เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน

นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 4

ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ของอัญชลีมีโอกาสได้ต้อนรับสาวน้อยหน้าใส ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังร้องไห้แบบไม่อายใคร โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแก่และยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ทำให้มีลูกค้าในร้านเพียงรายเดียวและนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน

“ใหม่ผิด ใหม่ไม่ดี ตอนนี้ใหม่เข้าหน้าพี่หนึ่งไม่ติดเลยค่ะ เพราะใหม่คนเดียวที่ทำให้คุณปู่ต้องเข้าโรงพยาบาล” น้ำตาเม็ดโตๆ หยดลงบนฝ่ามือของหญิงสาว น้ำเสียงของคนพูดสั่นตามแรงสะอื้น “อาการท่านหนักมากจนต้องเข้าห้องไอซียูเพราะใหม่แท้ๆ”

ณิชาไม่รู้จะหันหน้าพึ่งใคร ทุกคนตราหน้าว่าเธอเป็นหลานอกตัญญู พี่ชายซึ่งไม่เคยใช้คำรุนแรงกับเธอเลยถึงกับต่อว่าเธอแรงๆ และหวิดจะไล่ออกจากบ้านเมื่อรู้จากแพทย์ว่าคุณปู่อาการหนักขนาดไหน

ไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรงชนิดที่อาจจะเข้าโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อและต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน ท่านปิดข่าวนี้ไว้ บอกคนรอบข้างว่าตนเองสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก

หมอสั่งแอดมิตด่วน สั่งห้ามเยี่ยมโดยเด็ดขาด คนป่วยยังไม่ฟื้นนับแต่วันที่ณิชาไปหาท่านที่บ้านสวน...

“ใจเย็นๆ นะคะน้องใหม่ พี่เองก็เสียใจที่แนะนำไปแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ โธ่ หวังว่าท่านจะปลอดภัยนะ ถ้าไม่ พี่ก็คงรู้สึกผิดไปจนตายเหมือนกัน” อัญชลีหน้าเศร้าเมื่อได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น

ใครจะไปคิดว่าปู่ของณิชาป่วยหนัก ถ้ารู้อย่างนี้ เธอจะไม่แนะนำสาวน้อยตรงหน้าไปแบบนั้นเด็ดขาด

“ใหม่จะทำยังไงดีคะ คิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ”

อัญชลีนิ่ง คิดอยู่นาน

“พี่ชายของใหม่ก็โกรธมาก บอกว่าถ้าคุณปู่ฟื้นแล้วใหม่ยังพูดเรื่องหย่าให้ท่านได้ยินอีก พี่จะเลิกยุ่งกับใหม่โดยเด็ดขาด”

“หมายความว่า พี่ชายของใหม่อยากให้ไปคืนดีกับสามีหรือคะ”

ณิชาพยักหน้า “พี่หนึ่งบอกว่า ไม่เชื่อว่าสามีของใหม่จะมีแฟนใหม่ ถึงยังไง ใหม่ก็ยังเป็นเมีย จะมาแต่งๆ เลิกๆ ง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้”

อัญชลีถอนใจ ก็จริง เท่าที่ฟังณิชาเล่า สามีของเธอยังไม่ได้เอ่ยเรื่องแยกกันอยู่ สาวน้อยตรงหน้าอาจจะคิดไปเองก็ได้

“พี่ถามตรงๆ นะ ดอกเตอร์หินของใหม่นิสัยกับหน้าตาแย่มากเลยหรือคะ ใหม่ถึงไม่อยากจะกลับไปหาเขาเลย”

ณิชาส่ายหน้า เช็ดน้ำตา จะว่าไปแล้ว ผู้ชายที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนาหลักก็หน้าตาใช้ได้ ถึงแม้ผิวจะเข้มไปนิดแบบผู้ชายที่มีส่วนผสมของไทยอยู่มากกว่าสัญชาติอื่น ร่างสูง ไหล่กว้าง และมาดนิ่งๆ นั่นก็ทำให้เขาโดดเด่นจากผู้คนรอบข้างเสมอ

