แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์

เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...

ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!

นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!

“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”

ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่

ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!



*******************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!


*******************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก

ตอน: บทที่ 16 -70%

แต่ทว่า...ดูเหมือนสิ่งที่เธอขอ จะเป็นไปได้ยากยิ่ง!

เมื่อวันหยุดสิ้นสุดลง วรีวาฏิกากลับไปทำงานตามปกติด้วยหน้าตาสดชื่น แจ่มใส พอเดินเข้าประตูบริษัทก็เห็นเจ้านายเก่าอย่างภควัตน์เดินผ่านมาพอดี เลขาเก่าอย่างเธอเลยรีบยกมือไหว้และเอ่ยทักทาย แต่ท่านรองประธานกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงเธอ เขาเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะพยักหน้ารับไหว้สักนิด

จากเหตุการณ์โดนเมินที่วรีวาฏิกาไม่ได้เก็บมาใส่ใจในวันนั้น ได้ตกเป็นข่าวลือแพร่สะพัดไปไกลจนคนโดนเมินเองไม่มีทางคาดถึง!

ตลอดหนึ่งเดือนนั้นเธอโดนภควัตน์เมินจนชาชิน เวลาเจอกันเขาทำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ ต่อให้หน้าหนาแค่ไหน แต่โดนติดๆ กันหลายครั้งแบบนั้น วรีวาฏิกาก็แอบรู้สึกกระดากอายสายตาคนอื่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่เหตุการณ์ที่พีกสุดคือวันนี้

ด้วยความที่ตื่นสาย แต่มีประชุมเก้าโมงเช้า! คนกลัวเข้าประชุมไม่ทันอย่างเธอเลยต้องรีบวิ่งแจ้นเข้าบริษัททั้งๆ ที่ใส่ส้นสูง ระหว่างที่กำลังวิ่งผ่านประชาสัมพันธ์ชั้นล่างเพื่อตรงดิ่งไปที่ลิฟต์ เธอก็เอี้ยวตัวหลบยามที่โผล่เข้ามาพอดิบพอดีจนหกล้มลงไปกองกับพื้น ข้อเท้าพลิกข้างเดิมกับที่เคยพลิกเมื่อคราวก่อนจนยืนแทบไม่ไหว พอเงยหน้าขึ้นมา วรีวาฏิกาก็สบตากับภควัตน์ที่เดินมาทางเดียวกันโดยบังเอิญ เขาเพียงปรายตามามองเธอแค่แว่บเดียว ก่อนจะเดินหลีกไปอีกทางโดยไม่แม้แต่จะยื่นมือมาช่วยฉุดเธอให้ลุกขึ้น

วินาทีนั้น เธอรู้สึกเจ็บแปลบในอกขึ้นมาเสียเฉยๆ จนตัวเองยังรู้สึกแปลกใจ อย่างน้อยก็คนเคยรู้จัก เคยทำงานด้วยกัน เขาจะยื่นมือมาช่วยเธอสักนิดไม่ได้เลยหรือไง คนแล้งน้ำใจ!

อ๊ะ! ใช่สิ เธอลืมไปว่าไล่เธอลงจากรถกลางทางทั้งๆ ที่ฝนตกหนักในเวลามืดค่ำ ภควัตน์ก็ทำมาแล้ว กะอีแค่เห็นเธอล้ม เขาไม่เดินมาข้ามก็ดีแค่ไหน! นี่เธอนึกหวังว่าคนตรงหน้าจะมาช่วยเหลือเธอได้ยังไง โง่จริงๆ เลย วรีวาฏิกา!

