ม่านมนตกานต์: รางนาก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ญาตาวี เสน่ห์จันทน์’ ดาราเจ้าบทบาทแถวหน้าของเมืองไทย
เธอประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
แต่! กลับล้มเหลวในชีวิตรักอย่างยับเยิน
เธอหอบร่างกายบอบช้ำและหัวใจที่แหลกสลายกลับมายัง ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’
ที่นี่เธอได้พบกับ ‘นางฟ้าน้อย’ พรายกุมารที่คอยช่วยเหลือ และปลอบโยนเธอจากความเศร้า
หัวใจของเธอได้รับการเยียวยาจนได้พบกับ ‘สารวัตรเขมินทร์’
ผู้ชายที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของหญิงสาวไปตลอดกาล
ทว่า...เงื่อนงำในเรือนเสน่ห์จันทน์ยังคงเป็นปริศนา!!!
ชีวิตของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย
รอวันร่วงหล่นลงขุม ‘อวิชชา’ เลวร้าย
เธอและเขาจะก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่...
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย รางนาก(สะมะเรีย) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ เล่มจบของซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ค่ะ เปิดเปลือยชีวิตของทุกตัวละคร เฉลยทุกปมฆาตกรรมที่ยังค้างคา และจุดจบของยายเจิมจันทร์กับเรือนเสน่ห์จันทน์ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ห้ามพลาดเด็ดขาด!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก, ร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อม่านมนตกานต์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ม่านมนตกานต์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และเลื่อมลายพรายจันทร์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(ม่านมนตกานต์ เป็นเรื่องราวของหนึ่งในหลานสาวบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เธอประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
แต่! กลับล้มเหลวในชีวิตรักอย่างยับเยิน
เธอหอบร่างกายบอบช้ำและหัวใจที่แหลกสลายกลับมายัง ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’
ที่นี่เธอได้พบกับ ‘นางฟ้าน้อย’ พรายกุมารที่คอยช่วยเหลือ และปลอบโยนเธอจากความเศร้า
หัวใจของเธอได้รับการเยียวยาจนได้พบกับ ‘สารวัตรเขมินทร์’
ผู้ชายที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของหญิงสาวไปตลอดกาล
ทว่า...เงื่อนงำในเรือนเสน่ห์จันทน์ยังคงเป็นปริศนา!!!
ชีวิตของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย
รอวันร่วงหล่นลงขุม ‘อวิชชา’ เลวร้าย
เธอและเขาจะก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่...