แถมแววตาของเขาก็ทำให้เธอหวั่นไหวแปลกๆ ได้ทุกครั้ง

“ถ้ามองแบบไม่ลำเอียง เขาก็หน้าตาพอใช้ได้ค่ะ ไม่เหมือน ดอกเตอร์สติเฟื่องทั่วไปที่วันๆ เอาแต่อ่านหนังสือสวมแว่นตาหนาเตอะหรอก แถมท่าทางเป็นคนจริงจังกับชีวิตพอดูเลยล่ะ แบบนั้นไง คุณปู่เลยชอบ จะได้เอามาปราบใหม่” คุณสมบัติหลังเธอเดาเอาจากที่คุณปู่เคยพูดถึงผู้ชายคนนั้น

“นิสัยล่ะ”

คนฟังย่นจมูก “ใหม่ไม่รู้จักเขา แต่คุณปู่การันตีว่าดีมาก หว่านล้อมใหม่ต่างๆ นานาว่าแต่งงานไปแล้วชีวิตใหม่จะดีขึ้นอย่างโน้น อย่างนี้”

“ถ้าอย่างนั้นการกลับไปอยู่กับเขาก็คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำใจเท่าไหร่ ผู้ชายที่มีคุณสมบัติแบบนี้ ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ นะคะ แล้วทำไมถึงต้องมานั่งเครียดอยู่นี่ละ ถ้าเราบอกเขาดีๆ ว่าเพราะอะไร เขาอาจจะ...ตกลงก็ได้”

คราวนี้ณิชาถอนหายใจ ส่ายหน้า

“แต่มันเป็นเรื่อง เอ่อ แบบที่เสียศักดิ์ศรีสิคะ ตอนนั้นใหม่คิดอะไรไม่ออก คิดได้แต่การหนีอย่างเดียว คิดแต่ว่าน่าจะได้ผู้คุมเพิ่มอีกคนมากกว่าสามี แล้วก็หนีเขาไปตั้งปีกว่า ท่าทางเขาจะโกรธเอาการทีเดียว แค่เจอกันก็เขาทำหน้ายักษ์ใส่แถมเดินหนีแบบไม่แยแส อย่างนี้จะคืนดีกันได้ยังไง”

“ศักดิ์ศรีกับความรู้สึกดีๆ ที่คุณปู่มีให้ พี่ว่าอันหลังสำคัญกว่านะคะ ก็แค่หาทางหว่านล้อมทำให้เขาเข้าใจ ยอมคืนดีด้วย ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนี่ อย่างนี้พี่ว่าไม่น่าจะลำบากอะไร อีกฝ่ายเป็นถึงดอกเตอร์ คงมีเหตุผลพอสมควร”

“แสดงว่า ใหม่ต้องไปง้อเขาจริงๆ ใช่ไหม”

อัญชลีพยักหน้า นั่นทำให้อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ

“เอาล่ะ ที่พี่จะสอนต่อไปนี้เป็นทางที่จะง้อคืนดีกับสามีแบบที่เราไม่เสียศักดิ์ศรี แถมกำจัดแฟนของเขาได้ด้วย ถ้าเขามีคนใหม่จริงๆ น่ะ”

ณิชาตาโต “อะไรนะคะ”

“พี่มีวิธี เชื่อพี่รับรองสามีกลับมาหาเราแน่ๆ แต่คราวนี้ใหม่อย่าคิดอะไรทำอะไรเร็วๆ ไม่ปรึกษาใครอย่างคราวก่อนอีกนะคะ ไม่เช่นนั้นมันจะเสียแผนทั้งหมด”

“ค่ะ”

