เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน

นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 9

“พี่อัญคิดว่าใหม่ควรทำยังไงดีคะ” ณิชากำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านเบเกอรี่ของที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ วันนี้เธอขออนุญาตปู่ออกมาทำธุระนอกบ้านครึ่งวัน โดยฝากคนป่วยไว้กับพยาบาลส่วนตัว เธอต้องการที่ปรึกษาเกี่ยวกับข้อเสนอของ ดร.พิชญ์โดยด่วน

“ไม่คิดเลยว่านายพิชญ์ เอ๊ย ดอกเตอร์หินนี่จะเป็นคนแบบนี้” หญิงสาวเผลอพูดชื่อของคู่กรณีออกมาทั้งๆ ที่พยายามเลี่ยง “เกิดเขาเป็นพวกโรคจิต หรือซาดิสต์ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น ใหม่จะทำยังไงคะ”

“คิดมากไปมั้งน้องใหม่ อย่าลืมสิคะว่าเขาเป็นคนที่คุณปู่เลือก แสดงว่าเขาก็ต้องมีอะไรดีๆ ที่ผู้ใหญ่เห็นล่ะ”

“คุณปู่มองไม่เห็นว่าเขาเป็นคนร้ายกาจน่ะสิ สร้างภาพดีต่อหน้าคนอื่น”

อัญชลีลอบมองดวงหน้ารูปไข่สวยหวานที่ตอนนี้เคร่งเครียดเพราะคิดไม่ตก

“ข้อดีอย่างเดียวคือปู่จะได้สบายใจ และไม่ต้องห่วงใหม่เสียที แต่ข้อเสียก็…”

“ถ้าถามพี่นะ ตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดคือเลือกที่จะรับตามเงื่อนไขของเขา”

“แต่ใหม่จะขาดอิสรภาพไปอีกอย่างน้อยหกเดือนนะคะ”

“ใหม่จะได้ศึกษาดูใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีหกเดือนต่างหาก” อัญชลีถือแก้วโกโก้เย็นมาวางตรงหน้าคู่สนทนา และวางถ้วยกาแฟร้อนของตนเอง ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ที่ร้านยังไม่มีลูกค้า เป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งคู่จะได้คุยกัน คนพูดจิบกาแฟร้อน “หลังจากนั้นถ้าเข้ากันไม่ได้จริงๆ ก็จะได้เลิกรากันไป จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก”

ผู้ฟังเม้มปาก คิ้วขมวดมุ่น คิดหนัก

“หลังจากนั้นใหม่ก็จะได้ไปทำงานแบบที่ใหม่ชอบ” คิ้วเรียวเล็กที่ขมวดมุ่นคลายลงเล็กน้อย ถ้าปู่อารมณ์ดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น เธอก็มีหวังกับการขอทุนปู่สำหรับทำธุรกิจ “ก็ดีเหมือนกัน”

“ดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยพี่ก็ยินดีนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ใหม่คิดว่าใหม่เอาตัวรอดได้ แค่หกเดือน แต่อาจจะต้องไปตกลงเงื่อนไขกับดอกเตอร์หินหน้าเข้มนั่นอีกนิดหน่อย” น้ำเสียงคนพูดดูสดใสขึ้นมาอีกนิดเมื่อคิดแผนบางอย่างออกแล้ว

ข้างฝ่ายพิชญ์ เขาไม่มีคู่คิดหรือที่ปรึกษาเหมือนที่ณิชามีอัญชลี ด้วยความเป็นผู้ชายที่มีโลกส่วนตัวสูง เจ้าตัวรู้สึกอายเกินกว่าจะปรึกษาคนอื่น แม้แต่เพื่อนสนิทเช่น ดร.นรุธ หลังจากคิดที่จะดึงตัวณิชากลับมาเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ เจ้าตัวก็ลงทุนค้นข้อมูลวิธีเอาชนะใจคนรักจากอินเทอร์เน็ต โลกที่มีข้อมูลหลากหลายประดังเข้ามา แต่ต้องใช้วิจารณญาณในการเลือก ข้อมูลจากสี่ในห้าเว็บไซต์ระบุว่าการจะผูกมัดใจหญิงสาวในฝัน จะต้องมีความเสมอต้นเสมอปลาย หากเป้าหมายมีอายุน้อยกว่า เธอมักจะมีความสนใจที่ต่างกับชายหนุ่มที่มีอายุมากกว่าอย่างชัดเจน ดังนั้น จึงยากมากที่จะทำให้เธอหันมาสนใจ ถ้าไม่สร้างสถานการณ์ให้มาพบเจอกันบ่อยๆ

