เหนือทราย ใต้รัก
คืนวันผ่านพ้นไปอย่างเอื่อยเฉื่อย และชีวิตแต่งงานที่ไร้วี่แววเรื่องลูก ทำให้ศราเริ่มทนไม่ไหว เธอรู้ดีว่าหากไม่รีบทำอะไรซักอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาคงพังครืนลงสักวัน
เธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น โมห์เซ็นก็ไม่ต้องการเช่นกัน เขาจึงต้องช่วยเธอ เพื่อดึงความกระตือรือร้นของเธอคืนมาอีกครั้ง
- - - - - - - - - -
“ฉันว่าที่นี่ก็ดีนะคะ” ศราบอกหลังจากหายเหนื่อย เขาไม่แย้งก็แปลได้อย่างเดียวว่าเห็นด้วย เธอดึงสายตาจากหนวดเคราที่ถูกฝุ่นทรายเกาะมอมแมมไปยังคลื่นทรายสูงต่ำทอดยาวสุดขอบฟ้า เสียงลมหวีดหวิวขับเน้นความเงียบสงบราวกับ... “โลกนี้เหมือนมีแค่เราเลยโมห์เซ็น”
“คุณพูดเหมือนละครเลย” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ฉันจำมาจากนิยายน่ะ” หญิงสาวอมยิ้ม กอบทรายถมข้อเท้าเขาจนมิด แล้วถมตัวเองต่อ “แต่โลกแบบนั้นไม่น่าอยู่หรอก แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าคุณคนเดียวก็เบื่อแล้ว”
“เพราะงี้คุณถึงชอบออกไปเที่ยวบ่อยๆ”
ศราไม่ปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะชอบช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากกว่า แต่พื้นที่ส่วนตัวก็จำเป็น “ถ้าไม่ไปบ้าง ฉันคงระบายความเครียดใส่คุณทุกวัน และชีวิตแต่งงานของเราอาจมาไม่ไกลถึงวันนี้ ฉันรักคุณ แต่ก็รักตัวเองด้วย คุณอยากได้ความรักจากคนที่ไม่รู้วิธีรักตัวเองหรือเปล่าโมห์เซ็น”
“ขึ้นอยู่กับว่าจากใคร ถ้าเป็นคุณ ผมยินดี และถึงคุณจะไม่รู้สึกรักตัวเองนะจูนัม ผมก็จะพยายามทำให้คุณรักจนได้”
“รู้ตัวมั้ย ตอนนี้คุณต่างหากที่พูดเหมือนนิยาย” ศราย่นจมูกด้วยความขบขัน โมห์เซ็นยักไหล่ พึมพำว่าเขาคงติดมาจากเธอ “แต่ฉันก็ชอบนะคะ”
เธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น โมห์เซ็นก็ไม่ต้องการเช่นกัน เขาจึงต้องช่วยเธอ เพื่อดึงความกระตือรือร้นของเธอคืนมาอีกครั้ง
- - - - - - - - - -
“ฉันว่าที่นี่ก็ดีนะคะ” ศราบอกหลังจากหายเหนื่อย เขาไม่แย้งก็แปลได้อย่างเดียวว่าเห็นด้วย เธอดึงสายตาจากหนวดเคราที่ถูกฝุ่นทรายเกาะมอมแมมไปยังคลื่นทรายสูงต่ำทอดยาวสุดขอบฟ้า เสียงลมหวีดหวิวขับเน้นความเงียบสงบราวกับ... “โลกนี้เหมือนมีแค่เราเลยโมห์เซ็น”
“คุณพูดเหมือนละครเลย” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ฉันจำมาจากนิยายน่ะ” หญิงสาวอมยิ้ม กอบทรายถมข้อเท้าเขาจนมิด แล้วถมตัวเองต่อ “แต่โลกแบบนั้นไม่น่าอยู่หรอก แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าคุณคนเดียวก็เบื่อแล้ว”
“เพราะงี้คุณถึงชอบออกไปเที่ยวบ่อยๆ”
ศราไม่ปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะชอบช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากกว่า แต่พื้นที่ส่วนตัวก็จำเป็น “ถ้าไม่ไปบ้าง ฉันคงระบายความเครียดใส่คุณทุกวัน และชีวิตแต่งงานของเราอาจมาไม่ไกลถึงวันนี้ ฉันรักคุณ แต่ก็รักตัวเองด้วย คุณอยากได้ความรักจากคนที่ไม่รู้วิธีรักตัวเองหรือเปล่าโมห์เซ็น”
“ขึ้นอยู่กับว่าจากใคร ถ้าเป็นคุณ ผมยินดี และถึงคุณจะไม่รู้สึกรักตัวเองนะจูนัม ผมก็จะพยายามทำให้คุณรักจนได้”
“รู้ตัวมั้ย ตอนนี้คุณต่างหากที่พูดเหมือนนิยาย” ศราย่นจมูกด้วยความขบขัน โมห์เซ็นยักไหล่ พึมพำว่าเขาคงติดมาจากเธอ “แต่ฉันก็ชอบนะคะ”
Tags: ชีวิตแต่งงาน, โรแมนติก, ตะวันออกกลาง, อิหร่าน, ดราม่า, รักข้ามฟ้า
ตอน: ๒
ศราปล่อยให้โมห์เซ็นนอนเต็มที่ในวันหยุด ขณะตัวเองตื่นเช้ามืดมาเตรียมอาหารด้วยความเคยชิน เธอรู้สึกล้านิดหน่อยเพราะเขาหลับแล้วกรนเสียงดังจนเธออยากหนีไปนอนห้องเขาให้หมดเรื่อง แต่พอคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า อีกทั้งตัวเธอก็เพลียจนขี้เกียจก้าวลงจากเตียง เธอจึงจมตัวเองอยู่ในอ้อมกอดแสนอุ่น แต่ไม่ค่อยสบายนั้นจนถึงเช้า
