Cause of Love...เล่ห์อำพรางใจ: เอบิช (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะความจำเป็นในชีวิต บีบบังคับให้ ‘มิวาร์’
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา

อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!

เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?


*********************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย

ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)

หนังสือพร้อมส่ง

จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)

ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 7 -70%

ห้องทำงานของอีรอส ไททัน ใหญ่โตโอ่โถงด้วยเพดานทรงโดมสูงวาดลวดลายเป็นเหล่าสัตว์ในเทพนิยาย แต่กระนั้น...มิวาร์ที่ไม่เคยกลัวเกรงในตัวชายผู้นี้มาก่อนกลับรู้สึกว่าตนนั้นตัวหดเล็กลงเมื่ออยู่ในอาณาจักรของเขา เพราะเธอต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเขา...คนเดียวเท่านั้น ก็เขาน่ะเป็นความหวังเดียวของเธอในตอนนี้

เขาพาเธอไปนั่งบนโซฟาหนังนุ่มมุมหนึ่งของห้องทำงาน และเขานั่งลงบนเก้าอี้นวมอีกตัวตรงข้ามเธอ จากนั้นก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์

“ทำไมคุณถึงต้องการกู้เงิน”

“น้องสาวฉันค่ะ เธอป่วยหนักต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน และครอบ ครัวเราไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัดกับค่ารักษา”

“จอยซ์ป่วยหนักอย่างงั้นหรือ” อีรอสดูตกใจมากจริงๆ และมิวาร์นึกขอบคุณที่เขาแสดงความห่วงใยออกมาทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียง

“ค่ะ...จอยซ์เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด วันที่ฉันกลับนิวเจอร์ซีย์ ฉันไปเยี่ยมจอยซ์”

“ค่าผ่าตัดรักษาจอยซ์เป็นเงินเท่าไร” อีรอสถามตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม

“สามแสนเหรียญค่ะ... มิสเตอร์ไททัน...”

“อีรอส” เขาบังคับให้เธอเรียกชื่อจริงของเขา

“ค่ะ อีรอส ถ้าคุณไม่ยึดดูคาติของฉันไว้ ป่านนี้ฉันคงมีหลักทรัพย์ไว้กู้เงินนานแล้ว”

แทนที่จะโกรธกับข้อกล่าวหาของเธอ อีรอสกลับนึกชื่นชมกับความตรงไปตรงมาจนเข้าขั้นฝีปากกล้านั้น

“คุณรังเกียจที่จะรับความช่วยเหลือจากผมหรือไง”

“เพราะฉันรู้ดีว่าคุณไม่มีทางช่วยเหลือฉันฟรีๆ น่ะสิคะ”

เธอช้อนตามองเขาเขม็ง

อีรอสยิ้มช้าๆ และเยือกเย็น “คุณนี่ไม่เคยยอมลงให้ผมง่ายๆ ทั้งที่ต้องการความช่วยเหลือจากผมแท้ๆ ฟังนะ เบบี๋...เอาศักดิ์ศรีของคุณทิ้งไปเถอะ มันใช้ไม่ได้กับช่วงเวลาแบบนี้หรอก”

เขาพูดถูก มิวาร์คิดอย่างตระหนก เธอสบตาเขาด้วยความลังเลเต้นระริกอยู่ในแววตา

“คุณ...ต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนคะ”

“คุณก็รู้ว่าผมต้องการอะไร” เขายิ้มท้าทาย

ดวงหน้าสะสวยร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที เธอนึกแล้วว่าเขาจะต้องพูดประโยคนี้ทั้งๆ ที่พยายามภาวนาให้เขาใช้สมองคิดมาก กว่าจุดที่ต่ำกว่าสะดือ

“คุณมันไร้หัวใจ” เธอตวาดใส่หน้าเขา “เอาชีวิตของเด็กคนหนึ่งมาลากฉันขึ้นเตียงกับคุณได้ยังไง”

“คุณก็น่าจะรู้ว่า เทพอีรอส แท้จริงแล้วไม่ใช่เทพเจ้าแห่งความรักแต่เป็นตัณหาราคะต่างหาก” เขายิ้มอีก

มิวาร์อยากจะสะบัดฝ่ามือใส่หน้าเขานักและเดินหนีจากไป แต่เธอทำไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าเขาเป็นความหวังเดียว เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ แม้จะโกรธเกลียดเขามากเพียงใด แต่เธอก็สั่งให้ตัวเองใจเย็นลงและใช้เหตุ ผลกับเขาให้มากที่สุด จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีเหตุผลคนหนึ่งเหมือนกัน