“ก่อนอื่นจะต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความตั้งใจมากแค่ไหนที่จะไปง้อขอคืนดีกับเขา ถ้าใหม่ยิ่งมีความมุ่งมั่นมาก คิดแล้วว่าการง้อคราวนี้มีค่าพอ ใหม่ก็จะสามารถลดทิฐิและศักดิ์ศรีของตัวเองลงได้ แต่ว่าใหม่ต้องเผื่อใจไว้หน่อยนะว่าอาจต้องใช้ความพยายามและใช้เวลา เพราะความผิดของใหม่ก็ร้ายแรงพอสมควร สำหรับศักดิ์ศรีความเป็น ดอกเตอร์ แบบเขาน่ะ”

คนฟังเช็ดน้ำตาตอบแบบไม่ต้องคิด “แค่การง้อขอคืนดีครั้งนี้มีเหตุผลเดียวคือทำเพื่อให้คุณปู่ กับพี่ชายของใหม่ให้อภัย ใหม่ก็ว่ามันคุ้มที่สุดแล้วค่ะ”

อัญชลีพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มต้นตามขั้นตอนต่อไปของเราเลยก็แล้วกัน”

ณิชาพยักหน้า

“เราต้องมาวิเคราะห์ก่อนค่ะว่าสามีของใหม่เป็นคนยังไง เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่เราจะไปขอร้องหรือขอคืนดีแบบตรงไปตรงมาหรือเปล่า”

“ถ้าใหม่ไปพูดตรงๆ กับเขาตอนนี้ รับรองได้ว่าจะต้องโดนตวาดใส่ หรือไม่ก็ตอบโต้ด้วยคำพูดหรือท่าทีที่เย็นชา ทำให้ใหม่อับอายแน่ๆ” คนฟังตอบแบบไม่ต้องคิด

“เรายังไม่ได้ลองเลยนะคะ ใหม่อาจจะคิดไปเองก็ได้ คนจบถึงปริญญาเอกคงไม่ทำอะไรรุนแรงหรือไม่ฟังเหตุผลหรอกค่ะ เชื่อพี่ ลองไปพูดดีๆ กับเขาสักครั้ง หากไม่สำเร็จค่อยมาหาทางอื่นต่อไป”

“แต่” จะให้ไปง้อเขางั้นเหรอ ...แค่หน้าของเธอเขายังไม่อยากจะมอง จะยอมคุยด้วยดีๆ รึ

“ลองหน่อยนะคะ ไม่ลองก็ไม่รู้” อีกฝ่ายให้กำลังใจ



พิชญ์ปิดโน้ตบุ๊กส่วนตัว เหลือบมองเวลาที่ผนังข้างห้อง เกือบบ่ายโมงแล้ว เขาเก็บหนังสือเข้าที่ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มือถือ ปิดไฟ และเดินออกจากห้องพัก หน้าห้องไม่มีคน อรสาคงไปทานอาหารกลางวันยังไม่กลับ ปกติเธอจะกลับมาเวลาบ่ายกว่าๆ อาจจะถึงบ่ายครึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้เข้มงวดเรื่องนี้ เพราะหลายครั้งที่เลขาฯ ของเขาอยู่ช่วยงานจนดึก

เวลานี้เป็นเวลาปกติที่เขาจะออกไปกินอาหารกลางวัน เพราะโรงอาหารของมหาวิทยาลัยจะเงียบ มีผู้คนบางตา เหมาะที่จะนั่งคิดอะไรเงียบๆ บ่ายนี้เขาไม่มีสอน จึงมีแผนจะอยู่ในแล็บจนดึก คงต้องหาอะไรหนักๆ รองท้องไปก่อน

เท้าที่ก้าวออกจากห้องชะงัก ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีร่างเล็กๆ ยืนอยู่ตรงหน้าห่างจากห้องไปราวห้าเมตร เขาเงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติเพราะมั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา

...ณิชา...

เธอจะมาไม้ไหนกับเขาอีก ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินต่อโดยไม่ชะลอความเร็ว

“ไปกินข้าวกลางวันเหรอ”

“...”