ศรายกน้ำขิงใส่น้ำผึ้งขึ้นไปบนห้องนอน วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เมื่อเธอนั่งลง ชายหนุ่มก็ปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวมานอนหนุนตัก
“เมื่อคืนคุณนอนหลับมั้ย”
“นิดหน่อยค่ะ”
ศรายกหัวเขาออกเพื่อที่จะได้นั่งพิงหัวเตียงถนัดขึ้นก่อนปล่อยเขานอนลงเหมือนเดิม
“ฉันต้มน้ำขิงมาให้ กำลังร้อนๆ เลย ลุกมาดื่มก่อนค่อยนอนต่อ”
“คุณก็น่าจะนอนต่อเหมือนกัน”
“ฉันนอนบ่ายค่ะ”
โมห์เซ็นคลึงรอยคล้ำใต้ตาเธอเบาๆ อีกสองสามวันก็จะถึงวันปีใหม่ แผนของชายหนุ่มคือทำความสะอาดบ้านกับไปเยี่ยมพ่อแม่ตามธรรมเนียมเสร็จแล้วก็จะมุ่งลงใต้เหมือนที่เคยไปด้วยกันเมื่อสองปีก่อน เขารู้จักอิหร่านไม่มากนัก แม้จะเป็นคนอิหร่าน เขาเกิดและเติบโตในเตหะราน หลังเรียนจบก็ไปเรียนต่อและทำงานอยู่อังกฤษเกือบห้าปีก่อนจะกลับมาเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ที่เดียวกับที่จบมา เทียบกับภรรยาซึ่งอยู่ที่นี่สี่ปีและมักหาโอกาสออกไปเที่ยวเสมอ เธออาจเคยเห็นประเทศนี้มากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ
“ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าช่วงนี้คุณดูเหนื่อยๆ”
ศรามองตาเขาอย่างงุนงงครู่หนึ่งก็ส่งเสียงคลุมเครือ “สภาพฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ผมแค่รู้สึก”
“ไม่มากกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกโมห์เซ็น”
เขาความรู้สึกไว เธอยอมรับ ปกติศราก็เหนื่อยหน่ายกับเวลาว่างที่มากเกินอยู่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงในความรู้สึก ไม่เหมือนระยะนี้ซึ่งเธออ่อนเพลียแม้จะนอนแทบทั้งวัน อาการนอนไม่สบายทำให้รู้สึกปวดหัวบ่อยครั้ง และอารมณ์แปรปรวนง่าย เธอกินข้าวได้น้อยลง ศราสงสัยอย่างมีความหวังว่าอาจเกิดบางอย่างขึ้นกับร่างกาย ทว่าพอนึกถึงจำนวนครั้งที่ผิดหวังจากการคิดไปเอง เธอก็ได้แต่สรุปว่าตัวเองเครียดเกินไปแทน
“รอบเดือนคุณมาปกติหรือเปล่า”
ศราสั่นศีรษะ “คุณก็รู้ว่ามันไม่เคยปกติ”
โมห์เซ็นเห็นว่าเธอไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องลูกนัก มันยากจะทำใจว่าทั้งที่ร่างกายเขากับเธอต่างก็ปกติดี แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เขาลุกขึ้นดึงเธอเข้ามานอนพิงแผ่นอก ตลบผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองเอาไว้ ลูบหน้าท้องแบนราบของเธออย่างเบามือ
“เช้านี้คุณจะทำอะไร” เขาชวนคุยเรื่องอื่น
“อืม คุณอยากช่วยฉันเตรียมแปลงผักหรือเปล่า ถ้าจะทำก็รีบดื่มแก้วนั้นที” เธอชี้ไปยังน้ำขิงที่หมดไอร้อนแล้ว “แต่ถึงไม่ ยังไงก็ต้องดื่มอยู่ดี บอกเลยนะว่าถ้าหวัดไม่หาย ฉันไม่ไปเที่ยวกับคุณแน่”
“จูนัม ผมจะสั่งเจ้าเชื้อโรคนี่ได้ยังไง”
“แค่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอแล้ว” ศรายิ้มหวานใส่ตาเขาอย่างซุกซน เอื้อมหยิบแก้วน้ำสีเหลืองใสรสเผ็ดร้อนยื่นถึงปาก โมห์เซ็นชักสีหน้าเอือมพลางรับน้ำขิงมาดื่มรวดเดียวหมด “ทีนี้จะนอนต่อหรือ…”
พูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้น ศราก้มหยิบโทรศัพท์มือถือในลิ้นชักมานั่งอิงแอบเขาต่อ โมห์เซ็นเห็นชื่อบนหน้าจอก็พึมพำ
“แม่โทร.หาคุณบ่อยนะช่วงนี้”
“ก็คุณไม่ค่อยรับสายท่านนี่นา” ศราส่งสายตาให้เขาเงียบปาก ก่อนกดรับ “ค่ะแม่”
“ซาร่าจูน โมห์เซ็นอยู่มั้ยจ๊ะ” มาเรียมถามอย่างรู้ดีว่าลูกชายไม่ค่อยอยู่บ้านแม้ในวันหยุด พอเธอตอบว่าอยู่ ท่านก็พูดต่อ “ถามให้หน่อยว่าบ่ายนี้จะไปมัสยิดกับแม่มั้ย”
ศราดึงโทรศัพท์ออกจากหน้า กระซิบถามคนข้างตัว เขาสั่นศีรษะรัวๆ
