Cause of Love...เล่ห์อำพรางใจ: เอบิช (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะความจำเป็นในชีวิต บีบบังคับให้ ‘มิวาร์’
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 8 -35%
มิวาร์เพิ่งรู้ว่าเพนท์เฮาส์ของอีรอสมิใช่มีอยู่แค่บนอาคารเอเมอร์สันแห่งเดียวเท่านั้น แต่เขามีอีกแห่งอยู่บนตึกสูงเสียดฟ้าของโครงการเดโอบานส์ สเปซ โครงการหก โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ เธอพอเข้าใจแล้วว่าทำไมอีรอสจะต้องส่งคนรถมารับเธอ เพราะการจะฝ่าด่านรักษาความปลอดภัยอันรัดกุมและเข้มงวดของโครงการหรูหราอลัง การงานสร้างแห่งนี้ไม่ใช่จะผ่านกันได้ง่ายๆ
เพนท์เฮาส์ของอีรอสมีลิฟต์ส่วนตัวของเขาเอง และเธอไม่แปลกใจเลยเมื่อผู้นำทางของเขาบอกให้เธอวางทาบฝ่ามือบนเครื่องสแกนด้านนอกลิฟต์
“มันจะบันทึกลายนิ้วมือของคุณโดยอัตโนมัติครับ ฉะนั้นเวลาคุณมาที่นี่ แค่สแกนลายนิ้วมือตามปกติ ลิฟต์ก็จะส่งคุณขึ้นไปยังห้องของท่านทันที นอกจากนี้การจะเข้าห้องพักของท่านคุณต้องสแกนรูม่านตาด้วย ซึ่งช่างเทคนิคเตรียมระบบไว้รอเรียบร้อยแล้วครับ เหลือแค่คุณเอาตาไปทาบบนจอสแกนเท่านั้น”
นี่มันชักปลอดภัยเสียจนแมลงสาบสักตัวคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำรัง!
ออกจากลิฟต์ที่เลื่อนขึ้นด้วยความเร็วดุจแสง มิวาร์ก็เดินบนพรมแดงผ่านห้องกระจกที่โชว์รถสปอร์ตราคาแพงหูฉี่สองสามคันกับดูคาติสีน้ำเงินเข้มแต่งลายสวยอีกหนึ่งคัน เธอมองยานพาหนะเหล่านั้นด้วยความทึ่ง โดยเฉพาะดูคาติที่เป็นรุ่นเดียวกับของเธอ พลางทำให้โหยหามอเตอร์ไซค์คู่ใจของตนขึ้นมาชะงัด เธอรู้ว่าตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้มีบริการลิฟต์ไฮดรอลิกสำหรับขนยานพาหนะส่วนตัวมาไว้ชั้นเดียวกับห้องพัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเองกับตา
เธอเดินตามหลังคนขับรถซึ่งอาจจะมีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวมาจนถึงบานประตูไม้สีน้ำตาลสูงตระหง่าน มองเห็นเครื่องสแกนติดอยู่ตรงผนังด้านขวามือ คนนำทางบอกให้เธอสแกนรูม่านตาและเธอก็ทำตาม
บานประตูไม้เนื้อหนาเปิดออกกว้างด้วยกลไกบางอย่าง เผยให้เห็นห้องชุดสีงาช้างหรูหราทั้งพื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูคลาสสิกที่ตก แต่งภายใน เธอก้าวเข้าไปข้างในช้าๆ ด้วยความตื่นเต้นระคนหวั่น คนขับรถหายไปแล้วทันทีที่บานประตูปิดตัวลงดังกริ๊ก มิวาร์ผวาเล็กๆ กับเสียงดังไล่หลังเหมือนตนเองถูกคุมขังในห้องขังแสนสวย เท้าเล็กๆ ที่ก้าวตรงไปข้าง หน้าเต็มไปด้วยความลังเลในทุกย่างก้าว จนกระทั่ง...เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคล้ายเสียงคำรามดังมาจากฟากหนึ่งของห้องรับแขกสุดโอ่โถงที่เธอยืนเหลียวมองเลิ่กลั่กเพื่อหาคนที่กำลังจะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ความสงสัยขยับฝีเท้าให้ก้าวตรงไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งมีบานประตูเหล็กกล้าทาสีขาวเปิดอยู่เพียงครึ่ง
ห้องฝึกการต่อสู้!
สายตาของมิวาร์มองเห็นดาบ กระบี่ มีดสั้น ทวน โล่ หอก หลาว และอาวุธทุกชนิดที่มีบนโลกใบนี้ติดอยู่บนผนังตรงข้ามกับจุดที่เธอยืนอยู่ แต่นั่นไม่ใช่จุดสนใจ... ดวงตาคู่หวานพุ่งตรงไปยังร่างสูงกำยำที่เปลือยท่อนบนเผยกล้ามเนื้อล่ำสันเต็มไปด้วยเหงื่อมันวาวกำลังควงดาบสองมือเหมือนหมุนกงจักร สองเท้าแข็งแรงก้าวไปข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง หรือไม่ก็ซ้ายขวาตามจังหวะการร่ายรำของเพลงดาบ เธอเกือบผิวปากหวือเมื่อคิดว่าตนยืนดูขุนศึกชาวจีนถ้าไม่ติดว่ารูปหน้า ทรงผม และสีตาของชายที่เธอรู้จักดีคนนี้เป็นชาวตะวันตกทุกกระเบียดนิ้ว
เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกตรึงสายตาด้วยภาพร่ายรำอาวุธอันน่าประ ทับใจอยู่นานเพียงใด ดาบทั้งสองในมือใหญ่กวัดแกว่งราวกับมีชีวิต มันถูกควงไปมาทั้งซ้ายขวา หน้าหลัง หรือแม้กระทั่งเหนือศีรษะและลอดใต้หว่างขา จากนั้น...ชั่วพริบตาเดียวการร่ายรำก็เปลี่ยนเป็นการพุ่งเข้าโจมตี ซึ่งอยู่ดีๆ ก็ปรากฏภาพโฮโลแกรมของเหล่านินจาโผเข้าหาอีรอส ในมือของนินจาถือดาบคมวาวเงื้อขึ้นหมายฟันคอ แต่อีรอสก็หมุนตัวหลบพร้อมกับตวัดดาบฟันเข้าที่กลางหลังของนินจาคนนั้น แล้วมันก็เลือนหายวับไป พร้อมเสียงขานแต้มจากคอมพิวเตอร์ที่หลบซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง ก่อนจะปรากฏร่างนินจาอีกหลายต่อหลายคน จนกระทั่ง...นินจาคนล่าสุดถูกดาบในมือทั้งสองของอีรอสแทงท้องและฟันศีรษะจนขาดกระเด็นในคราวเดียวกัน เสียงห้าวทุ้มก็ดังขึ้นว่า
“การผจญภัยยุติแล้ว เบบี๋” สิ้นคำ ภาพโฮโลแกรมก็วูบดับไป เหลือเพียงห้องฝึกการต่อสู้ที่สว่างไสวด้วยแสงฟลูออเรสเซนต์กับชายหนุ่มรูปหล่อกล้ามใหญ่เหงื่อท่วมตัวยืนมองเธอด้วยนัยน์ตาพราวระยับกับรอยยิ้มซุกซน วินาทีนั้น...มิวาร์ถึงรู้สึกตัว
“ฉะ...ฉันมาแล้ว” ก่นด่าตัวเองที่ทำสุ้มเสียงสั่นขลาดอย่างน่าอาย
“ผมนึกว่าคุณจะพูดว่า ฉันไม่ได้แอบดูนะ เสียอีก”
