ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 12 -100%
โชคดีของทั้งสองที่ศมายังอยู่บ้านตรีเนตร เขาอาศัยโอกาสที่ตรีเมฆไม่อยู่พูดคุยกับนางมาลีเพื่อสังเกตท่าทีของนางเกี่ยวกับที่ดินหลังวิทยาลัย แต่เอาไปเอามาเขากลับเพลินกับการคุยกับลูกสาวของลุงคำจันทร์มากกว่า นานเข้าผู้ใหญ่ทั้งสองก็หลบไปนั่งจิบชาหลังอาหารอยู่ห่างๆ ป้ามาลีเหลียวมองทางหน้าบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า รอคอยการกลับมาของตรีเมฆและหลานชายตัวน้อย
“อ้าว เมฆโทร.มา ขออนุญาตนะครับ” ศมาเบี่ยงตัวออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เล็กน้อยแล้วกดรับโทรศัพท์ ปลายสายเป็นเสียงเล็กๆ ของเด็กชายตรีเพชร
“ลุงศมารับแล้วลุงยักษ์ คุยเลยๆ”
“เพชร เพชรใช่ไหม มีอะไรหรือเปล่า”
“ศมา นี่ข้าเอง มารับหน่อยสิวะ”
“มีอะไรไอ้เสือ” ศมาผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้ง ราวกับบดออกมาจากปากคนที่กำลังเจ็บปวดอย่างหนัก
“เอ็งอยู่ไหน”
“คุ้งคลองบ้านใต้ ขับมาเรื่อยๆ ทางไปสวน จอดอยู่ข้างทาง”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ให้เรียกตำรวจไหม”
จันทน์กะพ้อหันขวับมามองศมาเมื่อเขาพูดประโยคนั้นออกมา
“ไม่ต้อง มารับก็พอ ขับรถไม่ไหวว่ะ”
“เออ รอเดี๋ยว” ศมาวางสาย เขาสบตากับดวงตาโตหวานซึ้งที่จ้องมองมาอย่างร้อนรน
“อย่าเพิ่งถามเลยนะครับ ตรีเมฆมีเรื่อง ไปกันเถอะ”
“ค่ะ” จันทน์กะพ้อสาวเท้าเร็วๆ ตามเขาลงบันไดไป ไม่มีแม้แต่เวลาจะวิ่งขึ้นเรือนไปบอกพ่อกับป้ามาลี
ตลอดทางที่รถกระบะคันใหญ่ของศมาวิ่งเต็มสมรรถนะของมันออกไป จันทน์กะพ้อนั่งกระสับกระส่าย สองตาชะเง้อมองออกไปสองข้างทางในความมืดมิด ปากพร่ำถามเขาถึงจุดที่ตรีเมฆบอกให้ไปรับจนศมาต้องเอื้อมมือมาจับหัวไหล่บางของหล่อนไว้เบาๆ
“สองเสือนั่นไม่เป็นอะไรหรอกครับ ลองติดต่อมาได้แบบนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว คุณจันทน์ใจเย็นๆ นะ”
“ค่ะ มืดจังเลยนะคะ ถนนแถวนี้ มากลางวันว่าเปลี่ยวแล้ว กลางคืนยิ่งน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ไม่น่ากลับดึกๆ กันเลย”
“ตรีเมฆไม่กลัวหรอกครับ ความมืดกับถนนเปลี่ยวแค่นี้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“ฉัน...ห่วงหนูเพชรน่ะค่ะ ไม่รู้มีเรื่องร้ายอะไร”
“ครับ” ศมายิ้มปลอบใจ เขาเหยียบรถเร่งความเร็วขึ้นอีก ไม่นานรถก็เข้าโค้งมาถึงจุดที่เห็นไฟหน้ารถของตรีเมฆสาดส่องมาเป็นลำ ศมาหักพวงมาลัยเข้าไปจอดเทียบ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงมาจากรถ แต่เขาก็ยังไม่เร็วเท่าจันทน์กะพ้อ
“หนูเพชร”
“คุณครูครับ”
เด็กชายผวาเข้าหาอ้อมแขนอันคุ้นเคยทันทีที่ลงจากรถของตรีเมฆ ซุกใบหน้าเล็กๆ กับอกของหล่อน ตัวสั่นเทา น้ำตาไหลพรั่งพรู
“ไอ้เมฆ!” ศมาตรงเข้าไปหาเพื่อนเช่นกัน ตรีเมฆระบายลมหายใจออกมาช้าๆ เมื่อพยายามเปิดประตูรถลงมาหาศมา เขารู้สึกจุกที่ท้องและปวดร้าวไปทั้งร่างกาย
