายลิ้นอุ่นนุ่มแตะลงยังเนินอกแล้วกวาดไล้ไปทั่ว เธอรู้สึกไม่มั่นคงเพราะบราเซียร์ไม่ได้ถูกรัดแน่นไว้กับร่างอีกต่อไป มันถูกเขาเลื่อนขึ้นจากการขวางทางดวงตาคมกับริมฝีปากช่ำชองที่พร้อมจะขบกัดไล้เลียไปทั่วร่าง

จิณไตยชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นบัวตูมขาวนวลชัดกับสายตา ปลายยอดสีชมพูจัดจนน่าพิศวงกำลังสั่นไหวตามแรงหายใจสั่นๆ เขาเหลือบมองใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มองริมฝีปากสีชมพูใสแล้วก็เลื่อนลงมองเรือนร่างอรชรอีกครั้ง พบว่าแต่ละจุดที่ควรเป็นสีชมพูของร่างกายหอมละมุน ช่างเป็นเฉดเดียวกันได้อย่างน่าเสน่หา

“พะ พี่จิณคะ...”

ฝ่ามือหนาหยาบที่กอบกุมความนุ่มนิ่มหนักอึ้งทำให้ดมิสาผวายื่นมือไปจับข้อมือเขา จิณไตยเหลือบตามองสบตาแค่ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาไม่รอให้เธอห้ามปราม แต่กลับโน้มลงดูดดื่มเม็ดบัวสีหวาน พร่างพรมความหฤหรรษ์ให้แล่นปราดไปทั่วกายสาวจนดมิสาทิ้งตัวลงกับฟูกนอนอ่อนนุ่ม แอ่นร่างรับความหวามรัญจวนตามสัญชาตญาณ เธอจิกนิ้วลงกับข้อมือแข็งกระด้าง เผยอริมฝีปากเปล่งเสียงครวญครางอย่างน่าอาย!

เขาเลื่อนริมฝีปากไปยังเม็ดบัวอีกข้าง จูบไปทั่วฐานทรวงหนั่นนุ่ม อีกมือก็เลื่อนลูบไปถึงขอบกางเกงขายาว แล้วเกี่ยวมันให้หลุดออกจากปลายเท้าสาวน้อยอย่างง่ายดาย!

“พี่จิณ พี่... อื้อ...”

เธอพยายามผลักเขาออกด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิด แต่ริมฝีปากที่ประ กบลงมาก็ดูดกลืนคำพูดทั้งหมดทั้งมวลไปสิ้น ดมิสาหอบหายใจปนกับเสียงหายใจรุนแรงของเขา เธอหนีบขาเข้าหากันเมื่อฝ่ามือร้ายกาจเลื่อนสอดเข้าไปข้างใต้ซับใน ปราการด่านสุดท้ายของเธอ

“ไม่เป็นไร” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างใบหู

“พี่จะทำให้มิ้งค์มีความสุข เชื่อพี่นะ”

ดมิสามองสบตาเขาอย่างประหวั่น และเมื่อชายหนุ่มโน้มลงบดจูบโลมเล้าอีกครั้งเธอก็อ่อนระทวยไปทั่วร่าง หญิงสาวสะดุ้งเมื่อถูกปลายนิ้วแข็งแร็งเสียดสีที่ใจกลางความเป็นหญิง เขาเลื่อนไล้สอดแทรกอย่างชำนาญ รู้จังหวะเร่งเร้า จังหวะเชื่องช้าหยอกเย้า จนหญิงสาวครางชิดริมฝีปากเขาไม่เป็นส่ำ

ดมิสาเกาะเกี่ยวอกเสื้อชายหนุ่มไว้มั่น ซุกหน้าลงกับอกกว้าง ขณะ ที่เขาปรนเปรอเธอด้วยปลายนิ้วร้ายกาจจนขนอ่อนลุกชันไปทั่วร่าง หญิงสาวกอดเขาไว้เป็นหลัก ยินยอมให้ชายหนุ่มจับจูงสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยพบพาน

และแล้ว ราวกับทุกสรรพสิ่งระเบิดพร่าง! หญิงสาวหอบหายใจกระเส่า หูอื้อ ตาพร่า และเพิ่งรู้ตัวว่าบดเบียดร่างกายตัวเองกับร่างใหญ่โตของเขาราวกับจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกัน

เธอกะพริบตาปริบๆ ซุกหน้าลงกับอกอุ่น อับอายเกินกว่าจะเผชิญ หน้ากับเขาในตอนนี้ได้

และเดาไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปด้วย...