“ตั้งใจจะยืนดูแต่แรกแล้ว” เธอเชิดหน้าตอบตามจริง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังเมื่ออีรอสเดินตรงมาหา หลังจากเขาแขวนดาบทั้งคู่ไว้บนผนัง
ให้ตายสิ...อีตานี่มีหุ่นน่ากินขนาดที่นายแบบเพลย์บอยหลายคนต้องอาย
“ฉันคิดว่ายุคสมัยนี้คนหันมาใช้ปืนสู้ปืนกันแล้วนะ”
เธอพูดอีกหลังจากถอยจนสะโพกชนกับตู้อะไรสักอย่าง จนหนีร่างสูงที่ก้าวอาดๆ มายืนค้ำศีรษะไม่ได้อีก จำต้องแหงนคอมองคนตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก
“ผมเพิ่งฝึกยิงปืนไปเมื่อสองชั่วโมงก่อนส่งคนไปรับคุณ” เขาบอกจบ ก็โยนผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบนลำคอใส่หน้าเธอ มิวาร์ร้องเอะอะทีเดียว
“ทะ ทำอะไรน่ะ” เธอรีบดึงผ้าขนหนูหอมกรุ่นออกจากใบหน้า เพื่อจะพบว่าคนตัวสูงกว่าโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับหน้าของเธอ และกำลังมองมาด้วยแววตาแพรวพราวที่ทำเอาเธอหนาวๆ ร้อนๆ
“เช็ดหน้าให้ทีสิ หวานใจ” น้ำเสียงของเขาประดุจมือที่โลมลูบพวงแก้มของเธอเบาๆ พาหัวใจสั่นหวิว เธอรีบยกผ้าผืนนั้นขึ้นเช็ดใบหน้าคมคายอย่างบรรจง กลัวว่าถ้าเช็ดลวกๆ หรือแรงเกินไปเขาจะหักคอเธอ แค่เห็นท่วงท่าฟันดาบของเขาแล้ว มิวาร์ก็สั่งตัวเองว่าอย่าทำให้หมอนี่โกรธจัดจะดี กว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะยิงปืนได้แม่นสักแค่ไหน...!
“ขอบใจ” สิ้นคำขอบคุณนั้น เปลือกแก้มนวลก็ถูกปากอุ่นๆ จุมพิตอย่างรวดเร็ว จนเจ้าของแก้มตั้งตัวไม่ทันได้แต่ยืนตัวแข็งไปชั่วครู่ ก่อนเสียงหัวเราะในลำคอกับอุ้งมือใหญ่ที่จับข้อศอกเล็กดึงสติของเธอกลับคืนมา
“ไปดูห้องนอนของเรากัน บางทีคุณอาจจะชอบใจการตกแต่งห้องของผม ผมซื้อเสื้อผ้าไว้ให้คุณหลายชุดทีเดียว จะใส่อยู่ที่นี่หรือใส่ไปทำงานก็ได้ ยังไม่รวมถึงของใช้ของผู้หญิงอีกนะ มันอยู่ในห้องนั้น”
อีรอสทำท่าจะลากเธอเดินไปยังห้องนั้น แต่มิวาร์รีบดึงข้อศอกออก และพบว่ามันหลุดอย่างง่ายดายเหมือนคนจับมิได้ต้องการบังคับใจเธอแต่อย่างใด ก่อนจะยืนตรึงฝีเท้านิ่ง
“ฉะ...ฉันยังไม่อยากดู ฉะ...ฉันเชื่อว่าคุณตกแต่งห้องแบบไหนฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ” เธอปฏิเสธปากคอสั่น
“คุณไม่อยากดูห้องที่เราจะมีความสุขร่วมกันว่ามันจะสวยงามเพียงใดจริงๆ น่ะหรือ” เขาถามราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
“ค่ะ ฉันอยากจะลงมือทำอาหารเย็นมากกว่า”
“อาหารเย็นของผมคือคุณ...เบบี๋”
ฮึ่ม...ตาหื่น!!!
“แต่ฉันหิวจนไส้กิ่วแล้วค่ะ อีกอย่างคุณเคยบอกเองว่า อยากจะลองกินอาหารฝีมือฉันไม่ใช่หรือ ตั้งแต่คุณตามรังควานฉันใหม่ๆ” เธอถือโอกาสเหน็บแนม
“ผมจำไม่ได้แฮะ” ดวงตาอีรอสดูใสซื่อขึ้นมากะทันหัน “จำไม่ได้ว่าผมตามรังควานคุณตอนไหน เท่าที่จำได้ผมชวนคุณออกเดตไม่ใช่หรือ”
ฮึ่ม...พ่อจอมกะล่อน!!!
“โอเคค่ะ จะตามรังควานหรือชวนออกเดตก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันหิวมากและอยากทำอาหารกินเสียที”
“ผมไม่ถนัดทำอาหารเอาซะเลย” อีรอสทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ผมชอบกินมากกว่า โดยเฉพาะของหวานบนเตียง ได้กินแล้วจะอารมณ์ดีมากๆ เลยละ”
ฮึ่ม...รอให้หมูบินได้ก่อนเถอะ ฉันถึงจะเป็นของหวานบนเตียงของนาย!!!
“ดีแล้วละค่ะที่คุณไม่ชอบทำอาหาร ฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมาวุ่น วายในครัวระหว่างฉันทำอาหารเหมือนกัน เอาแบบนี้ดีไหม...คุณไปอาบน้ำก่อน ไม่ต้องรีบ คุณจะนอนแช่น้ำ...” จนจมน้ำตายไปเลย “...สักหนึ่งชั่วโมงก็ดีค่ะ ถึงตอนนั้นฉันคงทำอาหารเสร็จพอดี”
อีรอสเงียบไป ดวงตาคมกริบคู่นั้นจ้องเธออย่างพินิจพิเคราะห์ ราวกับจะสแกนว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ถึงนาที...เขาก็พยักหน้าและพูดว่า
“อืม...ก็ดี แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะยาหยี หากคุณหนีกลับไประหว่างผมอาบน้ำ สัญญาของเราเป็นโมฆะ คุณต้องคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในเวลาเจ็ดวัน เกินกำหนดผมเอาเรื่องคุณขึ้นศาลแน่”
ฮึ่ม...ขู่แบบนี้คิดว่า...ไม่กลัวหรือไงยะ กลัวสิ!!!
“ค่ะ” เธอแสร้งยิ้มหวาน ทั้งๆ ที่ในใจด่าอีรอสโขมงโฉงเฉงด้วยกลัวคำขู่ แหม...สาวจอมเฮี้ยวรายอื่นอาจจะไม่กลัวคำขู่ แต่เธอเป็นคนหนึ่งล่ะที่กลัวเพราะชีวิตของน้องสาวและครอบครัวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจทั้งหมดของเธอ
“ของสดต่างๆ และเครื่องปรุงมีครบหมดทุกอย่างนะอยู่ในครัว คุณอยากทำอะไรเลือกเอาเองแล้วกัน”
“แหม...ฉันนึกว่าคุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วเสียอีก”
“ผมจะดูคุณทำอาหารผ่านกล้องวงจรปิดในห้องน้ำนะ ยาหยี”
“ฮะ เอ๊ย ค่ะ” มิวาร์อยากจะกรีดร้องให้ห้องพังที่อีรอสรู้ทัน แต่เสียงที่หลุดออกไปคือเสียงหวานๆ กับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ผมอาจจะโดนคุณหลอกง่าย แต่ไม่โง่พอให้ถูกหลอกซ้ำสองหรอกนะ ทูนหัว”
มันก็ไม่แน่หรอกนะยะ!!!