“ให้ทางเลือกกับฉันหน่อยเถอะค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับคุณ”

“สัมผัสของผมไม่ได้น่าเกลียดน่าขยะแขยงหรอกนะ มิวาร์ ลองให้ผมสัมผัสตัวคุณสิ แล้วคุณจะชอบ”

เพียงจินตนาการว่ามือใหญ่หยาบกร้านคู่นั้นลูบไล้ไปบนผิวกายของเธอ มิวาร์ก็สั่นสะท้านและซ่านวูบ

ใช่...เธอไม่ได้นึกรังเกียจจริงๆ จังๆ หรอก มีบางอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ที่ทำให้เธอเกลียดไม่ลง บ้าชะมัด...มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรนะ ที่สายตาของเธอเริ่มมองเขาในฐานะ...ใครคนหนึ่งที่แฝงเร้นลึกในใจเธอ

“ให้ฉันรับใช้คุณอย่างอื่นได้ไหม นอกเหนือจากเรื่องบนเตียง” เธอทำตาเว้าวอน

“จำได้ไหม ผมเคยยื่นข้อเสนอให้คุณอยู่กับผมและทำให้ผมรักคุณดู แต่คุณเลือกที่จะปฏิเสธ แต่ครั้งนี้...คุณกลับมาขอความช่วยเหลือจากผมโดยไม่มีข้อเสนอมาให้ ไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยหรือ หวานใจ”

มิวาร์อยากจะตวาดกลับไปว่าเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือของเขาหรอกหากเธอมีที่อื่นให้ไป แต่รู้ดีว่านั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาเอามากๆ และตอนนี้เธอก็เหมือนตกอยู่ในเหวลึกที่มีอีรอสยืนอยู่บนปากเหวพร้อมที่จะหย่อนเชือกลงมาดึงเธอขึ้น ไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำให้เขาโกรธจัด และที่สำคัญ...เธอดูเหมือนไม่มีทางต่อรองอะไรกับเขาได้เลยจริงๆ

“ฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่ผู้ชายที่เอาเปรียบผู้หญิงหรอก จริงไหมคะ”

เขาพยักหน้าทันที “ใช่ ผมให้เงินคุณสามแสนเหรียญแลกกับการเป็นคู่นอนของผมหนึ่งปี มันไม่ใช่การเอาเปรียบเลย แต่เป็นการแลกเปลี่ยนที่แฟร์เอามากๆ”

“แลกกับการเป็นคู่นอนของคุณหนึ่งปี!” มิวาร์อุทานเสียงหลง ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

“ไปตายซะอีรอส ไททัน ชาตินี้ทั้งชาติคุณไม่มีวันถลกชายกระโปรงฉันขึ้นได้หรอก”

“จุๆ เบบี๋ คนที่จะตายไม่ใช่ผม แต่เป็นน้องสาวตัวเล็กของคุณต่างหาก”

สีเลือดเหือดหายไปจากใบหน้างามงดราวกับมันถูกสูบหายไปจนหมด เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มที่ส่งประกายอำนาจเหนือชั้นกว่าออกมา มิวาร์รู้สึกแสบร้อนที่ขอบตาและขัดแน่นในหัวใจ

ผู้ชายคนนี้ทั้งบ้าตัณหาและเลือดเย็น เธอเกลียดโชคชะตาที่ผลักดันให้เธอต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเหลือเกิน

“ถ้าฉันยอมเป็นคู่นอนของคุณ รับปากฉันได้ไหมว่าคุณจะดูแลน้อง สาวของฉันจนกระทั่งเธอหายเป็นปกติดี และฉันขอเวลาเป็นของตัวเองด้วยจะได้ไหมคะ”

“เวลาเป็นของตัวเอง...ยังไง?” เขาเลิกคิ้ว มองเธออย่างกังขา

“ฉันจะอยู่กับคุณทุกวันคู่ แต่วันคี่ฉันจะมีอิสระเป็นของตัวเอง”

“อ้อ...เลขคู่ เราจะอยู่ด้วยกัน แต่เลขคี่ ทางใครทางมันสินะ”

“คุณคิดถูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้พอครบปีเราอย่ามาเจอกันเลยจะดีที่สุด”

