Cause of Love...เล่ห์อำพรางใจ: เอบิช (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะความจำเป็นในชีวิต บีบบังคับให้ ‘มิวาร์’
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 8 -65%
คิ้วเฉียงดกดำเลิกขึ้นน้อยๆ ขณะตาคู่คมมองเธอไม่กะพริบ “ถ้าขอ ให้ผมไม่เมคเลิฟกับคุณละก็...อย่าหวัง” รอยยิ้มยั่วผุดตรงมุมปากอย่างถืออำนาจ
“เอ่อ มันก็มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ” มิวาร์บอกออกไปอย่างใจกล้า แต่ใจของเธอต้องหล่นวูบเมื่อดวงตาคู่คมปลาบนั้นลุกวาวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกับสีหน้า
“ถ้าพูดออกมา...ผมจะโกรธ และอย่ามาขอร้องให้ผมเป็นสุภาพบุรุษกับคุณเสียให้ยาก”
“โธ่...ฟังฉันพูดก่อนสิคะ” มิวาร์พยายามใช้ลูกอ้อน เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอจะพูดกับเขานั้นจะพูดด้วยแรงอารมณ์ไม่ได้ เธอหวังว่าเขาจะใจดีกับเธอต่อไป
“ลองว่ามาซิ” อีรอสขยับนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย สองแขนที่เคยอยู่ ใต้น้ำเพื่อบีบนวดกล้ามเนื้อถูกยกขึ้นพาดบนขอบอ่าง ดูเหมือนท่าที่พร้อมจะคุกคามคนตัวเล็กกว่าได้ตลอดเวลา
“คุณบอกว่าจะไม่ขืนใจฉัน...”
“ยกเว้นคุณทำให้ผมโกรธสุดขีด” เขาต่อคำพูดของเธอ
“ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณโกรธ แต่คุณก็รู้ว่าฉันไม่อยากนอนกับคุณตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าฉันมีวิธีทำให้ตัวเองไม่ต้องนอนกับคุณในแต่ละวัน คุณจะปล่อยฉันไปและไม่ถือโทษโกรธฉันจะได้ไหม”
“หมายความว่าไง” อีรอสนิ่วหน้า
“คือ...” มิวาร์เผลอแลบลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากขณะคิดหาคำพูดดีๆ และมันทำให้คนที่เห็นต้องกำหมัดแน่นและหายใจแรง ร่างทั้งร่างเกร็งเขม็ง
“ถ้าฉันมีวิธีการทำให้ไม่ต้องนอนกับคุณในแต่ละวันน่ะค่ะ คุณจะไม่เอาเรื่องฉันได้ไหม คุณจะไม่ทำให้ครอบครัวของฉันต้องลำบากจะได้ไหม”
“สรุปว่า...คุณจะหาวิธีที่จะทำให้ผมไม่ต้องเมคเลิฟกับคุณในแต่ละวันสินะ”
“ค่ะ”
อีรอสเดาะลิ้น ทำท่าครุ่นคิดไตร่ตรอง ก่อนจะยิ้มแบบนักล่า
“เอาสิ...ผมตกลง แต่ถ้าคุณทำพลาด คุณต้องยอมขึ้นเตียงกับผมโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น โอเคไหม”
“ตกลงค่ะ” มิวาร์ตอบรับเสียงหนักแน่น
อีรอสนึกเอ็นดูคนเจ้าแผนการในใจ เธอจะหาวิธีอะไรมาใช้กับเขาได้ตลอดทั้งปีกันนะ นั่นหมายถึงสารพัดวิธีสามร้อยหกสิบห้าวิธีเชียวนะ!
“ผมคิดไม่ออกเลยนะมิวาร์ ว่าคุณจะหาเล่ห์กลอะไรมาใช้กับผมเพื่อหลีกพ้นเรื่องนั้นในแต่ละคืน”
“อย่าลืมสิคะว่าฉันจะอยู่กับคุณเฉพาะวันที่เป็นเลขคู่เท่านั้น” เธอยิ้ม
อ้อ สารพัดสามร้อยหกสิบห้าวิธี ลดเหลือครึ่งหนึ่งเสียแล้ว
“นั่นแหละ คุณจะหาเล่ห์กลมากมายได้แค่ไหนกันเชียว แค่คืนนี้...คุณก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว” อีรอสทำท่าจะแหวกสายน้ำเข้ามาหา มิวาร์รีบร้องห้ามดังลั่น
“บนเตียงค่ะ...ไม่ใช่ในอ่างอาบน้ำ ครั้งแรกของฉันจะต้องเกิดขึ้นบนเตียงหอมๆ เท่านั้น”
อีรอสหัวเราะดังลั่น แล้วจึงส่ายหน้าไม่ยอมง่ายๆ
“จะที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละทูนหัว” สิ้นคำ...เขาก็มุดตัวลงไปอยู่ใต้สายน้ำที่มีแต่ฟอง
มิวาร์ตกตะลึง หัวใจเต้นถี่กระชั้น สายตากวาดหาร่างที่ดำดิ่งอยู่ในสายน้ำชนิดไม่คลาดไปไหนพร้อมกับที่กระถดถอยร่างไปทางนั้นทีทางนี้ทีเพื่อที่คนใต้น้ำจะเข้าหาร่างของเธอได้ยากขึ้น แต่เพราะน้ำเต็มไปด้วยฟองหนาจึงมองร่างใต้น้ำไม่เห็น มิวาร์จึงพยายามสังเกตการกระเพื่อมไหวของน้ำ แต่น้ำก็ดูนิ่งสงบยกเว้นยามเธอเคลื่อนกายไปมา น้ำจะกระเพื่อมไหวเป็นระลอก
“อีรอส...คุณขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่เล่นด้วย บอกแล้วว่าฉันจะนอนกับคุณบน...ว้าย!” มิวาร์หวีดร้องดังลั่นเมื่อคนตัวโตโผขึ้นเหนือน้ำมาอยู่ตรง หน้าเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สองแขนกำยำยันขอบอ่างกักกันร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา สายน้ำพร่างพรูลงไปตามร่างที่หนาล่ำสันสีทอง ผมสีเข้มเปียกลู่แนบไปกับรูปศีรษะขับความคมเข้มแบบเร้าใจขึ้นอีกเท่าตัว เซ็กซี่ขึ้นไปอีกด้วยกลุ่มขนตรงแผงอกเรียวลู่เป็นเส้นยาวหายลงไปใต้ชั้นฟองสบู่
คุณพระคุณเจ้า คุณพระคุณเจ้า อีรอสเปลือยทั้งร่างใช่ไหม!!!???