มิวาร์มองคนตัวโตเดินหายเข้าไปหลังประตูบานหนึ่งในจำนวนหกประตูภายในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ ก่อนจะสบถงึมงำถึงการระวังตัวแจของนายธนาคารรูปหล่อจอมเผด็จการ กระนั้น...เธอก็แอบยิ้มในใจพลางชำเลืองมองขวดน้ำตะไคร้ในกระเป๋าสะพายใบย่อมที่ยัดติดตัวมาด้วย
***************
ตลอดเวลาการทำอาหาร มิวาร์ต้องปวดหัวกับเสียงบงการที่ดังออก มาจากลำโพงลับภายในครัวอันกว้างโอ่โถงเต็มไปด้วยเครื่องครัวสารพัดราคาแพงหูฉี่ แม้แต่มีดด้ามเดียวของเขายังมีราคาแพงกว่ารองเท้าหุ้มส้นที่เธอซื้อจากวอลมาร์ทเสียอีก
อาหารเย็นมื้อนี้...เธอตั้งใจทำแกงเขียวหวานไก่กับต้มยำกุ้งน้ำข้น แต่พ่อเจ้าประคุณที่อาบน้ำไปดูเธอผ่านกล้องวงจรปิดไปบ่นกระปอดกระ แปดเกี่ยวกับเครื่องพริกแกงและน้ำพริกเผาที่เธอใส่ลงไปในอาหารทั้งสองอย่าง เขาบ่นว่าเธอใส่พริกเยอะไปเขากลัวเผ็ด เธอเลยได้ใจบอกกลับไปว่าอาหารไทยต้องรสจัด และประโคมใส่พริกแกงเขียวหวานกับน้ำพริกเผาในต้มยำกุ้งอย่างไม่ครณามือ อีรอสเลยโวยวายว่าแม่ของเขาไม่ทำอาหารไทยรสจัดขนาดนั้นเพราะท่านรู้ว่าลูกๆ ไม่กินเผ็ดมากนัก มิวาร์เลยแสร้งทำเป็นเห็นใจและสำนึกผิดบอกออกไปว่าเผลอใส่เยอะไปแล้ว จะทำหม้อใหม่เธอก็กลัวตัวเองจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน อีรอสจึงเงียบหายไปเลย ทิ้งให้เธอพยายามปั้นหน้าจืดจ๋อยตลอดเวลาทำอาหาร เพราะรู้ดีว่าเขาเฝ้าจับตามองผ่านกล้องอยู่แน่ๆ แต่ในใจของเธอน่ะเหรอ...โห่ร้องเต้นระบำฮูลาฮูล่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อเธอทำอาหารเสร็จและเตรียมรอเสิร์ฟ เสียงบงการก็ดังผ่านลำโพงลับออกมาว่า
“มิวาร์...เข้ามาอาบน้ำกับผม”
“ว่าไงนะ บ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่อาบน้ำกับคุณ!” เธอตวาดแหวขึ้นทันที
“เรามีสัญญาต่อกันนะ ทูนหัว อย่าลืมเสียสิ”
“แต่ฉัน...”
“จะช้าหรือเร็ว คุณก็ต้องเป็นของผมอยู่ดี มิวาร์” เสียงที่ใช้เรียกชื่อของเธอเหมือนมันเลื้อยไล่ลงไปตามกระดูกไขสันหลัง ทำให้เธอสั่นสะท้าน ขนลุกและวาบหวิว มิหนำซ้ำเธอไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำ สุดท้าย...เธอก็ยอมจำนน
“ค่ะ”
“เข้ามาในห้องนอนของเรา ผมเตรียมทุกอย่างให้คุณไว้บนเตียงแล้ว”
มิวาร์ตรงดิ่งไปยังประตูห้องนอนที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า กระนั้น...เท้าทั้งสองก็เหมือนถูกถ่วงด้วยหินยักษ์ เธอแทบจะก้าวขาเดินไม่ออกด้วยความตื่นกลัว แต่สุดท้ายเธอก็เปิดประตูออกกว้าง ยืนตกตะลึงกับการตก แต่งห้องนอนในสไตล์วินเทจอย่างที่เธอชื่นชอบ นึกขอบคุณความเอาใจใส่และช่างสังเกตสังกาของเขาโดยไม่รู้ตัว
เธอมองตรงไปยังเตียงสี่เสากลางห้อง บนนั้นมีชุดนอนผ้าซาตินสีไข่มุกแสนสวยเนื้อละเอียดที่ไม่บางเบาจนเกินไปกับผ้าขนหนูสีกุหลาบที่พับเรียบร้อย แต่เมื่อเธอมองหาห้องน้ำก็ต้องตาค้าง ไม่คิดว่าตัวเองจะมองข้ามไปถนัดใจ
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังที่เธอยืนฝั่งเดียวกับประตูห้อง มันเป็นกล่องกระ จกใสสี่เหลี่ยมกว้างยาวสามคูณสามเมตร มองเห็นอ่างล้างหน้าสองอ่างที่ทำจากหินอ่อนสีชมพู ประดับประดาด้วยก๊อกน้ำหัวสิงห์สองก๊อกที่คงเป็นน้ำร้อนกับน้ำเย็น เหนือขึ้นไปคือกระจกบานยาวรูปทรงสวยงามกับชั้นวางของใช้ภายในห้องน้ำ ถัดไปคือคอกฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์รูปทรงแปลกตา และโถสุขภัณฑ์ซึ่งเป็นรูปทรงสะดวกสบายต่อการนั่งกับโต๊ะหินไว้วางหนังสืออ่านผ่อนคลายอยู่ตรงข้าม แต่สิ่งที่กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของห้องคืออ่างจากุซซี่ขนาดสี่คนนอนซึ่งอีรอสกำลังนั่งแช่ลอยคออยู่ในน้ำที่ฟู่ฟ่องไปด้วยฟองสบู่หอมกรุ่นซึ่งกระเพื่อมไหวไปตามกระแสน้ำวน บนกำแพงฝั่งตรงข้ามอ่างอาบน้ำคือโทรทัศน์จอแบนขนาดเก้าสิบนิ้ว ที่ฝังลึกในผนังกำลังแพร่ภาพมิวสิกเพลงร็อกที่กำลังดังถล่มทลายอยู่ในช่วงนี้
บัดนี้...อีรอสกำลังจับตามองเธออยู่ทุกอิริยาบถด้วยนัยน์ตาหวานเชื่อมเกินกว่าเหตุ มิวาร์รู้ว่าเขากำลังรอให้เธอเปลื้องผ้า แม้จะรู้สึกอับอายที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าเขาในช่วงแรกจึงยืนละล้าละลังมองหาที่ผลัดเปลี่ยนอันรอดพ้นสายตาคมกริบปานเหยี่ยว แต่ก็จนปัญญาในที่สุดเพราะไม่มีที่ลับใดๆ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนอนแห่งนี้เลย ครั้นจะเข้าไปเปลื้องผ้าในตู้เสื้อ ผ้าก็กลัวอีรอสจะหัวเราะเยาะเธอ และเอาเรื่องนี้มาล้อเลียน
ดังนั้น...เธอจึงยืนสูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้งก่อนจะลงมือผลัด เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างฉับไว เธอรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันกายทับชุดชั้นในที่ยังห่อหุ้มตัวอยู่ แม้ขณะยืนหันหลังให้เขาเธอยังรู้สึกถึงกระแสร้อนๆ ที่แผดเผาไปตามนวลเนื้อของเธอราวกับแสงเลเซอร์
อีรอสมองร่างระหงที่อวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวเดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างลังเลด้วยความอดทนปนตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะกระชั้นขณะที่สาวเจ้าในชุดผ้าขนหนูพันกายค่อยๆ เดินตรงมายังอ่างอาบน้ำ พวงแก้มทั้งสองเป็นสีชมพูเรื่อชวนมองเหมือนผิวขาวนวลที่เปิดเปลือยบัดนี้เป็นสีชมพูกุหลาบไปแทบทุกส่วน
เธอกำลังเขิน! มันช่างเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน มิวาร์เป็นผลงานรังสรรค์ของประติมากรเอกโดยแท้
แขนที่เรียวเสลา ช่วงขายาวเพรียว คอที่ระหง และทรวดทรงอะร้า อร่ามไม่ได้ดูบอบบางอ้อนแอ้นเหมือนตอนอยู่ในชุดสูทสีทึมๆ ราคาถูก เธอเป็นอิสตรีที่มีสัดส่วนเย้ายวนบุรุษเพศไปทั้งเนื้อทั้งตัว และเขาก็เคยเห็นมา แล้วครั้งหนึ่งในโมเตลแห่งนั้น
แต่แล้วลมหายใจของอีรอสก็สะดุดกึก มิใช่เพราะผ้าขนหนูร่วงพลิ้วออกจากร่างงามสะคราญตา แต่เป็นเพราะแม่เจ้าประคุณก้าวลงในอ่างทั้งผ้า ขนหนูพันกายต่างหากเล่า!