แล้วระหว่างที่กำลังมองหาคนมาช่วยพยุง เสียงสวรรค์ก็ดังมาจากข้างหลัง

“ไหวหรือเปล่าหนู ลุงขอโทษนะ พอดีลุงรีบเลยเดินไม่ดูทาง ทำหนูเจ็บตัวเลย”

เสียงลุงยามที่เป็นต้นเหตุให้เธอล้มนั่นเอง ลุงยามช่วยประคองเธอไปจนถึงห้องปฐมพยาบาล พอหมอประจำห้องพันผ้าที่ข้อเท้าให้เธอเสร็จ ก็แจ้งว่าเธอควรไปเอกซเรย์กระดูกที่โรงพยาบาล เพราะดูจากความบวมระดับนี้ หมอคาดว่าน่าจะกระดูกร้าว

วรีวาฏิกาเลยอดไปประชุมด้วยเหตุผลประการฉะนี้ หลังจากแชตไปบอกพี่จุ๋ม เธอก็โทร.เรียกให้สันต์มาพาไปส่งโรงพยาบาล และเมื่อได้เอกซเรย์ก็เป็นไปตามที่หมอคาด เธอกระดูกข้อเท้าซ้ายร้าวจริงๆ ตลอดสัปดาห์นั้น วรีวาฏิกาจึงได้แต่ทำงานจากบ้าน พออาการค่อยๆ ทุเลาแล้วจึงกลับมาทำงานในสัปดาห์ถัดไป

วันที่กลับมาทำงานวันแรก ตัวช่วยของวรีวาฏิกาคือไม้ค้ำที่เธอต้องใช้ช่วยพยุงตัวเวลาเดินไปไหนมาไหนในออฟฟิศ วันนี้ในช่วงบ่ายหลังจากพูดคุยเรื่องโพรโมชันกับทีมเสร็จ เธอก็เดินกะเผลกๆ ไปบรีฟโพรโมชันกับทีมเทรดอีกรอบ และระหว่างที่กำลังนั่งคุยกับ ‘พี่ช้าง’ ที่ดูแลช่องทางโมเดิร์นเทรดของแบรนด์เธออยู่นั้น จู่ๆ พี่ช้างก็สไลด์เก้าอี้ห่างจากเธอไปสองเมตร

วรีวาฏิกามองคนเลื่อนเก้าอี้หนีด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองรอบกายว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เห็นว่าภควัตน์เดินมาที่แผนกเธอ และตอนนี้เขาก็เดินผ่านไปเรียบร้อยโดยไม่ชายตาแลมาทางนี้สักนิดเดียว เมื่อท่านรองประธานเดินไปจนลับสายตาแล้ว พี่ช้างถึงได้สไลด์เก้าอี้กลับมาหา โดยมีวรีวาฏิกาจ้องมองมาสายตาคาดคั้น

“พี่ช้างสไลด์เก้าอี้ไปตรงโน้นทำไมคะ” เธอเอ่ยถามทันที

“หยุดเลย ไม่ต้องมามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นเลย พี่เป็นคนรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีเว้ย” หนุ่มที่สไลด์เก้าอี้หนีรีบตอบ ถึงแม้จะโดนจ้องด้วยความสงสัยไม่หยุด

“แล้วพี่จะรักษาตัวรอดจากอะไร แค่พี่ไม่อยากทำตามโพรโมชันของทีมไม่ได้จะทำให้วาขว้างอะไรใส่พี่สักหน่อย ระแวงมากไปปะเนี่ย”

“ใครว่าพี่กลัวแกเอาอะไรขว้าง”

“อ้าว แล้วพี่ช้างกลัวอะไรล่ะ”

คนสงสัยเริ่มซักไม่หยุด คนโดนซักก็เลยเริ่มหลุดปากแฉ

“ก็กลัวคุณพาร์คไง ขืนเห็นพี่นั่งใกล้วา ไม่รู้พี่จะโดนอะไรบ้าง พี่ก็เลยต้องป้องกันตัวเองแบบโจ่งแจ้งแบบนี้แหละ นี่แกไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ความหึงโหดของคุณพาร์ควะ”