การกลับไปอยู่ด้วยกันคือสถานการณ์ที่จะช่วยเขาได้ ชายหนุ่มคิด เขาจะใช้มันเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด หลังจากนี้เขาจะหาทางดึงตัวและหัวใจของเธอมาเป็นของเขาอย่างแท้จริงให้ได้

งานวิจัยยากแสนยาก เขายังทำมันสำเร็จจนได้ แค่หัวใจดวงเล็กๆ ของผู้หญิงคนเดียว ทำไม่สำเร็จ (ถ้าตั้งใจจริง) ก็เสียชื่อ ดร.พิชญ์แย่



หลังจากปรึกษาหารือ (รวมถึงระบายความในใจ) กับอัญชลีเรียบร้อย ณิชาไม่ได้กลับบ้าน เธอตรงไปที่มหาวิทยาลัย อดไม่ได้ที่จะแอบไปดูการซ้อมของทีมเชียร์ ดูทุกคนดูทุ่มเทเอาจริงเอาจังกับการซ้อมมาก เธออดที่จะภูมิใจกับความพยายามของทุกคนไม่ได้ รู้สึกเสียดายที่ตนเองไม่มีโอกาสได้อยู่ร่วมทีมในวันแข่งขัน

หญิงสาวถอนใจ บอกตัวเองว่าเสียดาย แต่จะไม่เสียใจเด็ดขาด เธอมีภารกิจที่สำคัญกว่ามากต้องทำ จะมัวอาลัยอาวรณ์ต่อเรื่องเล็กๆ พวกนี้ไม่ได้เป็นอันขาด

อดทนไว้ณิชา หกเดือนเท่านั้น แล้วเธอจะได้ไปทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเปิดสตูดิโอสอนเต้นหรือหางานลักษณะเดียวกัน...แค่หกเดือน เธอรอได้

สถานที่ต่อไปคือห้องทำงานของ ดอกเตอร์พิชญ์ คราวนี้เธอสามารถผ่านเข้าไปได้หลังจากที่เลขาฯ หน้าห้องยกหูเข้าไปถามคนข้างใน สีหน้าคุณเลขาฯ ยังไม่เป็นมิตรกับเธอเหมือนเดิม ณิชาเองก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นต่ออยู่มากนัก อย่างน้อยตอนนี้นาย ดร.หน้านิ่งนั่นก็จะต้องผูกติดกับเธออยู่ถึงหกเดือนล่ะ และหญิงสาวตั้งใจแล้วว่าในหกเดือนนั้นเขาจะมาทำหวานกับคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด

ชายหนุ่มเจ้าของห้องกำลังเซ็นเอกสารกองใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง หายใจสะดุดกับคนที่เดินเข้าห้องมาโดยไม่คาดฝัน ปั้นหน้านิ่งชี้มือไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่วางอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตน

“ฉันจะมาตอบรับเงื่อนไขของคุณ” หญิงสาวมุ่งตรงสู่สิ่งที่ต้องการทันที

รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากคนที่ก้มหน้าจรดปากกาลงบนเอกสารทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น ...รู้สึกว่าแผนของตนที่คิดไว้ในใจมีวี่แววสำเร็จสมปรารถนาเร็วๆ นี้

“แต่ฉันมีข้อแม้สองสามข้อ”

“ว่ามา” คนพูดวางปากกา เงยหน้าขึ้น

“คุณจะต้องทำทุกอย่างให้คุณปู่รู้สึกว่าเราเริ่มเข้ากันได้จริงๆ ให้เวลากับคุณปู่มากขึ้นตอนเย็นๆ”

“ไม่ยาก”

“ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ตลอดหกเดือน แต่คุณต้องไม่บังคับฝืนใจฉัน… เรื่องนั้น” คนพูดหน้าแดง

“เรื่องอะไร”

“คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไร” คนพูดหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู “คุณจะต้องไม่เอาเปรียบฉัน ไม่ทำร้ายร่างกาย หรือทุบตี ฉันรับเรื่องแบบนั้นไม่ได้ และคิดว่าคุณปู่คงไม่ยอมด้วย”

“คุณเห็นผมเป็นคนแบบนั้นรึ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ หน้าตาดีๆ เป็นผู้ร้ายฆ่าคนมีเยอะไป”

“แสดงว่าหากไม่ฝืนใจก็ได้ใช่ไหม”

“…” คนที่สร้างเงื่อนไขหรี่ตา หน้าแดงกว่าเดิมอีกสองเท่า “ก็...”