“หวังว่าคุณคงไม่ว่านะคะถ้าฉันจะอาบน้ำทั้งชุดนี้”
เจ้าหล่อนพูดดักคอและยิ้มหวานเจี๊ยบ แต่เขามองเห็นความตื่นกลัวระริกไหวในดวงตาสีค่ำคืนของเธอได้อย่างชัดเจน จึงลอบยิ้มในใจ
“ถ้าผมต้องการให้คุณเปลือยเปล่า คุณก็ห้ามผมไม่ได้หรอก สุดสวย” เขายิ้มเหมือนหมาป่ายิ้มให้เหยื่อ
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ คุณไม่มีทางบังคับขืนใจฉันหรอก” มิวาร์เชิดคางขึ้นต่อปากต่อคำ เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่ายๆ ถึงเธอจะกลัวเขาแค่ไหน แต่เธอก็จะต่อสู้เพื่อเสรีภาพของตนเองให้ถึงที่สุด
“คุณนี่เข้าใจใช้คำพูดต้อนผมให้จนมุมเสมอเลยนะ ใช่...ผมจะเป็นสุภาพบุรุษกับคุณ แต่อย่าทำให้ผมโกรธจัดจนหน้ามืดก็แล้วกัน”
“ถึงคุณโกรธจัดจนหน้ามืดยังไงฉันก็จะไม่ยอมคุณง่ายๆ แน่” เธอยิ้มตาใส
“จะสู้จนถึงที่สุดว่างั้น”
“แน่นอน” หญิงสาวยิ้มจนตาหยี
สายน้ำอุ่นจนเกือบร้อนไหลวนรอบร่างของมิวาร์ นำพาความผ่อนคลายมาให้เธออย่างมาก ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันรวมถึงการทำอาหารอีกราวๆ หนึ่งชั่วโมงหายไปจนหมดสิ้น เธอนึกอยากจะเอนศีรษะลงบนฟองน้ำหนุนคอและหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับสัมผัสอ่อนโยนของสายน้ำมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่เธอจำต้องนั่งประสานสายตาคมกริบปนเจ้าชู้ของอีรอสอย่างระแวดระวัง ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวเป็นต้นว่าลูบแขนหรือนวดช่วงลำคอ ลมหายใจของเธอจะสะดุดด้วยอารามตกตื่น หัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนจังหวะกลองรัวของบทเพลงร็อกที่ดังสนั่น
จังหวะหนึ่ง...ท่อนขาเหยียดยาวใต้ฟองสบู่อ่อนนุ่มเคลื่อนมาลูบไล้ต้นขาข้างหนึ่งของเธอด้วยลีลาที่ชวนใจสั่น มิวาร์กระแอมเบาๆ แล้วขยับตัวไปอยู่อีกด้าน และถลึงตาใส่ดวงตาพราวระยับสีน้ำเงินเข้มที่พลิ้วไหวเหมือนระลอกคลื่นกับเสียงหัวเราะทุ้มลึก
“ห้องนอนของคุณตกแต่งได้สวยมากค่ะ”
เธอชวนคุยเบี่ยงเบนปัญหาวาบหวิว แม้จะเริ่มรู้สึกว่าผ้าขนหนูที่เปียกน้ำจนชุ่มโชกนั้นกักเก็บน้ำจนมันหนัก และเริ่มถ่วงหน้าอกของเธอ นี่ถ้าตาบ้ากระโจนเข้ามาปลุกปล้ำเธอละก็ รับรองว่าผ้าขนหนูหลุดจากตัวตอนเธอตะเกียกตะกายหนีเขาแน่
“คุณชอบหรือเปล่า”
บ้าจริง...ทำไมต้องใช้น้ำเสียงบาริโทนทรงเสน่ห์แบบนี้ด้วยนะ
“เป็นสไตล์ที่ฉันชอบค่ะ”
“ผมเปลี่ยนใหม่เพื่อคุณโดยเฉพาะ”
“คุณใจดีจัง” เธอยิ้ม
“ผมก็ต้องใจดีกับผู้หญิงของผมอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
******************
มาต่อให้แล้วน้าาาา ขออภัยที่หายไปนานนะคะ พอดีช่วงนี้ปลายปากกาสนพ.กำลังมีเรื่องใหม่ๆ จ่อเต็มเลย เร่งงานกันกลัวไม่ทัน >< ถ้าใครติดใจ ‘เล่ห์อำพรางใจ’ ตามต่อในเล่มได้ทุกช่องทางนะคะ
รูปแบบ eBook โหลดอ่านจนจบได้ที่เว็บไซต์ mebmarket หรือ App Meb
ถ้าชอบแบบเล่มหนังสือ สั่งซื้อออนไลน์ได้เลยนะคะ ทั้งร้าน booksforfun ร้านนิยายรัก ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ก หรือสั่งกับสนพ.โดยตรงได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
1.line: plaipakkabooks (กดแอดเฟรนด์ และแชตมาสั่งซื้อได้เลย)
2.inbox เข้ามาสั่งซื้อทางเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’
3.shopee ชื่อร้าน plaipakkabooks_officialshop (สั่งทางนี้ส่งฟรีทุกเรื่อง)
**สั่งออนไลน์หนังสือราคา 349฿ (จากปก 389฿) และมีค่าส่งลงทะเบียนอีก 45฿ ยกเว้นสั่งทาง shopee ส่งฟรี
ขอบคุณค่ะ^^ ส่วนใครยังรอตามต่อในนี้ อย่าเพิ่งนอยด์นะ แหะๆ ช้านิดนึง แต่จะพยายามมาให้บ่อยที่สุดเหมือนเดิมจ้า ฝากอุดหนุนนิยายปลายปากกาด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยค่ะ จุ๊บๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เพนท์เฮาส์ของอีรอสมีลิฟต์ส่วนตัวของเขาเอง และเธอไม่แปลกใจเลยเมื่อผู้นำทางของเขาบอกให้เธอวางทาบฝ่ามือบนเครื่องสแกนด้านนอกลิฟต์
“มันจะบันทึกลายนิ้วมือของคุณโดยอัตโนมัติครับ ฉะนั้นเวลาคุณมาที่นี่ แค่สแกนลายนิ้วมือตามปกติ ลิฟต์ก็จะส่งคุณขึ้นไปยังห้องของท่านทันที นอกจากนี้การจะเข้าห้องพักของท่านคุณต้องสแกนรูม่านตาด้วย ซึ่งช่างเทคนิคเตรียมระบบไว้รอเรียบร้อยแล้วครับ เหลือแค่คุณเอาตาไปทาบบนจอสแกนเท่านั้น”
นี่มันชักปลอดภัยเสียจนแมลงสาบสักตัวคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำรัง!