“โมห์เซ็นไม่สบายนิดหน่อยค่ะ น่าจะลุกไม่ไหว ตอนนี้ยังนอนอยู่เลย”
“อา ยังไม่หายอีกเหรอ ลองให้กินกระเทียมสดดูหรือยัง มันช่วยได้นะ ตอนพวกโมห์เซ็นเป็นเด็กแม่ก็ให้กินแต่กระเทียมนี่แหละ”
“เดี๋ยวจะลองดูค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้วละค่ะ เมื่อกี้ก็เพิ่งต้มน้ำขิงขึ้นไปให้”
“ไม่ห่วงหรอก ว่าแต่หนูก็ระวังอย่าให้ตัวเองป่วยอีกคนล่ะ”
“จะระวังค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“อ้อ ซาร่าจูน มะรืนนี้ไปซื้อของเตรียมรับปีใหม่กับแม่มั้ย จะได้ให้อาร์ย่าแวะไปรับด้วย กับโมห์เซ็นน่ะไม่ต้องหวังพึ่งหรอก ซื้อของไม่เป็น เดี๋ยวก็ได้อะไรมาไม่รู้เหมือนปีก่อนอีก”
โมห์เซ็นพยักหน้าให้เธอตอบตกลงท่านไปเร็วๆ มาเรียมนัดแนะเวลาเรียบร้อยแล้วก็วางสาย
“แต่พรุ่งนี้คุณก็ต้องไปซื้อเสื้อผ้ากับฉันเหมือนเดิม ส่วนงานที่เอากลับมาบ้านน่ะ ช่วยรีบทำให้เสร็จวันนี้ได้มั้ย ไหนๆ ก็ ‘ป่วย’ แล้ว” ศราว่าขณะลุกออกจากเตียง จัดผมแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งลวกๆ เก็บแก้วเปล่าเตรียมเอาลงไปเก็บ “คุณจะกินข้าวตอนนี้เลยมั้ย ถ้ายังฉันจะไม่รอ”
“เดี๋ยวผมตามลงไป”
โมห์เซ็นบิดขี้เกียจแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ศราจึงยืนคาดคั้นด้วยสายตาจนเขาค่อยๆ ลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าข้างเตียงมาสวมก่อนจะออกจากห้อง
: : : : :
โนวรูซ [iv] หรือปีใหม่เปอร์เซียมาถึงพร้อมกับอากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นและกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเวลาที่ผู้คนถือโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัว พบปะญาติมิตร พวกโมห์เซ็นกลับพากันออกจากเตหะรานแต่เช้า “ซอเล โนว โมราบัก [v] ” ประโยคอวยพรเรียบง่ายจากเหล่าพี่น้องของสามีเมื่อวันก่อนเสมือนสัญญาณการเริ่มต้นใหม่ เรื่องเลวร้ายและหม่นเศร้าขอจงผ่านล่วงพร้อมกับปีเก่า
เทือกเขาแอลโบร์ซสูงใหญ่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวตัดท้องฟ้าไร้เมฆค่อยๆ เล็กลงเมื่อทั้งสองเริ่มห่างจากบ้าน แรกที่มาเตหะราน ศรารู้สึกตื่นตากับทิวทัศน์ทรงพลังซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะยืนอยู่จุดไหนในเมือง ทว่าพอเห็นทุกวัน ความคุ้นชินก็เจือจางความตื่นเต้นลง และแทนที่ด้วยความอุ่นใจ มันสัญลักษณ์ของ ‘บ้าน’ สถานที่ซึ่งความอบอุ่นปลอดภัยมีปริมาณพอๆ กับความเงียบเหงา
ศราละสายตาจากเทือกเขาและตึกอาคารชวนตาลายข้างทาง ค้นแผ่นซีดีในช่องเก็บของ มีแต่เพลงที่เธอไม่ชอบทั้งนั้น
“ของฉันอยู่ไหน” ศราถามหลังจากพลิกดูกระเป๋าเก็บแผ่นซีดีถึงหน้าสุดท้าย เธอใช้รถบ่อยๆ จึงใส่ของตัวเองไว้ด้วย
“อะไร” โมห์เซ็นชำเลืองมองเล็กน้อย เขาไม่ขยันมากพอจะจัดระเบียบข้าวของหรอก อะไรเคยอยู่ไหนก็น่าจะยังอยู่ที่เดิมนั่นละ “คุณหาดีแล้วเหรอ”
เธอพลิกดูอีกรอบก็ยังไม่เจอ โมห์เซ็นจึงยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้ แต่ถูกผลักมือคืน สัญญาณอินเตอร์ในเวลาปกติก็แย่แล้ว ระหว่างขับรถแบบนี้เลิกคิดได้เลย
“คุณฟังอะไร”
“อาลี อาซิมี” ศราบอกชื่อนักร้องอัลเทอร์เนทีฟร็อคคนโปรด “แล้วก็เรดิโอ เตหะราน คุณรู้มั้ยเขาเคยร้องนำวงนี้ด้วย”
“เพิ่งรู้จากคุณนี่แหละ” โมห์เซ็นเคาะนิ้วบนพวงมาลัยตามจังหวะเพลงในหัว บอกตามตรงเขาไม่รู้จักชื่อที่เธอว่ามาด้วยซ้ำ “วัยรุ่นจริง”
“เทียบกับคุณฉันก็วัยรุ่นนะคะ”
“กี่ปีแล้วล่ะจูนัม คิดว่าตัวเองยังยี่สิบสี่อยู่หรือไง”
“ตอนนั้นฉันน่าจะเล่นตัวมากหน่อย” ศรารำพึงกึ่งเล่นกึ่งจริง ขณะที่คนฟังเริ่มอมยิ้ม
“สองปีนั่นก็มากแล้ว ขืนต้องรอต่ออีก ผมถอดใจแน่ๆ”
“ก็จีบเล่นๆ นี่นะ”