คำถามนั้นทำเอาวรีวาฏิกานิ่งงันอ้าปากค้าง ก่อนจะตั้งสติได้ด่าคนช่างมโนไม่หยุด

“หึงบ้าอะไรพี่! คุณภควัตน์เนี่ยนะจะหึงวา พี่รู้ไหม แม้แต่ชื่อเล่นเขายังไม่ให้วาเรียกเลย เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องหึงที่พี่เข้าใจผิดแบบสุดกู่นี่หยุดคิดไปได้เลย บ้าบอมาก”

“บ้าบอบ้านแกสิ เขารู้กันทั้งบริษัท เซลส์คนก่อนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ แกรู้ไหมว่ามันโดนคุณพาร์คย้ายไปอยู่สำนักงานที่พม่า”

เซลส์คนที่พี่ช้างพูดถึงคือ ‘พี่วิทย์’ ที่มาก้อร่อก้อติกเธออยู่ช่วงหนึ่งสร้างความลำบากใจให้วรีวาฏิกาอยู่ไม่น้อย...แต่เขาไม่ได้ถูกย้ายไปเพราะมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่แถบนั้นหรอกเหรอ

“แล้วก็ไอ้หนุ่มเนิร์ดฝั่ง R&D ที่แอบชอบแก คนที่คุยกับแกทีไรก็เขินจนหน้าแดงนั่นน่ะ ดันซวยไปจับมือแกสารภาพรักให้คุณพาร์คเห็น โน่นโดนย้ายไปเป็น R&D ที่แหลมฉบังแทนสำนักงานใหญ่โน่น!”

เรื่องที่คุณกานต์ อยู่ดีๆ ก็สารภาพรักเธอกลางบริษัทเมื่อเดือนก่อนโน้น วรีวาฏิกาก็เกือบจะลืมไปแล้ว ไม่รู้เขาเมากาวหรือยังไงถึงมาแอบชอบเธอได้ พอโดนสารภาพรัก วรีวาฏิกาเลยปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ เพราะอย่างน้อยชีวิตนี้เธอก็มีคนมาสารภาพรักอยู่ไม่มาก นอกจากแพททริคแล้วก็มีแต่คุณกานต์นั่นแหละที่หลงผิด!

แต่ที่เขาย้ายไปอยู่แหลมฉบังก็เป็นเพราะการหมุนเวียนงานที่มีทุกปีนี่ มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!

ไม่แค่คิด วรีวาฏิกายังเอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ให้พี่ช้างฟังก่อนจะปิดท้ายยืนยันว่า

“พี่ไม่เห็นหรือไงว่าคุณภควัตน์เขาไม่พูดไม่จากับวามาตั้งนานแล้ว ขนาดวาไหว้เขายังไม่รับไหว้เลย แล้วประสาอะไรกับจะมาหึง จะเมาท์อะไรก็ให้มันมีความจริงอยู่บ้าง เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปคิดกันเอาเอง ทำวาเสียหายหมด”

แต่แทนที่พี่ช้างจะหยุด กลับยังคงถามต่อ

“เออ ไอ้เรื่องนี้พี่ก็อยากจะเสือกเหมือนกัน แกเลิกกับคุณพาร์คแล้วเหรอ เขาลือกันให้แซ่ดว่าแกโดนทิ้ง ขนาดแกล้งหกล้มคุณพาร์คยังไม่สนใจเลย เพราะตอนนี้ไปคั่วกับเลขาคนใหม่สุดเอ็กซ์แทน”

พูดจบ คนปูดข่าวลือก็ปิดปากแทบไม่ทัน ด้วยเพิ่งสำเหนียกว่าไอ้ข่าวเมาท์ที่เขาเอามาถามเจ้าตัวอาจจะแรงเกินไปนิด แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วเขาจะทำอะไรได้ ตอนนี้คนทั้งแผนกถึงกับหยุดทำงานหูผึ่งด้วยความสอดรู้กันเป็นแถบๆ