ความตื่นกลัวทำให้มิวาร์เบียดลำตัวเข้าหาขอบอ่าง พยายามทำตัวลีบเล็กที่สุด ใบหน้าสะสวยแหงนขึ้นมองเขาจนคอตั้งบ่าด้วยสีหน้าหวาด หวั่นชนิดปิดไม่มิด
อีรอสอยากจะยิ้มหัว ยั่วเย้าเธออีกสักรอบสองรอบ ทว่า...เขากลับทำสิ่งตรงกันข้าม ใบหน้าของเขานิ่งเรียบ มีเพียงดวงตาสีน้ำเงินที่เข้มจัดฉายชัดถึงความต้องการอันสุกงอม กำลังแผดเผากลีบปากสีกุหลาบที่เขาจ้องมองอยู่
“คุณยังจำวันที่ผมช่วยชีวิตคุณได้ใช่ไหม วันนั้น สิ่งแรกที่ผมอยากทำหลังจากที่ได้ถอดหมวกกันน็อกของคุณออก...คืออะไรรู้ไหม มิวาร์” เขากระซิบเสียงพร่าลึก
มิวาร์ตื่นกลัวเกินกว่าจะหลุดเสียงใดๆ ออกไป เธอได้แต่จ้องมองเขาเขม็งพร้อมหัวใจที่เต้นถี่กระชั้นแทบจะหลุดออกมานอกอก
“ผมอยากลิ้มรสริมฝีปากของคุณ”
แล้วเขาก็กดประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มหยุ่นของเธอทันที จงใจจูบด้วยความอ่อนโยนปนสิเน่หา ก่อนจะค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นตามอุณหภูมิของอารมณ์ กระนั้น...มิวาร์ก็ขัดขืนด้วยการยกสองมือระดมทุบลงไปบนหัวไหล่กำยำไม่ยั้ง พร้อมกับกรีดร้องอื้ออึงในลำคอ
“ให้ตาย...ผมจูบคุณ ไม่ได้จะฆ่าคุณนะ”
อีรอสถอนริมฝีปากออกพลางกล่าวประชดเสียงหงุดหงิด เขากำลังมึนเมากับรสชาติของมิวาร์ถ้ากำปั้นเล็กๆ นั่นไม่ปั่นป่วนอารมณ์เขาเสียก่อน
มิวาร์ใช้หลังมือปราศจากฟองเช็ดเรียวปากแรงๆ น้ำตาเอ่อร้อนอยู่ที่หางตา ใช่...เธอกลัวเขา กลัวอีรอส กลัวจริงๆ
“ฉะ...ฉันเสียใจ ฉันยังไม่พร้อม”
“คุณไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลยหรือ” อีรอสถามออกไปด้วยความฉงน หากมิวาร์หลบตาลงมองสายน้ำ
“จริงหรือเนี่ย...คุณไม่เคยจูบมาก่อน ว้าว!”
“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะภูมิใจนะ ในเมื่อคุณปล้นจูบฉันไป ฉันไม่ ได้เต็มใจเลยสักนิด” เธอเงยหน้าบอกเคืองๆ กระนั้น...ก็ไม่กล้าสู้สายตากรุ้มกริ่มตรงๆ
“โธ่ ทูนหัว มันก็แค่จูบนะ ไม่ใช่เมคเลิฟสักหน่อย สงสัยครั้งแรกกับคุณผมคงต้องอ่อนโยนสุดๆ”
“ฉันไม่บุบสลายได้ขนาดนั้นหรอก” เธอแหวเล็กๆ ทว่า...คำพูดต่อ มาของเขาทำเอาเธอทั้งตกใจและงงงัน
“แต่ตอนนี้คุณดูเหมือนบุบสลายไปแล้ว” น้ำเสียงที่เคยยั่วเย้ากลับเปลี่ยนเป็นเอื้ออาทรจนน่าฉงนเช่นเดียวกับใบหน้าคมคาย
“น้ำตาของคุณมันบอก” อีรอสเชยคางเธอขึ้น และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทด้วยแววตาอ่อนโยนของตนเอง
“ลองให้ผมจูบคุณอีกสักครั้งสิ คุณจะพบว่า ‘จูบ’ ไม่ใช่สิ่งที่น่ารัง เกียจเลย”
“ฉัน...ฉัน...” มิวาร์กำลังสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของชายใกล้ตัว อีรอสมีหลายบุคลิกในคราวเดียวกันซึ่งทำให้เธอนึกทึ่ง เพราะมันหมายความว่าเธอจะรับมือเขาได้ยากขึ้น
“มองเข้ามาในตาผม มิวาร์” เขากระซิบเสียงนุ่ม
เธอทำตามโดยไม่รู้ตัว จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินสุกใสเหมือนอัญมณีน้ำงามหวังจะค้นหาความรู้สึกที่เขาซ่อนเร้นเอาไว้ แต่สิ่งที่เธอค้นพบกลับเป็น...