“ไม่อยากกดดันต่างหาก แค่เป็นผม ‘ไอ้อาหรับขี้เอา’ อย่างที่เพื่อนคุณเรียกกันน่ะ คุณก็ดูระแวงมากพอแล้ว ลองตื๊อมากๆ เข้า คุณกล้าบอกมั้ยว่าจะไม่รีบชิ่งหนี อ้อ คุณอธิบายให้พวกเขาเข้าใจรึยังว่าเราไม่ใช่อาหรับ แค่หน้าตาคล้ายกันนิดหน่อยก็อย่าเหมาว่าเป็นพวกเดียวกันสิ”
น้ำเสียงขึงขังผิดกับแววตาล้อเลียนของเขาเรียกเสียงหัวเราะขบขันเบาๆ จากเธอที่กำลังเลือกแผ่นซีดีอยู่ โมห์เซ็นเห็นว่าวิธีนี้ได้ผลก็พูดต่อ หญิงสาวตั้งใจฟังเขารื้อฟื้นความหลังเงียบๆ พลางนึกประหลาดใจว่าเขาจำอะไรต่อมิอะไรได้มากกว่าเธอเหลือเกิน แถมยังติดใจเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างอาหรับกับเปอร์เซียนั่นด้วย
ศราสอดแผ่นหนึ่งใส่เครื่องเล่น รสนิยมเรื่องดนตรีของเธอกับเขาไปด้วยกันไม่ได้เลยจริงๆ แต่ยังดีกว่าไม่มีอะไรฟัง หญิงสาวผ่อนเสียงลงเล็กน้อย ปรับเบาะเอนลงให้นั่งสบายขึ้น ดึงผ้าคลุมศีรษะปิดตาหนีแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา
“อย่าบอกนะว่าจะนอน” โมห์เซ็นเหลือบมองอย่างไม่อยากเชื่อ “ยังเช้าอยู่เลย”
“เปล่า ฉันแค่ปวดหลังนิดหน่อย”
ชายหนุ่มพยักหน้า เมื่อคืนเหมือนเธอจะเก็บของอยู่ในห้องตัวเองจนดึก “อย่าหักโหมนักซี ไม่สาวแล้วนะคุณน่ะ”
“อย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแก่หรอกนะ” ศราชักฉุนเฉียว ทำไมถึงวกกลับมาเรื่องอายุอีกแล้วนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านอกจากเบื่อหน่ายชีวิตว่างงาน เธอก็กำลังสิ้นหวังกับวัยที่กำลังจะพ้นช่วงเหมาะๆ ของการมีลูกด้วย
ผู้ชายนี่!
“โมห์เซ็น”
“หือ”
“เราจะถึงอีสฟาฮานตอนไหน”
“ซักบ่ายสี่โมงละมั้ง” เขาตอบอย่างไม่แน่ใจ
“ช้า ฉันเคยมาแค่ครึ่งวันก็ถึงแล้ว”
“เรามีเวลาตั้งหลายวัน ที่รัก คุณจะรีบ...”
“ขอเถอะที่รักน่ะ” เธอแทรกขึ้นอย่างไม่ชอบใจ รู้สึกขนลุกกับคำหวานเลี่ยนอย่างแม่ยอดดวงใจ สุดที่รัก หรืออะไรเทือกนี้จริงๆ เขาจะเรียกด้วยคำที่มีความหมายคล้ายกันในภาษาเขายังไงก็ได้ แต่ภาษาอังกฤษที่หัวเธอแปลได้อัตโนมัติน่ะแทบจะทำให้ตุ่มขึ้นทั้งตัวทีเดียว
“จูนัม คุณโกรธเหรอ”
“เปล่า”
โมห์เซ็นส่ายหน้าจนใจ อยู่ด้วยกันมานานพอจนรู้แล้วว่าตอบห้วนสั้นแบบนั้นน่ะแปลว่าโกรธแน่ แต่เขาไม่รู้นี่สิว่าเธอโกรธหรือหงุดหงิดเรื่องไหน
“ผมไม่อยากเดาใจคุณนะ”
“ฉันแค่หงุดหงิดตัวเอง” ศราตอบตามจริง ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจตามไปด้วย อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวทั้งทีเธอยังบังคับตัวเองผ่อนคลายไม่ได้
เธอพยายามกลบความหมองหม่นไว้ เพราะเห็นแก่ความตั้งใจของเขา แต่มันไม่ง่ายเลย
โมห์เซ็นหยุดรถ กดปิดเพลง ศรายังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้กำลังมีสีหน้าแบบไหนใต้ผ้าคลุมนั้น เขาเรียกเธอ ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงดึงเธอขึ้นมา เลิกผ้าคลุมศีรษะออกเพื่อจะมองดวงตาเหือดแห้งเริ่มรื้นขึ้นด้วยหยาดน้ำตา วันที่ชวนเธอมาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอร้องไห้ และก็ทำได้เช่นนั้นมาตลอดสี่ปี ทว่าตอนนี้ศรากำลังหลั่งน้ำตาด้วยความเวทนาตัวเอง โดยที่เขาไม่มีปัญญาหยุดมันเลย
ถนนว่างโล่งทอดยาวสุดสายตา โมห์เซ็นหวังว่ามันจะนำพาเธอออกจากความว่างเปล่าแสนทรมานได้สักนาทีก็ยังดี จึงได้เอ่ยชวน แต่เห็นแล้วว่าแทบไม่ช่วยเลย
“ฉันคิดอยู่ทุกวันว่าน่าจะมีอะไรที่ฉันทำได้บ้าง แต่...” เธอซบหน้าลงกับอกเขา กลั้นเสียงสะอื้นไว้ต่อไปไม่ได้แล้ว ความอัดอั้นตันใจหลั่งไหลพร้อมกับน้ำตา “แต่ทำยังไงก็สลัดความจริงที่ว่าตัวเองไร้ประโยชน์ไม่ได้เลย โมห์เซ็น ฉันช่วยคุณหาเงินก็ไม่ได้ ไหนจะลูกอีก ฉันอิจฉาอาร์ย่ากับพี่สาวคุณมากเลยรู้มั้ย ทำไมพวกเธอสมหวังกันทุกอย่าง ในขณะที่เรา... ทำไมพระเจ้าถึงไม่เห็นใจเราบ้าง ทำไมค่าของฉันถึงน้อย...”