“ไม่มีปัญหา ผมรับปาก โอเคหรือยัง” ผมคิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าผมบังคับ...

“ฉันอยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้ อย่างน้อยเวลาตอบอะไรคุณปู่ จะได้ไม่อึกอัก เหมือนเราไม่สนิทกัน”

“ก็ดี ข้อนั้นผมเห็นด้วย”

“และเรื่องสุดท้าย…เรื่องคนของคุณที่หน้าห้อง ฉันขอย้ำว่า คุณจะต้อง….”

เสียงเคาะประตูห้อง ไม่รอให้เจ้าของห้องตอบรับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ผลักเข้ามา “พิชญ์ มาดูผลการทดลองหน่อย ฉันอยากได้ความคิดเห็นของนายว่ะ เหมือนสารที่ผสมตามสูตรใหม่มันจะได้ค่าคงที่ตามที่เราต้องการแล้ว แต่ฉันไม่แน่ใจว่าระดับเท่านี้มันพอที่จะทำขั้นต่อไปหรือเปล่า” ดร.นรุธผงกหัวเชิงทักทายคนที่นั่งอยู่นิดหนึ่ง “ขอโทษนะครับ ต้องตามตัวเจ้านี่ไปด่วน”

“อีกสามนาทีฉันตามไป” เจ้าของห้องตอบ

“โอเค แล้วเจอกัน” คนพูดมาเร็วไปเร็ว พูดจบก็ถอยหลัง ปิดประตู

“ตกลงตามเงื่อนไขทุกอย่าง บอกแล้วว่าผมจัดการคนของผมได้ อีกสองวันจะย้ายเข้าไปอยู่นะ ช่วยเตรียมห้อง เตรียมของใช้ที่จำเป็นพวกสบู่ยาสีฟันผ้าเช็ดตัวของผมให้ด้วย หน้าที่แรกของคนเป็นภรรยา” คนพูดเปิดลิ้นชัก หยิบเอกสารแฟ้มเล็กๆ แฟ้มหนึ่งขึ้นมา เจ้าตัวดึงกระดาษสองแผ่นที่เตรียมไว้ส่งให้

หญิงสาวรับไปอ่านข้อความในเอกสาร เธอเบิกตากว้างตั้งแต่ข้อความแรก ...สัญญาระหว่างนายพิชญ์และนางณิชา ในนั้นมีรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ทางกฎหมายและการชดใช้ด้วยเงินจำนวนสามล้านบาทหากณิชาทำผิดสัญญาด้วยการหายตัวไปภายในหกเดือน

“…” คิ้วของณิชาขมวด เขาเตรียมสัญญานี้ไว้ก่อนแล้ว แสดงว่า… “คุณรู้อยู่แล้วว่าคำตอบของฉันคืออะไร”

“ผมเป็นนักวางแผนนะ เรื่องแค่นี้ถ้าทำไม่สำเร็จ คงบริหารคนหลายสิบคนที่นี่ไม่ได้” คนฟังตอบ

เขาเจ้าเล่ห์กว่าที่เธอคิดต่างหาก

“เซ็นซะหากจะให้ผมไปอยู่บ้านคุณปฐมในวันสองวันนี่ ส่วนเรื่องพยานเดี๋ยวผมจัดการเอง” แววตาเข้มลึกนั่นเหมือนยิ้มได้ แต่มันเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ของซาตานมากกว่ารอยยิ้มของนักบุญ

“คุณมันร้ายกาจ”

“ใครร้ายกับผมก่อนล่ะ ประสบการณ์ที่คุณทำไว้สอนให้ผมเป็นแบบนี้” เขาตอบ “อ้อ แล้วทีหลังเรียกผมว่าเข้มนะ เราจะได้รู้สึกว่าเป็นคนใกล้ชิดกันหน่อย …คุณใหม่” เขากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องแบบไม่ใส่ใจ สมใจกับแผนแรกของตนเองที่สำเร็จอย่างง่ายดาย



