รักเดียว

Tags: รักเดียว, รักนิรันดร

ตอน: page10-16

.....ระหว่างที่ฝั่งบ้านของชายหนุ่มกำลังวิ่งวุ่นหายาถอนพิษและหาทางช่วยชีวิตของเขา หล่อนกลับแอบพาเขากลับมายังโลกของหล่อน โลกที่วิวัฒนาการก้าวล้ำกว่าที่ใด โลกที่พลังธรรมชาติหลอมรวมกับพลังแห่งวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง
.
...127 นำร่างเปลือยเปล่าของเขานอนลงในแคปซูลที่ลอยคว้างอยู่กลางห้อง ณ ห้องหนึ่งที่สร้างขึ้น..ในอาณาจักรของหล่อน ภายในแคปซูลสีมุกขนาดพอดีกับตัวชายหนุ่มถูกบรรจุไว้ด้วยน้ำยาไร้สีจนเต็ม หล่อนวางร่างเขาลงในนั้น พร้อมกับเรียกชื่อผู้ช่วยของหล่อน

“แอลิส”

“เจ้าคะนายหญิง” แอลิสตอบรับคำสั่ง

“จัดการด้วย ” หล่อนกำชับ

“รับทราบคำสั่ง”

....สิ้นเสียงตอบรับ ภายในห้องเดิมที่เป็นห้องพยาบาลส่วนตัว ซึ่งมีผนังรอบด้านของห้องเป็นกระจกใสก็แปรสภาพเป็นมือกลยื่นออกมาจากผนังกระจกเหล่านั้น นับสิบมือ แต่ละมือล้วนถืออุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยชีวิตกันคนละหลายอย่าง พวกมันเร่งรุดเข้ามายังเป้าหมายคือ ร่างอันนอนนิ่งภายในแคปซูลหนึ่งเดียวนั้น และอย่างไม่รอร่ำทำเพลงพวกมันก็ละเลงทุกอย่างในมือของพวกมันลงไป...

...ชั่วเวลาเพียงหนึ่ง เพลงที่บรรเลงคลอเบาๆจบลง ... เสียงสมองกล ‘แอลิส’ ก็เรียกหล่อน

“นายหญิง ผู้ชายคนนี้ถึงแม้อวัยวะภายในจะถูกทำลาย และกระดูกจะแตกยับละเอียดเป็นเม็ดทรายไปแล้ว แต่หาได้ครณามือผู้เชี่ยวชาญอย่างแอลิสไม่ ตอนนี้เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย ในการช่วยฟื้นชีพ คงต้องยกหน้าที่นี้ให้นายหญิงแล้ว ”

สมองกลผู้หลงตัวเองแจ้งแก่นายของตน ก่อนจะคลายมือกลทั้งหมดกลับเข้าไปในฝาผนังเช่นก่อน กระจกใสรอบทิศก็เปลี่ยนกลับมาเรียบใสตามสภาพเดิม

“ข้าถูกชะตากับตัวละครผู้นี้ และคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมาก่อน” หล่อนเปรย

“จากการตรวจสอบดีเอ็นเอ เขาคือตัวละคร ที่รับบทบาทเป็นพระเอกของเรื่องนี้ และมีความสัมพันธ์กับดีเอ็นเอของคนผู้หนึ่งที่นายหญิงเคยให้การช่วยเหลือเมื่อหลายปีก่อน แบบถือเป็นคนคนเดียวกัน ”

“ใครกัน คนที่เจ้าว่า” หล่อนไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่แอลิสบอกนัก จึงเข้าใจว่าคนที่แอลิสเอ่ยถึง เป็นตัวละครหนึ่ง

“นายหญิง ไม่สู้ลองเข้าไปดูในความคิดของเขาเล่า”

“นั่นมันก็เสียมารยาทเกินไป ”

“ถ้าการเข้าไปดูความคิดคนอื่นเป็นการเสียมารยาท แล้วการที่ท่านนำตัวเขามาแบบไร้อาภรณ์เช่นนี้เรียกว่า...อะไร” แอลิสเป็นฝ่ายเปรยกลับไปบ้าง

