ร้อยเล่ห์เสน่นารายณ์
เรื่องราวของ นารายณ์ น้องชายของนลิน นางเอกจาก ร้อยเล่ห์...นายเหมันต์ นายรายน์เป็นหนุ่มเมืองจันทบุรีที่เคยเกเร และกลับตัวกลับใจเป็นคนดีเพราะพ่อป่วย จนต้องมาช่วยดูแลสวนผลไม้ทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ เวลาผ่านไปหลายปี นารายณ์เติบโตขึ้นเกินอายุ ตอนนี้เขาสามารถดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี มีชีวิตที่ปกติสุข...จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้รับการขอร้องให้ทำอะไรบางอย่างที่...ทำให้ชีวิตธรรมดาๆ ของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
ตัวละครหลัก
นารายณ์ ชายหนุ่ม อายุ 25 ปี เจ้าของสวนผลไม้ที่มีแนวคิดทำสวนยังไงให้สบายและได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ปานดาว นางแบบ เน็ตไอดอล อายุ 19 ปี ลูกสาวคนเล็กของ ดร.วิทยา อธิการบดีมหาวิทยาลัยอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่ง เป็นลูกหลงที่อายุห่างจากพี่สาว (ที่เสียชีวิตไปแล้ว) หลายปี
ชานนท์ อายุ 20 ปี รุ่นพี่และคนรักของปานดาว ลูกชายนายทหารใหญ่ เป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก
เหมัตน์ ชายหนุ่มอายุ 27 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านเทคโนโลยีการจัดการการเกษตรจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของบริษัททำ plant factory ที่ต้นทุนต่ำที่สุดของประเทศในปัจจุบัน เป็นประธานชมรมการพัฒนามาตรฐานพืชโรงเรือนแบบปิดของประเทศ
นลิน ดร.อายุ 32 ปี ภรรยาของเหมันต์ ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้าน และการประสานงานกับลูกค้าต่างประเทศให้บริษัทของเหมันต์
ตัวละครหลัก
นารายณ์ ชายหนุ่ม อายุ 25 ปี เจ้าของสวนผลไม้ที่มีแนวคิดทำสวนยังไงให้สบายและได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ปานดาว นางแบบ เน็ตไอดอล อายุ 19 ปี ลูกสาวคนเล็กของ ดร.วิทยา อธิการบดีมหาวิทยาลัยอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่ง เป็นลูกหลงที่อายุห่างจากพี่สาว (ที่เสียชีวิตไปแล้ว) หลายปี
ชานนท์ อายุ 20 ปี รุ่นพี่และคนรักของปานดาว ลูกชายนายทหารใหญ่ เป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก
เหมัตน์ ชายหนุ่มอายุ 27 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านเทคโนโลยีการจัดการการเกษตรจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของบริษัททำ plant factory ที่ต้นทุนต่ำที่สุดของประเทศในปัจจุบัน เป็นประธานชมรมการพัฒนามาตรฐานพืชโรงเรือนแบบปิดของประเทศ
นลิน ดร.อายุ 32 ปี ภรรยาของเหมันต์ ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้าน และการประสานงานกับลูกค้าต่างประเทศให้บริษัทของเหมันต์