จูบละเมียดละไมที่คลอเคล้าริมฝีปากของเธออีกครั้ง และครั้งนี้...เธอยอมโอนอ่อนตามด้วยการเปิดรับลิ้นอุ่นจัดที่ควานเข้ามาหาน้ำหวานในปากของเธอ เสียงครางลึกล้ำในลำคออีรอสทำให้มิวาร์รู้สึกตื่นเต้นและยินดีแปลกๆ จนเผลอตอบสนองเขามากขึ้นเรื่อยๆ ตามชั้นเชิงที่เขาสอนผ่านเรียวปาก จนกระทั่ง...มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างบางอรชรเกือบจะทุกซอกมุม เธอก็อุทานแล้วรีบถอนริมฝีปากออกทันที
“อย่าค่ะ”
อีรอสถอนหายใจยาว “คุณต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันนะ ที่รัก” เขาโน้มศีรษะลงแนบศีรษะของเธอ กระซิบพร่าลึก ดวงตาของเขามีแววเจ็บปวดด้วยอารมณ์บางอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายใน
“ฉะ ฉันว่าเราล้างเนื้อล้างตัวแล้วออกไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ อาหารเย็นน่าจะเย็นชืดหมดแล้ว มันจะไม่อร่อยเอานะคะ ฉันเองก็หิวจัดจนแทบจะงับหัวคุณได้เลย” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องด้วยคำพูดติดตลกในตอนท้าย อีรอสอมยิ้ม ปล่อยให้เธอรอดตัวไปก่อน ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงที่เขาจะได้สุขสมกับเธอ ยังมีเวลา...เขาเตือนตัวเอง
“ผมเต็มใจให้เลยล่ะ” เขากระเซ้าหน้าเป็น ก่อนจะจุมพิตหน้าผากนูนเนียนเบาๆ และผละออก ก่อนลุกขึ้นยืนเหนืออ่าง สายน้ำและฟองสบู่ไหลลงมาเป็นสายดุจดั่งสายน้ำตก สะโพกของเขาอยู่ในระดับสายตาของมิวาร์พอดี เธอเกือบกรีดร้องออกมาแล้วถ้าไม่พบว่าเขานุ่งกางเกงชั้นในอีกชั้น
“คุณจะล้างตัวพร้อมกับผมไหม” เขาแสร้งทำเป็นถามเอื้อเฟื้อ
“คุณล้างตัวก่อนเลยค่ะ ฉันยังไม่ได้ฟอกสบู่บนตัวสักเท่าไร มัวแต่คุยกับคุณนั่นแหละ”
“จริงสินะ เราคุยกันเยอะเกินไป เห็นทีหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมควรจะ...‘ทำ’ มากกว่า” เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอปิดท้าย มองเห็นสาวเจ้าค้อนขวับแล้วจึงก้าวออกจากอ่าง ตรงไปทำความสะอาดที่คอกฝักบัวอยู่ไม่กี่นาทีก็ผลัดผ้าขนหนูออกจากห้องน้ำไปโดยในระหว่างที่เขาปลดกางเกงชั้นในออกจากตัวนั้น เธอนั่งหันหลังให้ตลอด
มิวาร์ใช้เวลาอ้อยอิ่งกับกระแสน้ำราวๆ ห้านาทีก็ล้างตัวแล้วออกมาใส่เสื้อผ้าที่ค้นหาใหม่ในตู้เสื้อผ้าของอีรอสอย่างถือวิสาสะ จนได้เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มออกกำลังกายตัวหลวมโคร่งมาใส่ แน่ละ...เรื่องอะไรที่เธอจะยอมสวมชุดนอนกึ่งโป๊ไปนั่งกินข้าวร่วมกับเขา!
อีรอสเพียงเลิกคิ้วมองการแต่งตัวตอนที่เธอเดินออกมาจากห้อง เธอทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วเดินไปอุ่นอาหารให้ร้อนน่ากินในครัวอีกครั้ง จากนั้นจึงถือขวดน้ำตะไคร้ขนาดเท่าขวดน้ำอัดลมไปวางตรงหน้าเขาและยังส่วนของเธอ
“ฉันชอบดื่มน้ำตะไคร้ที่สุดค่ะ หอม ชื่นใจดี” เธอกล่าวแล้วเดินกลับไปปิดเตาเมื่อกลิ่นอาหารเดือดลอยตลบอบอวลไปทั้งครัว จากนั้นจึงจัดแจงเสิร์ฟทุกอย่างลงจานชามและเดินถือมาวางลงบนโต๊ะอาหารโดยที่อีรอสนั่งประสานมือวางใต้คางจับจ้องเธอทุกอิริยาบถด้วยแววตาที่อ่านได้ยาก
“คุณน่าจะช่วยฉันยกชามแกงพวกนี้หน่อยนะคะ” เธอแกล้งตัดพ้อกลายๆ
“ผมไม่อยากเสี่ยงเปิดโอกาสให้คุณวางยาในอาหารของผม ตอนที่ผมเผลอหันหลังให้คุณ”
“คิดมากไปได้” เธอแสร้งว่า แต่ในใจกลับคิดว่า ‘หมอนี่...ฉลาดเป็นกรด’
“คิดมากยังดีกว่าไม่คิดเลย นักธุรกิจอย่างผมคิดทุกอย่างต้องงอกเงยเป็นผลกำไร”
“เหมือนกับกำไรที่คุณได้จากการกู้เงินของฉันคือตัวฉันสินะ” มิวาร์ทำหน้าตูม
“คุณคิดว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะสำนึกผิดหรือไง ไม่เกิดประโยชน์หรอก มิวาร์ การได้ตัวคุณมาถือว่าเป็นกำไรสิบเท่าเท่าที่ผมเคยได้รับ คุณมีค่าต่อผม จำไว้ แต่ถ้าคุณจะคิดเป็นอื่น นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
“กินข้าวดีกว่าค่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าคุณจะกินเผ็ดไหวไหม มันอาจจะเผ็ดเกินไปสำหรับคุณ” เธอจงใจตัดบทและพยายามพูดดีกับเขา
อีรอสใช้ช้อนตักน้ำต้มยำกุ้งขึ้นซดเป็นชามแรก หน้าขาวๆ ของเขาเหยเกและเห่อแดงขึ้นทันตาเห็น กระนั้น...เขายังยอมตักน้ำต้มยำขึ้นซดอีกช้อน ก่อนจะวางช้อนลงบนจานชามและบอกเธอว่า
“แม่ต้องอยากได้คุณเป็นลูกมือใหม่ในครัวอีกคนแน่ๆ”
“คุณไม่เผ็ดหรือคะ”
“ก็เผ็ด แต่ผมกินได้ อาหารไทยอร่อยๆ แบบนี้ไม่ได้หากินกันง่ายๆ นี่นา” เขาว่าพลางหยิบกระดาษทิชชูในกล่องบนโต๊ะขึ้นซับเหงื่อที่ผุดพราวเต็มหน้าผาก ตามด้วยดื่มน้ำตะไคร้จนหมดแก้ว แล้วเริ่มต้นชิมแกงเขียว หวานเป็นลำดับถัดไป
การกระทำของอีรอสทำให้มิวาร์ประหลาดใจและรู้สึกผิด ความเอาใจใส่กับความไม่ถือสาของเขาถือเป็นความดีที่เธอเพิ่งค้นพบในตัวเขา และนั่นทำให้เธอรู้สึกแย่เมื่อเขาเทน้ำตะไคร้ใส่แก้วแล้วยกดื่มจนหมดเกลี้ยงในรวดเดียว
“พอเถอะค่ะ คุณอย่ากินอีกเลย ฉันจะไปทำผัดผักสักจานมาให้กินดีกว่านะคะ”
“อย่าเลย หวานใจ คุณหิวมากผมรู้ เผ็ดแค่นี้ผมกินได้ คุณอุตส่าห์ตั้งใจทำจนมันอร่อยเสียขนาดนี้”
ไม่ใช่สักหน่อย...ฉันจงใจแกล้งคุณต่างหาก มิวาร์ค้านเสียงอ่อยในใจ
อีรอสลงมือกินข้าวด้วยใบหน้าแดงเถือก เหงื่อชุ่มพราวเต็มดวงหน้า กระนั้น...เขาดูมีความสุขและไม่เคยเงยหน้าขึ้นบ่นสักคำ