หล่อนฟังสิ่งที่ผู้ช่วยกล่าวแล้วก็ให้รู้สึกทำหน้าไม่ถูก

“เจ้าก็..อมพะนำอยู่ได้ บอกข้ามาก็หมดเรื่อง เจ้าเองก็รู้ บอกมาเถอะข้าขี้เกียจย้อนกลับไปดู”

“ท่านเคยช่วยเขาในตอนเด็กที่เกือบตายจากโรคหอบหืด เมื่อหลายปีก่อน”

“อ่อ ... ข้าชอบอ่านนิยายคร่าวๆแล้วข้ามไปดูตอนจบเลย แล้วค่อยตัดสินใจอ่านเต็มๆ ทั้งเล่ม ...คงเป็นตอนที่ข้าอ่านมันคร่าวๆ” หล่อนมีเหตุผลให้กับการกระทำของตนเองที่อาจเป็นเหตุให้ได้เจอกับพระเอกคนนี้มาก่อน

“ตอนนั้นเขาอายุ 7 ขวบ ส่วนท่านก็...22ขวบ.... ตอนนี้ท่าน 36 เขา .. 21...พอดี ...กำลังกรุบกรอบทีเดียว”

หล่อนค้อนขวับกลอกตาปะลับเปลือกให้กับพูดส่อของแอลิสอีกวง

“เจ้าว่าข้าอยากกินเด็กรึ”

“ใครจะกล้าว่าท่านเล่า..ท่านพูดเอง...ข้าเปล่า..”

หล่อนฟังคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆของแอลิส แล้วก็ขำ หล่อนนะรึจะกินเขา อยู่มาจนป่านนี้ยังไม่มีใครทำให้หล่อนอยากกินได้เลยสักคน พระเอกเรื่องอื่นๆทั้งหล่อทั้งเก่ง แถมยังเซ็กซี่ยังทำอะไรหล่อนไม่ได้ แล้วกับพระเอกขี้โรคอย่างเขาจะมากระตุ้นต่อมน้ำหมากให้อยากกระจายของหล่อนได้อย่างไร ไม่มีทาง

“ เจ้าอย่าลืมว่าเขามีนางเอกของเรื่องที่รอกินเขาอยู่ทั้งคน ไม่ต้องไปแย่งเขากินหรอก”

“การที่คนเขียนเขียนให้พระเอกรักกับนางเอกนั้น เขาย่อมต้องเขียนไปตามโครงเรื่อง หาได้สามารถนั่งบรรยายความคิด ความรู้สึก การกระทำ หรือแม้แต่การเติบโตของตัวละครได้แบบวินาทีต่อวินาทีไม่ อีกอย่างนายหญิงกับเขาก็..” แอลิสพยายามชักแม่น้ำให้หล่อนคล้อยตามแต่ก็ถูกตัดบท

“ที่เจ้าว่ามาก็ถูก แต่จะให้ข้าแย่งเขามาเป็นของตัว แล้วพอกินเขาจนอิ่มก็โยนกลับไปคืนนางเอกหรือ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ”

“ถ้าเช่นนั้นก็ตัดใจ”

“ข้าไม่ได้มีใจให้เขาจะได้ต้องตัดใจ ข้าไม่เคยรักใครเจ้าก็รู้ ....นี่ก็ผ่านมา 3 วัน(เวลาในโลกของเขา) ข้าคงต้องพาเขากลับไปก่อน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ ข้าก็หาเรื่องใหม่อ่านต่อ สุดท้ายยังไงข้าก็ลืมเขาอยู่ดี ”

ว่าแล้วหล่อนก็ยื่นมือออกไปทำท่าดึง ร่างเปลือยของชายหนุ่มก็ลอยออกจากแคปซูลมาอยู่ตรงหน้า