“เป็นยังไงบ้างไอ้เมฆ ใครทำเอ็งวะ”
“โดนอัดเสียน่วมน่ะสิ เจ็บฉิบหาย” เขากัดฟันกรอด เลี่ยงที่จะตอบคำถามสุดท้าย
“ไปหาหมอเถอะค่ะ” จันทน์กะพ้อเอ่ย โล่งใจที่เด็กชายไม่เป็นอะไร แต่เมื่อเห็นสภาพยับเยินของตรีเมฆแล้วหล่อนก็ใจเสีย
“ไปก็ไป โดนมันหวดที่หลัง ไม่รู้กระดูกกระเดี้ยวหักหรือเปล่า”
“แล้วเลือดนี่ล่ะคะ” จันทน์กะพ้อถามเมื่อตรีเมฆลงนั่งที่เบาะหน้ารถของศมา หล่อนแตะมือลงบนของเหลวเหนียวที่เปรอะหน้าผากเขาด้วยมือสั่นระริก
“สงสัยมันคงหวดเข้าให้มั้ง” เขาพูดราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“ไปเถอะครับคุณจันทน์” ศมาเรียก จันทน์กะพ้อจึงเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง เมื่อลงนั่งที่เบาะหลังรถของศมาเรียบร้อย หล่อนก็ขยับกายเข้ามาชิดกับเบาะหน้าของตรีเมฆที่เอนลงมา ใช้ปลายนิ้วเลิกปลายผมยาวรุงรังของเขาออกเพื่อดูแผลที่ศีรษะอย่างแผ่วเบา ตรีเมฆครางอือในลำคอ
แผลที่ศีรษะ อันตรายยิ่งกว่าแผลใดๆ ทั้งหมด เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อสมองได้
“เจ็บตรงไหนบ้างคะ” หล่อนเอ่ยถามเสียงเบาราวเสียงกระซิบอยู่ริมหู ตรีเมฆหรี่ตามอง แต่ได้เห็นเพียงแสงไฟจากเสาไฟข้างทางในยามที่รถเคลื่อนสู่ถนนใหญ่
“หลัง ซี่โครง ท้อง หัว” เขาไล่รายการ แล้วก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย จนหล่อนเห็นแผลแตกที่หลังมือทั้งสองข้าง “อ้อ แล้วก็มือ ที่แตกนี่เพราะตะบันหน้าพวกมันมา ไม่อะไรนักหนาหรอก”
“ใช่ครับครู ลุงยักษ์เก่งสุดๆ เลยขนาดที่ถูกรุมตั้ง...”
“ตรีเพชร”
“ครับผม” เด็กชายงับปากตัวเองปิดสนิท ทำเสียงอ่อย
“มีเรื่องกับใครมาวะ”
“อันธพาลเจ้าถิ่นน่ะ มันคงอยากได้เงินซื้อยา”
“เลยปล้นรถกระบะเก่าๆ โกโรโกโสที่วิ่งไปสวนทุกวันนี่น่ะหรือ”
ศมาไม่เชื่อ
“เออ จะเอาอะไรกับขี้ยาวะ” น้ำเสียงเอื่อยเนือยนั่นน่าหมั่นไส้เหลือ เกินสำหรับคนที่นั่งซ้อนอยู่เบาะหลัง
“พวกมันมีกี่คน ทำไมเอ็งโดนยับขนาดนี้”
“สอง”
“เจ็ดคนครับ” เสียงตอบพร้อมกันแต่ไปคนละทิศคนละทางนั้นทำให้คนฟังกังขา
“ไอ้อ้วนปากโป้งเอ๊ย”
“เจ็ดคนเลยเหรอคะ ทำไมต้องปิดกันด้วยคะ ทำไมไม่ให้เพชรพูดความจริง เรื่องนี้ต้องแจ้งความนะคะ แบบนี้มันรุมทำร้ายกันเห็นๆ” เสียงหวานกังวานเร่งเร้าอยู่ข้างหู มือบางนิ่มยังคงประคองมือขวาที่แตกยับของเขาไว้ นั่นคงเป็นเพราะลืมตัว
ตรีเมฆปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ อีก แต่หูยังได้ยินเสียงระบายลมหายใจออกช้าๆ อย่างอ่อนใจอยู่ข้างๆ หู
ขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้ กลิ่นหอมจางๆ กรุ่นกำจายเต็มไปหมด คนเจ็บสูดลมหายใจเข้าลึกล้ำ ใจหนึ่งอิ่มเอิบ แต่อีกใจกลับหงุดหงิดอย่างประหลาด
ค่ำมืดแบบนี้ออกมากับเจ้าศมาได้ยังไงกัน ถึงมันจะเป็นสุภาพบุรุษสุดแสนดีที่สุดในโลก ไม่เลวระยำอย่างไอ้เมฆก็เถอะ ดูสิ นุ่งผ้าซิ่น เสื้อแขนกุด เนื้อนวลๆ ตัวหอมๆ แบบนี้ด้วย ช่างไม่รู้จักรักษาเนื้อรักษาตัวเสียบ้างเลยแม่คุ๊ณ!