“วันนี้คุณได้ชันสูตรศพหรือเปล่า” อีรอสชวนคุยด้วยเรื่องที่ไม่น่าพูดบนโต๊ะอาหาร แต่เขาคิดว่ามันเป็นงานของผู้หญิงตรงหน้า เธออาจอยากเล่าให้ฟัง
“ค่ะ วันนี้ฉันได้ชันสูตรศพศพหนึ่ง เป็นศพที่ถูกไฟไหม้ แม้ว่าเจ้า หน้าที่ดับเพลิงจะไม่พบหลักฐานการวางเพลิงหรือต้นเพลิง แต่ผลชันสูตรศพออกมาว่าเขาถูกฆาตกรรมค่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ในปากของผู้ตายไม่มีเศษขี้เถ้าค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ แค่ไม่มีเศษขี้เถ้าในปากเนี่ยนะ บ่งบอกว่าเขาถูกฆาต กรรม มันฟังดูไม่ซับซ้อนอะไรเลย”
“หลักการง่ายๆ ค่ะอีรอส คนที่ถูกเผาทั้งเป็นขณะเพลิงไหม้ เขาจะต้องเปิดปากเพื่อหายใจหรือร้องของความช่วยเหลือ แต่ผู้ตายคนนี้ถูกเผาหลังจากเสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีเศษขี้เถ้าในปากเขา นี่เป็นหลักการชันสูตรพื้นๆ มากเลยค่ะ ฆาตกรรายนี้ดูเหมือนจะชะล่าใจเกินไปสักหน่อย ส่วนสา เหตุของไฟไหม้ขึ้นอยู่กับความสามารถของตำรวจค่ะ ไม่ใช่ฉัน”
“น่าทึ่งจริงๆ”
อีรอสใช้สายตามองหน้านิติพยาธิแพทย์สาวด้วยความหมายเดียว กับคำพูด
“โลกนี้ไม่มีความลับหรอกค่ะ ทุกปริศนาฆาตกรรมจะมีคำตอบของมันเสมอ”
“เหมือนกับดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจใช่ไหม” อีรอสยิ้ม
มิวาร์ไม่ตอบ...เธอไม่รู้ว่าเขาจงใจสื่ออะไรกันแน่ ถึงแม้คำคมนี้คนทั้งโลกจะเข้าใจความหมายของมันดีก็ตาม
“อาทิตย์หน้าผมมีเวลาว่าง เราไปขี่รถซิ่งกันไหม” อีรอสชวนคุยต่อหลังจากความเงียบแผ่เข้ามา
“คุณยังไม่คืนรถให้ฉันเลยค่ะ” พูดแล้วมิวาร์ก็ตักข้าวคลุกแกงเขียว หวานเข้าปากเคี้ยวอย่างสุภาพ พลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นระยะๆ
“ซ้อนท้ายรถผมก่อนจะเป็นไรไปล่ะ ยาหยี”
“เราจะไปไหนกันคะ”
“คุณอยากไปไหนล่ะ”
“เอาไว้ถึงตอนนั้นก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าวันนี้ฉัน เอ่อ ไม่ทำให้คุณโกรธจริงๆ” เธอก้มลงมองนาฬิกาเป็นการจบคำพูด แล้วค่อยๆ เงยหน้าส่งยิ้มแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
อีรอสมองรอยยิ้มนั้นด้วยความไม่ไว้วางใจปนฉงนสนเท่ห์ มันเป็นรอยยิ้มคละเคล้าระหว่างความถือดีกับขบขันที่ชวนปั่นประสาท จนกระทั่ง...บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเขานั่นแหละ อีรอสถึงรู้ที่มาของรอยยิ้มนั้น!
จู่ๆ ท้องไส้ของเขาก็ปั่นป่วนเหมือนลำไส้บิดม้วนพันกัน วินาทีต่อ มา...เขาก็ผายลมอย่างกลั้นไม่อยู่ และบางสิ่งบางอย่างกำลังจะหลั่งไหลออกจากตัวจนขนทุกเส้นในกายลุกซู่
อีรอสลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ กัดฟันกรอดแล้วคำรามเสียงเขียวใส่สาวหน้าตาน่ารักที่กำลังส่งยิ้มซุกซนเป็นว่าเล่น
“ยายตัวแสบ!!!” สิ้นคำ เขาก็วิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้มิวาร์นั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอย่างสะใจ
หลังจากนั้นไม่นาน มิวาร์ก็ลุกจากโต๊ะ เดินไปคว้ากระเป๋าสะพายที่วางบนโต๊ะตัวหนึ่งในโซนรับแขก ตั้งใจจะกลับที่พักทั้งชุดที่สวมอยู่นี้ ส่วนชุดสูทที่ถอดทิ้งไว้ในตระกร้าเธอจะมาเอาคืนทีหลังพร้อมกับแผนการเจ้าเล่ห์แผนใหม่เพื่อใช้รับมือคนหื่น เธอเดินตรงไปยังประตูห้อง หันมาส่งจุ๊บและโบกมือบ๊ายบายคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำ แล้วก็เดินออกไป ลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง สุดก็ตรงไปยังล็อบบี้เพื่อขอใช้บริการรถขนส่งของโครงการ ก่อนจะไปต่อแท็กซี่ที่หน้าโครงการนี้
ครั้นมาถึงยังอพาร์ตเมนต์ มิวาร์ก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่มทันทีที่เข้ามาในห้อง รู้สึกสบายอกสบายใจเป็นอันมาก เพราะอีรอสรับปากแล้วว่าจะไม่โกรธเธอตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ดังนั้น..เธอเชื่อว่าเขาจะทำตามสัญญา ไม่กลั่นแกล้งเธอกับครอบครัวอย่างแน่นอน เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ
กระนั้น...เธอก็มองเห็นมุมดีๆ ของเขาเพิ่มขึ้นอีกมุมหนึ่ง จนเผลอคิดไปว่าการกระทำของเธอในคืนนี้ร้ายกาจต่อเขามากไปเสียหน่อย
เฮ้อ อีรอสน่าจะเฉลียวใจสักนิดว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมแตะน้ำตะไคร้สักอึก!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“เอ่อ มันก็มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ” มิวาร์บอกออกไปอย่างใจกล้า แต่ใจของเธอต้องหล่นวูบเมื่อดวงตาคู่คมปลาบนั้นลุกวาวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกับสีหน้า
“ถ้าพูดออกมา...ผมจะโกรธ และอย่ามาขอร้องให้ผมเป็นสุภาพบุรุษกับคุณเสียให้ยาก”
“โธ่...ฟังฉันพูดก่อนสิคะ” มิวาร์พยายามใช้ลูกอ้อน เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอจะพูดกับเขานั้นจะพูดด้วยแรงอารมณ์ไม่ได้ เธอหวังว่าเขาจะใจดีกับเธอต่อไป
“ลองว่ามาซิ” อีรอสขยับนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย สองแขนที่เคยอยู่ ใต้น้ำเพื่อบีบนวดกล้ามเนื้อถูกยกขึ้นพาดบนขอบอ่าง ดูเหมือนท่าที่พร้อมจะคุกคามคนตัวเล็กกว่าได้ตลอดเวลา
“คุณบอกว่าจะไม่ขืนใจฉัน...”