จิณไตยดึงมือออกมาจากใต้ซับในตัวน้อย เขาก้มลงจูบเรือนผมอ่อนนุ่มอย่างรักใคร่ ก่อนลุกขึ้นเก็บกางเกงชุดนอนมาสวมให้หญิงสาว ต่อด้วยกลัดกระดุมเสื้อให้ทีละเม็ด แล้วดึงบราเซียร์ของเธอออกจากชุดนอนหลังจากนั้น

“ใส่เสื้อในนอนมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

เขายิ้มเมื่อเธอแอบมองมาอย่างตื่นๆ จากใต้ผ้าห่ม ก่อนเดินไปปิดไฟ พยายามบรรเทาความต้องการของตัวเองให้เบาลง...เธอยังไม่พร้อม...เขารู้ แค่ที่บังคับฝืนใจเธอจนถึงเมื่อครู่นี้ก็มากเกินไปแล้ว เขาไม่อยากทำให้เธอเสียใจทีหลังหากจะใช้ความช่ำชองของตัวเองนำพา

ชายหนุ่มก้าวขึ้นเตียงท่ามกลางความมืดสลัว ก่อนดึงตัวคนขี้กลัวมานอนกอดแนบอกอุ่น เขากระซิบบอกให้เธอฝันดี ก่อนจะก้าวสู่วังวนของนิทราไปด้วยกัน



******************



ดมิสาไม่รู้ตัวเลยว่าผล็อยหลับไปเมื่อไร เธอลืมตาตื่นในอ้อมกอดของจิณไตย ท่ามกลางแสงอบอุ่นของดวงตะวันที่ทอแสงอวลไปทั่งห้องนอนกว้าง หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้มเขา รู้สึกสากมือกับหนวดเคราที่เพิ่งขึ้นใหม่ตอนเช้า เธอยิ้ม ค่อยๆ ลุกขึ้นจูบหน้าผากเขาเบาๆ

“ลวนลามพี่เหรอ”

พร้อมเสียงเย้า ชายหนุ่มลืมตารวบตัวเธอมากอด หอมแก้ม แล้วจักจี้จนหญิงสาวหัวเราะคิก เธอมองหน้าเขาทั้งรอยยิ้ม และปิดเปลือกตาเมื่อชายหนุ่มโน้มลงมาจูบอ่อนหวาน เธอขยับริมฝีปากสนองตอบอย่างน่ารักจนเขาครางชิดปาก แทบจะหักห้ามใจไว้ไม่ไหว ยิ่งเช้าๆ แบบนี้ อะไรบางอย่างหนักอึ้งที่ทาบทับบนขาเธอก็ทำให้ดมิสาแก้มแดง อดกลัวใจเขาไม่ได้

“ไม่เป็นไร” เขาดึงเธอมากอดไว้

“พี่จะรอจนกว่ามิ้งค์จะพร้อม รู้ใช่ไหม...”

ดมิสายิ้ม ซุกหน้าลงกับอกหนา โอบกอดเขาไว้อย่างคุ้นเคยจนน่าประหลาด ราวกับว่ารู้จักและรักกันมานาน...แสนนาน

ที่เขาว่าชายหนุ่มหญิงสาวที่จะพบเจอ รักกัน อาจด้วย ‘สัญญาเก่า’เป็นความคุ้นเคย ความรักใคร่ ความที่เคยก่อกรรมดี หรือกรรมชั่วร่วมกันมาจะเป็นแรงดึงดูดกันนั้น ดมิสาเชื่อ เพราะเคยอ่านเจอจากหนังสือธรรมะ แต่เธอไม่เคยเจอกับตัวมาก่อนเลยกระทั่งได้พบจิณไตย

“หิวหรือยัง ลุกอาบน้ำอาบท่าเถอะ เดี๋ยวลงไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้พี่จะอยู่เป็นเพื่อน”

ดมิสาเงยหน้ามองเขาอย่างเกรงใจ

“อย่าดีกว่าค่ะจะเสียงานเปล่าๆ”

“ไม่เป็นไร พี่ฝากจีจัดการให้แล้ว สั่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน” เขาจูบหน้า ผากเธอแผ่วเบา “พี่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมิ้งค์ไปเจออะไรมา แต่ถ้ามิ้งค์พร้อมจะเล่าให้พี่ฟังเมื่อไร มิ้งค์รู้ใช่ไหมว่าพี่อยู่ตรงนี้เสมอ”

ดมิสาซุกหน้าลงกับอกเขา น้ำตาซึม เธออยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เหลือเกิน...



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2563, 12:20:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2563, 12:20:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 404





<< บทที่ 12 -70%   บทที่ 13 -50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account