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย รางนาก(สะมะเรีย) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ เล่มจบของซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ค่ะ เปิดเปลือยชีวิตของทุกตัวละคร เฉลยทุกปมฆาตกรรมที่ยังค้างคา และจุดจบของยายเจิมจันทร์กับเรือนเสน่ห์จันทน์ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ห้ามพลาดเด็ดขาด!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก, ร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อม่านมนตกานต์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ม่านมนตกานต์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และเลื่อมลายพรายจันทร์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(ม่านมนตกานต์ เป็นเรื่องราวของหนึ่งในหลานสาวบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 3 -100% + eBook
eBook ม่านมนตกานต์วางจำหน่ายที่ Mebmarket แล้วนะคะ วันนี้วันแรกเลย ใครอยากอ่านเต็มๆ ไม่ต้องรอจัดไปจ้าาาาาา
*********************
นับจากนั้นเดชสิทธิ์ก็แทบไม่สนใจใคร งานการก็ทำบ้างไม่ทำบ้างจนทุกคนพากันเอือมระอา ต่างลงความเห็นว่าเดชสิทธิ์คงโดนเสน่ห์ยาแฝดอย่างไม่ต้องสงสัย จึงพยายามช่วยเหลือด้วยการพาเดชสิทธิ์ไปหาอาจารย์เก่งๆ แต่ก็ไม่ดีขึ้น
จนท้ายที่สุดเจ้าสัวและบิดาของเดชสิทธิ์ก็ทนไม่ไหว จึงร่วมมือกันจ้างมือดีสามคนปลอมเป็นโจรย่องขึ้นเรือนเสน่ห์จันทน์ เพื่อให้ตามหาบุตรสาวที่หายไปและตามหาหุ่นรูปรอยเพื่อนำมาทำลาย เจ้าสัวไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้บุตรสาวกลับมาทั้งที่ยังมีชีวิต ขอเพียงได้นำกระดูกของบุตรสาวกลับมาบำเพ็ญกุศลก็เพียงพอแล้ว ทว่าชายฉกรรจ์กลับเป็นบ้าเสียสติ ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนเสน่ห์จันทน์ แล้วเหตุใดชายทั้งสามคนถึงมีท่าทางหวาดกลัว ขวัญผวา ราวกับพบเจอสิ่งที่น่ากลัว
“เราเคยขอหมายค้นเข้าไปค้นเรือนเสน่ห์จันทน์แทบทุกซอกมุม แต่ก็ไม่พบ พยายามมาหลายปีจนคดีหมดอายุความ” เปรมจิตเล่าอดีตด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ็บช้ำและเกลียดชังเจิมจันทร์สุดหัวใจ
“เป็นไปได้ไหมครับคุณย่าว่า เดชสิทธิ์อาจสมรู้ร่วมคิดกับเจิมจันทร์วางแผนลอบทำร้ายย่าขวัญ” ชายหนุ่มพยายามมองหาเหตุจูงใจให้คนร้ายก่อเหตุ หากว่าเป็นเรื่องรักสามเส้าก็พอจะมีเค้าลาง แต่หากเป็นเรื่องเสน่ห์คุณไสยเขามองว่าเป็นเรื่องงมงาย เป็นเพียงความเชื่อที่เชื่อต่อๆ กันมาโดยปราศจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
ยิ่งคนในยุคของเปรมจิต ยิ่งมีความเชื่อเรื่องพวกนี้มากกว่าคนสมัยใหม่
“ย่าว่าเป็นไปไม่ได้ เดชสิทธิ์โดนเสน่ห์จริงๆ เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ดูหมองคล้ำและซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา ไม่ร่าเริงเป็นมิตรเหมือนก่อน อีกทั้งยังทำตัวตัดขาดจากญาติมิตรไม่สุงสิงกับใครเลย”
“ความจริงเดชสิทธิ์อาจไม่ใช่คนดีอะไร แค่เวลาทำให้เขาเผยธาตุแท้ออกมาก็เท่านั้น แรกเริ่มย่าขวัญเจอเขาที่เมืองนอกอาจจะหลงคำหวานทำให้มองเขาเป็นสุภาพบุรุษนักเรียนนอก สาวๆ ที่ไหนเจอแบบนี้ก็ตามืดบอดเพราะความรักความหลงกันแทบทุกคนแหละครับ แล้วที่เขาซึมเศร้าอาจเป็นเพราะรู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ตนเองและเจิมจันทร์ร่วมมือกันทำร้ายย่าขวัญ กรณีที่เขาไม่ติดต่อญาติก็อาจเป็นเพราะโกรธที่ญาติพากันขัดขวางงานแต่งงาน อีกทั้งยังไม่ยอมมาร่วมงานแต่งงานของเขาอีกด้วย” สารวัตรหนุ่มวิเคราะห์คร่าวๆ จากสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้