...หญิงสาวนั่งมองร่างเปลือยที่ลอยอยู่ตรงหน้า....บอกกับเขาในใจ

‘ขั้นตอนสุดท้ายในการช่วยชีวิตเจ้าครั้งนี้ ข้าจะตามไปทำต่อที่โลกของเจ้าก็แล้วกัน หวังว่าเจ้าจะร่วมมือสู้ไปด้วยกันนะ’

“นายหญิงไม่คิดจะหาเสื้อผ้ามาใส่ให้เขาหน่อยรึ จะปล่อยให้เขาแก้ผ้าลอยไปลอยมาเหมือนผีเปรตอย่างนี้ไม่ได้นะ ใครเห็นเข้าจะหาว่า นายหญิงเป็นพวกโรคจิตเอา” แอลิสบอก เมื่อเห็นว่านายหญิงของตัวนั่งมองผู้ชายแก้ผ้าตาไม่กะปริบ

...127 ที่กำลังใช้สมาธิคุยกับเขา เมื่อได้ยินคำแนะนำของแอลิสถึงกับคิดคำพูดบอกกล่าวกับชายหนุ่มต่อไม่ออก จึงแก้เก้อให้กับคำพูดแสดงความห่วงใย!! ของแอลิส...ด้วยการเมินหน้าออกจากร่างเขา ......ฝากไว้ก่อนนะแอลิส....

“ข้าคงต้องกลับไปในเนื้อเรื่องแล้วล่ะ แอลิสอยู่เหย้าเฝ้าบ้านให้ดีๆล่ะ อ้อ..แล้วก็..ข้าไม่ใส่อะไรให้เขาทั้งนั้น จะพามาและพาไปทั้งอย่างนี้ล่ะ..ไม่อายคนด้วย..หน้าด้าน..จบไหม..”

พูดจบหล่อนก็พาเขาหายวับไปจากตรงนั้น ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าที่สร้างความเงียบเหงาต่อจิตใจของผู้เฝ้าบ้านแทนหมา ...

“....ข้าแอลิส..ไม่เคยเหงา..เพราะเจ้านายทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวมาตลอด ..แฟนคลับรู้..ทุกคนรู้..เพราะข้าคือคนใช้...และ..เราจะยอมเป็นทาสคุณต่อไป....อ้อ..แล้วก็นายหญิงสิ่งที่ข้าต้องการจะบอกท่าน..คือ...เขาไม่ใช่เพียงตัวละครธรรมดาอย่างที่ท่านเข้าใจ....”

....แอลิสทิ้งท้ายให้เจ้านายตามวลีเด็จที่ชาวโลกเขานิยมนำมาโคเวอร์ในติกต็อกของประเทศหนึ่ง

... ทว่า...สิ่งที่ได้ยินแอลิสพูดมีแค่ความว่างเปล่า..

..............................................................................................

127 พาพระเอกของเรื่องกลับมาส่งคืนยังเตียงของเขา หล่อนประคองร่างชายหนุ่มลงไปนอนบนเตียงทับร่างที่เป็นกายหยาบของเขาที่นอนอยู่ก่อนแล้ว ...ร่างของเขาที่ไปกับหล่อน..คือดวงจิตของเขานั่นเอง หล่อนไม่อาจนำร่างทั้งร่างของเขาไปกับหล่อนได้ หากทำเช่นนั้น ตัวละครตัวนี้จะหายไป คนเขียนคงงง คนอ่านก็คงงงว่า พระเอกหายไปไหน อีกทั้งจะได้สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องเดิมที่นางเอกซึ่งเป็นหมอจะพาอาจารย์มาตรวจอาการพระเอกทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันนางเอกนั่งเฝ้าพระเอกอยู่ที่ข้างเตียง ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ท่าทางอิดโรยและอมทุกข์ กว่าทุกครั้ง และกว่าที่นางเอกจะลุกออกไปจากห้องของพระเอกก็เป็นเวลาเลยเที่ยงคืน