“ไปกินด้วยได้หรือเปล่า ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” น้ำเสียงคนพูดอ่อนหวาน ประจบ

“ผมไม่มีเวลาหรอกนะ เพราะต้องรีบกินรีบทำงานต่อ” ตัดสินใจชะลอฝีเท้าของตัวเองลงนิดหนึ่งเพราะเจ้าตัวรู้สึกผิดเล็กน้อยเรื่องเมื่อสองวันก่อนที่เขาทำเป็นไม่รู้จักเธอ และไม่ยอมพบหน้า

ตอนนั้นเขาตกใจ และไม่แน่ใจว่าจะรับมือสาวน้อยตรงหน้าอย่างไร

...ถึงตอนนี้ก็เถอะ เขายังไม่รู้จะทำยังไงกับเธออยู่ดี...

“ถ้าอย่างนั้น กินข้าวด้วยกันเฉยๆ ก็ได้”

เป็นไปได้ยังไง ที่ณิชาทำตัวว่าง่าย เขาไม่เคยเห็นมาดแบบนี้ของเธอสักครั้ง...ไม่มีใครบอกก็รู้ว่าเธอต้องมีแผนอะไรแน่ๆ

หายไปจากชีวิตของเขาเกือบสองปี หลังจากคืนแต่งงานคืนนั้น ...คืนที่เขาเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอๆ ว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

มาถึงตอนนี้ เขาเลิกตั้งคำถามที่เคยถามตัวเองในวันนั้นแล้ว เพราะสรุปได้ว่า การที่ณิชาจากไป ไม่น่าจะเกิดจากเขา แต่เกิดจากการที่เจ้าตัววางแผนไว้ตั้งแต่แรก

หล่อนหลอกทุกคนว่ายินยอมพร้อมใจที่จะแต่งงาน จะกลับตัวเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายของปู่ พร้อมที่จะใช้ชีวิตอยู่กับ ดร.จนๆ ที่วันๆ เอาแต่ทำงานอย่างเขา

เขาเองก็หลอกให้ตัวเองเชื่อว่าตนเองจะรับมือกับเด็กผู้หญิงที่ทำอะไรให้ได้ดั่งใจ เปลี่ยนใจไวยิ่งกว่าพายุคนนี้ได้

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาทำเรื่องโง่ ให้กับชีวิตของตนเอง แถมทำให้คุณปฐม ซึ่งเป็นบุคคลที่เขาเคารพต้องเสียใจ

พิชญ์ตัดสินใจแต่งงานกับคนที่เดินอยู่ข้างตัว เพื่อแลกกับเงินลงทุนเกือบยี่สิบล้านในการนำมาพัฒนางานวิจัยของเขาต่อ มันฟังดูตลกสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขามันจริงจังทีเดียว เขาไม่เคยคิดจะแต่งงานมาก่อน แต่วันที่รับปากคุณปฐม ผู้ที่เป็นผู้อุปการะให้ทุนเรียนจนจบปริญญาเอกว่าจะดูแลณิชาหลานของท่านให้ดีเพื่อแลกกับการสนับสนุนทุนในการวิจัย เขาก็ตั้งใจตามสัญญาให้ได้ที่สุด

ตอนนั้นพิชญ์ถือว่าเป็นหนุ่มโสดที่เข้าขั้นขึ้นคาน เพื่อร่วมรุ่นของเขาแต่งงานกันไปเกือบหมดแล้ว มีข่าวซุบซิบว่า ดร.พิชญ์ ผู้ไม่ค่อยสนใจผู้หญิงและไม่เคยมีคนรักเป็นตัวเป็นตนน่าจะเป็น 'เกย์'

เมื่อคุณปฐมเสนอทางเลือกเกี่ยวกับทุนเพื่อสนับสนุนการทำวิจัย เขาจึงรับปากท่านทันที

หนึ่ง เขาจะได้เงินมาทำโครงการที่ฝันไว้ให้เสร็จ หากรอทุนวิจัยอื่นๆ มันก็จะตามมาพร้อมเงื่อนไขทางธุรกิจมากมายที่เขาไม่อยากทำ