“ยกเว้นคุณทำให้ผมโกรธสุดขีด” เขาต่อคำพูดของเธอ
“ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณโกรธ แต่คุณก็รู้ว่าฉันไม่อยากนอนกับคุณตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าฉันมีวิธีทำให้ตัวเองไม่ต้องนอนกับคุณในแต่ละวัน คุณจะปล่อยฉันไปและไม่ถือโทษโกรธฉันจะได้ไหม”
“หมายความว่าไง” อีรอสนิ่วหน้า
“คือ...” มิวาร์เผลอแลบลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากขณะคิดหาคำพูดดีๆ และมันทำให้คนที่เห็นต้องกำหมัดแน่นและหายใจแรง ร่างทั้งร่างเกร็งเขม็ง
“ถ้าฉันมีวิธีการทำให้ไม่ต้องนอนกับคุณในแต่ละวันน่ะค่ะ คุณจะไม่เอาเรื่องฉันได้ไหม คุณจะไม่ทำให้ครอบครัวของฉันต้องลำบากจะได้ไหม”
“สรุปว่า...คุณจะหาวิธีที่จะทำให้ผมไม่ต้องเมคเลิฟกับคุณในแต่ละวันสินะ”
“ค่ะ”
อีรอสเดาะลิ้น ทำท่าครุ่นคิดไตร่ตรอง ก่อนจะยิ้มแบบนักล่า
“เอาสิ...ผมตกลง แต่ถ้าคุณทำพลาด คุณต้องยอมขึ้นเตียงกับผมโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น โอเคไหม”
“ตกลงค่ะ” มิวาร์ตอบรับเสียงหนักแน่น
อีรอสนึกเอ็นดูคนเจ้าแผนการในใจ เธอจะหาวิธีอะไรมาใช้กับเขาได้ตลอดทั้งปีกันนะ นั่นหมายถึงสารพัดวิธีสามร้อยหกสิบห้าวิธีเชียวนะ!
“ผมคิดไม่ออกเลยนะมิวาร์ ว่าคุณจะหาเล่ห์กลอะไรมาใช้กับผมเพื่อหลีกพ้นเรื่องนั้นในแต่ละคืน”
“อย่าลืมสิคะว่าฉันจะอยู่กับคุณเฉพาะวันที่เป็นเลขคู่เท่านั้น” เธอยิ้ม
อ้อ สารพัดสามร้อยหกสิบห้าวิธี ลดเหลือครึ่งหนึ่งเสียแล้ว
“นั่นแหละ คุณจะหาเล่ห์กลมากมายได้แค่ไหนกันเชียว แค่คืนนี้...คุณก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว” อีรอสทำท่าจะแหวกสายน้ำเข้ามาหา มิวาร์รีบร้องห้ามดังลั่น
“บนเตียงค่ะ...ไม่ใช่ในอ่างอาบน้ำ ครั้งแรกของฉันจะต้องเกิดขึ้นบนเตียงหอมๆ เท่านั้น”
อีรอสหัวเราะดังลั่น แล้วจึงส่ายหน้าไม่ยอมง่ายๆ
“จะที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละทูนหัว” สิ้นคำ...เขาก็มุดตัวลงไปอยู่ใต้สายน้ำที่มีแต่ฟอง
มิวาร์ตกตะลึง หัวใจเต้นถี่กระชั้น สายตากวาดหาร่างที่ดำดิ่งอยู่ในสายน้ำชนิดไม่คลาดไปไหนพร้อมกับที่กระถดถอยร่างไปทางนั้นทีทางนี้ทีเพื่อที่คนใต้น้ำจะเข้าหาร่างของเธอได้ยากขึ้น แต่เพราะน้ำเต็มไปด้วยฟองหนาจึงมองร่างใต้น้ำไม่เห็น มิวาร์จึงพยายามสังเกตการกระเพื่อมไหวของน้ำ แต่น้ำก็ดูนิ่งสงบยกเว้นยามเธอเคลื่อนกายไปมา น้ำจะกระเพื่อมไหวเป็นระลอก
“อีรอส...คุณขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่เล่นด้วย บอกแล้วว่าฉันจะนอนกับคุณบน...ว้าย!” มิวาร์หวีดร้องดังลั่นเมื่อคนตัวโตโผขึ้นเหนือน้ำมาอยู่ตรง หน้าเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สองแขนกำยำยันขอบอ่างกักกันร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา สายน้ำพร่างพรูลงไปตามร่างที่หนาล่ำสันสีทอง ผมสีเข้มเปียกลู่แนบไปกับรูปศีรษะขับความคมเข้มแบบเร้าใจขึ้นอีกเท่าตัว เซ็กซี่ขึ้นไปอีกด้วยกลุ่มขนตรงแผงอกเรียวลู่เป็นเส้นยาวหายลงไปใต้ชั้นฟองสบู่
คุณพระคุณเจ้า คุณพระคุณเจ้า อีรอสเปลือยทั้งร่างใช่ไหม!!!???