ทำให้ไม่เพียงแค่นางเอกที่เพลียมากมายจากการหาทางช่วยชีวิตพระเอก ตัวหล่อนเองก็เพลียจัดเช่นกันเพราะไม่เคยต้องนอนเกิน 2 ทุ่มมาก่อน เมื่อดูแลจัดการกับร่างกายของเขาเรียบร้อย หล่อนจึงผล็อยหลับไปบนเตียงของเขาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆเขา

....เวลาล่วงไปจนดึกสงัด..ราวๆ ตีสองสีสาม .ร่างที่หลับมานานก็เริ่มฟื้น เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆขยับเปิดออกจนมองเห็นเพดานห้องของตนเอง ...มือเรียวถูกยกขึ้นมากุมที่ขมับและคลึงเบาๆ เพื่อเรียกสติตนเองให้กลับมา และคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ

......เขาจำได้ว่า....เขาบาดเจ็บจากการประมือกับผู้ร้ายที่ทำให้เกิดโรคระบาดในเมือง ทำให้เขาต้องนอนพักฟื้นรักษาตัวที่สำนักแพทย์ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังหนุ่มแน่นทำให้อาการบาดเจ็บหายเร็วกว่าที่คาด ต่อมาเขาจึงออกมาช่วยเป็นลูกมือดูแลคนเจ็บที่สำนักแพทย์ แต่อาการบาดเจ็บที่เขาคิดว่าดีขึ้นแล้วกลับแย่ลงอย่างไม่มีใครสังเกต ความรู้สึกเจ็บร้าวทั่วตัวอย่างรุนแรง แขนขาเปลี้ยจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว ทำให้เขาในวันนั้นต้องปลีกตัวจากการออกไปช่วยเหลือชาวบ้านที่มารักษาโรคระบาดที่สำนักแพทย์ และกลับมาพักผ่อนที่เรือน อีกทั้งเกรงว่าทุกคนจะเป็นกังวลจึงไม่ได้เอ่ยปากบอกอาการของตนเองให้ใครรู้ ...แต่หลังจากที่เขาหลับจนตื่นมากลับไม่รู้สึกถึงความทรมานเหล่านั้นราวกับทุกอย่างเป็นแค่ฝันไป..

...เขาลองขยับแขนขาดูก็ขยับได้อย่างไร้ซึ่งอาการเจ็บปวด หากจะยังหลงเหลือหลักฐานอาการเจ็บป่วยของเขาก็คงจะเป็นอาการอ่อนเพลียและความรู้สึกกระหายน้ำอย่างแรงที่ส่งผลให้เขาค่อยๆขยับตัวลุกนั่ง เพื่อยื่นมือออกไปหยิบกาน้ำที่วางไว้ประจำข้างหัวเตียง ความเคยชินว่ามันต้องอยู่ตรงนั้นทำให้เขาคว้ามือออกไปโดยไม่ต้องหันไปมอง

ทว่า สิ่งที่เขาคว้าได้กลับเป็นความนุ่มหยุ่นที่สามารถขยับขึ้นลงได้อย่างเป็นจังหวะ อย่างไม่แน่ใจนักเขาจึงออกแรงบีบใต้ฝ่ามือเพื่อให้รู้ว่ามันคือสิ่งใด

ปิ๊ป!!..ปิ๊ป!!

...ความเจ็บจากการถูกบีบที่เต้านมอย่างแรงปลุกให้ร่างที่หลับอยู่สะดุ้งเฮือก!!...

“โอ๊ย..!!! เจ็บนะ...ใครเล่นพิเรนเนี่ย”

แล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เกาหัวแกรกๆ ตาปรืออย่างง่วงงุน แต่เมื่อหันมาประสบพบกับดวงตาตรงหน้ากลางดึกท่ามกลางความมืดในยามวิกาลที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องช่องหน้าต่างให้พอมองเห็นรำไร

ทั้งคู่ต่างก็ร้องจ๊าก พร้อมกันอย่างไม่ต้องนัด

...หล่อนน่ะไม่เท่าไหร่หรอกเพราะยังพอระลึกเหตุการณ์ได้ เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะตกเตียงก็พลิกร่างตีลังกาม้วนหลังหนึ่งรอบดีดตัวกลับมานั่งบนเตียงในท่านางงามนั่งเสรี่ยอย่างงเรียบร้อยไร้ร่องรอยการบาดเจ็บ