สอง เขาจะรอดพ้นจากคำครหาของผู้คนรอบๆ ตัว ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ คิดเอาเองว่า หากนิสัยของเธอกับเขาพอเข้ากันได้และไม่วุ่นวายกันมากนักก็คงพออยู่ด้วยกันได้

ที่สำคัญที่สุด จากการที่เคยเห็นณิชาก่อนแต่งเพียงครั้งเดียว เขาก็รู้สึกสะดุดตา สะดุดใจ ดวงหน้ารูปไข่ ตายาวรี จมูกเชิดนิดๆ ของเธอ เมื่อรวมกับริมฝีปากบางๆ ของเจ้าตัว มันก็เข้ากันอย่างลงตัว

ตอนนั้น เขาติดอยู่อย่างเดียว และสอบถามคุณปฐมกลับไปว่าหลานสาวของท่านยอมที่จะแต่งงานกับเขาแน่ๆ หรือ เพราะเขารู้ตัวเองเหมือนกันว่าเป็นคนน่าเบื่อ และบ้างานไม่น้อย

เมื่อได้รับคำตอบว่าเธอไม่ขัดข้อง … การแต่งงานก็เริ่มต้นขึ้นเงียบๆ และเป็นเรื่องเฉพาะในครอบครัว

เพียงห้านาทีจากห้องทำงานของ ดร.พิชญ์ก็ถึงโรงอาหารประจำมหาวิทยาลัย ที่นั่นยังมีนักศึกษาอยู่ประปราย นักศึกษาที่รู้จักเขาก็ทำความเคารพและอดที่จะเหลือบมองสาวน้อยที่เดินอยู่ข้างๆ ตัวของอาจารย์หนุ่มโสดชื่อดังของมหาวิทยาลัยไม่ได้ ชายหนุ่มเดินนำไปยังบริเวณที่เป็นส่วนของอาจารย์ซึ่งติดแอร์คอนดิชันและแยกกั้นห้องเป็นสัดส่วน แม่บ้านตรงมารับออเดอร์

“เหมือนเดิมครับ” เขาบอกสั้นๆ

“มีอะไรกินบ้างคะ” คนที่ถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามเขาหันไปถามแม่บ้าน หลังจากรับเมนูมาดูเพียงเผินๆ แล้วก็ตัดสินใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันเอาแบบดอกเตอร์พิชญ์ก็แล้วกันค่ะ” ตอบเสียงหวาน

ชายหนุ่มกลอกตา ส่วนแม่บ้านเดินจากไป

เงียบ...

เวลาผ่านไปราวสองนาที แม่บ้านยกน้ำเย็นมาเสิร์ฟ แล้วเดินจากไป

เงียบ...

ณิชายกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย รวดเดียวหมดแล้ว เพราะเธอรอเขาอยู่นานแล้ว บอกตัวเองว่าคิดถูกแล้วที่หนีผู้ชายที่นิ่งที่สุดในโลกคนนี้ไปไกลอีกขอบฟ้าหนึ่ง ถ้าต้องอยู่กับคนที่เอาแต่เงียบเป็นนิจแบบนี้เธอคงทนอยู่ด้วยได้ไม่ถึงเดือน

“คุณจะไม่ถามฉันหน่อยหรือคะว่ามาพบคุณทำไม หรืออย่างน้อยก็ทักทายกันหน่อย เราไม่ได้เจอกันเกือบสองปีแล้วนะ”

มุมปากของ ดร.พิชญ์หยักลึกราวจะเยาะหยันคำพูดที่ดูเสมือนทั้งเธอและเขาใกล้ชิดกันเหลือเกิน อยากจะบอกคนตรงหน้าว่าประสบการณ์ส่วนตัวบอกว่าการพูดน้อยที่สุด ฟังให้มากที่สุดน่าจะดีกว่าในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกันแน่แบบนี้

“ก็ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องของคุณนี่นะ คุณเป็นฝ่ายออกไปจากชีวิตของผมก่อน ไม่ใช่รึ”