ความตื่นกลัวทำให้มิวาร์เบียดลำตัวเข้าหาขอบอ่าง พยายามทำตัวลีบเล็กที่สุด ใบหน้าสะสวยแหงนขึ้นมองเขาจนคอตั้งบ่าด้วยสีหน้าหวาด หวั่นชนิดปิดไม่มิด
อีรอสอยากจะยิ้มหัว ยั่วเย้าเธออีกสักรอบสองรอบ ทว่า...เขากลับทำสิ่งตรงกันข้าม ใบหน้าของเขานิ่งเรียบ มีเพียงดวงตาสีน้ำเงินที่เข้มจัดฉายชัดถึงความต้องการอันสุกงอม กำลังแผดเผากลีบปากสีกุหลาบที่เขาจ้องมองอยู่
“คุณยังจำวันที่ผมช่วยชีวิตคุณได้ใช่ไหม วันนั้น สิ่งแรกที่ผมอยากทำหลังจากที่ได้ถอดหมวกกันน็อกของคุณออก...คืออะไรรู้ไหม มิวาร์” เขากระซิบเสียงพร่าลึก
มิวาร์ตื่นกลัวเกินกว่าจะหลุดเสียงใดๆ ออกไป เธอได้แต่จ้องมองเขาเขม็งพร้อมหัวใจที่เต้นถี่กระชั้นแทบจะหลุดออกมานอกอก
“ผมอยากลิ้มรสริมฝีปากของคุณ”
แล้วเขาก็กดประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มหยุ่นของเธอทันที จงใจจูบด้วยความอ่อนโยนปนสิเน่หา ก่อนจะค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นตามอุณหภูมิของอารมณ์ กระนั้น...มิวาร์ก็ขัดขืนด้วยการยกสองมือระดมทุบลงไปบนหัวไหล่กำยำไม่ยั้ง พร้อมกับกรีดร้องอื้ออึงในลำคอ
“ให้ตาย...ผมจูบคุณ ไม่ได้จะฆ่าคุณนะ”
อีรอสถอนริมฝีปากออกพลางกล่าวประชดเสียงหงุดหงิด เขากำลังมึนเมากับรสชาติของมิวาร์ถ้ากำปั้นเล็กๆ นั่นไม่ปั่นป่วนอารมณ์เขาเสียก่อน
มิวาร์ใช้หลังมือปราศจากฟองเช็ดเรียวปากแรงๆ น้ำตาเอ่อร้อนอยู่ที่หางตา ใช่...เธอกลัวเขา กลัวอีรอส กลัวจริงๆ
“ฉะ...ฉันเสียใจ ฉันยังไม่พร้อม”
“คุณไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลยหรือ” อีรอสถามออกไปด้วยความฉงน หากมิวาร์หลบตาลงมองสายน้ำ
“จริงหรือเนี่ย...คุณไม่เคยจูบมาก่อน ว้าว!”
“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะภูมิใจนะ ในเมื่อคุณปล้นจูบฉันไป ฉันไม่ ได้เต็มใจเลยสักนิด” เธอเงยหน้าบอกเคืองๆ กระนั้น...ก็ไม่กล้าสู้สายตากรุ้มกริ่มตรงๆ
“โธ่ ทูนหัว มันก็แค่จูบนะ ไม่ใช่เมคเลิฟสักหน่อย สงสัยครั้งแรกกับคุณผมคงต้องอ่อนโยนสุดๆ”
“ฉันไม่บุบสลายได้ขนาดนั้นหรอก” เธอแหวเล็กๆ ทว่า...คำพูดต่อ มาของเขาทำเอาเธอทั้งตกใจและงงงัน
“แต่ตอนนี้คุณดูเหมือนบุบสลายไปแล้ว” น้ำเสียงที่เคยยั่วเย้ากลับเปลี่ยนเป็นเอื้ออาทรจนน่าฉงนเช่นเดียวกับใบหน้าคมคาย
“น้ำตาของคุณมันบอก” อีรอสเชยคางเธอขึ้น และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทด้วยแววตาอ่อนโยนของตนเอง
“ลองให้ผมจูบคุณอีกสักครั้งสิ คุณจะพบว่า ‘จูบ’ ไม่ใช่สิ่งที่น่ารัง เกียจเลย”
“ฉัน...ฉัน...” มิวาร์กำลังสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของชายใกล้ตัว อีรอสมีหลายบุคลิกในคราวเดียวกันซึ่งทำให้เธอนึกทึ่ง เพราะมันหมายความว่าเธอจะรับมือเขาได้ยากขึ้น
“มองเข้ามาในตาผม มิวาร์” เขากระซิบเสียงนุ่ม
เธอทำตามโดยไม่รู้ตัว จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินสุกใสเหมือนอัญมณีน้ำงามหวังจะค้นหาความรู้สึกที่เขาซ่อนเร้นเอาไว้ แต่สิ่งที่เธอค้นพบกลับเป็น...