โมห์เซ็นรีบปิดปากเธอไว้ก่อนจะดูถูกตัวเองมากไปกว่านี้
“ผมไม่เคยคิดว่าคุณไร้ค่าซักครั้งเลยจูนัม”
“แต่ฉันคิด โมห์เซ็น ปัญหามันอยู่ที่ตัวฉัน ไม่ใช่คุณ...”
“จะไม่ใช่ปัญหาของผมได้ยังไงในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากัน จูนัม ขอเพียงคุณบอก ผมก็พร้อมจะช่วย ผมพร้อมจะสนับสนุนไม่ว่าคุณอยากทำอะไร”
ฝ่ามือใหญ่และอุ่นลูบหลังเธออย่างปลอบประโลม ความใจดีของเขาช่วยดึงเธอขึ้นมาเสมอ ขณะเดียวกันก็ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเศร้าสร้อย และคอยแต่จะจมตัวเองลงไป
“ฉันอยากมีลูก”
[iv] نوروز (Nowruz) ปีใหม่เปอร์เซีย ตรงกับวันวสันตวิษุวัตของทุกปี เป็นวันเริ่มฤดูใบไม้ผลิ อิหร่านจะหยุดงานและโรงเรียนสองสัปดาห์เพื่อให้ผู้คนไปมาหาสู่ญาติมิตร
[v] سال نو مبارک (Sal-e No Mobarak) สวัสดีปีใหม่ในภาษาฟาร์ซี
ศรายกน้ำขิงใส่น้ำผึ้งขึ้นไปบนห้องนอน วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เมื่อเธอนั่งลง ชายหนุ่มก็ปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวมานอนหนุนตัก
“เมื่อคืนคุณนอนหลับมั้ย”
“นิดหน่อยค่ะ”
ศรายกหัวเขาออกเพื่อที่จะได้นั่งพิงหัวเตียงถนัดขึ้นก่อนปล่อยเขานอนลงเหมือนเดิม
“ฉันต้มน้ำขิงมาให้ กำลังร้อนๆ เลย ลุกมาดื่มก่อนค่อยนอนต่อ”
“คุณก็น่าจะนอนต่อเหมือนกัน”
“ฉันนอนบ่ายค่ะ”
โมห์เซ็นคลึงรอยคล้ำใต้ตาเธอเบาๆ อีกสองสามวันก็จะถึงวันปีใหม่ แผนของชายหนุ่มคือทำความสะอาดบ้านกับไปเยี่ยมพ่อแม่ตามธรรมเนียมเสร็จแล้วก็จะมุ่งลงใต้เหมือนที่เคยไปด้วยกันเมื่อสองปีก่อน เขารู้จักอิหร่านไม่มากนัก แม้จะเป็นคนอิหร่าน เขาเกิดและเติบโตในเตหะราน หลังเรียนจบก็ไปเรียนต่อและทำงานอยู่อังกฤษเกือบห้าปีก่อนจะกลับมาเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ที่เดียวกับที่จบมา เทียบกับภรรยาซึ่งอยู่ที่นี่สี่ปีและมักหาโอกาสออกไปเที่ยวเสมอ เธออาจเคยเห็นประเทศนี้มากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ
“ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าช่วงนี้คุณดูเหนื่อยๆ”
ศรามองตาเขาอย่างงุนงงครู่หนึ่งก็ส่งเสียงคลุมเครือ “สภาพฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ผมแค่รู้สึก”
“ไม่มากกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกโมห์เซ็น”
เขาความรู้สึกไว เธอยอมรับ ปกติศราก็เหนื่อยหน่ายกับเวลาว่างที่มากเกินอยู่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงในความรู้สึก ไม่เหมือนระยะนี้ซึ่งเธออ่อนเพลียแม้จะนอนแทบทั้งวัน อาการนอนไม่สบายทำให้รู้สึกปวดหัวบ่อยครั้ง และอารมณ์แปรปรวนง่าย เธอกินข้าวได้น้อยลง ศราสงสัยอย่างมีความหวังว่าอาจเกิดบางอย่างขึ้นกับร่างกาย ทว่าพอนึกถึงจำนวนครั้งที่ผิดหวังจากการคิดไปเอง เธอก็ได้แต่สรุปว่าตัวเองเครียดเกินไปแทน
“รอบเดือนคุณมาปกติหรือเปล่า”
ศราสั่นศีรษะ “คุณก็รู้ว่ามันไม่เคยปกติ”
โมห์เซ็นเห็นว่าเธอไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องลูกนัก มันยากจะทำใจว่าทั้งที่ร่างกายเขากับเธอต่างก็ปกติดี แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เขาลุกขึ้นดึงเธอเข้ามานอนพิงแผ่นอก ตลบผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองเอาไว้ ลูบหน้าท้องแบนราบของเธออย่างเบามือ