เพียงไม่ถึงสิบนาทีต่อมา ศมาก็เลี้ยวรถเข้าจอดที่ตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ขณะที่ศมากำลังจะลงจากรถ ตรีเมฆก็เรียกเขาไว้ก่อน
“ศมา ฝากไว้หน่อย”
“เฮ้ย! ต้องใช้ปืนเลยเหรอ ใครเล่นมึงกันแน่วะไอ้เสือ”
“เออน่า...รับไปก่อน” ตรีเมฆยัดปืนกระบอกนั้นใส่มือเพื่อนก่อนที่บุรุษพยาบาลรูปร่างสูงใหญ่สองคนจะมาพยุงเขาลงนอนบนเตียงพยาบาลก่อนจะถูกเข็นหายเข้าไปด้านใน
จันทน์กะพ้อโทร.หาป้ามาลีเพื่อแจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้นางกับพ่อของตนรู้ และพยายามปลอบโยนให้นางไม่กังวลมากจนเกินไปนัก ราวครึ่งชั่วโมงแพทย์เจ้าของไข้ก็ออกมาบอกว่าตรีเมฆต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการสักคืน ทั้งสามจึงได้กลับบ้านตรีเนตรไปในเวลาเกือบเที่ยงคืน
******************
มาต่อค่าาาา >< ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่ตามไปอุดหนุนทุกช่องทางเลยนะคะ eBook โหลดได้ที่ mebmarket ส่วนแบบเล่มหนังสือเรื่องนี้ยังมีขายที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ นะ ส่วนในสต็อกสนพ.ตอนนี้ใกล้หมดแล้วค่ะ เหลืออยู่สิบกว่าเล่มเอง แอบตกใจเบาๆ เพิ่งไปเช็กกันมา ใครสนใจรีบสอยนะ มาเตือน แฮ่ หรือตามร้านออนไลน์ก็ยังมีค่ะ ฝากเอ็นดูหนูตรีเพชร และจันทน์กะพ้อกับตรีเมฆมากๆ น้าาาา
“อ้าว เมฆโทร.มา ขออนุญาตนะครับ” ศมาเบี่ยงตัวออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เล็กน้อยแล้วกดรับโทรศัพท์ ปลายสายเป็นเสียงเล็กๆ ของเด็กชายตรีเพชร
“ลุงศมารับแล้วลุงยักษ์ คุยเลยๆ”
“เพชร เพชรใช่ไหม มีอะไรหรือเปล่า”
“ศมา นี่ข้าเอง มารับหน่อยสิวะ”
“มีอะไรไอ้เสือ” ศมาผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้ง ราวกับบดออกมาจากปากคนที่กำลังเจ็บปวดอย่างหนัก
“เอ็งอยู่ไหน”
“คุ้งคลองบ้านใต้ ขับมาเรื่อยๆ ทางไปสวน จอดอยู่ข้างทาง”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ให้เรียกตำรวจไหม”
จันทน์กะพ้อหันขวับมามองศมาเมื่อเขาพูดประโยคนั้นออกมา
“ไม่ต้อง มารับก็พอ ขับรถไม่ไหวว่ะ”
“เออ รอเดี๋ยว” ศมาวางสาย เขาสบตากับดวงตาโตหวานซึ้งที่จ้องมองมาอย่างร้อนรน
“อย่าเพิ่งถามเลยนะครับ ตรีเมฆมีเรื่อง ไปกันเถอะ”
“ค่ะ” จันทน์กะพ้อสาวเท้าเร็วๆ ตามเขาลงบันไดไป ไม่มีแม้แต่เวลาจะวิ่งขึ้นเรือนไปบอกพ่อกับป้ามาลี
ตลอดทางที่รถกระบะคันใหญ่ของศมาวิ่งเต็มสมรรถนะของมันออกไป จันทน์กะพ้อนั่งกระสับกระส่าย สองตาชะเง้อมองออกไปสองข้างทางในความมืดมิด ปากพร่ำถามเขาถึงจุดที่ตรีเมฆบอกให้ไปรับจนศมาต้องเอื้อมมือมาจับหัวไหล่บางของหล่อนไว้เบาๆ
