ทัณฑ์ทวงรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 4 -35%
รุ่งเช้า ตวงทองได้รับข่าวร้ายต้อนรับอรุณจากหัวหน้าช่างที่เพิงโรงอาหารคุ้มแดดคุ้มฝนนั่น เขาบอกว่ามีคนงานมัดเหล็กไม่พอ ทำไม่ทัน ทุกคนต้องลงมาช่วยกันมัดเหล็กที่ลานกลางแจ้ง
งานหฤโหดที่หล่อนเห็นตูซาทำมาสองวันแล้ว!
ไม่ทันที่หล่อนจะได้อ้าปากค้าน ตูซาก็รุนหลังให้ไปเอาเสื้อแจ็กเก็ตกับหมวกมาใส่ให้เรียบร้อย พร้อมกับยื่นถุงมือให้ เป็นถุงมือผ้าที่หยาบที่สุดเท่าที่ตวงทองเคยสัมผัสมาในชีวิต ยิ่งยามที่สอดนิ้วเข้าไปหล่อนรู้สึกราวกับว่ามีเศษหรือเปลือกอะไรสักอย่างฝังอยู่ในเนื้อผ้า มันทั้งหยาบทั้งคม เสียดสีผิวเนื้อจนหล่อนแทบจะถอดทิ้ง
“ใส่ไว้ เดี๋ยวลวดบาดมือ” ตูซาบอก พลางดึงแขนให้ตวงทองนั่งลงข้างๆ หยิบลวดขึ้นมาหนึ่งเส้น พันเหล็กสองเส้นเข้าไปด้วยกันจนได้มุมแน่นหนา ม้วน ใช้คีมตัดลวดหนีบ บีบ บิด และตัดปลายออกเป็นอันเรียบร้อย
ตวงทองมองมือเรียวของเด็กสาวที่ทำงานอย่างคล่องแคล่วแล้วก็ให้สะท้อนใจ
ตูซาจัดว่าเป็นคนสวย รูปร่างผิวพรรณก็ดี น่าจะได้นั่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยสักแห่ง มือบางๆ ของเด็กสาวน่าจะจับปากกาจดเล็กเชอร์มาก กว่าจะมามัดลวดกลางแดดแบบนี้
แล้วหล่อนเองเล่า มหาบัณฑิตจากต่างประเทศแท้ๆ ยังมีจุดจบอยู่กลางแดดจ้าแบบนี้ได้ นับประสาอะไรกับเด็กสาวต่างด้าวอย่างตูซา
ตวงทองคิดเคียดแค้น โทษเวรกรรมที่ตามติด นึกน้อยใจมารดาที่ก่อหนี้มหาศาลก่อนที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไป ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตีตื้นจนหัวตาร้อนผ่าว แต่ไม่ทันที่น้ำตาจะหยาดหยด เหงื่อเม็ดเป้งเค็มปี๋ก็กลิ้งลงมาเข้าตา ตวงทองยกมือขึ้นปาดออกด้วยความแสบจนเผลอทำปลายลวดเกี่ยวผิวแก้มนวลจนเลือดซิบ แล้วเม็ดเหงื่อเจ้ากรรมก็ไหลพรูเข้าแผลและดวงตาของหล่อนเพิ่มความแสบสันเสียจนต้องโยนลวดกับคีมทิ้งด้วยความโมโห หล่อนโผลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นหัวสมองพลันโล่งหวิว ไหววูบ และมืดดับไป
“พี่ตวง พี่ตวงเป็นลม!”