หลายครั้งที่เขาต้องคลี่คลายปัญหารักๆ ใคร่ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนในฝัน ความคาดหวังจึงตีกรอบความสัมพันธ์ บังคับให้อีกฝ่ายเป็นอย่างที่ตนต้องการ ประคองความรักด้วยการหันด้านที่ดีที่สุดเข้าหาอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายเผยอีกด้านให้เห็นก็ผิดหวังและกล่าวโทษว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ทั้งที่ความจริงแล้วฝ่ายนั้นไม่เคยเปลี่ยน การเรียนรู้กันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
“ผมว่าเรื่องนี้หลักๆ น่าจะมาจากความโลเล หลายใจของเดชสิทธิ์”
ทว่าเปรมจิตกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย จนเขมินทร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป
“ทำไมคุณย่าถึงดูมั่นใจนักล่ะครับว่าเดชสิทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของย่าขวัญ แล้วเรื่องโดนเสน่ห์ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปได้สิ ย่าเห็นมาเองกับตาว่าเดชสิทธิ์เปลี่ยนไป เดชสิทธิ์ใช้ชีวิตอยู่กับเจิมจันทร์ด้วยความทุกข์ทรมานมาถึงเจ็ดปี วันดีคืนดีนังนั่นมันคงนึกกลัวว่าถ้าผูกเดชสิทธิ์ไว้ด้วยเสน่ห์ไปเรื่อยๆ เขาคงตายเข้าสักวันมันจึงคลายมนตร์ออก หลังจากนั้นเดชสิทธิ์ก็กลับมาที่บ้านมาหาญาติๆ แล้วกราบขอขมา มาถามหาขวัญแล้วร้องไห้เสียจนน่าสังเวชใจ ทุกคนอยากช่วยเดชสิทธิ์ให้ออกจากบ้านหลังนั้นแต่เขาไม่ยอมออกมา เดชสิทธิ์บอกว่าสงสารลูกสาวสองคน ถ้าขาดพ่อไปคงเคว้งคว้าง เพราะแม่อย่างเจิมจันทร์มีแต่จะสอนสิ่งเลวร้ายให้ลูกมากกว่าจะสอนให้เป็นคนดี”
“อาจเป็นเล่ห์กลของเดชสิทธิ์เพื่อขอให้ทุกคนให้อภัยเขาหรือเปล่าครับ มันอาจเป็นข้ออ้างก็ได้นะครับ” เขมินทร์ไม่ปักใจเชื่อ
“ว่ากันว่าใครที่โดนเสน่ห์ยาแฝดเป็นเวลานานๆ ร่างกายจะอ่อนแอแล้วค่อยๆ ตายไป เดชสิทธิ์โดนมาถึงเจ็ดปี แม้ว่ามนตร์จัญไรจะคลายออกแล้วแต่สภาพร่างกายก็ไม่อาจสู้ไหว นับจากนั้นเดชสิทธิ์ก็ป่วยกระเสาะกระแสะล้มหมอนนอนเสื่อแทบลุกเดินไม่ไหว หมอเก่งขนาดไหนก็ไม่มีใครหาสาเหตุการป่วยของเดชสิทธิ์พบ จากนั้นไม่นานเขาก็หลับไปไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย โดยในมือของเดชสิทธิ์กำดอกกุหลาบสีชมพูเอาไว้”
เขมินทร์นิ่งเงียบเมื่อรู้ว่าท้ายที่สุดเดชสิทธิ์ต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร มันช่างเป็นโศกนาฏกรรมรักที่น่าเศร้า
“กุหลาบสีชมพูที่ขวัญรักมากที่สุด”
“ผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”
“ไม่มีใครคาดคิดว่าเดชสิทธิ์จะจากโลกนี้ไป แม้แต่งานศพนังเจิมยังไม่ยอมให้พวกย่าเข้าไปร่วมงาน คนอย่างมันเลวเสียยิ่งกว่าเลวจนย่าไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเปรียบเปรย” เปรมจิตใช้หลังมือเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาก่อนจะเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ เพื่อบังคับหยาดน้ำตาไม่ให้หยาดหยด
“ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมาก” เขมินทร์ถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเช่นนั้น หากเขาคิดจะรื้อคดีนี้ขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง เขาจะประมาทผู้หญิงอย่างเจิมจันทร์ไม่ได้เลยจริงๆ
“ย่าหวังนะ...หวังอยากให้ดวงวิญญาณของเดชสิทธิ์กับขวัญได้พบกัน แต่คนอย่างเจิมจันทร์ต้องเล่นคุณไสยมนตร์ดำ ย่ากลัวว่ามันจะสะกดดวงวิญญาณของขวัญและเดชสิทธิ์เอาไว้ เพราะตอนที่เจ้าสัวสืบข่าวเรื่องเจิมจันทร์ ท่านรู้มาว่านังคนนี้ไปเรียนไสยมอญกับอาจารย์โฉดที่ชอบใช้วิชาไปในทางชั่วร้าย”
เขมินทร์ปล่อยให้ย่าพูดไปตามที่ท่านเชื่อ ส่วนเขาเองก็เลือกฟังในส่วนของคำพูดที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อะไรที่เป็นความเชื่อเขาก็ขอปล่อยผ่าน
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณย่า ผมจะรื้อคดีนี้ขึ้นมาทำอีกครั้ง ย่าขวัญจะต้องได้กลับบ้านครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสูงวัยเอาไว้ ก่อนจะฉุกใจอะไรบางอย่างจึงเอ่ยถามออกไป “แล้วเรื่องข่าวดาราเมื่อเช้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับคุณย่า”
“เกี่ยวสิ เพราะญาตาวีเป็นหลานสาวของเจิมจันทร์”
ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ เขาเพิ่งรู้มาว่าเพื่อนของเขารับผิดชอบคดีทำร้ายร่างกายและฟ้องหย่าของญาตาวีกับธนวัชร์ คงไม่ยากนักที่เขาจะเข้าไปตีสนิทกับญาตาวี เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสเข้าไปสืบหาย่าขวัญฤดีที่บ้านเสน่ห์จันทน์
แต่ก่อนอื่นเขาคงต้องสืบประวัติของญาตาวีเสียก่อน...
******************
อย่าลืมไปจัด eBook กันนะ
*********************
นับจากนั้นเดชสิทธิ์ก็แทบไม่สนใจใคร งานการก็ทำบ้างไม่ทำบ้างจนทุกคนพากันเอือมระอา ต่างลงความเห็นว่าเดชสิทธิ์คงโดนเสน่ห์ยาแฝดอย่างไม่ต้องสงสัย จึงพยายามช่วยเหลือด้วยการพาเดชสิทธิ์ไปหาอาจารย์เก่งๆ แต่ก็ไม่ดีขึ้น
จนท้ายที่สุดเจ้าสัวและบิดาของเดชสิทธิ์ก็ทนไม่ไหว จึงร่วมมือกันจ้างมือดีสามคนปลอมเป็นโจรย่องขึ้นเรือนเสน่ห์จันทน์ เพื่อให้ตามหาบุตรสาวที่หายไปและตามหาหุ่นรูปรอยเพื่อนำมาทำลาย เจ้าสัวไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้บุตรสาวกลับมาทั้งที่ยังมีชีวิต ขอเพียงได้นำกระดูกของบุตรสาวกลับมาบำเพ็ญกุศลก็เพียงพอแล้ว ทว่าชายฉกรรจ์กลับเป็นบ้าเสียสติ ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนเสน่ห์จันทน์ แล้วเหตุใดชายทั้งสามคนถึงมีท่าทางหวาดกลัว ขวัญผวา ราวกับพบเจอสิ่งที่น่ากลัว
“เราเคยขอหมายค้นเข้าไปค้นเรือนเสน่ห์จันทน์แทบทุกซอกมุม แต่ก็ไม่พบ พยายามมาหลายปีจนคดีหมดอายุความ” เปรมจิตเล่าอดีตด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ็บช้ำและเกลียดชังเจิมจันทร์สุดหัวใจ
“เป็นไปได้ไหมครับคุณย่าว่า เดชสิทธิ์อาจสมรู้ร่วมคิดกับเจิมจันทร์วางแผนลอบทำร้ายย่าขวัญ” ชายหนุ่มพยายามมองหาเหตุจูงใจให้คนร้ายก่อเหตุ หากว่าเป็นเรื่องรักสามเส้าก็พอจะมีเค้าลาง แต่หากเป็นเรื่องเสน่ห์คุณไสยเขามองว่าเป็นเรื่องงมงาย เป็นเพียงความเชื่อที่เชื่อต่อๆ กันมาโดยปราศจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