แต่ไม่ใช่สำหรับเขาที่เพิ่งฟื้นไข้....ทำให้ร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงของเขาหงายหลังผลึ่ง หล่นจากเตียงอย่างง่ายดายไร้การควบคุม โชคยังดีที่ศีรษะไม่ได้กระแทกพื้นมีเพียงก้นที่จ้ำอ้าวพื้นอย่างแรง จนเขาต้องเอามือคลึงก้นตนเองป้อยๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บ หลังจากที่พยายามประคองตัวเองอยู่ที่พื้นข้างเตียงนอน

...เห็นดังนั้นหล่อนจึงเป็นฝ่ายลุกไปพยุงตัวของเขาให้ลุกขึ้นกลับมานั่งที่เตียงเช่นเดิม..ทว่า...

.....อย่างไม่ทันตั้งตัว ประ ตูห้องที่ปิดสนิทก็เปิดผลัวะ พร้อมกับใครต่อใครที่วิ่งกรูเข้ามาในห้อง ด้วยความเป็นห่วงบุรุษเจ้าของห้อง ต้นเหตุจากเสียงดังสนั่นที่ดังออกไปถึงภายนอกตอนทั้งคู่ตกจากเตียง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และเกิดพร้อมกันในเสี้ยววินาที ...

....หล่อนได้แต่นั่งอ้าปากค้าง...อย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก...ได้แต่นั่งรอให้แขกผู้แตกตื่นเหล่านั้นทยอยกลับออกไปจนหมด...เมื่อต่างได้เห็นแล้วว่าเจ้าของห้องฟื้นแล้วและรอด!!ปลอดภัยดี...

......เจ้าของห้องจึงได้ฤกษ์หันมาทางหล่อนเพื่อสะสางบางอย่าง และเมื่อหล่อนมองสบเข้าไปในลูกตาดำกลมโตของเขา ก็ให้รู้สึกเหมือนมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ลอยวนบนหัวของหล่อนเต็มไปหมด...

...เอ่อ..เขาคงอยากรู้จักเรา......หล่อนปลอบใจตัวเอง....งั้นก็แนะนำตัวเลยแล้วกัน....

“....สวัสดี..ข้า...เพื่อนแม่เอ้ย...ไม่ใช่..เพื่อน..ใหม่..ที่เจ้ากำลังจะรู้จัก...ข้าชื่อ...เอ่อ..ไม่ได้..ชื่อไม่มีมีแต่รหัส ...ข้ารหัส 127 แห่งอาณาจักรแฝงเงา! ยินดีที่ได้รู้จัก...เจ้า...” หล่อนยิ้มและแนะนำตัวอย่างที่คิดว่าจะสร้างความรู้สึกเป็นมิตรให้กับเพื่อนใหม่มากที่สุด

แทนคำตอบเขากลับนั่งมองหล่อนนิ่ง...มองหล่อนราวกับหล่อนไม่ใช่คน

“ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย ข้าไม่ใช่ผี ไม่ใช่เทวดา นางฟ้า ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนก็ตามนะ.....แล้วก็ไม่ใช่ศัตรูของเจ้าด้วย..” รีบปฏิเสธทุกข้อที่เขากำลังกล่าวหาหล่อนทางสายตา....