ออกจากลิฟต์ที่เลื่อนขึ้นด้วยความเร็วดุจแสง มิวาร์ก็เดินบนพรมแดงผ่านห้องกระจกที่โชว์รถสปอร์ตราคาแพงหูฉี่สองสามคันกับดูคาติสีน้ำเงินเข้มแต่งลายสวยอีกหนึ่งคัน เธอมองยานพาหนะเหล่านั้นด้วยความทึ่ง โดยเฉพาะดูคาติที่เป็นรุ่นเดียวกับของเธอ พลางทำให้โหยหามอเตอร์ไซค์คู่ใจของตนขึ้นมาชะงัด เธอรู้ว่าตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้มีบริการลิฟต์ไฮดรอลิกสำหรับขนยานพาหนะส่วนตัวมาไว้ชั้นเดียวกับห้องพัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเองกับตา
เธอเดินตามหลังคนขับรถซึ่งอาจจะมีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวมาจนถึงบานประตูไม้สีน้ำตาลสูงตระหง่าน มองเห็นเครื่องสแกนติดอยู่ตรงผนังด้านขวามือ คนนำทางบอกให้เธอสแกนรูม่านตาและเธอก็ทำตาม
บานประตูไม้เนื้อหนาเปิดออกกว้างด้วยกลไกบางอย่าง เผยให้เห็นห้องชุดสีงาช้างหรูหราทั้งพื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูคลาสสิกที่ตก แต่งภายใน เธอก้าวเข้าไปข้างในช้าๆ ด้วยความตื่นเต้นระคนหวั่น คนขับรถหายไปแล้วทันทีที่บานประตูปิดตัวลงดังกริ๊ก มิวาร์ผวาเล็กๆ กับเสียงดังไล่หลังเหมือนตนเองถูกคุมขังในห้องขังแสนสวย เท้าเล็กๆ ที่ก้าวตรงไปข้าง หน้าเต็มไปด้วยความลังเลในทุกย่างก้าว จนกระทั่ง...เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคล้ายเสียงคำรามดังมาจากฟากหนึ่งของห้องรับแขกสุดโอ่โถงที่เธอยืนเหลียวมองเลิ่กลั่กเพื่อหาคนที่กำลังจะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ความสงสัยขยับฝีเท้าให้ก้าวตรงไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งมีบานประตูเหล็กกล้าทาสีขาวเปิดอยู่เพียงครึ่ง
ห้องฝึกการต่อสู้!
สายตาของมิวาร์มองเห็นดาบ กระบี่ มีดสั้น ทวน โล่ หอก หลาว และอาวุธทุกชนิดที่มีบนโลกใบนี้ติดอยู่บนผนังตรงข้ามกับจุดที่เธอยืนอยู่ แต่นั่นไม่ใช่จุดสนใจ... ดวงตาคู่หวานพุ่งตรงไปยังร่างสูงกำยำที่เปลือยท่อนบนเผยกล้ามเนื้อล่ำสันเต็มไปด้วยเหงื่อมันวาวกำลังควงดาบสองมือเหมือนหมุนกงจักร สองเท้าแข็งแรงก้าวไปข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง หรือไม่ก็ซ้ายขวาตามจังหวะการร่ายรำของเพลงดาบ เธอเกือบผิวปากหวือเมื่อคิดว่าตนยืนดูขุนศึกชาวจีนถ้าไม่ติดว่ารูปหน้า ทรงผม และสีตาของชายที่เธอรู้จักดีคนนี้เป็นชาวตะวันตกทุกกระเบียดนิ้ว
เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกตรึงสายตาด้วยภาพร่ายรำอาวุธอันน่าประ ทับใจอยู่นานเพียงใด ดาบทั้งสองในมือใหญ่กวัดแกว่งราวกับมีชีวิต มันถูกควงไปมาทั้งซ้ายขวา หน้าหลัง หรือแม้กระทั่งเหนือศีรษะและลอดใต้หว่างขา จากนั้น...ชั่วพริบตาเดียวการร่ายรำก็เปลี่ยนเป็นการพุ่งเข้าโจมตี ซึ่งอยู่ดีๆ ก็ปรากฏภาพโฮโลแกรมของเหล่านินจาโผเข้าหาอีรอส ในมือของนินจาถือดาบคมวาวเงื้อขึ้นหมายฟันคอ แต่อีรอสก็หมุนตัวหลบพร้อมกับตวัดดาบฟันเข้าที่กลางหลังของนินจาคนนั้น แล้วมันก็เลือนหายวับไป พร้อมเสียงขานแต้มจากคอมพิวเตอร์ที่หลบซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง ก่อนจะปรากฏร่างนินจาอีกหลายต่อหลายคน จนกระทั่ง...นินจาคนล่าสุดถูกดาบในมือทั้งสองของอีรอสแทงท้องและฟันศีรษะจนขาดกระเด็นในคราวเดียวกัน เสียงห้าวทุ้มก็ดังขึ้นว่า
“การผจญภัยยุติแล้ว เบบี๋” สิ้นคำ ภาพโฮโลแกรมก็วูบดับไป เหลือเพียงห้องฝึกการต่อสู้ที่สว่างไสวด้วยแสงฟลูออเรสเซนต์กับชายหนุ่มรูปหล่อกล้ามใหญ่เหงื่อท่วมตัวยืนมองเธอด้วยนัยน์ตาพราวระยับกับรอยยิ้มซุกซน วินาทีนั้น...มิวาร์ถึงรู้สึกตัว
“ฉะ...ฉันมาแล้ว” ก่นด่าตัวเองที่ทำสุ้มเสียงสั่นขลาดอย่างน่าอาย
“ผมนึกว่าคุณจะพูดว่า ฉันไม่ได้แอบดูนะ เสียอีก”
“ตั้งใจจะยืนดูแต่แรกแล้ว” เธอเชิดหน้าตอบตามจริง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังเมื่ออีรอสเดินตรงมาหา หลังจากเขาแขวนดาบทั้งคู่ไว้บนผนัง
ให้ตายสิ...อีตานี่มีหุ่นน่ากินขนาดที่นายแบบเพลย์บอยหลายคนต้องอาย
“ฉันคิดว่ายุคสมัยนี้คนหันมาใช้ปืนสู้ปืนกันแล้วนะ”
เธอพูดอีกหลังจากถอยจนสะโพกชนกับตู้อะไรสักอย่าง จนหนีร่างสูงที่ก้าวอาดๆ มายืนค้ำศีรษะไม่ได้อีก จำต้องแหงนคอมองคนตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก
“ผมเพิ่งฝึกยิงปืนไปเมื่อสองชั่วโมงก่อนส่งคนไปรับคุณ” เขาบอกจบ ก็โยนผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบนลำคอใส่หน้าเธอ มิวาร์ร้องเอะอะทีเดียว
“ทะ ทำอะไรน่ะ” เธอรีบดึงผ้าขนหนูหอมกรุ่นออกจากใบหน้า เพื่อจะพบว่าคนตัวสูงกว่าโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับหน้าของเธอ และกำลังมองมาด้วยแววตาแพรวพราวที่ทำเอาเธอหนาวๆ ร้อนๆ
“เช็ดหน้าให้ทีสิ หวานใจ” น้ำเสียงของเขาประดุจมือที่โลมลูบพวงแก้มของเธอเบาๆ พาหัวใจสั่นหวิว เธอรีบยกผ้าผืนนั้นขึ้นเช็ดใบหน้าคมคายอย่างบรรจง กลัวว่าถ้าเช็ดลวกๆ หรือแรงเกินไปเขาจะหักคอเธอ แค่เห็นท่วงท่าฟันดาบของเขาแล้ว มิวาร์ก็สั่งตัวเองว่าอย่าทำให้หมอนี่โกรธจัดจะดี กว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะยิงปืนได้แม่นสักแค่ไหน...!
