การเมืองอลหม่าน
แค่ถกเถียงกันในสภาก็วุ่นวายพออยู่แล้ว แต่เมื่อเธอได้เจอแม่ค้าในวัยนักศึกษาถึงขั้นสนิทจนไว้ใจกันคุยด้วยทุกเรื่อง นั่นล่ะความพังจึงบังเกิด
Tags: นิยายรัก

ตอน: ตอนที่ 3 ฮีโร่ของแม่ค้า

เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นโดนดอกบัววิ่งชนเข้าอย่างจัง จนล้มลงไปนอนกับพื้น เธอร้องไห้เสียงดังออกมาด้วยมาความเจ็บปวด ตามข้อศอกมีแผลและเลือดไหล
ดอกบัวทำอะไรไม่ถูก เธอเองก็รีบมาก แต่ก็สู้สายตาคนแถวนั้นไม่ไหว เหมือนกับว่าเธอต้องรับผิดชอบเด็กคนนี้
“เห้ยหนู! มาเดินอยู่ตรงนี้ได้ไง พ่อแม่อยู่ไหน” ดอกบัวเอ่ยถาม
เด็กผู้หญิงยังนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น มือเธอกุมแผลไว้แน่นไม่พูดจาซักคำเพราะความเจ็บ “ฮืออๆๆ หนูเจ็บ ฮือๆๆ”
ดอกบัวไม่มีทางเลือก สายตาของคนแถวนั้นกดดันเธอเหลือเกิน เธอจึงรีบพาเด็กคนนั้นไปโรงพยาบาล “ไป เดี๋ยวพี่พาไปทำแผลนะ แล้วไปหาพ่อแม่กัน”
เด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองดอกบัว และยอมไปแต่โดยดี
----ขณะนั่งแท็กซี่-----
เด็กผู้หญิงเริ่มหยุดร้องไห้แล้ว ดอกบัวเห็นอย่างนั้นจึงชวนพูดคุย “พี่ชื่อบัวนะ พี่ขอโทษนะ พี่ผิดเองที่รีบจนไม่ทันได้ดูทาง เดี๋ยวทำแผลเสร็จ พี่จะพาไปทานไอศครีมนะ” ดอกบัวพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูพลางลูบหัวเธอไปด้วย
เด็กผู้หญิงเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “จริงๆนะคะ หนูอยากกินไอติมๆๆ เย้ๆๆได้กินไอติมแล้ววว”
ดอกบัวเห็นท่าทีเด็กผู้หญิงจึงนึกแปลกใจ ‘แค่ไอติมทำไมต้องดีใจขนาดนี้เนี่ย’ เธอพึมพำในใจ
“แหม อย่างกับไม่เคยกินเลยน๊าเด็กน้อย”ดอกบัวแซว
เด็กผู้หญิงหันมาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพราะกำลังดีใจที่จะได้ทานไอศครีม “ไม่เคยเลยค่ะ แม่หนูทำงานทั้งวัน ตั้งแต่หนูเรียนป.1หนูก็ต้องกลับบ้านเองตลอด แม่บอกว่าของหวานๆจะทำให้เราตายเร็วขึ้น”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดได้ไงเนี่ย”ดอกบัวเผลอหัวเราะและอุทานออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่ค่ะ แต่หนูไม่เชื่อหร๊อก เห็นเพื่อนๆกินกันออกจะเยอะแยะไป แต่ไม่เห็นมีใครตายเลย แต่..หนูก็ไม่กล้าขัดคำสั่งแม่อยู่ดี”เด็กน้อยตอบเสียงใส
ดอกบัวลูบหัวเด็กน้อยอีกครั้งด้วยความเอ็นดู “แล้วพ่อหนูล่ะ พ่อให้หนูกินไอติมได้รึเปล่า” ดอกบัวถามด้วยความสงสัย
เด็กน้อยทำหน้าหงอยและตอบด้วยความไร้เดียงสาว่า “พ่อไปอยู่บ้านที่อื่นแล้วค่ะพ่อไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว”
ดอกบัวได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจทันที เธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “ไม่เป็นไรนะ ถ้าพี่เจอแม่หนู พี่จะขอให้ ว่าจะพาหนูไปกินไอติมทุกเย็นเลย ดีมั้ย?”
เด็กน้อยยิ้มระรื่น “จริงๆนะคะพี่ดอกบัว เย้ๆๆๆ”