ยิ่งคนในยุคของเปรมจิต ยิ่งมีความเชื่อเรื่องพวกนี้มากกว่าคนสมัยใหม่
“ย่าว่าเป็นไปไม่ได้ เดชสิทธิ์โดนเสน่ห์จริงๆ เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ดูหมองคล้ำและซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา ไม่ร่าเริงเป็นมิตรเหมือนก่อน อีกทั้งยังทำตัวตัดขาดจากญาติมิตรไม่สุงสิงกับใครเลย”
“ความจริงเดชสิทธิ์อาจไม่ใช่คนดีอะไร แค่เวลาทำให้เขาเผยธาตุแท้ออกมาก็เท่านั้น แรกเริ่มย่าขวัญเจอเขาที่เมืองนอกอาจจะหลงคำหวานทำให้มองเขาเป็นสุภาพบุรุษนักเรียนนอก สาวๆ ที่ไหนเจอแบบนี้ก็ตามืดบอดเพราะความรักความหลงกันแทบทุกคนแหละครับ แล้วที่เขาซึมเศร้าอาจเป็นเพราะรู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ตนเองและเจิมจันทร์ร่วมมือกันทำร้ายย่าขวัญ กรณีที่เขาไม่ติดต่อญาติก็อาจเป็นเพราะโกรธที่ญาติพากันขัดขวางงานแต่งงาน อีกทั้งยังไม่ยอมมาร่วมงานแต่งงานของเขาอีกด้วย” สารวัตรหนุ่มวิเคราะห์คร่าวๆ จากสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้
หลายครั้งที่เขาต้องคลี่คลายปัญหารักๆ ใคร่ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนในฝัน ความคาดหวังจึงตีกรอบความสัมพันธ์ บังคับให้อีกฝ่ายเป็นอย่างที่ตนต้องการ ประคองความรักด้วยการหันด้านที่ดีที่สุดเข้าหาอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายเผยอีกด้านให้เห็นก็ผิดหวังและกล่าวโทษว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ทั้งที่ความจริงแล้วฝ่ายนั้นไม่เคยเปลี่ยน การเรียนรู้กันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
“ผมว่าเรื่องนี้หลักๆ น่าจะมาจากความโลเล หลายใจของเดชสิทธิ์”
ทว่าเปรมจิตกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย จนเขมินทร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป
“ทำไมคุณย่าถึงดูมั่นใจนักล่ะครับว่าเดชสิทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของย่าขวัญ แล้วเรื่องโดนเสน่ห์ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปได้สิ ย่าเห็นมาเองกับตาว่าเดชสิทธิ์เปลี่ยนไป เดชสิทธิ์ใช้ชีวิตอยู่กับเจิมจันทร์ด้วยความทุกข์ทรมานมาถึงเจ็ดปี วันดีคืนดีนังนั่นมันคงนึกกลัวว่าถ้าผูกเดชสิทธิ์ไว้ด้วยเสน่ห์ไปเรื่อยๆ เขาคงตายเข้าสักวันมันจึงคลายมนตร์ออก หลังจากนั้นเดชสิทธิ์ก็กลับมาที่บ้านมาหาญาติๆ แล้วกราบขอขมา มาถามหาขวัญแล้วร้องไห้เสียจนน่าสังเวชใจ ทุกคนอยากช่วยเดชสิทธิ์ให้ออกจากบ้านหลังนั้นแต่เขาไม่ยอมออกมา เดชสิทธิ์บอกว่าสงสารลูกสาวสองคน ถ้าขาดพ่อไปคงเคว้งคว้าง เพราะแม่อย่างเจิมจันทร์มีแต่จะสอนสิ่งเลวร้ายให้ลูกมากกว่าจะสอนให้เป็นคนดี”
“อาจเป็นเล่ห์กลของเดชสิทธิ์เพื่อขอให้ทุกคนให้อภัยเขาหรือเปล่าครับ มันอาจเป็นข้ออ้างก็ได้นะครับ” เขมินทร์ไม่ปักใจเชื่อ