โชคดีของเขาที่สาวตรงหน้าไม่ได้น้ำตาไหลหรือเสียใจกับประโยคทิ่มแทงใจเหล่านั้น ตรงกันข้าม สาวน้อยอย่างวรีวาฏิกากลับโกรธจนหน้ามืด ก่อนจะเอ่ยย้ำให้ได้ยินกันถ้วนทั่วว่า

“นี่เขาลือกันว่าวาแกล้งล้มเหรอคะ! แกล้งล้มบ้าบออะไรจะกระดูกร้าว จะดูใบรับรองแพทย์ไหม! ใครจะลงทุนอ่อยผู้ชายขนาดยอมกระดูกร้าวหา! คิดสิคิด! แล้วไอ้ที่ลือว่าวาโดนทิ้งกันเนี่ย ลือเข้าไปได้ยังไง ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วหรือไง! คบกันยังไม่เคยคบกันเลย นี่ข้ามสเต็ปไปโดนทิ้งเลยเนี่ยนะ! นี่วาโมโหแล้วนะ!”

“โอย ใจเย็นๆ วา พวกพี่มันปากหอยปากปู ไม่มีอะไรทำก็เมาท์กันสนุกปากไปงั้นๆ เอง พี่ขอโทษ ต่อไปนี้ใครมาเมาท์วาให้ฟังพี่จะเลิกฟังมันละ พี่จะหุบปากฉับเลย อย่าขว้างคอมฯ พี่เลย เดี๋ยวทรัพย์สินบริษัทเสียหายนะวา” ประโยคหลังพี่ช้างเอ่ยเตือนเมื่อสาวที่อารมณ์ปะทุถึงจุดเดือดกำลังจะคว้าแล็ปท็อปของเขามาขว้างระบายอารมณ์

วรีวาฏิกาต้องสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งอารมณ์เย็นลงถึงวางแล็ปท็อปลงบนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะประกาศให้ได้ยินกันทั่วหน้าอีกว่า

“วากับคุณภควัตน์ ไม่-เคย-มีความสัมพันธ์อะไรกันเกินเลยกว่าเจ้านายลูกน้อง เพราะฉะนั้นวาขอความกรุณาให้ทุกคนเลิกเมาท์เรื่องนี้กันสักทีนะคะ!”

ประกาศจบเธอก็หันไปหาคนต้นเรื่อง แล้วพูดต่อว่า

“พี่ช้างคะ เรากลับมาคุยเรื่องโพรโมชันที่เรากำลังจะทำกันต่อเถอะค่ะ”

คราวนี้พี่ช้างรับปากโดยไว ก่อนจะกลับมารับบรีฟอย่างสงบเสงี่ยมโดยไม่เอ่ยแย้งเรื่องโพรโมชันอย่างที่ปกติมักทำแม้แต่คำเดียว

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไป วรีวาฏิกาก็รู้สึกได้ว่าถูกคนในบริษัทมองด้วยสายตาสงสารอย่างไรก็ไม่รู้

นี่สรุปว่าทุกคนยังคงเข้าใจว่า เธอโดนภควัตน์ทิ้งไปเอาเลขาใหม่ที่หน้าอกไซซ์บิ๊กบึ้มจริงๆ โดยไม่คิดจะเชื่อคำพูดเธอบ้างเลยใช่ไหมเนี่ย! ?

เออ! จะคิดอะไรก็คิดกันไปเลย เธอเบื่อจนเลิกแคร์แล้ว ก็แค่โดนเขาเมินไม่ได้ทำให้เธอเจ็บไข้ได้ป่วยเสียหน่อย อีกอย่างข่าวลือว่าเธอโดนทิ้งจะลือกันได้นานแค่ไหนกันเชียว อีกสักพักทุกคนก็ลืมกันไปหมดแล้ว

แต่ถึงจะพยายามบอกตัวเองแบบนั้น วรีวาฏิกาก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ม.ค. 2564, 20:47:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ม.ค. 2564, 20:47:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 327





<< บทที่ 16 -30%   บทที่ 16 -100% + วางจำหน่ายแล้วทุกช่องทาง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account