----เมื่อถึงโรงพยาบาล----
ดอกบัวพาเด็กน้อยเข้าไปทำแผล เธอไม่ร้องซักแอะ เพราะดอกบัวจับมือเธอไว้แน่น เด็กน้อยรู้สึกเหมือนไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้จากใครมาก่อนไม่ว่าจะจากพ่อหรือแม่ของเธอ
เมื่อทำแผลเสร็จดอกบัวก็ได้พาเด็กน้อยไปยังร้านไอศครีมที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก
เมื่อทั้งสองเลือกโต๊ะได้พร้อมกับสั่งไอศครีมเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรอนั้น ดอกบัวก็ได้ถามขึ้น “เอ้อ พี่ยังไม่รู้จักชื่อหนูเลย”
เด็กน้อยตอบ “หนูชื่อจ้ะจ๋าค่ะ”
“โอเคจ่ะน้องจ๊ะจ๋า งั้นต่อจากวันนี้เราเป็นเพื่อนกันนะ” ดอกบัวตอบพร้อมยื่นนิ้วก้อยออกมา คล้ายๆการสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกัน
น้องจ๊ะจ๋าเกี่ยวก้อยกับดอกบัวด้วยความดีใจที่เธอกำลังจะได้มีเพื่อน แถมจะได้ทานไอศครีมทุกวันอีกด้วย
เมื่อทั้งคู่ทานไอศครีมกันเสร็จในเวลา 19.20น. ดอกบัวจึงไปส่งน้องจ้ะจ๋ากลับบ้าน “เดี๋ยวพี่นั่งแท๊กซี่ไปส่งที่บ้านนะเพราะนี่ก็ค่ำแล้วมันอันตราย” เด็กน้อยพยักหน้าพร้อมจูงมือดอกบัวขึ้นรถแท๊กซี่
เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าบ้านน้องจ้ะจ๋า
‘โอ้โห! บ้านหรือคฤหาสเนี่ย อย่างกะอยู่กันเป็นสิบคน’ ดอกบัวอุทานในใจด้วยความตกใจ
“ถึงแล้วค่ะบ้านหนู” จ้ะจ๋าบอกดอกบัวพร้อมกับเขย่งเท่าขึ้นไปกดกริ่งหน้าบ้านเพื่อให้คุณแม่มาเปิดประตูให้
แม่ของจ๊ะจ๋าก็คือคุณภูษิตานั่นเอง เธอได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านก็รีบเดินออกมาด้วยความร้อนรน ผมก็ไม่ได้หวี หน้าไม่ได้แต่ง ดอกบัวจึงจำเธอไม่ได้ว่าเธอคือสส.ยอดนิยมที่สุดในตอนนี้ “จ้ะจ๋า!ไปไหนมาห้ะ แม่เป็นห่วงรู้มั้ย ทำไมถึงเวลาแล้วไม่กลับบ้าน ถ้าเป็นแบบนี้พรุ่งนี้ไม่ต้องกินข้าวเช้าไปนะ แม่จะลงโทษ!!!”
น้องจ้ะจ๋าก้มหน้าลง เสียใจที่โดนคุณแม่ของเธอต่อว่า
“แล้วนี่แขนไปโดนอะไรมา ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเอง แม่บอกแล้วใช่มั้ย!!!” คุณภูษิตายังตะคอกใส่ลูกสาวเธอไม่หยุดหย่อน ดอกบัวทนฟังไม่ไหวจึงต้องพูดแทรกขึ้นมา
“ใจเย็นๆก่อนนะคะคุณ น้องยืนรอรถเมล์อยู่ แล้วหนูเดินไปชนเข้าค่ะ หนูไม่ระวังเอง ขอโทษด้วยนะคะ แล้วที่น้องมาถึงบ้านค่ำเพราะพาน้องไปทานไอศครีมอยู่ค่ะ” ดอกบัวพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษ
คุณภูษิตาได้ยินแบบนั้นเธอก็ค่อยๆใจเย็นลง เธอเหลือบไปเห็นผ้าปิดแผลที่ข้อศอกของลูกสาว เธอจึงคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ไดเเลวร้ายอะไร แล้วยังพาจ๊ะจ๋าไปทำแผลอีก ถ้าเป็นคนอื่นคงพาไปไหนต่อไหนแล้ว
“อืมๆ ชั่งมันเถอะ ยังไงก็ขอบใจเธอมากนะ ที่พาจ้ะจ๋ามาส่งบ้าน” คุณภูษิตาพูดขอบคุณดอกบัวด้วยความรู้สึกขอบคุณจริงๆ ถึงแม้น้ำเสียงเธอจะตรงกันข้าม เพราะยังปรับอารมณ์ไม่ทัน
ดอกบัวยิ้มรับคำขอบคุณ และตอบไปว่า “ไม่เป็นไรเลยค่ะ งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะนี่ก็ค่ำมากแล้ว” ดอกบัวทำท่าจะเดินออกมาจากตรงนั้น แต่คุณภูษิตารั้งไว้เสียก่อน
“รอแปปนึงนะ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง เข้ามาเล่นกับจ้ะจ๋าก่อนก็ได้นะ”
ดอกบัวกำลังจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่คุณภูษิตาพูดจบไม่ทันไรก็เดินหันหลังกลับเข้าบ้านเพื่อไปแต่งตัวทันที