“สองเสือนั่นไม่เป็นอะไรหรอกครับ ลองติดต่อมาได้แบบนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว คุณจันทน์ใจเย็นๆ นะ”
“ค่ะ มืดจังเลยนะคะ ถนนแถวนี้ มากลางวันว่าเปลี่ยวแล้ว กลางคืนยิ่งน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ไม่น่ากลับดึกๆ กันเลย”
“ตรีเมฆไม่กลัวหรอกครับ ความมืดกับถนนเปลี่ยวแค่นี้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“ฉัน...ห่วงหนูเพชรน่ะค่ะ ไม่รู้มีเรื่องร้ายอะไร”
“ครับ” ศมายิ้มปลอบใจ เขาเหยียบรถเร่งความเร็วขึ้นอีก ไม่นานรถก็เข้าโค้งมาถึงจุดที่เห็นไฟหน้ารถของตรีเมฆสาดส่องมาเป็นลำ ศมาหักพวงมาลัยเข้าไปจอดเทียบ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงมาจากรถ แต่เขาก็ยังไม่เร็วเท่าจันทน์กะพ้อ
“หนูเพชร”
“คุณครูครับ”
เด็กชายผวาเข้าหาอ้อมแขนอันคุ้นเคยทันทีที่ลงจากรถของตรีเมฆ ซุกใบหน้าเล็กๆ กับอกของหล่อน ตัวสั่นเทา น้ำตาไหลพรั่งพรู
“ไอ้เมฆ!” ศมาตรงเข้าไปหาเพื่อนเช่นกัน ตรีเมฆระบายลมหายใจออกมาช้าๆ เมื่อพยายามเปิดประตูรถลงมาหาศมา เขารู้สึกจุกที่ท้องและปวดร้าวไปทั้งร่างกาย
“เป็นยังไงบ้างไอ้เมฆ ใครทำเอ็งวะ”
“โดนอัดเสียน่วมน่ะสิ เจ็บฉิบหาย” เขากัดฟันกรอด เลี่ยงที่จะตอบคำถามสุดท้าย
“ไปหาหมอเถอะค่ะ” จันทน์กะพ้อเอ่ย โล่งใจที่เด็กชายไม่เป็นอะไร แต่เมื่อเห็นสภาพยับเยินของตรีเมฆแล้วหล่อนก็ใจเสีย
“ไปก็ไป โดนมันหวดที่หลัง ไม่รู้กระดูกกระเดี้ยวหักหรือเปล่า”
“แล้วเลือดนี่ล่ะคะ” จันทน์กะพ้อถามเมื่อตรีเมฆลงนั่งที่เบาะหน้ารถของศมา หล่อนแตะมือลงบนของเหลวเหนียวที่เปรอะหน้าผากเขาด้วยมือสั่นระริก
“สงสัยมันคงหวดเข้าให้มั้ง” เขาพูดราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“ไปเถอะครับคุณจันทน์” ศมาเรียก จันทน์กะพ้อจึงเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง เมื่อลงนั่งที่เบาะหลังรถของศมาเรียบร้อย หล่อนก็ขยับกายเข้ามาชิดกับเบาะหน้าของตรีเมฆที่เอนลงมา ใช้ปลายนิ้วเลิกปลายผมยาวรุงรังของเขาออกเพื่อดูแผลที่ศีรษะอย่างแผ่วเบา ตรีเมฆครางอือในลำคอ
แผลที่ศีรษะ อันตรายยิ่งกว่าแผลใดๆ ทั้งหมด เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อสมองได้
“เจ็บตรงไหนบ้างคะ” หล่อนเอ่ยถามเสียงเบาราวเสียงกระซิบอยู่ริมหู ตรีเมฆหรี่ตามอง แต่ได้เห็นเพียงแสงไฟจากเสาไฟข้างทางในยามที่รถเคลื่อนสู่ถนนใหญ่
“หลัง ซี่โครง ท้อง หัว” เขาไล่รายการ แล้วก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย จนหล่อนเห็นแผลแตกที่หลังมือทั้งสองข้าง “อ้อ แล้วก็มือ ที่แตกนี่เพราะตะบันหน้าพวกมันมา ไม่อะไรนักหนาหรอก”
“ใช่ครับครู ลุงยักษ์เก่งสุดๆ เลยขนาดที่ถูกรุมตั้ง...”