ปู่ของณิชานั่งรับลมอยู่ริมระเบียงด้านที่ติดสวน ตอนที่หญิงสาวเดินเข้าไปท่านกำลังหลับตาเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่นิ่งๆ พยาบาลซึ่งจ้างมาใหม่แทนคนเดิมบอกว่าหลับเพราะฤทธิ์ยาหลังอาหาร

“ปกติท่านนอนไม่ค่อยหลับค่ะ คุณหมอเลยอยากให้ท่านพักบ้าง คุณใหม่จะให้พาท่านไปนอนในห้องไหมคะ” พยาบาลซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ เอ่ยถามขึ้น

“ให้ท่านมานอนรับลมอย่างนี้ก็ดีค่ะ จะได้อากาศบริสุทธิ์” เธอตอบ

คนป่วยขยับตัวเล็กน้อย “ใหม่กลับมาแล้วเหรอ”

“กลับมาแล้วค่ะ ปู่ร้อนหรือเปล่า ถ้าร้อนจะได้ให้พี่นงค์พากลับเข้าห้อง”

“ไม่ร้อนหรอก อยากคุยกับใหม่น่ะ คุณนงค์ ขอคุยกับหลานผมสักครู่ได้ไหม”

อนงค์พยักหน้า แล้วเลี่ยงออกไปจากริมระเบียง ปล่อยให้หลานสาวลากเก้าอี้มาชิดเก้าอี้ที่ปรับเอนนอนของคุณปฐม

“ปู่จะชวนใหม่ออกไปทำสวนอีกหรือไง ไม่ตกลงค่ะ ตอนนี้ยังร้อนอยู่ ต้องให้เลยห้าโมงครึ่ง หมอถึงอนุญาตค่ะ”

“วันนี้ปู่ลงไม่ไหวหรอก” คนพูดเปล่งน้ำเสียงปนหอบนิดๆ

“วันนี้ไม่ค่อยดีหรือคะ”

คนป่วยพยักหน้า “เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โรคนี้มันก็แบบนี้แหละ”

“ถ้าผ่าตัดได้ คงจะดีกว่านี้นะคะ” หลานสาวเอาแก้มแนบกับแขนคนป่วยด้วยความรักเคารพแบบที่ไม่ได้ตั้งใจประจบเอาใจ “คุณปู่ต้องพักผ่อนมากๆ อย่าออกกำลังกายแรงๆ อย่าใช้กำลัง ทำใจสบายๆ จะได้พร้อมสำหรับการผ่าตัดเร็วๆ นะคะ”

“ปู่ไม่อยากผ่าตัดแล้วล่ะ” คุณปฐมเอามือลูบหัวหลานสาว “ปู่เหนื่อย ถ้ามันแย่กว่านี้ ปู่ขี้เกียจให้พวกหลานๆ มาคอยดูแล”

ณิชาส่ายหน้า “มันต้องดีกว่าสิคะ ดอกเตอร์เอ๊ย คุณเข้มบอกว่าจะปรึกษาเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นหมอหัวใจที่เก่งมากให้มาช่วยคุณปู่อีกทาง คุณปู่จะต้องหายค่ะ”

“ปู่ไม่หวังแล้วล่ะ ห่วงก็แต่เจ้า”

“ห่วงใหม่ทำไม ใหม่โตแล้ว”

“แล้วก็มีคนรับไปดูแลแทนปู่แล้ว” ท่านพูดยิ้มๆ ขณะที่หลานสาวเงียบเหมือนยอมรับโดยปริยาย “พูดถึงเข้ม ปู่ดีใจนะที่ในที่สุดสองคนก็ลงเอยกันได้เสียที ใหม่จะได้มีคนดูแล ปู่ห่วงเรามากรู้ไหม”

คนฟังก้มหน้าหลบตาคนพูดทันที กลัวอีกฝ่ายจะเห็นว่าเธอไม่ได้รู้สึกจริงใจกับการกลับมาอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยานั่นสักนิด

“แต่เจ้าแน่ใจนะ ไม่ใช่ทำให้เขาผิดหวังอีก ปู่ละห่วงจริงๆ คราวนี้หากใหม่ทำอะไรแบบคราวที่แล้วอีก คงไม่รู้เอาหน้าไปเจอหน้าย่าของเขา”