“ขอบใจ” สิ้นคำขอบคุณนั้น เปลือกแก้มนวลก็ถูกปากอุ่นๆ จุมพิตอย่างรวดเร็ว จนเจ้าของแก้มตั้งตัวไม่ทันได้แต่ยืนตัวแข็งไปชั่วครู่ ก่อนเสียงหัวเราะในลำคอกับอุ้งมือใหญ่ที่จับข้อศอกเล็กดึงสติของเธอกลับคืนมา
“ไปดูห้องนอนของเรากัน บางทีคุณอาจจะชอบใจการตกแต่งห้องของผม ผมซื้อเสื้อผ้าไว้ให้คุณหลายชุดทีเดียว จะใส่อยู่ที่นี่หรือใส่ไปทำงานก็ได้ ยังไม่รวมถึงของใช้ของผู้หญิงอีกนะ มันอยู่ในห้องนั้น”
อีรอสทำท่าจะลากเธอเดินไปยังห้องนั้น แต่มิวาร์รีบดึงข้อศอกออก และพบว่ามันหลุดอย่างง่ายดายเหมือนคนจับมิได้ต้องการบังคับใจเธอแต่อย่างใด ก่อนจะยืนตรึงฝีเท้านิ่ง
“ฉะ...ฉันยังไม่อยากดู ฉะ...ฉันเชื่อว่าคุณตกแต่งห้องแบบไหนฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ” เธอปฏิเสธปากคอสั่น
“คุณไม่อยากดูห้องที่เราจะมีความสุขร่วมกันว่ามันจะสวยงามเพียงใดจริงๆ น่ะหรือ” เขาถามราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
“ค่ะ ฉันอยากจะลงมือทำอาหารเย็นมากกว่า”
“อาหารเย็นของผมคือคุณ...เบบี๋”
ฮึ่ม...ตาหื่น!!!
“แต่ฉันหิวจนไส้กิ่วแล้วค่ะ อีกอย่างคุณเคยบอกเองว่า อยากจะลองกินอาหารฝีมือฉันไม่ใช่หรือ ตั้งแต่คุณตามรังควานฉันใหม่ๆ” เธอถือโอกาสเหน็บแนม
“ผมจำไม่ได้แฮะ” ดวงตาอีรอสดูใสซื่อขึ้นมากะทันหัน “จำไม่ได้ว่าผมตามรังควานคุณตอนไหน เท่าที่จำได้ผมชวนคุณออกเดตไม่ใช่หรือ”
ฮึ่ม...พ่อจอมกะล่อน!!!
“โอเคค่ะ จะตามรังควานหรือชวนออกเดตก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันหิวมากและอยากทำอาหารกินเสียที”
“ผมไม่ถนัดทำอาหารเอาซะเลย” อีรอสทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ผมชอบกินมากกว่า โดยเฉพาะของหวานบนเตียง ได้กินแล้วจะอารมณ์ดีมากๆ เลยละ”
ฮึ่ม...รอให้หมูบินได้ก่อนเถอะ ฉันถึงจะเป็นของหวานบนเตียงของนาย!!!
“ดีแล้วละค่ะที่คุณไม่ชอบทำอาหาร ฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมาวุ่น วายในครัวระหว่างฉันทำอาหารเหมือนกัน เอาแบบนี้ดีไหม...คุณไปอาบน้ำก่อน ไม่ต้องรีบ คุณจะนอนแช่น้ำ...” จนจมน้ำตายไปเลย “...สักหนึ่งชั่วโมงก็ดีค่ะ ถึงตอนนั้นฉันคงทำอาหารเสร็จพอดี”
อีรอสเงียบไป ดวงตาคมกริบคู่นั้นจ้องเธออย่างพินิจพิเคราะห์ ราวกับจะสแกนว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ถึงนาที...เขาก็พยักหน้าและพูดว่า
“อืม...ก็ดี แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะยาหยี หากคุณหนีกลับไประหว่างผมอาบน้ำ สัญญาของเราเป็นโมฆะ คุณต้องคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในเวลาเจ็ดวัน เกินกำหนดผมเอาเรื่องคุณขึ้นศาลแน่”
ฮึ่ม...ขู่แบบนี้คิดว่า...ไม่กลัวหรือไงยะ กลัวสิ!!!
“ค่ะ” เธอแสร้งยิ้มหวาน ทั้งๆ ที่ในใจด่าอีรอสโขมงโฉงเฉงด้วยกลัวคำขู่ แหม...สาวจอมเฮี้ยวรายอื่นอาจจะไม่กลัวคำขู่ แต่เธอเป็นคนหนึ่งล่ะที่กลัวเพราะชีวิตของน้องสาวและครอบครัวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจทั้งหมดของเธอ
“ของสดต่างๆ และเครื่องปรุงมีครบหมดทุกอย่างนะอยู่ในครัว คุณอยากทำอะไรเลือกเอาเองแล้วกัน”
“แหม...ฉันนึกว่าคุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วเสียอีก”
“ผมจะดูคุณทำอาหารผ่านกล้องวงจรปิดในห้องน้ำนะ ยาหยี”
“ฮะ เอ๊ย ค่ะ” มิวาร์อยากจะกรีดร้องให้ห้องพังที่อีรอสรู้ทัน แต่เสียงที่หลุดออกไปคือเสียงหวานๆ กับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ผมอาจจะโดนคุณหลอกง่าย แต่ไม่โง่พอให้ถูกหลอกซ้ำสองหรอกนะ ทูนหัว”
มันก็ไม่แน่หรอกนะยะ!!!