“ปกติก็ไม่เคยมีใครสามารถมองเห็นข้าได้นะ ยิ่งแตะเนื้อต้องตัวยิ่งไม่ได้ใหญ่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่เจ้ามองเห็นและสัมผัสข้าได้”

คำว่าสัมผัสที่หล่อนเอ่ยออกไปอย่างไม่ตั้งใจส่งผลให้หนุ่มน้อยผู้ยังด้อยประสบการณ์บางอย่างหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จึงต้องเป็นหล่อนที่เดือดร้อนรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธความเข้าใจผิดที่เกิด

“เปล่านะ ข้าไม่ได้หมายถึงสัมผัสอันนั้นของเจ้านะ” หล่อนรีบปฏิเสธอีกรอบและยกมือปัดไปมาเป็นพลวัน เพื่อไม่ให้เขาคิดไปไกล

“ในโลกของข้าถือว่าการจับ..เอ่อ..การจับนม!! คนอื่นเป็นเรื่องปกติน่ะ..แฮ่ๆ” หล่อนโกหกเพื่อสร้างความสบายใจให้อีกฝ่าย...

ทุกครั้งในการเข้าไปในเนื้อเรื่อง ทั้งนิยาย เอย ละครเอย ทุกตัวละครล้วนไม่เคยมีผู้ใดสามารถมองเห็นหรือรับรู้ความมีอยู่ของหล่อนได้ มีเพียงหล่อนเท่านั้นที่รู้และเห็นเรื่องราว นิยายเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ตัวละครที่เข้ามาเมื่อครู่ไม่มีใครมองเห็นหล่อน

....แต่.....เขา....กลับสามารถ มองเห็นหล่อนและจับต้องหล่อนได้....

...อย่างไม่น่าเชื่อ..

“เจ้าไม่ต้องคิดมากแล้ว คิดซะว่าได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาก็แล้วกัน” หล่อนตัดบทเมื่อเห็นว่าเขาจะอ้าปากจะพูดบางอย่าง...

“..เอ่อ..แล้วก็ไม่ต้องไล่ข้าออกไปไหนด้วย..เพราะจากนี้ไปข้าจะอยู่กับเจ้าจนจบเรื่องเลย....ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาตามนี้ก็แล้วกัน...นะ ..” หล่อนบอกอีกโดยไม่ต้องรอเขาอนุญาต ...

แล้วหล่อนก็วิสาสะเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขา ออกแรงกดให้เขาเอนหลังลงนอนต่อ โดยยังมีหล่อนนอนอยู่ข้างๆ...บอกกับเขาให้ไม่ต้องคิดมากให้รีบๆพักผ่อน

“ข้าเองก็ง่วงมากรับรองทำอะไรเจ้าไม่ไหวแน่...รีบนอนกันดีกว่า ..มีอะไรค่อยว่ากันต่อพรุ่งนี้นะ..นะ”

...เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงเชื่อหล่อน จนยอมเออออห่อหมกไปกับหล่อนทุกอย่าง ...ถึงขั้นร่วมเรียงเคียงหมอนกันเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดความอ่อนเพลียที่มีอยู่รุนแรง ทำให้เขาไม่มีแรงจะต่อกรกับหล่อน จึงได้เพียงยอมนอนลงตามแรงกึ่งประคองกึ่งดันของสองมือที่โอบรอบตัวเขาเช่นนั้น

“เอ๋ๆๆๆ...หลับหนอๆๆ ” หล่อนกล่อมเขาราวกล่อมเด็ก แล้วก็ลืมมือสองข้างของตนเองที่โอบรอบตัวเขาอยู่อย่างนั้น..จนหลับไปด้วยกัน

...ในฝันคืนนั้นของชายหนุ่ม ...เขาเห็นตัวเองได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของมารดาและหลับอยู่ในอ้อมแขนแสนอบอุ่นนั้นอย่างเป็นสุข...ตั้งแต่มารดาจากเขาไปตอนอายุ 7 ขวบเขามักจะโหยหาความอบอุ่นเช่นนี้มาตลอด..แต่.....เพราะถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาในครอบครัวทหารหารทำให้เขาไม่อาจแสดงมันออกมาและต้องเก็บมันเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจตนเองเสมอมา...

...คืนนี้จึงเป็นคืนที่เขาหลับอย่างเป็นสุข..ที่สุดในรอบ สิบกว่าปีที่ผ่านมา



ผู้หญิงลืมง่าย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2563, 18:53:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2563, 19:07:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 412





<< page1-9   p17-22 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account