****************
ใบหน้าที่ซีดขาวราวกระดาษนั้น ซูบ ตอบ...ผิดหูผิดตาจนน่าใจหาย จันทน์กะพ้อวางผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำลงในกะละมังใบเล็กที่ใครสักคนหามาให้ หยิบหนังสือมาพัดไล่ความร้อนอบอ้าวในห้องสี่เหลี่ยมนั่นระหว่างที่รอให้สามีไปหาพัดลมมาสักตัวหนึ่ง
ห้องพักของตวงทองทั้งแคบทั้งร้อน เป็นห้องว่างเปล่า มีหน้าต่างประตูอย่างละบาน และไม่มีข้าวของอื่นใดอีกนอกจากเสื้อผ้าของเจ้าของห้องที่พับวางไว้มุมหนึ่งข้างหม้อต้มเล็กๆ ผ้าห่มและที่นอนบางๆ จันทน์กะพ้อนึกไม่ออกเลยว่าหญิงสาวนอนหลับได้อย่างไรในยามกลางคืน หล่อนนึกเสียใจที่ไม่ได้บอกให้ช่างเอกอุ้มตวงทองไปพักในห้องสำนักงานที่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะคิดว่าอดีตเพื่อนร่วมงานคงต้องการความเป็นส่วนตัวเมื่อฟื้นขึ้นมา
“พัดลมได้แล้วจ้ะ”
เสียงห้าวหากนุ่มนวลดังมาจากร่างสูงที่หิ้วพัดลมตั้งโต๊ะตัวหนึ่งมาให้ ตามด้วยเด็กสาวที่ก่อนหน้านี้ยังยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าประตู แต่แล้วก็ฮึดตามตรีเมฆเข้ามาด้วยในที่สุด
“เธอช่วยเสียบปลั๊กเปิดให้ทีสิจ๊ะ” จันทน์กะพ้อบอกเด็กสาวคนนั้น ขณะเดียวกันก็มองไปที่ประตูเห็นใบหน้าหลากหลายพยายามสอดส่ายสายตาเข้ามาดู
“เมียจ๋า เราไปที่สำนักงานกันดีไหม เดี๋ยวให้เพื่อนเขาดูแลกันเองก็คงได้นะ เดี๋ยวลูกตื่นนะ ฝากให้เอกดูอยู่ เราก็มัวแต่รีบ ไม่รู้เป็นไงบ้าง”
“คุณเมฆก็ไปดูแลลูกก่อนสิคะ จันทน์จะอยู่ดูคุณตวงทองเธอหน่อย ป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลยเห็นไหมคะ อาจจะต้องส่งโรงพยาบาลนะคะ”
“ยายขาวีนนี่ไม่ตายง่ายๆ หรอกจ้ะ เชื่อสิ เคยร้ายกับคุณขนาดไหนจำไม่ได้เหรอ” คำพูดของนายช่างใหญ่ตรีเมฆทำให้คนงานซุบซิบกันขึ้นมาทันที
จันทน์กะพ้อตวัดตาสวยดุใส่สามีแล้วก็ไล่ให้ไปดูแลลูกอีกหน แต่ก่อนที่ตรีเมฆจะออกไปจากห้อง หล่อนขอให้เขาสั่งคนงานทั้งหลายแยกย้ายไปทำงานกันให้หมด เหลือไว้แค่เด็กสาวหน้าสวยที่ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยตวงทองอย่างเห็นได้ชัด
“คนไม่เคยทำงานหนัก ปุบปับมาทำแบบนี้เลยแย่เลยนะ”
จันทน์กะพ้อเปรยเบาๆ แม้ตวงทองจะเคยใส่ร้ายหล่อนสมัยที่ยังสอนหนังสืออยู่ที่วิทยาลัยด้วยกัน ด้วยข้อหาหนักที่ส่งผลต่อวิชาชีพไม่น้อย แต่ทว่าในยามนี้หล่อนกลับโกรธอีกฝ่ายไม่ลง ด้วยความที่เป็นลูกผู้หญิงขาดแม่เหมือนกัน และที่ผ่านมาได้รู้ว่าชะตาชีวิตของอาจารย์สาวดีกรีนักเรียนนอกผู้นี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง หล่อนยิ่งเกิดความสงสาร จันทน์กะพ้อติดตามสามีมาในวันนี้ก็เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายหลบมาของานศมาทำใช้หนี้อยู่ที่นี่ หล่อนหวังว่าจะพอช่วยอะไรได้บ้างก็พอดีมาเจอตวงทองเป็นลมล้มพับอยู่กลางแดดพอดี
“พี่ตวง พี่ตวงฟื้นแล้ว”
สำเนียงแปร่งหูของตูซา ทำให้จันทน์กะพ้อเผลอกระชับมือบางที่แตกช้ำของอีกฝ่ายไว้แน่น พอรู้ตัวจึงกุมไว้หลวมๆ พลางเรียกชื่อเบาๆ