“ตรีเพชร”
“ครับผม” เด็กชายงับปากตัวเองปิดสนิท ทำเสียงอ่อย
“มีเรื่องกับใครมาวะ”
“อันธพาลเจ้าถิ่นน่ะ มันคงอยากได้เงินซื้อยา”
“เลยปล้นรถกระบะเก่าๆ โกโรโกโสที่วิ่งไปสวนทุกวันนี่น่ะหรือ”
ศมาไม่เชื่อ
“เออ จะเอาอะไรกับขี้ยาวะ” น้ำเสียงเอื่อยเนือยนั่นน่าหมั่นไส้เหลือ เกินสำหรับคนที่นั่งซ้อนอยู่เบาะหลัง
“พวกมันมีกี่คน ทำไมเอ็งโดนยับขนาดนี้”
“สอง”
“เจ็ดคนครับ” เสียงตอบพร้อมกันแต่ไปคนละทิศคนละทางนั้นทำให้คนฟังกังขา
“ไอ้อ้วนปากโป้งเอ๊ย”
“เจ็ดคนเลยเหรอคะ ทำไมต้องปิดกันด้วยคะ ทำไมไม่ให้เพชรพูดความจริง เรื่องนี้ต้องแจ้งความนะคะ แบบนี้มันรุมทำร้ายกันเห็นๆ” เสียงหวานกังวานเร่งเร้าอยู่ข้างหู มือบางนิ่มยังคงประคองมือขวาที่แตกยับของเขาไว้ นั่นคงเป็นเพราะลืมตัว
ตรีเมฆปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ อีก แต่หูยังได้ยินเสียงระบายลมหายใจออกช้าๆ อย่างอ่อนใจอยู่ข้างๆ หู
ขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้ กลิ่นหอมจางๆ กรุ่นกำจายเต็มไปหมด คนเจ็บสูดลมหายใจเข้าลึกล้ำ ใจหนึ่งอิ่มเอิบ แต่อีกใจกลับหงุดหงิดอย่างประหลาด
ค่ำมืดแบบนี้ออกมากับเจ้าศมาได้ยังไงกัน ถึงมันจะเป็นสุภาพบุรุษสุดแสนดีที่สุดในโลก ไม่เลวระยำอย่างไอ้เมฆก็เถอะ ดูสิ นุ่งผ้าซิ่น เสื้อแขนกุด เนื้อนวลๆ ตัวหอมๆ แบบนี้ด้วย ช่างไม่รู้จักรักษาเนื้อรักษาตัวเสียบ้างเลยแม่คุ๊ณ!
เพียงไม่ถึงสิบนาทีต่อมา ศมาก็เลี้ยวรถเข้าจอดที่ตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ขณะที่ศมากำลังจะลงจากรถ ตรีเมฆก็เรียกเขาไว้ก่อน
“ศมา ฝากไว้หน่อย”
“เฮ้ย! ต้องใช้ปืนเลยเหรอ ใครเล่นมึงกันแน่วะไอ้เสือ”
“เออน่า...รับไปก่อน” ตรีเมฆยัดปืนกระบอกนั้นใส่มือเพื่อนก่อนที่บุรุษพยาบาลรูปร่างสูงใหญ่สองคนจะมาพยุงเขาลงนอนบนเตียงพยาบาลก่อนจะถูกเข็นหายเข้าไปด้านใน
จันทน์กะพ้อโทร.หาป้ามาลีเพื่อแจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้นางกับพ่อของตนรู้ และพยายามปลอบโยนให้นางไม่กังวลมากจนเกินไปนัก ราวครึ่งชั่วโมงแพทย์เจ้าของไข้ก็ออกมาบอกว่าตรีเมฆต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการสักคืน ทั้งสามจึงได้กลับบ้านตรีเนตรไปในเวลาเกือบเที่ยงคืน
******************
มาต่อค่าาาา >< ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่ตามไปอุดหนุนทุกช่องทางเลยนะคะ eBook โหลดได้ที่ mebmarket ส่วนแบบเล่มหนังสือเรื่องนี้ยังมีขายที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ นะ ส่วนในสต็อกสนพ.ตอนนี้ใกล้หมดแล้วค่ะ เหลืออยู่สิบกว่าเล่มเอง แอบตกใจเบาๆ เพิ่งไปเช็กกันมา ใครสนใจรีบสอยนะ มาเตือน แฮ่ หรือตามร้านออนไลน์ก็ยังมีค่ะ ฝากเอ็นดูหนูตรีเพชร และจันทน์กะพ้อกับตรีเมฆมากๆ น้าาาา
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2563, 19:36:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2563, 19:36:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 442
<< บทที่ 12 -75% | บทที่ 13 -35% >> |