Tags: ร้อยเล่ห์, นารายณ์, เหมันต์, นิยายรัก
ตอน: ฉันรู้นะว่านายเกลียดฉัน
สัมภาระของปานดาวเป็นกระเป๋าลากใบโตถึงสองใบ คนขับรถแอบคิดในใจว่าขนของยังกับจะย้ายบ้าน นารายณ์จงใจวางร่างบางไว้เบาะด้านหลังรถ โดยให้เหตุผลกับพี่สาวและพี่เขยว่าคนป่วยจะได้นั่งสบายๆ ไม่ปวดขา
แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด...เหตุผลที่แท้จริงคือเขาไม่อยากนั่งใกล้ผู้หญิงคนนั้นจนเกินไป มัน...ไม่มีสมาธิ อยากคิดอะไรอีกนิด ตัดสินใจอะไรอีกหน่อย
ชายหนุ่มขับรถเรื่อยๆ โดยเปิดเพลงเบาๆ คลอไปด้วย เส้นทางระหว่างโรงพยาบาลถึงบ้านสวนค่อนข้างเปลี่ยว แถมระหว่างทางต้องผ่านต้นไม้ใหญ่ สวนเงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ของเจ้าของสวนในพื้นที่หลายแห่ง แอบคิดในใจว่าผู้โดยสารของเขาจะรู้สึกอย่างไรกับการไปอยู่ในที่ห่างไกลและอาจดูกันดาร ถนนไม่มีแม้แต่ไฟส่องสว่างแบบนี้ ปกติเธอเป็นพวกอยู่ท่ามกลางแสงสี แต่งตัววับแวม มีแต่แสงแฟลช แสงไฟ ไม่ใช่ท้องฟ้ามืดมิดมีแต่แสงดาวแบบนี้แน่ๆ
"อีกไกลไหมกว่าจะถึง" เสียงเบาๆ ดังมาจากเบื้องหลัง ออกจะห้วนสั้น
"ไกล"
เสียงถอนหายใจดังมาจากเบื้องหลัง
"หิว"
"ยังไม่ได้กินอะไรมาเหรอ"
"กินแล้ว แต่ว่า...กินมานิดเดียว ทะเลาะกับพ่อก่อนมา" อีกฝ่ายตอบ "นี่ถามจริงๆ เถอะ ทำไมนายถึงยอมให้ฉันมาอยู่ด้วยล่ะ เป็นเรื่องที่ไม่คิดไม่ฝันเลยนะ"
นารายณ์เบาเสียงเพลงลงนิดหนึ่ง "แปลกตรงไหนล่ะ พ่อคุณมีบุญคุณกับพี่สาวและพี่เขยผม ก็เท่านั้น"
หัวใจของเขาเริ่มสงบลงแล้ว นารายณ์รู้สึกได้ และหวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ
"แต่นายเกลียดฉัน" คนด้านหลังรถเอ่ยประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะโกรธนิดๆ "ฉันรู้นะ"
ชายหนุ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วเลือกที่จะไม่ตอบอะไรออกมา
"แต่ไม่ต้องห่วงนะ ขอรับรองว่าฉันจะขออยู่สองอาทิตย์ จากนั้นทนายคงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็จะกลับเลย ไม่อยู่ให้รกหูรกตานายหรอก"
คนขับรถพยักหน้า "ก็แล้วแต่คุณครับ ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา"
เสียงฝ่ามือฟาดกับเบาะหลังรถเบาๆ แบบขัดใจ นารายณ์อมยิ้ม นึกสะใจเล็กๆ ที่เขาทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์โกรธขึ้นมาได้
จนกระทั่งถึงบ้านซึ่งเปิดไฟหน้าบ้าน และในบ้านไว้อย่างละดวงเท่านั้น นารายณ์เปิดประตูบ้านโดยทิ้งคนที่มาด้วยนั่งอยู่ในรถอีกพักใหญ่
"รออยู่นี่ก่อนนะ ผมไปดูก่อนว่าเขาจัดห้องให้เรียบร้อยหรือยัง"