ห่วงเขาอยู่ได้ ทำไมปู่ไม่เห็นคิดถึงใจเธอบ้างว่าจะเป็นอย่างไร

“ไม่รู้สิคะ เราคุยกันว่า เราจะลองใช้ชีวิตร่วมกันดูค่ะ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องเลิกกัน แต่ตอนนี้ใหม่คิดว่าน่าจะโอเคค่ะ”

ผู้สูงวัยพยักหน้า “ดีแล้ว ปู่จะได้ตายตาหลับ”

“เมื่อกี้ปู่บอกว่ารู้จักย่าของคุณเข้มหรือคะ ใหม่นึกว่าเขาเป็นนักเรียนทุนที่ปู่ให้ทุนโดยไม่รู้จักกันมาก่อนเสียอีก”

ปกติปู่ของเธอจะให้ทุนสนับสนุนนักเรียนเป็นประจำปีละหลายคนอยู่แล้ว เธอจึงคิดไม่ถึงว่าปู่จะรู้จักเขามาก่อน

คนป่วยถอนหายใจบางเบา “ย่าของเข้มกับปู่รู้จักกันเมื่อนานมากแล้ว สมัยก่อนปู่เป็นผู้ชายเกเร ไม่เอาเรื่องเอาราวมากๆ ท่านเคยช่วยเหลือปู่ไว้หลายเรื่อง จนทำให้ปู่สร้างตัวได้และมีฐานะอยู่จนทุกวันนี้ ช่วยเข้มก็เหมือนได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปด้วย” คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย “ส่วนเขาโชคร้ายที่แต่งงานไปกับผู้ชายที่ทำธุรกิจล้มเหลว ปู่ก็เลยพยายามช่วยเหลือเกื้อกูลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดอกเตอร์พิชญ์เป็นหลานที่หัวดีมากแต่ขาดเงินทุน เขาเองอยากเรียนในสาขาวิชาที่ทุนรัฐบาลตอนนั้นก็ยังไม่ให้ความสำคัญ ปู่จึงตัดสินใจให้ทุนเรียนต่อจนจบ”

มีบุญคุณใกล้ชิดผูกพันกันหลายรุ่นแบบนี้นี่เอง เวลาปู่ขออะไร นายคนนั้นถึงพยายามทำให้ทุกอย่าง ตอนแรกเธอคิดว่าเขาเป็นคนงกเงิน เห็นว่าเธอเป็นหลานคนมีฐานะดีมากจึงยอมแต่งงานด้วยทั้งๆ ที่ท่าทางไม่น่าจะเข้ากันได้สักเรื่อง

“เข้มเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ฐานะไม่ดีนัก เป็นคนเงียบๆ ปู่เห็นเข้าก็ถูกชะตา เพราะท่าทางจะเป็นคนเอาจริง ไม่เหมือนปู่ของเขา”

เอ๊ะ ท่าทางมันจะยังไงๆ ซะแล้ว อย่าบอกนะว่าคุณปู่ของเธอน่ะหลงรักย่าของ ดร.พิชญ์ก็เลยยอมทุ่มเททุกอย่างให้หลานของอดีตคนที่หลงรักแบบนี้

“แล้วตอนนี่พ่อกับแม่ของเขาอยู่ไหนคะ ตอนแต่งงานทางฝ่ายเขาก็ไม่มีญาติสนิทมากนัก” ตอนนั้นเธอไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าคนไหนเป็นญาติของเขาบ้าง ตั้งใจอย่างเดียวว่าต้องหนีไปให้พ้นให้ได้

“พ่อเสียแล้วตั้งแต่เขาเด็กๆ แม่ก็ได้สามีใหม่อยู่ต่างประเทศ นานๆ ครั้งจะติดต่อมาที ญาติสนิทก็เหลือไม่มากนัก…ใหม่ให้คนไปจัดห้องให้เรียบร้อย รอต้อนรับเข้มเขาก็แล้วกัน จะย้ายห้องไหม เอาให้มันใหญ่กว่าเดิม ห้องนอนทางด้านขวาก็ยังว่างนะ ห้องนั้นมีห้องทำงานในตัวด้วยน่าจะดีกว่า”

บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น มีสี่ห้องนอนสำหรับแขก ตอนนี้ณิชาเลือกห้องหนึ่งที่อยู่มุมสุดด้านซ้ายของตัวบ้านซึ่งใกล้บันไดไว้ เธอจงใจเลือกห้องด้านขวาสุดอีกด้านให้คนที่จะเข้ามาอยู่ใหม่

“ใหม่คิดว่าจะให้เขานอนห้องนั้นค่ะ ส่วนใหม่ก็อยู่ห้องเดิม เขาจะได้มีความเป็นส่วนตัว”

คนเป็นปู่ส่ายหน้าทันใด “อะไรกัน แต่งงานกันแล้วแยกห้องกันอยู่ ประหลาดตายล่ะ”

“ก็...ใหม่ยังไม่สนิทกับเขานี่คะ ขอเวลาทำความรู้จักกันก่อน ท่าทางคุณเข้มเขามีโลกส่วนตัวสูง อาจต้องการความสงบ คงรำคาญแน่ๆ ที่ใหม่ไปอยู่ใกล้ๆ แบบนั้น”

อย่างเจ้าน่ะ ใครอยู่ใกล้ก็อดจะหลงรักไม่ได้หรอก ไม่รู้ตัวรึ … ผู้เป็นปู่คิดในใจ รู้จักหลานสาวดีจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วณิชาไม่ได้เป็นคนนิสัยร้ายกาจอย่างใดเลย ยิ่งเมื่อเทียบกับตนเองสมัยเป็นหนุ่ม เพียงแต่เจ้าตัวเองยังเด็ก และคุ้นชินกับการที่ผู้ใหญ่ตามใจมากไปหน่อยเท่านั้น หากเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง คุณปฐมคิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา บอกตนเองว่าไม่อยากจะเร่งรัดหลานมากจนเกินไป การมีช่องว่างให้คนสองคนที่ต่างกันสุดขั้วสักนิดหน่อยอาจจะดีกว่าการจับให้มาอยู่ร่วมกันทันที

ห้องชั้นบนตอนนี้มีเพียงณิชา กับพิชญ์เท่านั้นที่ใช้พื้นที่ เพราะคุณปฐมเองก็ต้องย้ายมาพักผ่อนห้องรับรองแขกด้านล่าง อย่างนี้ถึงแม้จะอยู่กันคนละฟากของตัวบ้าน แต่ก็เหมือนอยู่กันสองคนอยู่ดีนั่นแหละ



การเตรียมจัดห้องเป็นอีกงานที่ทำให้ณิชาใช้เวลาระหว่างวันที่คุณปู่นอนพักผ่อนให้หมดไปโดยไม่น่าเบื่อ ดร.พิชญ์ส่งของใช้ส่วนตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือและเสื้อผ้ามาไว้ที่บ้านของคุณปฐมล่วงหน้าหนึ่งวันแต่ณิชาเลือกที่จะวางทุกอย่างไว้บนเตียง ไม่จัดซะอย่างนั้น อยากจะแกล้งคุณสามีให้อารมณ์เสียเล่นๆ

อีกสองวันต่อมาชายหนุ่มที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่มาถึงบ้านของคุณปฐมก่อนหนึ่งทุ่มเล็กน้อย เขาโทรมาบอกว่าไม่สามารถกลับมากินข้าวเย็นด้วยได้ เพราะติดงานด่วน

นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ณิชาตัดสินใจรับปากตกลงมาอยู่กับเขาไม่ยากนัก เธอมั่นใจว่าเขาจะงานยุ่งตลอดเวลา ทำให้เธอสามารถหลบหลีกไม่เกี่ยวข้องกับเขาได้ระยะหนึ่ง

“คุณปู่นอนหรือยัง” เป็นคำถามแรกของคนที่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนนิดๆ กับการทำงานทั้งวัน

“ยังไม่นอนค่ะ เหมือนจะรอคุณอยู่”

คนฟังพยักหน้า ขณะพับแขนเสื้อไว้จนถึงศอกทีละข้าง และเดินตรงไปยังห้องพักของผู้เป็นเจ้าของบ้านโดยคว้าข้อมือเล็กให้ตามเข้าไปด้วยกัน

“มานั่งนี่สิใหม่” ปู่ตบที่ว่างข้างๆ เตียง ขณะที่พิชญ์เลือกนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ

“ใหม่นั่งตรงนี้ดีกว่า” หญิงสาวชี้ไปที่ที่ว่างอีกด้านของเตียง

“ไม่ต้องเกเรเลย มานั่งข้างๆ เข้มนี่ปู่มีอะไรจะคุยกับเราหน่อย”

หญิงสาวย่นจมูก จำใจเดินตามไปนั่งแทรกกลางระหว่างผู้ชายสองคน คนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง มีผ้าห่มบางๆ ห่มไว้ถึงเอว อีกคนนั่งที่เก้าอี้ซึ่งถูกลากมาจนเกือบชิดเตียง

เนื่องจากช่องว่างระหว่างเตียงกับเก้าอี้ตัวนั้นมีไม่มากนัก ณิชารู้สึกถึงได้ไออุ่นจากร่างกายของคนซึ่งนั่งอยู่ทางขวามือ ความรู้สึกวูบไหวแปลกๆ ที่มักเกิดขึ้นเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว เธอรู้สึกอึดอัด ทำอะไรไม่ถูกและคิดอะไรไม่จะออก

“มีอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ”

“พูดจาไม่น่ารักเลยเรา” ผู้สูงวัยหันไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียง “เข้มขอบใจนะที่ตกลงใจมาอยู่ที่บ้านนี้”

“ผมเต็มใจครับ”

เต็มใจ เชอะ...เต็มใจจะแก้แค้นน่ะสิ

“ใหม่”

“คะ”

“อย่าดื้อกับเข้มนะ เขาเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก คิดอะไร ทำอะไรก็รอบคอบกว่า มีอะไรก็ต้องปรึกษากัน ให้เขาช่วยนำทางให้”

“ใหม่ไม่ได้ตาบอดนี่ ถึงจะต้องมีคนนำทาง เรียนจบแล้ว ดูแลตัวเองได้”

เสียงคนข้างๆ พ่นลมหายใจพรืด

“ใหม่นี่ล้อเล่นอยู่เรื่อย!”

ณิชาทำคอย่น “ใหม่โตแล้วนี่คะ ปู่ทำเหมือนใหม่เป็นเด็กๆ”

“เพราะปู่มีใหม่เป็นหลานสาวคนเดียวน่ะสิ” คนป่วยตอบ “พี่ของเราน่ะเอาตัวรอดได้แล้ว มีแต่ใหม่นี่แหละที่ปู่ต้องหาคนเป็นหลักให้ เข้ม ฉันฝากหลานด้วยแล้วกัน นี่เป็นการฝากครั้งที่สอง ครั้งนี้หวังว่าคงไม่มีเรื่องอีกนะ” ประโยคสุดท้ายหันมาหาคนร่างเล็ก

“ครับ ผมรับรอง”

มือใหญ่หนากว่าทาบทับลงมาบนมือเล็กของณิชาที่วางไว้บนเตียง ความอุ่นของมันทำให้หญิงสาวสะดุ้งนิดๆ เธอหันไปพบดวงตาคมดุหลังกรอบแว่นที่พาดผ่านใบหน้าสะอาดไร้หนวดเครา

ไม่คิดว่าเขาจะเล่นบทใกล้ชิดต่อหน้าผู้ใหญ่ หญิงสาวพยายามดึงมือกลับแต่คนตัวใหญ่กว่าก็รวบมือไว้ซะขยับไม่ได้

“คราวนี้ผมจะไม่ให้ใหม่คลาดสายตา และจะทำทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตคู่ของเราไปรอดครับ” คนพูดหมายความตามนั้น

“ดีมาก ถ้าเข้มรับปาก ฉันก็คิดว่ามันน่าจะไปรอดจริงๆ” ผู้สูงวัยยิ้มยินดี เอามืออันอ่อนแรงของท่านวางบนมือของทั้งสองอีกที “ไปพักผ่อนเถอะ ไว้วันหลังค่อยคุยกัน ใหม่ ไปดูแลเข้มด้วยนะ”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย แต่ใจค้านสุดชีวิต ตัวโตมาได้ขนาดนี้ แถมเรียนมาตั้งเยอะ ดูแลตัวเองไม่ได้ก็เกินไปล่ะ



สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2563, 20:25:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2563, 20:25:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 670





<< ตอน 8   ตอน 10 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account