ให้ตาย...เขาไม่ชอบความคิดนี้ของเจ้าหล่อนเอาซะเลย หล่อนดูจงเกลียดจงชังเขาจริงๆ เพราะแบบนี้น่ะแหละเขาถึงเลือกใช้วิธีเลือดเย็นกับหล่อนเพื่อจะได้ตัวหล่อน แต่หล่อนคงไม่รู้สินะว่าเขาจะไม่ได้เอาจากหล่อนเพียงฝ่ายเดียว แต่เขาจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับหล่อนด้วย เพราะเขาไม่ได้เห็นหล่อนเป็นแค่คู่นอนธรรมดาแบบที่เขาผ่านมาจนชิน แต่เขามีความชอบพอให้กับหล่อน และมันมากเสียจน...เขายังกลัวด้วยซ้ำว่าจะปล่อยหล่อนออกจากอ้อมอกเขาไปไม่ได้หากได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แต่นั่นแหละ...ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารักได้

ตอนที่ทราบเรื่องจากเคนว่าหล่อนมาขอกู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เขาทั้งสงสารและเห็นใจ แต่ขณะเดียวกัน...เขาก็เห็นโอกาสอันงามที่จะได้ไขว่คว้าหล่อนมาอยู่แนบกาย และเขาคงบ้ามาก...ถ้าปล่อยโอกาสทองนี้ให้หลุดมือไป

“แล้วถ้าเกิดวันนึงคุณเกิดรักผมขึ้นมาล่ะ คุณจะรั้งผมให้อยู่กับคุณไหม”

“ฉันไม่มีวันตกหลุมรักผู้ชายที่ได้ตัวฉันมาเพราะเซ็กส์ล้วนๆ หรอกค่ะ” น้ำเสียงและแววตาของเธอเด็ดเดี่ยวจนเขานับถือ

“โอเค...เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องเอกสารเงินกู้นิดหน่อย ระหว่างนี้...คุณต้องการจะทำอะไรหรือเปล่า”

“ฉันอยากลงไปสูดอากาศข้างนอกสักพัก”

“เอาสิ แล้วอีกสิบห้านาทีผมจะส่งคนไปตามคุณ”

ทันทีที่มิวาร์ก้าวออกมาจากห้องทำงานสวยหรู น้ำตาที่เอ่อร้อนอยู่ริมขอบตาก็หยาดหยด เธอรีบยกมือทั้งสองป้ายน้ำตาทิ้งระหว่างเดินมาหยุดรอตรงหน้าลิฟต์

อีรอส ไททัน ต้องการเพียงหลับนอนกับเธอชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ใช่การผูกสัมพันธ์ร่วมกัน เธอย้ำกับตัวเองพลางปาดน้ำตาอีกรอบ นานแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำให้เธอร้องไห้เสียใจได้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น เธอก็ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะเข้มแข็งและไม่เสียน้ำตาให้กับความชั่วร้ายของโลกอีก ทว่า...สุดท้าย โลกร้ายกาจใบนี้ก็ดึงเอาน้ำตาออกมาจากตัวเธอจนได้

เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์ตอนไหนก็มิอาจทราบได้ รู้สึกตัวอีกทีก็เดินออกมาหยุดยืนบริเวณลานด้านนอกของตึกสูงเสียดฟ้านี้เสียแล้ว เธอรีบเช็ดน้ำตาจนเหือดแห้ง ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าสะพาย ต่อสายถึงมารดาบุญธรรมที่รับสายทันทีที่สัญญาณดังขึ้นหนเดียว

“มิวาร์ ว่าไงบ้างลูก”

คำเริ่มต้นทักทายของมารดา ทำให้เธอตระหนักได้ว่ามารดาเฝ้ารอรับโทรศัพท์อยู่นานแล้ว

“แม่คะ...หนูหาเงินได้แล้วค่ะ”

“มิวาร์ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงของลูกฟังดูไม่ดีเอาเสียเลย”

เธออยากจะปล่อยโฮนัก แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน มารดาก็ยังจับสังเกตน้ำเสียงของเธอและแสดงความห่วงหาอาทรออกมา ทั้งๆ ที่เธอเผลอคิดไปว่ามารดาจะกรีดร้องด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่ามีเงินมารักษาจอยซ์แล้ว

“เปล่าค่ะ หนูสบายดี แค่รู้สึกว่าอาจจะเป็นหวัดนิดหน่อยค่ะ”