พักใหญ่ เขาก็กลับมาและทำเหมือนเดิมคือสอดแขนเข้าใต้ร่างบางข้างหนึ่ง อีกข้างก็ประคองหลังไว้แล้วอุ้มปานดาวในท่าเจ้าสาวพาเดินเข้าไปยังห้องพักที่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้ตั้งแต่เย็น
"ห้องเล็กไปหน่อยนะ ถ้าเทียบกับที่บ้านกรุงเทพฯ ของคุณ แต่ชั้นล่างมีห้องพักห้องเดียว คุณขึ้นข้างบนลำบาก"
"ไม่เป็นไร" คนที่ถูกอุ้มไปวางบนเตียงบอก
"ผมไปเอาของมาให้ เดี๋ยวค่อยไปหาอะไรกินกัน"
นารายณ์ขนของยังไม่ถึงห้องนอน เสียงกรี๊ดของแขกผู้มาใหม่ดังขึ้น
"เป็นอะไรคุณ" เขาเปิดประตู ลากกระเป๋าสองใบเข้าห้อง
"ห้องนี้มันห้องนายนี่!" ปานดาวทำตาโต เธอมองสำรวจไปรอบห้องแล้ว เพิ่งเห็นว่ามีของใช้หลายอย่างที่น่าจะเป็นของผู้ชาย
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านพยักหน้า
"แล้วทำไมนายให้ฉันมานอนห้องนี่ล่ะ ไม่เอา จะนอนห้องใหม่"
เจ้าของบ้านเท้าเอว "บ้านนี้มีสามห้องนอน ข้างบนสองห้อง เป็นของพี่สาวและพ่อกับแม่ บันไดชันมาก คุณปีนขึ้นไปไม่ได้หรอก ห้องนี้เป็นของผม เราไม่มีห้องรับแขก"
"แต่..."
"นอนไม่ได้ก็เดินกลับไป"
"นาย!"
"ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ นะครับคุณผู้หญิง แล้วบ้านผมก็ไม่ได้รวยโคตรๆ แบบบ้านคุณ จะได้สร้างห้องเปล่าๆ ทิ้งไว้ให้เปลืองเงินน่ะ" คนพูดลากกระเป๋าต่อไปวางไว้ที่ตู้ "ที่สำคัญ ไม่มีคนดูแลคุณกลางคืน นอนกับผม เผื่อเป็นอะไรไปจะได้ดูแลกันได้"
"..."
"หรือจะกลับ" คนพูดอมยิ้มที่มุมปาก "ไปเข้าคุก หรือมีข่าวอีกสักพัก ก็คงเงียบไปเอง"
"นาย!"
"ของในกระเป๋ายังไม่ต้องเอาออกนะ พรุ่งนี้มีแม่บ้านมาช่วย วันนี้อยากกินอะไร ผมทอดไข่เจียวได้ ส่วนคุณ" คนพูดส่งไม้เท้ายันรักแร้ให้ "เดินพอได้ไหม ไปล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวเรากินข้าวกัน"
"ดึกแล้วฉันไม่กินเดี๋ยวอ้วน"
"ไหนบอกว่าหิว"
"หิวแต่ไม่กิน"
คนฟังถอนหายใจ ไม่เข้าใจตรรกะของอีกฝ่ายเลยจริงๆ
"ผมจะกิน ส่วนคุณ อยากทำอะไรก็ตามสบาย" พูดจบนารายณ์ก็เดินออกจากห้องเข้าครัว หาอะไรรองท้องชายหนุ่มกำลังทำแซนด์วิชตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากห้องนอนของตัวเอง
"มีอะไร" เขาเดินกลับเข้ามาในห้องนอน
"ฉัน...หยิบเสื้อผ้าไม่ได้ กระเป๋ามันปิด หยิบให้หน่อยสิ จะอาบน้ำ"
นารายณ์มองขาที่เข้าเฝือกไว้ตลอดครึ่งขาช่วงล่างด้านซ้าย "อาบยังไง"
"เอาถุงกันน้ำมาสวม อยู่ในกระเป๋า"
นารายณ์จัดการหาเสื้อผ้าชุดนอนในกระเป๋าให้พร้อมกับหาถุงพลาสติกที่ทำพิเศษแบบสวมจนถึงโคนขาให้ เขาเห็นพวกครีมและอุปกรณ์บำรุงหน้าบำรุงผมส่วนตัวของอีกฝ่ายอีกกล่องใหญ่ จึงเดินเอาไปไว้ในห้องน้ำให้ด้วย
"นายจะทำอะไรน่ะ" ร่างบางหันซ้ายหันขวาเมื่อนารายณ์เดินเข้ามาใกล้
"จะช่วยอุ้มไปหน้าห้องน้ำ จะได้เข้าไปอาบสะดวกๆ"
"ไม่ต้อง"
"จริงอะ" เขาถามอมยิ้มเจ้าเล่ห์
"ไม่ต้องมายุ่งจะไปไหนก็ไป!"