“ว่ากันว่าใครที่โดนเสน่ห์ยาแฝดเป็นเวลานานๆ ร่างกายจะอ่อนแอแล้วค่อยๆ ตายไป เดชสิทธิ์โดนมาถึงเจ็ดปี แม้ว่ามนตร์จัญไรจะคลายออกแล้วแต่สภาพร่างกายก็ไม่อาจสู้ไหว นับจากนั้นเดชสิทธิ์ก็ป่วยกระเสาะกระแสะล้มหมอนนอนเสื่อแทบลุกเดินไม่ไหว หมอเก่งขนาดไหนก็ไม่มีใครหาสาเหตุการป่วยของเดชสิทธิ์พบ จากนั้นไม่นานเขาก็หลับไปไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย โดยในมือของเดชสิทธิ์กำดอกกุหลาบสีชมพูเอาไว้”
เขมินทร์นิ่งเงียบเมื่อรู้ว่าท้ายที่สุดเดชสิทธิ์ต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร มันช่างเป็นโศกนาฏกรรมรักที่น่าเศร้า
“กุหลาบสีชมพูที่ขวัญรักมากที่สุด”
“ผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”
“ไม่มีใครคาดคิดว่าเดชสิทธิ์จะจากโลกนี้ไป แม้แต่งานศพนังเจิมยังไม่ยอมให้พวกย่าเข้าไปร่วมงาน คนอย่างมันเลวเสียยิ่งกว่าเลวจนย่าไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเปรียบเปรย” เปรมจิตใช้หลังมือเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาก่อนจะเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ เพื่อบังคับหยาดน้ำตาไม่ให้หยาดหยด
“ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมาก” เขมินทร์ถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเช่นนั้น หากเขาคิดจะรื้อคดีนี้ขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง เขาจะประมาทผู้หญิงอย่างเจิมจันทร์ไม่ได้เลยจริงๆ
“ย่าหวังนะ...หวังอยากให้ดวงวิญญาณของเดชสิทธิ์กับขวัญได้พบกัน แต่คนอย่างเจิมจันทร์ต้องเล่นคุณไสยมนตร์ดำ ย่ากลัวว่ามันจะสะกดดวงวิญญาณของขวัญและเดชสิทธิ์เอาไว้ เพราะตอนที่เจ้าสัวสืบข่าวเรื่องเจิมจันทร์ ท่านรู้มาว่านังคนนี้ไปเรียนไสยมอญกับอาจารย์โฉดที่ชอบใช้วิชาไปในทางชั่วร้าย”
เขมินทร์ปล่อยให้ย่าพูดไปตามที่ท่านเชื่อ ส่วนเขาเองก็เลือกฟังในส่วนของคำพูดที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อะไรที่เป็นความเชื่อเขาก็ขอปล่อยผ่าน
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณย่า ผมจะรื้อคดีนี้ขึ้นมาทำอีกครั้ง ย่าขวัญจะต้องได้กลับบ้านครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสูงวัยเอาไว้ ก่อนจะฉุกใจอะไรบางอย่างจึงเอ่ยถามออกไป “แล้วเรื่องข่าวดาราเมื่อเช้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับคุณย่า”
“เกี่ยวสิ เพราะญาตาวีเป็นหลานสาวของเจิมจันทร์”
ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ เขาเพิ่งรู้มาว่าเพื่อนของเขารับผิดชอบคดีทำร้ายร่างกายและฟ้องหย่าของญาตาวีกับธนวัชร์ คงไม่ยากนักที่เขาจะเข้าไปตีสนิทกับญาตาวี เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสเข้าไปสืบหาย่าขวัญฤดีที่บ้านเสน่ห์จันทน์
แต่ก่อนอื่นเขาคงต้องสืบประวัติของญาตาวีเสียก่อน...
******************
อย่าลืมไปจัด eBook กันนะ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2563, 17:15:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2563, 17:15:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 416
<< บทที่ 3 -70% | บทที่ 4 -40% + เปิดจองถึงสิ้นเดือน >> |