ณิชาถอนหายใจพรืด ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะหลังมือของคนที่เอามันวางไว้บนโต๊ะ เธอรู้สึกว่าแววตาเข้มๆ ของคนตรงข้ามตวัดมามองที่หน้าเธอทันใด …ได้ผล อย่างน้อยเขาก็มีปฏิกิริยาอะไรบ้างนอกจากนั่งนิ่งๆ อย่างเดียว

อย่างจงใจ หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบาๆ ลงบนหลังฝ่ามือของฝ่ายตรงข้าม

“แล้วตอนนี้ถ้าฉันเปลี่ยนใจ มีเรื่องจะมาตกลงกับคุณใหม่ล่ะคะ”

เธอรู้สึกได้ทันทีว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามสะดุ้งน้อยๆ แต่พยายามฝืนมันไว้ ก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม จากปลายสายตาเธอเห็นแม่บ้านแอบมองทั้งเธอกับเขาอย่างสนใจ ….

“ฉันอยากมาขอโทษ”

นิ้วเรียวลากไล้อยู่บนหลังฝ่ามือของพิชญ์อย่างจงใจ ชายหนุ่มนับหนึ่งถึงสิบ รู้สึกว่าตนเองควบคุมอารมณ์ได้ยากเต็มที “สำหรับเรื่องทุกอย่างที่ เอ่อ…ทำไว้”

นรกชัดๆ หล่อนเป็นแม่มดตัวน้อยๆ ที่ทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนได้เร็วมาก ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนที่คุ้นชินกับการควบคุมตัวเอง แต่เขาไม่คุ้นกับการถูกยั่ว โดยเฉพาะถูกยั่วจากผู้หญิงตรงหน้า

ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาเมื่อแวบแรกที่ได้พบหน้าเธอเมื่อสองปีก่อน หัวใจของเขาบอกตัวเองเหมือนกันว่าเขาเลือกภรรยาไม่ผิด กิริยาท่าทางของหญิงสาวคนนี้ไม่ได้เรียบร้อย แต่ก็ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลยนับแต่พบหน้า แรงกระตุ้นทางความรู้สึกอีกด้านที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมานานพุ่งทะยานขึ้นอย่างที่ตัวเองยังแปลกใจ

จำไว้สิเจ้าเข้ม ว่เธอทำอะไรกับนายไว้บ้าง ...เขาสั่งตัวเอง เธอไม่ใช่ลูกแมวเชื่องๆ แต่เป็นนางมารร้อยเล่ห์ ทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง จำไว้….

ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไร ประตูห้องซึ่งอยู่ด้านหลังโต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ก็เปิดออก ณิชาเงยหน้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงจงใจวางมือไว้ที่เดิม อยากให้ผู้มาใหม่ได้เห็นชัดๆ ว่าสามีภรรยากำลังหวานกันอยู่ไม่ควรมาวุ่นวาย ส่วน ดร.พิชญ์เนื่องจากนั่งหันหลังให้ประตูจึงไม่เห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา

“อ้าว ดอกเตอร์ ทานข้าวแล้วเหรอคะ ผึ้งซื้ออาหารมาฝาก กำลังจะให้แม่บ้านจัดจานไปให้ ไม่คิดว่า ดอกเตอร์จะลงมาเร็ว”

พิชญ์ดึงมือออกจากมือเล็กๆ ของคนตรงข้ามทันที ปกติเขามักจะทำงานจนลืมเวลา บางวันกว่าจะกินข้าวกลางวันก็บ่ายสอง อรสาจึงสามารถใช้เวลาพักกลางวันได้เต็มที่โดยออกไปทานอาหารข้างนอกและไม่ต้องรีบกลับเข้าที่ทำงาน ซึ่งโดยปกติ หากเจอของอร่อยก็มักจะซื้อมาฝากเจ้านายเสมอๆ

“ผมจะเข้าแล็บเลยไม่อยากจะออกมาหาอะไรกินอีก ของฝากคุณเอาไว้กินเองก็แล้วกัน ขอบใจ”