“ลูกสบายดีจริงๆ นะจ๊ะ”

“ค่ะ” มิวาร์ไม่เคยซาบซึ้งใจมากขนาดนี้เลยหลังจากเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา

“หนูจะรีบนำเงินไปให้แม่นะคะ ตอนนี้จอยซ์เป็นยังไงบ้างคะ”

“น้องหายใจลำบากมากขึ้นทุกทีจ้ะ แต่อยู่ในมือหมอแล้ว แต่แม่ล่ะอยากอัดหมอนัก พวกเขาจะไม่รักษาจอยซ์จนกว่าจะได้เงินงวดแรกจ้ะ”

“โรงพยาบาลก็แบบนี้แหละค่ะแม่ ถ้าหากมีโรงพยาบาลที่ใกล้และรักษาดีกว่านี้หนูคงบอกให้แม่ย้ายจอยซ์แล้ว

“แม่ก็เห็นด้วยจ้ะ มิวาร์...หนูกู้เงินได้ใช่ไหมจ๊ะ?”

“ค่ะ แม่ ดอกเบี้ยก็ไม่แพงมากด้วยค่ะ” มิวาร์รู้สึกตื้อในอกที่จำต้องพูดโกหกออกไป

“แล้วแม่กับพ่อจะคืนเงินให้ลูกโดยเร็วจ้ะ แม่สัญญาด้วยชีวิตของแม่เอง”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะแม่ หนูหาเงินมาคืนธนาคารได้อยู่แล้ว หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่ลำบากเพราะหนูอีกแล้วค่ะ ถึงเวลาแล้วที่หนูจะต้องตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่”

“อย่าคิดอย่างนั้นสิมิวาร์ ลูกเป็นลูกของแม่กับพ่อนะ ลูกเป็นครอบครัวของเรา เราไม่มีหนี้บุญคุณต่อกันจ้ะ มิวาร์”

มิวาร์อยากให้มารดาบุญธรรมมายืนอยู่ต่อหน้าเหลือเกิน เพื่อเธอจะได้สวมกอดท่านแน่นๆ รับเอาไออุ่นอันแสนอ่อนโยนที่ปกปักชีวิตของเธอมาตลอดสิบเก้าปีแต่ตอนนี้ลำคอของเธอตีบตันด้วยความรวดร้าวจนเอ่ยอะไรออกไปมิได้ พอพยายามกลืนน้ำลายเพื่อให้ลำคอโล่งจะได้พูดต่อกับมารดา ไหล่ของเธอก็ถูกแตะเบาๆ ทำเอาเธอสะดุ้ง รีบหมุนตัวหันไปมอง

หนุ่มหล่อสวมแว่นตาสีใสสะท้อนดวงตาสีฟ้าอ่อน ผมดกสีน้ำตาลเข้มในชุดสูทสั่งตัดราคาแพงยืนมองเธอด้วยสีหน้าสงบ

“มิสเกรแฮมครับ ท่านส่งผมมาเชิญคุณขึ้นไปทำสัญญาครับ” เคนบอกเสียงนุ่ม

มิวาร์พยักหน้าและรีบกล่าวลามารดา ก่อนจะตามหนุ่มหล่อเข้าไปในตึกสูงเสียดฟ้าหลังจากเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ทุกย่างก้าวของเธอหนักอึ้งเหมือนถ่วงด้วยตะกั่วหนักเป็นตันๆ เพราะทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในตึกเอเมอร์สัน มันหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของเธอจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะนับจากนี้มันจะถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนของซาตานร้ายอย่างมิอาจขัดขืนได้

ภายในห้องทำงานของอีรอสไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวเหมือนในคราแรก แต่มีชายสูงวัยหน้าตาดี ท่าทางสุภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมเดี่ยว อีรอสนั่งอยู่บนโซฟาชนิดสองคนนั่ง เขาตบมือลงบนเบาะข้างๆ ทันทีที่เห็นมิวาร์ก้าวเข้ามา

“สวัสดีครับ มิสเกรแฮม ผมชื่อทุสโซ่ เป็นทนายความส่วนตัวของคุณอีรอสครับ”

ชายสูงวัยลุกขึ้นยืนจับมือกับเธอ ก่อนจะนั่งลงหลังจากเธอนั่งข้างอีรอสด้วยความรู้สึกอึดอัด