“เช้านี้คุณจะทำอะไร” เขาชวนคุยเรื่องอื่น
“อืม คุณอยากช่วยฉันเตรียมแปลงผักหรือเปล่า ถ้าจะทำก็รีบดื่มแก้วนั้นที” เธอชี้ไปยังน้ำขิงที่หมดไอร้อนแล้ว “แต่ถึงไม่ ยังไงก็ต้องดื่มอยู่ดี บอกเลยนะว่าถ้าหวัดไม่หาย ฉันไม่ไปเที่ยวกับคุณแน่”
“จูนัม ผมจะสั่งเจ้าเชื้อโรคนี่ได้ยังไง”
“แค่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอแล้ว” ศรายิ้มหวานใส่ตาเขาอย่างซุกซน เอื้อมหยิบแก้วน้ำสีเหลืองใสรสเผ็ดร้อนยื่นถึงปาก โมห์เซ็นชักสีหน้าเอือมพลางรับน้ำขิงมาดื่มรวดเดียวหมด “ทีนี้จะนอนต่อหรือ…”
พูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้น ศราก้มหยิบโทรศัพท์มือถือในลิ้นชักมานั่งอิงแอบเขาต่อ โมห์เซ็นเห็นชื่อบนหน้าจอก็พึมพำ
“แม่โทร.หาคุณบ่อยนะช่วงนี้”
“ก็คุณไม่ค่อยรับสายท่านนี่นา” ศราส่งสายตาให้เขาเงียบปาก ก่อนกดรับ “ค่ะแม่”
“ซาร่าจูน โมห์เซ็นอยู่มั้ยจ๊ะ” มาเรียมถามอย่างรู้ดีว่าลูกชายไม่ค่อยอยู่บ้านแม้ในวันหยุด พอเธอตอบว่าอยู่ ท่านก็พูดต่อ “ถามให้หน่อยว่าบ่ายนี้จะไปมัสยิดกับแม่มั้ย”
ศราดึงโทรศัพท์ออกจากหน้า กระซิบถามคนข้างตัว เขาสั่นศีรษะรัวๆ
“โมห์เซ็นไม่สบายนิดหน่อยค่ะ น่าจะลุกไม่ไหว ตอนนี้ยังนอนอยู่เลย”
“อา ยังไม่หายอีกเหรอ ลองให้กินกระเทียมสดดูหรือยัง มันช่วยได้นะ ตอนพวกโมห์เซ็นเป็นเด็กแม่ก็ให้กินแต่กระเทียมนี่แหละ”
“เดี๋ยวจะลองดูค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้วละค่ะ เมื่อกี้ก็เพิ่งต้มน้ำขิงขึ้นไปให้”
“ไม่ห่วงหรอก ว่าแต่หนูก็ระวังอย่าให้ตัวเองป่วยอีกคนล่ะ”
“จะระวังค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“อ้อ ซาร่าจูน มะรืนนี้ไปซื้อของเตรียมรับปีใหม่กับแม่มั้ย จะได้ให้อาร์ย่าแวะไปรับด้วย กับโมห์เซ็นน่ะไม่ต้องหวังพึ่งหรอก ซื้อของไม่เป็น เดี๋ยวก็ได้อะไรมาไม่รู้เหมือนปีก่อนอีก”
โมห์เซ็นพยักหน้าให้เธอตอบตกลงท่านไปเร็วๆ มาเรียมนัดแนะเวลาเรียบร้อยแล้วก็วางสาย
“แต่พรุ่งนี้คุณก็ต้องไปซื้อเสื้อผ้ากับฉันเหมือนเดิม ส่วนงานที่เอากลับมาบ้านน่ะ ช่วยรีบทำให้เสร็จวันนี้ได้มั้ย ไหนๆ ก็ ‘ป่วย’ แล้ว” ศราว่าขณะลุกออกจากเตียง จัดผมแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งลวกๆ เก็บแก้วเปล่าเตรียมเอาลงไปเก็บ “คุณจะกินข้าวตอนนี้เลยมั้ย ถ้ายังฉันจะไม่รอ”
“เดี๋ยวผมตามลงไป”
โมห์เซ็นบิดขี้เกียจแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ศราจึงยืนคาดคั้นด้วยสายตาจนเขาค่อยๆ ลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าข้างเตียงมาสวมก่อนจะออกจากห้อง
: : : : :
โนวรูซ [iv] หรือปีใหม่เปอร์เซียมาถึงพร้อมกับอากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นและกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเวลาที่ผู้คนถือโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัว พบปะญาติมิตร พวกโมห์เซ็นกลับพากันออกจากเตหะรานแต่เช้า “ซอเล โนว โมราบัก [v] ” ประโยคอวยพรเรียบง่ายจากเหล่าพี่น้องของสามีเมื่อวันก่อนเสมือนสัญญาณการเริ่มต้นใหม่ เรื่องเลวร้ายและหม่นเศร้าขอจงผ่านล่วงพร้อมกับปีเก่า