หน็อย เมียเค้านั่งเป็นตัวเป็นตนให้เห็นอยู่นี่ทั้งคนยังพูดจาหวานใส่กันอยู่ได้

“แล้วเอกสารอนุมัติที่ผึ้งวางไว้ที่โต๊ะละคะ”

“ผมเซ็นหมดแล้ว วางไว้ที่โต๊ะผมในห้อง ไปเอาออกมาด้วยก็แล้วกัน”

“หิวจัง อาหารยังไม่มาเลย” หญิงสาวแกล้งทำเสียงอ่อนหวาน แบบอ้อนนิดๆ แทรกขึ้นมาระหว่างบทสนทนาของทั้งคู่ “คุณพิชญ์คะ รินน้ำให้ใหม่หน่อยสิคะ ขอดื่มน้ำอีกแก้ว”

อีกฝ่ายรินน้ำเปล่าจากขวดที่แม่บ้านนำมาตั้งไว้ใส่แก้วส่งให้อย่างเสียไม่ได้ ณิชารับไป จงใจสัมผัสมือของอีกฝ่ายนานเป็นพิเศษตอนรับแก้วกลับ แอบดีใจที่ทำให้เลขาของเขามองการกระทำนั้นด้วยความสนใจ

“ทำงานเพลินเลยเวลาทานกลางวันบ่อยๆ แบบนี้ไม่ดีนะคะ วันหลังใหม่เอาข้าวกลางวันมาส่งให้ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่รบกวนคุณเลขาฯ มากจนเกินไป

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น ผึ้งไปทำงานก่อนนะคะ”

พิชญ์พยักหน้า ส่วนณิชาแอบอมยิ้มสะใจที่สามารถแสดงความเป็นเจ้าของ ดร.พิชญ์ได้

“คิดจะทำอะไร!” เสียงคนพูดไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

“จับมือสามีตัวเอง หวานกับสามีตัวเอง มันผิดตรงไหน” คนพูดเลิกคิ้ว ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ “ฉันมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ เพราะฉันเป็นภรรยาคุณ”

เมื่อเห็นชายหนุ่มยังนิ่งอีกฝ่ายจึงได้ใจ เอามือกลับไปวางบนหลังมือของเขาอีกครั้ง “แค่จับมือแค่นี้ ทำมาเป็นคิดมาก กลัวกิ๊กใหม่งอนเอาหรือไง”

ฝ่ามือหนากว่าของพิชญ์พลิกกลับก่อนที่ณิชาจะดึงมือออกเพียงเสี้ยววินาที คราวนี้เป็นหญิงสาวเองที่สะดุ้งสุดตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาเข้มลึกเข้าใจยากของคนตรงข้าม หญิงสาวมีโอกาสได้เห็นว่ามันมีร่องรอยของความโกรธซ่อนลึกอยู่ในนั้น

หญิงสาวพยายามจะดึงมือกลับ แต่กลับถูกรั้งไว้

…ขยับไม่ได้….

รอยยิ้มที่มุมปากของ ดร.หนุ่มกดลึก แววตาเข้มๆ ยังไม่ละไปจากใบหน้ารูปไข่ ดวงตายาวรีที่ตอนนี้มีแววตระหนก แต่พยายามซ่อนมันไว้สุดความสามารถ

ชายหนุ่มจงใจดึงมือเล็กขึ้นมา รวบนิ้วเรียวทั้งห้านิ้วไว้ในฝ่ามือของตนเอง แล้วจับมันแนบแก้มของเขา ก่อนพลิกหน้าลงกดริมฝีปากลงกลางฝ่ามือหลักๆ

“ปล่อยนะ”

“เกมนี้คุณเล่นเองนะ เล่นให้จบสิ” เขาจ้องกลับมาที่หญิงสาวอย่างไม่ลดละ

ณิชารู้สึกเหมือนจะเป็นลม บรรยากาศรอบตัวนิ่งสนิทไปราวห้าวินาที ไม่สามารถคิด ไม่สามารถรู้สึกอย่างอื่นได้ภายในห้าวินาทีนั้น ดวงตาพร่าพราย ใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนไม่แน่ใจว่ามันจะดังจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินหรือเปล่า