มิวาร์งุนงงและสับสนที่จู่ๆ การกู้เงินแบบพิเศษของเธอ จะต้องมีทนายความเป็นผู้ร่างสัญญาให้ เธอนึกว่าอาจจะใช้แบบฟอร์มกู้เงินทั่วไปกับเอกสารบางอย่าง และสัญญาใจระหว่างกันเท่านั้นเสียอีก

“ผมเรียกทุสโซ่มาเพื่อทำสัญญาข้อตกลงที่เป็นธรรมแก่คุณ และให้เขาเป็นพยาน” อีรอสอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของเธอที่หันไปมองหน้าเขานิ่งๆ

“สัญญาข้อตกลงอะไรคะ?” เธอถามเขา แต่คนให้คำตอบกลับเป็นทุสโซ่

“เชิญอ่านสัญญาดีกว่าครับ มิสเกรแฮม ผมเตรียมไว้ให้ตรงหน้าแล้ว”

มิวาร์หันมาดูกระดาษสีขาวใบหนึ่งที่วางแผ่บนโต๊ะกระจก เธอหยิบขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนคิ้วเรียวสวยจะค่อยๆ ขมวดมุ่น จากนั้นดวงตากลมโตสุกใสก็เบิกกว้างเธอรีบหันไปถามอีรอสเสียงหลง

“อะไรกันคะเนี่ย นี่คุณ...” แต่ทุสโซ่พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อนว่า

“ครับ คุณอีรอสจะมอบเงินหนึ่งล้านเหรียญให้กับคุณทันทีที่คุณทำ งานครบตามกำหนดสัญญาหนึ่งปี”

“คุณซื้อตัวฉันอย่างนั้นหรือ? อีรอส ไททัน ฉันไม่ใช่โสเภณีนะ!” มิวาร์ตวาดอย่างเหลืออด มองหน้าเขาอย่างเคืองแค้น กระนั้น...อีรอสยังคงหันมาสบตาเธอนิ่งๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์

“ใจเย็นๆ สิครับมิสเกรแฮม เงินหนึ่งล้านเหรียญไม่ใช่ค่าตัว แต่เป็นเงินให้ด้วยความเสน่หาต่างหาก” ทุสโซ่อาสาอธิบายแทนเจ้านายหนุ่ม

แต่ทว่าคำพูดของทนายความยิ่งทำให้มิวาร์ทั้งโกรธและอายมากขึ้น เพราะดูเหมือนทนายความคนนี้จะรู้จุดประสงค์ของการทำสัญญาครั้งนี้ดีเกินควร

“แล้วถ้าฉันทำงานไม่ครบหนึ่งปีล่ะคะ ฉันอาจจะป่วยตายหรือไม่ก็ผูกคอตายไปเสียก่อนน่ะค่ะ”

“คุณนี่มีอารมณ์ขันในจังหวะที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรเลยนะครับ ตามสัญญา...ถ้าคุณเกิดมีเหตุให้ทำงานไม่ครบหนึ่งปีเพราะเหตุอันไม่คาดฝัน ครับ เงินหนึ่งล้านเหรียญยังจะโอนเข้าบัญชีของคุณที่เราทำขึ้นให้ เพื่อมอบให้แก่ครอบครัวของคุณ แต่ถ้าคุณเกิดเบี้ยวด้วยการหลบหนีหรือด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามแต่ เงินกู้ที่ให้เปล่านี้จะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาทันทีในอัตราร้อยละสิบห้าครับ แน่นอน...ครอบครัวของคุณจะต้องเดือดร้อน”

“อะไรนะ ดอกเบี้ยร้อยละสิบห้า!? นี่มันธนาคารหรือองค์การก่อการร้ายกันแน่!” แม้ในขณะโมโห มิวาร์ยังเอ่ยติดตลกจนอีรอสลอบขำ

“ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วละครับ” ทุสโซ่ยังคงพูดต่อไปหน้าตาเฉย

“ฉัน...”