เทือกเขาแอลโบร์ซสูงใหญ่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวตัดท้องฟ้าไร้เมฆค่อยๆ เล็กลงเมื่อทั้งสองเริ่มห่างจากบ้าน แรกที่มาเตหะราน ศรารู้สึกตื่นตากับทิวทัศน์ทรงพลังซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะยืนอยู่จุดไหนในเมือง ทว่าพอเห็นทุกวัน ความคุ้นชินก็เจือจางความตื่นเต้นลง และแทนที่ด้วยความอุ่นใจ มันสัญลักษณ์ของ ‘บ้าน’ สถานที่ซึ่งความอบอุ่นปลอดภัยมีปริมาณพอๆ กับความเงียบเหงา
ศราละสายตาจากเทือกเขาและตึกอาคารชวนตาลายข้างทาง ค้นแผ่นซีดีในช่องเก็บของ มีแต่เพลงที่เธอไม่ชอบทั้งนั้น
“ของฉันอยู่ไหน” ศราถามหลังจากพลิกดูกระเป๋าเก็บแผ่นซีดีถึงหน้าสุดท้าย เธอใช้รถบ่อยๆ จึงใส่ของตัวเองไว้ด้วย
“อะไร” โมห์เซ็นชำเลืองมองเล็กน้อย เขาไม่ขยันมากพอจะจัดระเบียบข้าวของหรอก อะไรเคยอยู่ไหนก็น่าจะยังอยู่ที่เดิมนั่นละ “คุณหาดีแล้วเหรอ”
เธอพลิกดูอีกรอบก็ยังไม่เจอ โมห์เซ็นจึงยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้ แต่ถูกผลักมือคืน สัญญาณอินเตอร์ในเวลาปกติก็แย่แล้ว ระหว่างขับรถแบบนี้เลิกคิดได้เลย
“คุณฟังอะไร”
“อาลี อาซิมี” ศราบอกชื่อนักร้องอัลเทอร์เนทีฟร็อคคนโปรด “แล้วก็เรดิโอ เตหะราน คุณรู้มั้ยเขาเคยร้องนำวงนี้ด้วย”
“เพิ่งรู้จากคุณนี่แหละ” โมห์เซ็นเคาะนิ้วบนพวงมาลัยตามจังหวะเพลงในหัว บอกตามตรงเขาไม่รู้จักชื่อที่เธอว่ามาด้วยซ้ำ “วัยรุ่นจริง”
“เทียบกับคุณฉันก็วัยรุ่นนะคะ”
“กี่ปีแล้วล่ะจูนัม คิดว่าตัวเองยังยี่สิบสี่อยู่หรือไง”
“ตอนนั้นฉันน่าจะเล่นตัวมากหน่อย” ศรารำพึงกึ่งเล่นกึ่งจริง ขณะที่คนฟังเริ่มอมยิ้ม
“สองปีนั่นก็มากแล้ว ขืนต้องรอต่ออีก ผมถอดใจแน่ๆ”
“ก็จีบเล่นๆ นี่นะ”
“ไม่อยากกดดันต่างหาก แค่เป็นผม ‘ไอ้อาหรับขี้เอา’ อย่างที่เพื่อนคุณเรียกกันน่ะ คุณก็ดูระแวงมากพอแล้ว ลองตื๊อมากๆ เข้า คุณกล้าบอกมั้ยว่าจะไม่รีบชิ่งหนี อ้อ คุณอธิบายให้พวกเขาเข้าใจรึยังว่าเราไม่ใช่อาหรับ แค่หน้าตาคล้ายกันนิดหน่อยก็อย่าเหมาว่าเป็นพวกเดียวกันสิ”
น้ำเสียงขึงขังผิดกับแววตาล้อเลียนของเขาเรียกเสียงหัวเราะขบขันเบาๆ จากเธอที่กำลังเลือกแผ่นซีดีอยู่ โมห์เซ็นเห็นว่าวิธีนี้ได้ผลก็พูดต่อ หญิงสาวตั้งใจฟังเขารื้อฟื้นความหลังเงียบๆ พลางนึกประหลาดใจว่าเขาจำอะไรต่อมิอะไรได้มากกว่าเธอเหลือเกิน แถมยังติดใจเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างอาหรับกับเปอร์เซียนั่นด้วย
ศราสอดแผ่นหนึ่งใส่เครื่องเล่น รสนิยมเรื่องดนตรีของเธอกับเขาไปด้วยกันไม่ได้เลยจริงๆ แต่ยังดีกว่าไม่มีอะไรฟัง หญิงสาวผ่อนเสียงลงเล็กน้อย ปรับเบาะเอนลงให้นั่งสบายขึ้น ดึงผ้าคลุมศีรษะปิดตาหนีแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา
“อย่าบอกนะว่าจะนอน” โมห์เซ็นเหลือบมองอย่างไม่อยากเชื่อ “ยังเช้าอยู่เลย”
“เปล่า ฉันแค่ปวดหลังนิดหน่อย”
ชายหนุ่มพยักหน้า เมื่อคืนเหมือนเธอจะเก็บของอยู่ในห้องตัวเองจนดึก “อย่าหักโหมนักซี ไม่สาวแล้วนะคุณน่ะ”
“อย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแก่หรอกนะ” ศราชักฉุนเฉียว ทำไมถึงวกกลับมาเรื่องอายุอีกแล้วนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านอกจากเบื่อหน่ายชีวิตว่างงาน เธอก็กำลังสิ้นหวังกับวัยที่กำลังจะพ้นช่วงเหมาะๆ ของการมีลูกด้วย
ผู้ชายนี่!