อยากฟังคำนั้นอยู่แล้ว อีกฝ่ายคิด แต่ก็แกล้งถอนหายใจแล้วก้มตัวนิดหนึ่งอุ้มอีกฝ่ายไปที่หน้าห้องน้ำทันที
"เผอิญผมเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน" เขาตอบ "อาบระวังๆ ด้วยล่ะ แถวนี้ไกลโรงพยาบาล ยกเว้นคุณอยากจะอยู่กับผมเกินสองอาทิตย์ ก็ตามใจ"
เขาเห็นว่าร่างบางเม้มปากแน่น สีหน้าโกรธจัด แต่เจ้าตัวก็ทำเป็นไม่สนใจ
ทะเลาะกันแบบนี้ดีกว่าไม่รู้จะพูดอะไรกัน ต่างคนต่างอยู่บ้านเดียวกัน เขาคิด...
สองอาทิตย์...คุณจะได้รู้จักนารายณ์ดีมากขึ้นกว่าที่คุณเคยรู้จัก คุณปานดาว!
........
เรื่องนี้เขียนลงใน readwrite.com ด้วย ใครสนใจไปตามอ่านที่นั่นได้ค่ะ
แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด...เหตุผลที่แท้จริงคือเขาไม่อยากนั่งใกล้ผู้หญิงคนนั้นจนเกินไป มัน...ไม่มีสมาธิ อยากคิดอะไรอีกนิด ตัดสินใจอะไรอีกหน่อย
ชายหนุ่มขับรถเรื่อยๆ โดยเปิดเพลงเบาๆ คลอไปด้วย เส้นทางระหว่างโรงพยาบาลถึงบ้านสวนค่อนข้างเปลี่ยว แถมระหว่างทางต้องผ่านต้นไม้ใหญ่ สวนเงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ของเจ้าของสวนในพื้นที่หลายแห่ง แอบคิดในใจว่าผู้โดยสารของเขาจะรู้สึกอย่างไรกับการไปอยู่ในที่ห่างไกลและอาจดูกันดาร ถนนไม่มีแม้แต่ไฟส่องสว่างแบบนี้ ปกติเธอเป็นพวกอยู่ท่ามกลางแสงสี แต่งตัววับแวม มีแต่แสงแฟลช แสงไฟ ไม่ใช่ท้องฟ้ามืดมิดมีแต่แสงดาวแบบนี้แน่ๆ
"อีกไกลไหมกว่าจะถึง" เสียงเบาๆ ดังมาจากเบื้องหลัง ออกจะห้วนสั้น
"ไกล"
เสียงถอนหายใจดังมาจากเบื้องหลัง
"หิว"
"ยังไม่ได้กินอะไรมาเหรอ"
"กินแล้ว แต่ว่า...กินมานิดเดียว ทะเลาะกับพ่อก่อนมา" อีกฝ่ายตอบ "นี่ถามจริงๆ เถอะ ทำไมนายถึงยอมให้ฉันมาอยู่ด้วยล่ะ เป็นเรื่องที่ไม่คิดไม่ฝันเลยนะ"
นารายณ์เบาเสียงเพลงลงนิดหนึ่ง "แปลกตรงไหนล่ะ พ่อคุณมีบุญคุณกับพี่สาวและพี่เขยผม ก็เท่านั้น"
หัวใจของเขาเริ่มสงบลงแล้ว นารายณ์รู้สึกได้ และหวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ
"แต่นายเกลียดฉัน" คนด้านหลังรถเอ่ยประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะโกรธนิดๆ "ฉันรู้นะ"
ชายหนุ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วเลือกที่จะไม่ตอบอะไรออกมา