“คิดถึงน้องสาวของคุณ ก่อนจะตอบคำว่า ไม่ นะ มิวาร์”

อีรอสดักคอ

มิวาร์หันมามองเขาอย่างกล่าวหา ใบหน้าซีดสลับแดง ก่อนจะหลับตา หายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์

“เงินนี้ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่อครอบครัวของคุณด้วย ตรองให้ดีๆ” เขาเสริมต่อ

ในไม่ช้า...มิวาร์ก็ลืมตามองเขา มีแววใสๆ พร่างที่ขอบตา บอกให้รู้ว่าเธอพยายามสะกดกลั้นน้ำตามากเพียงใด ก่อนเธอจะกลืนน้ำลายและยอมรับเสียงแหบแห้งว่า

“ค่ะ คุณพูดมาก็ถูก” แล้วเธอก็เซ็นชื่อในสัญญาแผ่นนั้นด้วยมืออันสั่นเทา

เมื่อทนายความตรวจสอบลายเซ็นของมิวาร์และความถูกต้องต่างๆ ในเอกสารแผ่นนั้นแล้ว เขาก็ยื่นไปตรงหน้าอีรอส

“ท่านจะเก็บไว้ในเซฟของท่านหรือจะให้ผมเก็บไว้เองครับ”

“ทำสำเนาอีกชุดให้ผม ส่วนคุณเอาตัวจริงไปเก็บรักษาไว้ให้ดี”

“ได้ครับท่าน งั้นผมขอตัวลาเลยแล้วกัน”

เมื่ออยู่กันตามลำพัง อีรอสก็หันมาหามิวาร์ซึ่งนั่งห่างเพียงหนึ่งคืบและกำลังก้มหน้านิ่ง มือทั้งคู่บีบเข้าหากันบนตัก เขารู้ว่าเธอพยายามช่อนเร้นน้ำตาของความเจ็บปวดและเคืองโกรธ เขาไม่ชอบเลยที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าเจ็บปวด แต่เขาก็เห็นแก่ตัวเช่นกันที่ไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดลอยไป เพราะถ้าทำเช่นนั้น...เขาก็จะทรมานและคลุ้มคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบผู้หญิงถูกใจและอยากได้มาอยู่ข้างกายทุกวันคืน

“ผมจะให้คุณเริ่มทำงานหลังจากน้องสาวของคุณได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ตกลงไหม” เขาถามออกไป หมายจะเชยคางมนขึ้น แต่ใจหนึ่งห้ามไว้ บอกว่าให้เธอมีโอกาสได้ทำใจสักพัก

“ค่ะ” มิวาร์ตอบกลับมาสั้นๆ และเบาหวิว

“ผมว่าเราไปหาจอยซ์กันเลยดีกว่าไหม ผมจะจ่ายเช็คให้กับทางโรงพยาบาลทันทีที่เราไปถึง ผมมั่นใจว่าตอนนี้จอยซ์อยู่ในมือหมอแล้วสินะ”

“ไม่...ฉันเดินทางไปหาน้องสาวฉันเองได้ แค่คุณโอนเงินเข้าบัญชีใหม่ของฉันและทำบัตรกดเงินสดให้ด้วย” มิวาร์เงยหน้าขึ้นแย้งเสียงห้วนทันควัน ไม่แคร์ถ้าเขาจะเห็นรอยแดงช้ำรอบนัยน์ตา ตอนนี้...ไม่มีอะไรต้องแคร์แล้วจริงไหม

“ไม่เอาน่า คุณจะรั้นไปถึงไหน รถก็ไม่มี ไปกับผมสบายกว่านั่งรถโดยสารตั้งเยอะ และมันเร็วด้วย”

เธอแย้งเขาไม่ได้จริงๆ แม้ว่าจะไม่อยากนั่งร่วมรถกับเขาอีกก็ตาม

“ก็ได้” เธอยอมรับเบาๆ ยกสองมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะจับกระเป๋ามาสะพายไหล่อีกครั้ง และหันมามองอีรอสด้วยดวงตาสงบนิ่งเยือกเย็น

“ขออะไรสักอย่างได้ไหมคะ อีรอส”

“ว่ามาเลย”

“อย่าพูดเรื่องของเราให้พ่อแม่ของฉันรู้ พวกท่านรู้แค่ว่าฉันกู้เงินได้ด้วยดอกเบี้ยต่ำ ไม่ใช่การแลกตัวเองกับเงินของคุณ” เธอทำหน้าเอาจริงเอาจังจนดูน่าเกรงขาม

“ผมรับรอง ต่อให้กระบอกปืนจ่อหัวผมก็จะไม่พูด นอกเสียจากคุณอยากให้ผมเป็นคนพูด หรือพวกท่านรู้ด้วยตัวเอง”

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้ม แต่ไปไม่ถึงดวงตา



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2563, 09:45:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2563, 09:45:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 475





<< บทที่ 7 -35%   บทที่ 7 -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account