จูบละเมียดละไมที่คลอเคล้าริมฝีปากของเธออีกครั้ง และครั้งนี้...เธอยอมโอนอ่อนตามด้วยการเปิดรับลิ้นอุ่นจัดที่ควานเข้ามาหาน้ำหวานในปากของเธอ เสียงครางลึกล้ำในลำคออีรอสทำให้มิวาร์รู้สึกตื่นเต้นและยินดีแปลกๆ จนเผลอตอบสนองเขามากขึ้นเรื่อยๆ ตามชั้นเชิงที่เขาสอนผ่านเรียวปาก จนกระทั่ง...มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างบางอรชรเกือบจะทุกซอกมุม เธอก็อุทานแล้วรีบถอนริมฝีปากออกทันที
“อย่าค่ะ”
อีรอสถอนหายใจยาว “คุณต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันนะ ที่รัก” เขาโน้มศีรษะลงแนบศีรษะของเธอ กระซิบพร่าลึก ดวงตาของเขามีแววเจ็บปวดด้วยอารมณ์บางอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายใน
“ฉะ ฉันว่าเราล้างเนื้อล้างตัวแล้วออกไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ อาหารเย็นน่าจะเย็นชืดหมดแล้ว มันจะไม่อร่อยเอานะคะ ฉันเองก็หิวจัดจนแทบจะงับหัวคุณได้เลย” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องด้วยคำพูดติดตลกในตอนท้าย อีรอสอมยิ้ม ปล่อยให้เธอรอดตัวไปก่อน ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงที่เขาจะได้สุขสมกับเธอ ยังมีเวลา...เขาเตือนตัวเอง
“ผมเต็มใจให้เลยล่ะ” เขากระเซ้าหน้าเป็น ก่อนจะจุมพิตหน้าผากนูนเนียนเบาๆ และผละออก ก่อนลุกขึ้นยืนเหนืออ่าง สายน้ำและฟองสบู่ไหลลงมาเป็นสายดุจดั่งสายน้ำตก สะโพกของเขาอยู่ในระดับสายตาของมิวาร์พอดี เธอเกือบกรีดร้องออกมาแล้วถ้าไม่พบว่าเขานุ่งกางเกงชั้นในอีกชั้น
“คุณจะล้างตัวพร้อมกับผมไหม” เขาแสร้งทำเป็นถามเอื้อเฟื้อ
“คุณล้างตัวก่อนเลยค่ะ ฉันยังไม่ได้ฟอกสบู่บนตัวสักเท่าไร มัวแต่คุยกับคุณนั่นแหละ”
“จริงสินะ เราคุยกันเยอะเกินไป เห็นทีหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมควรจะ...‘ทำ’ มากกว่า” เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอปิดท้าย มองเห็นสาวเจ้าค้อนขวับแล้วจึงก้าวออกจากอ่าง ตรงไปทำความสะอาดที่คอกฝักบัวอยู่ไม่กี่นาทีก็ผลัดผ้าขนหนูออกจากห้องน้ำไปโดยในระหว่างที่เขาปลดกางเกงชั้นในออกจากตัวนั้น เธอนั่งหันหลังให้ตลอด
มิวาร์ใช้เวลาอ้อยอิ่งกับกระแสน้ำราวๆ ห้านาทีก็ล้างตัวแล้วออกมาใส่เสื้อผ้าที่ค้นหาใหม่ในตู้เสื้อผ้าของอีรอสอย่างถือวิสาสะ จนได้เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มออกกำลังกายตัวหลวมโคร่งมาใส่ แน่ละ...เรื่องอะไรที่เธอจะยอมสวมชุดนอนกึ่งโป๊ไปนั่งกินข้าวร่วมกับเขา!
อีรอสเพียงเลิกคิ้วมองการแต่งตัวตอนที่เธอเดินออกมาจากห้อง เธอทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วเดินไปอุ่นอาหารให้ร้อนน่ากินในครัวอีกครั้ง จากนั้นจึงถือขวดน้ำตะไคร้ขนาดเท่าขวดน้ำอัดลมไปวางตรงหน้าเขาและยังส่วนของเธอ
“ฉันชอบดื่มน้ำตะไคร้ที่สุดค่ะ หอม ชื่นใจดี” เธอกล่าวแล้วเดินกลับไปปิดเตาเมื่อกลิ่นอาหารเดือดลอยตลบอบอวลไปทั้งครัว จากนั้นจึงจัดแจงเสิร์ฟทุกอย่างลงจานชามและเดินถือมาวางลงบนโต๊ะอาหารโดยที่อีรอสนั่งประสานมือวางใต้คางจับจ้องเธอทุกอิริยาบถด้วยแววตาที่อ่านได้ยาก
“คุณน่าจะช่วยฉันยกชามแกงพวกนี้หน่อยนะคะ” เธอแกล้งตัดพ้อกลายๆ
“ผมไม่อยากเสี่ยงเปิดโอกาสให้คุณวางยาในอาหารของผม ตอนที่ผมเผลอหันหลังให้คุณ”
“คิดมากไปได้” เธอแสร้งว่า แต่ในใจกลับคิดว่า ‘หมอนี่...ฉลาดเป็นกรด’
“คิดมากยังดีกว่าไม่คิดเลย นักธุรกิจอย่างผมคิดทุกอย่างต้องงอกเงยเป็นผลกำไร”
“เหมือนกับกำไรที่คุณได้จากการกู้เงินของฉันคือตัวฉันสินะ” มิวาร์ทำหน้าตูม
“คุณคิดว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะสำนึกผิดหรือไง ไม่เกิดประโยชน์หรอก มิวาร์ การได้ตัวคุณมาถือว่าเป็นกำไรสิบเท่าเท่าที่ผมเคยได้รับ คุณมีค่าต่อผม จำไว้ แต่ถ้าคุณจะคิดเป็นอื่น นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
“กินข้าวดีกว่าค่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าคุณจะกินเผ็ดไหวไหม มันอาจจะเผ็ดเกินไปสำหรับคุณ” เธอจงใจตัดบทและพยายามพูดดีกับเขา
อีรอสใช้ช้อนตักน้ำต้มยำกุ้งขึ้นซดเป็นชามแรก หน้าขาวๆ ของเขาเหยเกและเห่อแดงขึ้นทันตาเห็น กระนั้น...เขายังยอมตักน้ำต้มยำขึ้นซดอีกช้อน ก่อนจะวางช้อนลงบนจานชามและบอกเธอว่า
“แม่ต้องอยากได้คุณเป็นลูกมือใหม่ในครัวอีกคนแน่ๆ”
“คุณไม่เผ็ดหรือคะ”
“ก็เผ็ด แต่ผมกินได้ อาหารไทยอร่อยๆ แบบนี้ไม่ได้หากินกันง่ายๆ นี่นา” เขาว่าพลางหยิบกระดาษทิชชูในกล่องบนโต๊ะขึ้นซับเหงื่อที่ผุดพราวเต็มหน้าผาก ตามด้วยดื่มน้ำตะไคร้จนหมดแก้ว แล้วเริ่มต้นชิมแกงเขียว หวานเป็นลำดับถัดไป
การกระทำของอีรอสทำให้มิวาร์ประหลาดใจและรู้สึกผิด ความเอาใจใส่กับความไม่ถือสาของเขาถือเป็นความดีที่เธอเพิ่งค้นพบในตัวเขา และนั่นทำให้เธอรู้สึกแย่เมื่อเขาเทน้ำตะไคร้ใส่แก้วแล้วยกดื่มจนหมดเกลี้ยงในรวดเดียว
“พอเถอะค่ะ คุณอย่ากินอีกเลย ฉันจะไปทำผัดผักสักจานมาให้กินดีกว่านะคะ”