มิวาร์มองคนตัวโตเดินหายเข้าไปหลังประตูบานหนึ่งในจำนวนหกประตูภายในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ ก่อนจะสบถงึมงำถึงการระวังตัวแจของนายธนาคารรูปหล่อจอมเผด็จการ กระนั้น...เธอก็แอบยิ้มในใจพลางชำเลืองมองขวดน้ำตะไคร้ในกระเป๋าสะพายใบย่อมที่ยัดติดตัวมาด้วย
***************
ตลอดเวลาการทำอาหาร มิวาร์ต้องปวดหัวกับเสียงบงการที่ดังออก มาจากลำโพงลับภายในครัวอันกว้างโอ่โถงเต็มไปด้วยเครื่องครัวสารพัดราคาแพงหูฉี่ แม้แต่มีดด้ามเดียวของเขายังมีราคาแพงกว่ารองเท้าหุ้มส้นที่เธอซื้อจากวอลมาร์ทเสียอีก
อาหารเย็นมื้อนี้...เธอตั้งใจทำแกงเขียวหวานไก่กับต้มยำกุ้งน้ำข้น แต่พ่อเจ้าประคุณที่อาบน้ำไปดูเธอผ่านกล้องวงจรปิดไปบ่นกระปอดกระ แปดเกี่ยวกับเครื่องพริกแกงและน้ำพริกเผาที่เธอใส่ลงไปในอาหารทั้งสองอย่าง เขาบ่นว่าเธอใส่พริกเยอะไปเขากลัวเผ็ด เธอเลยได้ใจบอกกลับไปว่าอาหารไทยต้องรสจัด และประโคมใส่พริกแกงเขียวหวานกับน้ำพริกเผาในต้มยำกุ้งอย่างไม่ครณามือ อีรอสเลยโวยวายว่าแม่ของเขาไม่ทำอาหารไทยรสจัดขนาดนั้นเพราะท่านรู้ว่าลูกๆ ไม่กินเผ็ดมากนัก มิวาร์เลยแสร้งทำเป็นเห็นใจและสำนึกผิดบอกออกไปว่าเผลอใส่เยอะไปแล้ว จะทำหม้อใหม่เธอก็กลัวตัวเองจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน อีรอสจึงเงียบหายไปเลย ทิ้งให้เธอพยายามปั้นหน้าจืดจ๋อยตลอดเวลาทำอาหาร เพราะรู้ดีว่าเขาเฝ้าจับตามองผ่านกล้องอยู่แน่ๆ แต่ในใจของเธอน่ะเหรอ...โห่ร้องเต้นระบำฮูลาฮูล่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อเธอทำอาหารเสร็จและเตรียมรอเสิร์ฟ เสียงบงการก็ดังผ่านลำโพงลับออกมาว่า
“มิวาร์...เข้ามาอาบน้ำกับผม”
“ว่าไงนะ บ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่อาบน้ำกับคุณ!” เธอตวาดแหวขึ้นทันที
“เรามีสัญญาต่อกันนะ ทูนหัว อย่าลืมเสียสิ”
“แต่ฉัน...”
“จะช้าหรือเร็ว คุณก็ต้องเป็นของผมอยู่ดี มิวาร์” เสียงที่ใช้เรียกชื่อของเธอเหมือนมันเลื้อยไล่ลงไปตามกระดูกไขสันหลัง ทำให้เธอสั่นสะท้าน ขนลุกและวาบหวิว มิหนำซ้ำเธอไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำ สุดท้าย...เธอก็ยอมจำนน
“ค่ะ”
“เข้ามาในห้องนอนของเรา ผมเตรียมทุกอย่างให้คุณไว้บนเตียงแล้ว”
มิวาร์ตรงดิ่งไปยังประตูห้องนอนที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า กระนั้น...เท้าทั้งสองก็เหมือนถูกถ่วงด้วยหินยักษ์ เธอแทบจะก้าวขาเดินไม่ออกด้วยความตื่นกลัว แต่สุดท้ายเธอก็เปิดประตูออกกว้าง ยืนตกตะลึงกับการตก แต่งห้องนอนในสไตล์วินเทจอย่างที่เธอชื่นชอบ นึกขอบคุณความเอาใจใส่และช่างสังเกตสังกาของเขาโดยไม่รู้ตัว
เธอมองตรงไปยังเตียงสี่เสากลางห้อง บนนั้นมีชุดนอนผ้าซาตินสีไข่มุกแสนสวยเนื้อละเอียดที่ไม่บางเบาจนเกินไปกับผ้าขนหนูสีกุหลาบที่พับเรียบร้อย แต่เมื่อเธอมองหาห้องน้ำก็ต้องตาค้าง ไม่คิดว่าตัวเองจะมองข้ามไปถนัดใจ
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังที่เธอยืนฝั่งเดียวกับประตูห้อง มันเป็นกล่องกระ จกใสสี่เหลี่ยมกว้างยาวสามคูณสามเมตร มองเห็นอ่างล้างหน้าสองอ่างที่ทำจากหินอ่อนสีชมพู ประดับประดาด้วยก๊อกน้ำหัวสิงห์สองก๊อกที่คงเป็นน้ำร้อนกับน้ำเย็น เหนือขึ้นไปคือกระจกบานยาวรูปทรงสวยงามกับชั้นวางของใช้ภายในห้องน้ำ ถัดไปคือคอกฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์รูปทรงแปลกตา และโถสุขภัณฑ์ซึ่งเป็นรูปทรงสะดวกสบายต่อการนั่งกับโต๊ะหินไว้วางหนังสืออ่านผ่อนคลายอยู่ตรงข้าม แต่สิ่งที่กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของห้องคืออ่างจากุซซี่ขนาดสี่คนนอนซึ่งอีรอสกำลังนั่งแช่ลอยคออยู่ในน้ำที่ฟู่ฟ่องไปด้วยฟองสบู่หอมกรุ่นซึ่งกระเพื่อมไหวไปตามกระแสน้ำวน บนกำแพงฝั่งตรงข้ามอ่างอาบน้ำคือโทรทัศน์จอแบนขนาดเก้าสิบนิ้ว ที่ฝังลึกในผนังกำลังแพร่ภาพมิวสิกเพลงร็อกที่กำลังดังถล่มทลายอยู่ในช่วงนี้
บัดนี้...อีรอสกำลังจับตามองเธออยู่ทุกอิริยาบถด้วยนัยน์ตาหวานเชื่อมเกินกว่าเหตุ มิวาร์รู้ว่าเขากำลังรอให้เธอเปลื้องผ้า แม้จะรู้สึกอับอายที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าเขาในช่วงแรกจึงยืนละล้าละลังมองหาที่ผลัดเปลี่ยนอันรอดพ้นสายตาคมกริบปานเหยี่ยว แต่ก็จนปัญญาในที่สุดเพราะไม่มีที่ลับใดๆ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนอนแห่งนี้เลย ครั้นจะเข้าไปเปลื้องผ้าในตู้เสื้อ ผ้าก็กลัวอีรอสจะหัวเราะเยาะเธอ และเอาเรื่องนี้มาล้อเลียน
ดังนั้น...เธอจึงยืนสูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้งก่อนจะลงมือผลัด เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างฉับไว เธอรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันกายทับชุดชั้นในที่ยังห่อหุ้มตัวอยู่ แม้ขณะยืนหันหลังให้เขาเธอยังรู้สึกถึงกระแสร้อนๆ ที่แผดเผาไปตามนวลเนื้อของเธอราวกับแสงเลเซอร์
อีรอสมองร่างระหงที่อวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวเดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างลังเลด้วยความอดทนปนตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะกระชั้นขณะที่สาวเจ้าในชุดผ้าขนหนูพันกายค่อยๆ เดินตรงมายังอ่างอาบน้ำ พวงแก้มทั้งสองเป็นสีชมพูเรื่อชวนมองเหมือนผิวขาวนวลที่เปิดเปลือยบัดนี้เป็นสีชมพูกุหลาบไปแทบทุกส่วน
เธอกำลังเขิน! มันช่างเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน มิวาร์เป็นผลงานรังสรรค์ของประติมากรเอกโดยแท้
แขนที่เรียวเสลา ช่วงขายาวเพรียว คอที่ระหง และทรวดทรงอะร้า อร่ามไม่ได้ดูบอบบางอ้อนแอ้นเหมือนตอนอยู่ในชุดสูทสีทึมๆ ราคาถูก เธอเป็นอิสตรีที่มีสัดส่วนเย้ายวนบุรุษเพศไปทั้งเนื้อทั้งตัว และเขาก็เคยเห็นมา แล้วครั้งหนึ่งในโมเตลแห่งนั้น
แต่แล้วลมหายใจของอีรอสก็สะดุดกึก มิใช่เพราะผ้าขนหนูร่วงพลิ้วออกจากร่างงามสะคราญตา แต่เป็นเพราะแม่เจ้าประคุณก้าวลงในอ่างทั้งผ้า ขนหนูพันกายต่างหากเล่า!