“โมห์เซ็น”
“หือ”
“เราจะถึงอีสฟาฮานตอนไหน”
“ซักบ่ายสี่โมงละมั้ง” เขาตอบอย่างไม่แน่ใจ
“ช้า ฉันเคยมาแค่ครึ่งวันก็ถึงแล้ว”
“เรามีเวลาตั้งหลายวัน ที่รัก คุณจะรีบ...”
“ขอเถอะที่รักน่ะ” เธอแทรกขึ้นอย่างไม่ชอบใจ รู้สึกขนลุกกับคำหวานเลี่ยนอย่างแม่ยอดดวงใจ สุดที่รัก หรืออะไรเทือกนี้จริงๆ เขาจะเรียกด้วยคำที่มีความหมายคล้ายกันในภาษาเขายังไงก็ได้ แต่ภาษาอังกฤษที่หัวเธอแปลได้อัตโนมัติน่ะแทบจะทำให้ตุ่มขึ้นทั้งตัวทีเดียว
“จูนัม คุณโกรธเหรอ”
“เปล่า”
โมห์เซ็นส่ายหน้าจนใจ อยู่ด้วยกันมานานพอจนรู้แล้วว่าตอบห้วนสั้นแบบนั้นน่ะแปลว่าโกรธแน่ แต่เขาไม่รู้นี่สิว่าเธอโกรธหรือหงุดหงิดเรื่องไหน
“ผมไม่อยากเดาใจคุณนะ”
“ฉันแค่หงุดหงิดตัวเอง” ศราตอบตามจริง ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจตามไปด้วย อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวทั้งทีเธอยังบังคับตัวเองผ่อนคลายไม่ได้
เธอพยายามกลบความหมองหม่นไว้ เพราะเห็นแก่ความตั้งใจของเขา แต่มันไม่ง่ายเลย
โมห์เซ็นหยุดรถ กดปิดเพลง ศรายังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้กำลังมีสีหน้าแบบไหนใต้ผ้าคลุมนั้น เขาเรียกเธอ ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงดึงเธอขึ้นมา เลิกผ้าคลุมศีรษะออกเพื่อจะมองดวงตาเหือดแห้งเริ่มรื้นขึ้นด้วยหยาดน้ำตา วันที่ชวนเธอมาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอร้องไห้ และก็ทำได้เช่นนั้นมาตลอดสี่ปี ทว่าตอนนี้ศรากำลังหลั่งน้ำตาด้วยความเวทนาตัวเอง โดยที่เขาไม่มีปัญญาหยุดมันเลย
ถนนว่างโล่งทอดยาวสุดสายตา โมห์เซ็นหวังว่ามันจะนำพาเธอออกจากความว่างเปล่าแสนทรมานได้สักนาทีก็ยังดี จึงได้เอ่ยชวน แต่เห็นแล้วว่าแทบไม่ช่วยเลย
“ฉันคิดอยู่ทุกวันว่าน่าจะมีอะไรที่ฉันทำได้บ้าง แต่...” เธอซบหน้าลงกับอกเขา กลั้นเสียงสะอื้นไว้ต่อไปไม่ได้แล้ว ความอัดอั้นตันใจหลั่งไหลพร้อมกับน้ำตา “แต่ทำยังไงก็สลัดความจริงที่ว่าตัวเองไร้ประโยชน์ไม่ได้เลย โมห์เซ็น ฉันช่วยคุณหาเงินก็ไม่ได้ ไหนจะลูกอีก ฉันอิจฉาอาร์ย่ากับพี่สาวคุณมากเลยรู้มั้ย ทำไมพวกเธอสมหวังกันทุกอย่าง ในขณะที่เรา... ทำไมพระเจ้าถึงไม่เห็นใจเราบ้าง ทำไมค่าของฉันถึงน้อย...”
โมห์เซ็นรีบปิดปากเธอไว้ก่อนจะดูถูกตัวเองมากไปกว่านี้
“ผมไม่เคยคิดว่าคุณไร้ค่าซักครั้งเลยจูนัม”
“แต่ฉันคิด โมห์เซ็น ปัญหามันอยู่ที่ตัวฉัน ไม่ใช่คุณ...”
“จะไม่ใช่ปัญหาของผมได้ยังไงในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากัน จูนัม ขอเพียงคุณบอก ผมก็พร้อมจะช่วย ผมพร้อมจะสนับสนุนไม่ว่าคุณอยากทำอะไร”
ฝ่ามือใหญ่และอุ่นลูบหลังเธออย่างปลอบประโลม ความใจดีของเขาช่วยดึงเธอขึ้นมาเสมอ ขณะเดียวกันก็ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเศร้าสร้อย และคอยแต่จะจมตัวเองลงไป
“ฉันอยากมีลูก”
[iv] نوروز (Nowruz) ปีใหม่เปอร์เซีย ตรงกับวันวสันตวิษุวัตของทุกปี เป็นวันเริ่มฤดูใบไม้ผลิ อิหร่านจะหยุดงานและโรงเรียนสองสัปดาห์เพื่อให้ผู้คนไปมาหาสู่ญาติมิตร
[v] سال نو مبارک (Sal-e No Mobarak) สวัสดีปีใหม่ในภาษาฟาร์ซี
ชลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ธ.ค. 2562, 17:14:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ธ.ค. 2562, 17:14:49 น.
จำนวนการเข้าชม : 600
<< ๑ |