“อย่าเลย หวานใจ คุณหิวมากผมรู้ เผ็ดแค่นี้ผมกินได้ คุณอุตส่าห์ตั้งใจทำจนมันอร่อยเสียขนาดนี้”
ไม่ใช่สักหน่อย...ฉันจงใจแกล้งคุณต่างหาก มิวาร์ค้านเสียงอ่อยในใจ
อีรอสลงมือกินข้าวด้วยใบหน้าแดงเถือก เหงื่อชุ่มพราวเต็มดวงหน้า กระนั้น...เขาดูมีความสุขและไม่เคยเงยหน้าขึ้นบ่นสักคำ
“วันนี้คุณได้ชันสูตรศพหรือเปล่า” อีรอสชวนคุยด้วยเรื่องที่ไม่น่าพูดบนโต๊ะอาหาร แต่เขาคิดว่ามันเป็นงานของผู้หญิงตรงหน้า เธออาจอยากเล่าให้ฟัง
“ค่ะ วันนี้ฉันได้ชันสูตรศพศพหนึ่ง เป็นศพที่ถูกไฟไหม้ แม้ว่าเจ้า หน้าที่ดับเพลิงจะไม่พบหลักฐานการวางเพลิงหรือต้นเพลิง แต่ผลชันสูตรศพออกมาว่าเขาถูกฆาตกรรมค่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ในปากของผู้ตายไม่มีเศษขี้เถ้าค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ แค่ไม่มีเศษขี้เถ้าในปากเนี่ยนะ บ่งบอกว่าเขาถูกฆาต กรรม มันฟังดูไม่ซับซ้อนอะไรเลย”
“หลักการง่ายๆ ค่ะอีรอส คนที่ถูกเผาทั้งเป็นขณะเพลิงไหม้ เขาจะต้องเปิดปากเพื่อหายใจหรือร้องของความช่วยเหลือ แต่ผู้ตายคนนี้ถูกเผาหลังจากเสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีเศษขี้เถ้าในปากเขา นี่เป็นหลักการชันสูตรพื้นๆ มากเลยค่ะ ฆาตกรรายนี้ดูเหมือนจะชะล่าใจเกินไปสักหน่อย ส่วนสา เหตุของไฟไหม้ขึ้นอยู่กับความสามารถของตำรวจค่ะ ไม่ใช่ฉัน”
“น่าทึ่งจริงๆ”
อีรอสใช้สายตามองหน้านิติพยาธิแพทย์สาวด้วยความหมายเดียว กับคำพูด
“โลกนี้ไม่มีความลับหรอกค่ะ ทุกปริศนาฆาตกรรมจะมีคำตอบของมันเสมอ”
“เหมือนกับดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจใช่ไหม” อีรอสยิ้ม
มิวาร์ไม่ตอบ...เธอไม่รู้ว่าเขาจงใจสื่ออะไรกันแน่ ถึงแม้คำคมนี้คนทั้งโลกจะเข้าใจความหมายของมันดีก็ตาม
“อาทิตย์หน้าผมมีเวลาว่าง เราไปขี่รถซิ่งกันไหม” อีรอสชวนคุยต่อหลังจากความเงียบแผ่เข้ามา
“คุณยังไม่คืนรถให้ฉันเลยค่ะ” พูดแล้วมิวาร์ก็ตักข้าวคลุกแกงเขียว หวานเข้าปากเคี้ยวอย่างสุภาพ พลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นระยะๆ
“ซ้อนท้ายรถผมก่อนจะเป็นไรไปล่ะ ยาหยี”
“เราจะไปไหนกันคะ”
“คุณอยากไปไหนล่ะ”
“เอาไว้ถึงตอนนั้นก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าวันนี้ฉัน เอ่อ ไม่ทำให้คุณโกรธจริงๆ” เธอก้มลงมองนาฬิกาเป็นการจบคำพูด แล้วค่อยๆ เงยหน้าส่งยิ้มแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
อีรอสมองรอยยิ้มนั้นด้วยความไม่ไว้วางใจปนฉงนสนเท่ห์ มันเป็นรอยยิ้มคละเคล้าระหว่างความถือดีกับขบขันที่ชวนปั่นประสาท จนกระทั่ง...บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเขานั่นแหละ อีรอสถึงรู้ที่มาของรอยยิ้มนั้น!
จู่ๆ ท้องไส้ของเขาก็ปั่นป่วนเหมือนลำไส้บิดม้วนพันกัน วินาทีต่อ มา...เขาก็ผายลมอย่างกลั้นไม่อยู่ และบางสิ่งบางอย่างกำลังจะหลั่งไหลออกจากตัวจนขนทุกเส้นในกายลุกซู่
อีรอสลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ กัดฟันกรอดแล้วคำรามเสียงเขียวใส่สาวหน้าตาน่ารักที่กำลังส่งยิ้มซุกซนเป็นว่าเล่น
“ยายตัวแสบ!!!” สิ้นคำ เขาก็วิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้มิวาร์นั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอย่างสะใจ
หลังจากนั้นไม่นาน มิวาร์ก็ลุกจากโต๊ะ เดินไปคว้ากระเป๋าสะพายที่วางบนโต๊ะตัวหนึ่งในโซนรับแขก ตั้งใจจะกลับที่พักทั้งชุดที่สวมอยู่นี้ ส่วนชุดสูทที่ถอดทิ้งไว้ในตระกร้าเธอจะมาเอาคืนทีหลังพร้อมกับแผนการเจ้าเล่ห์แผนใหม่เพื่อใช้รับมือคนหื่น เธอเดินตรงไปยังประตูห้อง หันมาส่งจุ๊บและโบกมือบ๊ายบายคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำ แล้วก็เดินออกไป ลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง สุดก็ตรงไปยังล็อบบี้เพื่อขอใช้บริการรถขนส่งของโครงการ ก่อนจะไปต่อแท็กซี่ที่หน้าโครงการนี้
ครั้นมาถึงยังอพาร์ตเมนต์ มิวาร์ก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่มทันทีที่เข้ามาในห้อง รู้สึกสบายอกสบายใจเป็นอันมาก เพราะอีรอสรับปากแล้วว่าจะไม่โกรธเธอตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ดังนั้น..เธอเชื่อว่าเขาจะทำตามสัญญา ไม่กลั่นแกล้งเธอกับครอบครัวอย่างแน่นอน เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ
กระนั้น...เธอก็มองเห็นมุมดีๆ ของเขาเพิ่มขึ้นอีกมุมหนึ่ง จนเผลอคิดไปว่าการกระทำของเธอในคืนนี้ร้ายกาจต่อเขามากไปเสียหน่อย
เฮ้อ อีรอสน่าจะเฉลียวใจสักนิดว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมแตะน้ำตะไคร้สักอึก!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2563, 09:37:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ส.ค. 2563, 09:37:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 405
<< บทที่ 8 -35% | บทที่ 8 -100% >> |