อยากจะก้มหน้าหลบตาคมๆ ของคนตรงข้ามเหลือเกิน แต่ต้องยั้งใจ ฝืนยิ้มรับ จ้องตาเขากลับอย่างท้าทาย

...นี่มันในมหาวิทยาลัยนะ นายกล้าทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง…

นายมันพ่อมด พ่อมดใจโหดไม่มีหัวใจ งกเงิน ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองได้บรรลุเป้าหมายของตนเอง นี่คงอยากจะแกล้งให้เธอเจ็บใจหลังจากที่เธอหนีเขาไปเสียนาน

นายไม่มีอิทธิพลต่อฉัน ไม่มี ไม่มีเด็ดขาด หญิงสาวท่องในใจ บอกตัวเองเหมือนสะกดจิตตัวเอง ฉันแค่ต้องการให้คืนดีกับนายให้ปู่เห็น หลังจากนั้นฉันก็ขอหย่าแล้วจากไป ไม่ให้นายเห็นหน้าอีกเลย คอยดูนะ

“อาหารมาแล้วค่ะ ข้าวผัดน้ำพริกของโปรดของดอกเตอร์ มาพร้อมผักทอดและผักต้มอีกจาน ทานให้อร่อยนะคะ พี่เพิ่มไข่ดาวให้ด้วย” แม่บ้านเข้ามาขัดจังหวะ

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มจำใจต้องปล่อยมือคนตรงข้าม และหยิบช้อนส้อม

“เอาอะไรเพิ่มไหมคะดอกเตอร์” คนพูดถาม ดร.พิชญ์ แต่สายตากลับมองไปที่หญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างสนใจ

“ไม่ครับ ขอบคุณ”

“น่าจะขอน้ำซุบสักถ้วย ท่าทางเรื่องที่ฉันจะพูดกับคุณอาจทำให้อาหารฝืดคอทานไม่ค่อยลง” ณิชาแทรกขณะยิ้มหวานอย่างเสแสร้งใส่คนตรงข้ามเมื่อแม่บ้านเดินจากไปแล้ว

ชายหนุ่มถลึงตาเข้าใส่ “เวลากิน ผมไม่อยากคุย”

คุณต้องการอะไรกันแน่ ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณอยากมาขอโทษอย่างที่บอก ชายหนุ่มอยากถาม แต่ยั้งปากตัวเองไว้ กลัวว่าสิ่งที่หญิงสาวจะเอ่ยขึ้นมา เป็นเรื่องที่ตนเองยังไม่พร้อมจะได้ยินตอนนี้ ชายหนุ่มกินข้าวอย่างรวดเร็ว รวบช้อน และดื่มน้ำ

“ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำ คุณกินเสร็จก็กลับได้เลยนะ ค่าอาหารแม่บ้านจะคิดเป็นรายเดือนไม่ต้องจ่าย ผมไปก่อน”

อะ...ไร..นะ!

“แต่ฉันมีเรื่องคุยกับคุณ!” หญิงสาววางช้อนทั้งที่เพิ่งกินไปได้ไม่ถึงครึ่ง รีบลุกขึ้น แต่ยังช้ากว่าอีกฝ่ายที่ลุกเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนงง อ้าปากค้างอยู่คนเดียวที่โต๊ะ...

ผลประเมินเบื้องต้น สรุปได้แบบไม่ต้องให้มีคนมาคอนเฟิร์มว่า เขาไม่สนใจการกลับมาคืนดีกันแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่หน้าของเธอเขายังไม่อยากมอง อย่างนี้ คงไม่มีทางพูดจากันดีๆ แบบตรงไปตรงมาได้แน่ๆ



สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2563, 21:03:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2563, 21:06:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 593





<< ตอน 3   ตอน 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account