"แต่ไม่ต้องห่วงนะ ขอรับรองว่าฉันจะขออยู่สองอาทิตย์ จากนั้นทนายคงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็จะกลับเลย ไม่อยู่ให้รกหูรกตานายหรอก"
คนขับรถพยักหน้า "ก็แล้วแต่คุณครับ ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา"
เสียงฝ่ามือฟาดกับเบาะหลังรถเบาๆ แบบขัดใจ นารายณ์อมยิ้ม นึกสะใจเล็กๆ ที่เขาทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์โกรธขึ้นมาได้
จนกระทั่งถึงบ้านซึ่งเปิดไฟหน้าบ้าน และในบ้านไว้อย่างละดวงเท่านั้น นารายณ์เปิดประตูบ้านโดยทิ้งคนที่มาด้วยนั่งอยู่ในรถอีกพักใหญ่
"รออยู่นี่ก่อนนะ ผมไปดูก่อนว่าเขาจัดห้องให้เรียบร้อยหรือยัง"
พักใหญ่ เขาก็กลับมาและทำเหมือนเดิมคือสอดแขนเข้าใต้ร่างบางข้างหนึ่ง อีกข้างก็ประคองหลังไว้แล้วอุ้มปานดาวในท่าเจ้าสาวพาเดินเข้าไปยังห้องพักที่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้ตั้งแต่เย็น
"ห้องเล็กไปหน่อยนะ ถ้าเทียบกับที่บ้านกรุงเทพฯ ของคุณ แต่ชั้นล่างมีห้องพักห้องเดียว คุณขึ้นข้างบนลำบาก"
"ไม่เป็นไร" คนที่ถูกอุ้มไปวางบนเตียงบอก
"ผมไปเอาของมาให้ เดี๋ยวค่อยไปหาอะไรกินกัน"
นารายณ์ขนของยังไม่ถึงห้องนอน เสียงกรี๊ดของแขกผู้มาใหม่ดังขึ้น
"เป็นอะไรคุณ" เขาเปิดประตู ลากกระเป๋าสองใบเข้าห้อง
"ห้องนี้มันห้องนายนี่!" ปานดาวทำตาโต เธอมองสำรวจไปรอบห้องแล้ว เพิ่งเห็นว่ามีของใช้หลายอย่างที่น่าจะเป็นของผู้ชาย
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านพยักหน้า
"แล้วทำไมนายให้ฉันมานอนห้องนี่ล่ะ ไม่เอา จะนอนห้องใหม่"
เจ้าของบ้านเท้าเอว "บ้านนี้มีสามห้องนอน ข้างบนสองห้อง เป็นของพี่สาวและพ่อกับแม่ บันไดชันมาก คุณปีนขึ้นไปไม่ได้หรอก ห้องนี้เป็นของผม เราไม่มีห้องรับแขก"
"แต่..."
"นอนไม่ได้ก็เดินกลับไป"
"นาย!"
"ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ นะครับคุณผู้หญิง แล้วบ้านผมก็ไม่ได้รวยโคตรๆ แบบบ้านคุณ จะได้สร้างห้องเปล่าๆ ทิ้งไว้ให้เปลืองเงินน่ะ" คนพูดลากกระเป๋าต่อไปวางไว้ที่ตู้ "ที่สำคัญ ไม่มีคนดูแลคุณกลางคืน นอนกับผม เผื่อเป็นอะไรไปจะได้ดูแลกันได้"
"..."