น้องจ้ะจ๋าที่หน้าเศร้าจากการโดนคุณแม่ต่อว่า เธอยิ้มด้วยความดีใจและจูงมือพาดอกบัวเข้าบ้าน
เมื่อดอกบัวเข้ามาในบ้านของน้องจ้ะจ๋า เธอถึงกับต้องตาลุกวาว ‘อะไรจะใหญ่โตขนาดนี้ อยู่กันกี่คนเนี่ยอยากรู้จริงๆ แต่เค้าก็เลิกกับสามีแล้วหนิ คงมีใหม่แล้วมั้ง’ ดอกบัวแอบนินทาในใจ
เมื่อดอกบัวนั่งเล่นกับน้องจ้ะจ๋าได้ซักพัก คุณภูษิตาก็เดินลงมาจากห้องของเธอด้วยใบหน้าที่สดใสและเสื้อผ้าที่ดูสง่างามเหมือนตอนที่ดอกบัวเคยเห็นในจอทีวี
ดอกบัวถึงกับต้องตะลึงอีกครั้ง เธอจำได้ในทันที “คุณภูษิตา!!! ขวัญใจชาวค้าขายนี่!!!”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเอง ในบ้านนี้ไม่มีใครแล้วนะ”คุณภูษิตาตอบด้วยน้ำเสียงแปลกใจที่ดอกบัวพึ่งจะจำเธอได้
“ขอโทษทีค่ะ หนูพึ่งจำคุณได้ พอแต่งหน้าแล้วดูเป็นอีกคนไปเลย” ดอกบัวตอบและยิ้มแห้งๆเพราะอายที่จำสส.ขวัญใจแม่ค้าไม่ได้ในครั้งแรก
“ว่าแต่..เธอไปตั้งฉายานี้ให้ฉันมาจากไหน?” คุณภูษิตาถามด้วยความแปลกใจ
“ก็จากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของด้วยกันในตลาดน่ะค่ะ” ดอกบัวตอบ พร้อมกับสะดุ้งขึ้นมาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก
“จริงด้วย! ลืมไปเลยว่าวันนี้กำลังจะลงทะเบียนร้านค้าที่สภา โอ้ยยยยย” ดอกบัวเผลอพูดออกมาเสียงดังเพราะเธอลืมไปซะสนิทว่ากำลังจะทำอะไร
คุณภูษิตาได้ยินแบบนั้นเธอจึงยิ้มเบาๆกับความเซ่อซ่าของดอกบัว “ไม่เป็นไรหรอก ยังมีพรุ่งนี้อีกวันนะวันสุดท้ายแล้ว”
“ดีจังเลยค่ะ ค่อยโล่งใจหน่อย” ดอกบัวตอบด้วยความโล่งใจพร้อมปาดเหงื่อที่กำลังไหลจากความตกใจ
“งั้นเราไปกันเถอะ” คุณภูษิตาก็ได้ชวนดอกบัวไปที่รถเพื่อจะพาเธอไปส่งบ้าน และได้หันไปบอกลูกสาวตัวน้อยของเธอ
“จ้ะจ๋าขึ้นไปอาบน้ำนอนนะลูก เดี๋ยวแม่กลับมา”
“ไม่เอาๆๆ หนูจะไปด้วย” จ้ะจ๋างอแงยกใหญ่
“ให้น้องไปด้วยเถอะค่ะ หอพักยู่ห่างจากนี่ไม่ไกลมาก อีกอย่างน้องอยู่บ้านคนเดียวมันอันตรายนะคะ” ดอกบัวตอบด้วยความเป็นห่วงเด็กน้อย
คุณภูษิตาลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย เพราะถ้าเป็นแต่ก่อน หากเธอไม่อยู่บ้านก็จะมีสามีคอยอยู่เป็นเพื่อนลูกสาว แต่ตอนนี้เธออยู่ตัวคนเดียวแล้ว คนดูแลบ้านหรือคนทำความสะอาดเธอก็จ้างมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและได้ตอบดอกบัวไปว่า “โอเค ถ้าไม่ไกลมากงั้นพาจ้ะจ๋าไปด้วยละกัน”
“เย้ๆๆ ไปกันเถอะพี่บัว” น้องจ้ะจ๋าดีใจพร้อมจูงมือดอกบัวไปขึ้นรถของคุณภูษิตา
เมื่อทั้งสองเดินหันหลังไป คุณภูษิตาเห็นภาพนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เธอไม่เคยเห็นลูกสาวยิ้มหน้าบานแบบนี้มาก่อน เธอฉุกคิดขึ้นมาว่าที่ผ่านมาเธอต้องปล่อยให้ลูกสาวตัวน้อยโดดเดี่ยวแค่ไหน แค่ไอศครีมยังไม่มีเวลาพาไปทาน และยังตั้งกฏข้อห้ามสารพัดอย่าง
“ไปกันเถอะค่ะคุณแม่” น้องจ้ะจ๋าหันมาตะโกนบอกคุณแม่ที่กำลังยืนเหม่ออยู่
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ขึ้นรถกันเพื่อที่จะไปส่งดอกบัว
…….โปรดติดตามตอนต่อไป………



ปากกาทองแดง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ต.ค. 2563, 00:54:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ต.ค. 2563, 00:54:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 173





<< ตอนที่ 2 เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account