“หวังว่าคุณคงไม่ว่านะคะถ้าฉันจะอาบน้ำทั้งชุดนี้”
เจ้าหล่อนพูดดักคอและยิ้มหวานเจี๊ยบ แต่เขามองเห็นความตื่นกลัวระริกไหวในดวงตาสีค่ำคืนของเธอได้อย่างชัดเจน จึงลอบยิ้มในใจ
“ถ้าผมต้องการให้คุณเปลือยเปล่า คุณก็ห้ามผมไม่ได้หรอก สุดสวย” เขายิ้มเหมือนหมาป่ายิ้มให้เหยื่อ
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ คุณไม่มีทางบังคับขืนใจฉันหรอก” มิวาร์เชิดคางขึ้นต่อปากต่อคำ เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่ายๆ ถึงเธอจะกลัวเขาแค่ไหน แต่เธอก็จะต่อสู้เพื่อเสรีภาพของตนเองให้ถึงที่สุด
“คุณนี่เข้าใจใช้คำพูดต้อนผมให้จนมุมเสมอเลยนะ ใช่...ผมจะเป็นสุภาพบุรุษกับคุณ แต่อย่าทำให้ผมโกรธจัดจนหน้ามืดก็แล้วกัน”
“ถึงคุณโกรธจัดจนหน้ามืดยังไงฉันก็จะไม่ยอมคุณง่ายๆ แน่” เธอยิ้มตาใส
“จะสู้จนถึงที่สุดว่างั้น”
“แน่นอน” หญิงสาวยิ้มจนตาหยี
สายน้ำอุ่นจนเกือบร้อนไหลวนรอบร่างของมิวาร์ นำพาความผ่อนคลายมาให้เธออย่างมาก ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันรวมถึงการทำอาหารอีกราวๆ หนึ่งชั่วโมงหายไปจนหมดสิ้น เธอนึกอยากจะเอนศีรษะลงบนฟองน้ำหนุนคอและหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับสัมผัสอ่อนโยนของสายน้ำมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่เธอจำต้องนั่งประสานสายตาคมกริบปนเจ้าชู้ของอีรอสอย่างระแวดระวัง ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวเป็นต้นว่าลูบแขนหรือนวดช่วงลำคอ ลมหายใจของเธอจะสะดุดด้วยอารามตกตื่น หัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนจังหวะกลองรัวของบทเพลงร็อกที่ดังสนั่น
จังหวะหนึ่ง...ท่อนขาเหยียดยาวใต้ฟองสบู่อ่อนนุ่มเคลื่อนมาลูบไล้ต้นขาข้างหนึ่งของเธอด้วยลีลาที่ชวนใจสั่น มิวาร์กระแอมเบาๆ แล้วขยับตัวไปอยู่อีกด้าน และถลึงตาใส่ดวงตาพราวระยับสีน้ำเงินเข้มที่พลิ้วไหวเหมือนระลอกคลื่นกับเสียงหัวเราะทุ้มลึก
“ห้องนอนของคุณตกแต่งได้สวยมากค่ะ”
เธอชวนคุยเบี่ยงเบนปัญหาวาบหวิว แม้จะเริ่มรู้สึกว่าผ้าขนหนูที่เปียกน้ำจนชุ่มโชกนั้นกักเก็บน้ำจนมันหนัก และเริ่มถ่วงหน้าอกของเธอ นี่ถ้าตาบ้ากระโจนเข้ามาปลุกปล้ำเธอละก็ รับรองว่าผ้าขนหนูหลุดจากตัวตอนเธอตะเกียกตะกายหนีเขาแน่
“คุณชอบหรือเปล่า”
บ้าจริง...ทำไมต้องใช้น้ำเสียงบาริโทนทรงเสน่ห์แบบนี้ด้วยนะ
“เป็นสไตล์ที่ฉันชอบค่ะ”
“ผมเปลี่ยนใหม่เพื่อคุณโดยเฉพาะ”
“คุณใจดีจัง” เธอยิ้ม
“ผมก็ต้องใจดีกับผู้หญิงของผมอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
******************
มาต่อให้แล้วน้าาาา ขออภัยที่หายไปนานนะคะ พอดีช่วงนี้ปลายปากกาสนพ.กำลังมีเรื่องใหม่ๆ จ่อเต็มเลย เร่งงานกันกลัวไม่ทัน >< ถ้าใครติดใจ ‘เล่ห์อำพรางใจ’ ตามต่อในเล่มได้ทุกช่องทางนะคะ
รูปแบบ eBook โหลดอ่านจนจบได้ที่เว็บไซต์ mebmarket หรือ App Meb
ถ้าชอบแบบเล่มหนังสือ สั่งซื้อออนไลน์ได้เลยนะคะ ทั้งร้าน booksforfun ร้านนิยายรัก ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ก หรือสั่งกับสนพ.โดยตรงได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
1.line: plaipakkabooks (กดแอดเฟรนด์ และแชตมาสั่งซื้อได้เลย)
2.inbox เข้ามาสั่งซื้อทางเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’
3.shopee ชื่อร้าน plaipakkabooks_officialshop (สั่งทางนี้ส่งฟรีทุกเรื่อง)
**สั่งออนไลน์หนังสือราคา 349฿ (จากปก 389฿) และมีค่าส่งลงทะเบียนอีก 45฿ ยกเว้นสั่งทาง shopee ส่งฟรี
ขอบคุณค่ะ^^ ส่วนใครยังรอตามต่อในนี้ อย่าเพิ่งนอยด์นะ แหะๆ ช้านิดนึง แต่จะพยายามมาให้บ่อยที่สุดเหมือนเดิมจ้า ฝากอุดหนุนนิยายปลายปากกาด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยค่ะ จุ๊บๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ส.ค. 2563, 09:26:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2563, 09:32:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 451
<< บทที่ 7 -100% | บทที่ 8 -65% >> |