"หรือจะกลับ" คนพูดอมยิ้มที่มุมปาก "ไปเข้าคุก หรือมีข่าวอีกสักพัก ก็คงเงียบไปเอง"
"นาย!"
"ของในกระเป๋ายังไม่ต้องเอาออกนะ พรุ่งนี้มีแม่บ้านมาช่วย วันนี้อยากกินอะไร ผมทอดไข่เจียวได้ ส่วนคุณ" คนพูดส่งไม้เท้ายันรักแร้ให้ "เดินพอได้ไหม ไปล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวเรากินข้าวกัน"
"ดึกแล้วฉันไม่กินเดี๋ยวอ้วน"
"ไหนบอกว่าหิว"
"หิวแต่ไม่กิน"
คนฟังถอนหายใจ ไม่เข้าใจตรรกะของอีกฝ่ายเลยจริงๆ
"ผมจะกิน ส่วนคุณ อยากทำอะไรก็ตามสบาย" พูดจบนารายณ์ก็เดินออกจากห้องเข้าครัว หาอะไรรองท้องชายหนุ่มกำลังทำแซนด์วิชตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากห้องนอนของตัวเอง
"มีอะไร" เขาเดินกลับเข้ามาในห้องนอน
"ฉัน...หยิบเสื้อผ้าไม่ได้ กระเป๋ามันปิด หยิบให้หน่อยสิ จะอาบน้ำ"
นารายณ์มองขาที่เข้าเฝือกไว้ตลอดครึ่งขาช่วงล่างด้านซ้าย "อาบยังไง"
"เอาถุงกันน้ำมาสวม อยู่ในกระเป๋า"
นารายณ์จัดการหาเสื้อผ้าชุดนอนในกระเป๋าให้พร้อมกับหาถุงพลาสติกที่ทำพิเศษแบบสวมจนถึงโคนขาให้ เขาเห็นพวกครีมและอุปกรณ์บำรุงหน้าบำรุงผมส่วนตัวของอีกฝ่ายอีกกล่องใหญ่ จึงเดินเอาไปไว้ในห้องน้ำให้ด้วย
"นายจะทำอะไรน่ะ" ร่างบางหันซ้ายหันขวาเมื่อนารายณ์เดินเข้ามาใกล้
"จะช่วยอุ้มไปหน้าห้องน้ำ จะได้เข้าไปอาบสะดวกๆ"
"ไม่ต้อง"
"จริงอะ" เขาถามอมยิ้มเจ้าเล่ห์
"ไม่ต้องมายุ่งจะไปไหนก็ไป!"
อยากฟังคำนั้นอยู่แล้ว อีกฝ่ายคิด แต่ก็แกล้งถอนหายใจแล้วก้มตัวนิดหนึ่งอุ้มอีกฝ่ายไปที่หน้าห้องน้ำทันที
"เผอิญผมเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน" เขาตอบ "อาบระวังๆ ด้วยล่ะ แถวนี้ไกลโรงพยาบาล ยกเว้นคุณอยากจะอยู่กับผมเกินสองอาทิตย์ ก็ตามใจ"
เขาเห็นว่าร่างบางเม้มปากแน่น สีหน้าโกรธจัด แต่เจ้าตัวก็ทำเป็นไม่สนใจ
ทะเลาะกันแบบนี้ดีกว่าไม่รู้จะพูดอะไรกัน ต่างคนต่างอยู่บ้านเดียวกัน เขาคิด...
สองอาทิตย์...คุณจะได้รู้จักนารายณ์ดีมากขึ้นกว่าที่คุณเคยรู้จัก คุณปานดาว!
........
เรื่องนี้เขียนลงใน readwrite.com ด้วย ใครสนใจไปตามอ่านที่นั่นได้ค่ะ
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ม.ค. 2564, 21:07:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ม.ค. 2564, 21:07:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 533
<< การพบกันของเราในรอบห้าปี | คุณเข้าใจผิดว่าผมเกลียดคุณ >> |