“อาจารย์ตวงคะ เป็นยังไงบ้าง”
“อาจารย์จันทน์...” อีกฝ่ายเรียกด้วยเรี่ยวแรงที่พอเหลืออยู่ ดึงมือตนเองออกจากมือของอีกฝ่ายช้าๆ พยายามจะถดกายหนี ผมเผ้ายุ่งเหยิงเปียกชื้น ลมหายใจเข้าออกแผ่วหวิวราวจะปลิดปลิว หล่อนพูดอะไรต่อไปไม่ได้อีก รู้แต่ว่าอยากให้อีกฝ่ายหายวับไปกับตาเสียเหลือเกิน
ไปเสียจะได้ไม่ต้องเห็นหล่อนในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้
“ไม่มีอะไรค่ะ อย่าคิดมาก ฉันมาเยี่ยมคุณนะ”
“ก็อย่างที่เห็น ฉันสบายดี ตูซาช่วยปิดห้องให้ทีนะ พี่เหนื่อย อยากนอนพัก ข้างนอกนั่นเขาจะหักเงินเดือนหรือจะไล่พี่ออกอะไรก็ตามใจ” พูดจบตวงทองก็ผินหลังให้ ซบหน้าลงกับหลังมือแตกปริ เจ็บจนน้ำตาซึม หล่อนปิดเปลือกตาลงช้าๆ ความอดสูท่วมท้น วินาทีนี้หล่อนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมารดาถึงทนอยู่ในโลกใบนี้ไม่ได้อีกต่อไป
จันทน์กะพ้อมองแผ่นหลังบอบบางของอีกฝ่ายแล้วก็ทอดถอนใจด้วยความสงสาร
ตวงทองในยามนี้บอบช้ำราวนกน้อยๆ ที่ปีกหักทั้งสองข้าง ความสูญเสียในชีวิตได้ทำลายมาดนางหงส์ของหล่อนลงเสียสิ้น...
งานหฤโหดที่หล่อนเห็นตูซาทำมาสองวันแล้ว!
ไม่ทันที่หล่อนจะได้อ้าปากค้าน ตูซาก็รุนหลังให้ไปเอาเสื้อแจ็กเก็ตกับหมวกมาใส่ให้เรียบร้อย พร้อมกับยื่นถุงมือให้ เป็นถุงมือผ้าที่หยาบที่สุดเท่าที่ตวงทองเคยสัมผัสมาในชีวิต ยิ่งยามที่สอดนิ้วเข้าไปหล่อนรู้สึกราวกับว่ามีเศษหรือเปลือกอะไรสักอย่างฝังอยู่ในเนื้อผ้า มันทั้งหยาบทั้งคม เสียดสีผิวเนื้อจนหล่อนแทบจะถอดทิ้ง
“ใส่ไว้ เดี๋ยวลวดบาดมือ” ตูซาบอก พลางดึงแขนให้ตวงทองนั่งลงข้างๆ หยิบลวดขึ้นมาหนึ่งเส้น พันเหล็กสองเส้นเข้าไปด้วยกันจนได้มุมแน่นหนา ม้วน ใช้คีมตัดลวดหนีบ บีบ บิด และตัดปลายออกเป็นอันเรียบร้อย
ตวงทองมองมือเรียวของเด็กสาวที่ทำงานอย่างคล่องแคล่วแล้วก็ให้สะท้อนใจ
ตูซาจัดว่าเป็นคนสวย รูปร่างผิวพรรณก็ดี น่าจะได้นั่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยสักแห่ง มือบางๆ ของเด็กสาวน่าจะจับปากกาจดเล็กเชอร์มาก กว่าจะมามัดลวดกลางแดดแบบนี้
แล้วหล่อนเองเล่า มหาบัณฑิตจากต่างประเทศแท้ๆ ยังมีจุดจบอยู่กลางแดดจ้าแบบนี้ได้ นับประสาอะไรกับเด็กสาวต่างด้าวอย่างตูซา
ตวงทองคิดเคียดแค้น โทษเวรกรรมที่ตามติด นึกน้อยใจมารดาที่ก่อหนี้มหาศาลก่อนที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไป ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตีตื้นจนหัวตาร้อนผ่าว แต่ไม่ทันที่น้ำตาจะหยาดหยด เหงื่อเม็ดเป้งเค็มปี๋ก็กลิ้งลงมาเข้าตา ตวงทองยกมือขึ้นปาดออกด้วยความแสบจนเผลอทำปลายลวดเกี่ยวผิวแก้มนวลจนเลือดซิบ แล้วเม็ดเหงื่อเจ้ากรรมก็ไหลพรูเข้าแผลและดวงตาของหล่อนเพิ่มความแสบสันเสียจนต้องโยนลวดกับคีมทิ้งด้วยความโมโห หล่อนโผลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นหัวสมองพลันโล่งหวิว ไหววูบ และมืดดับไป
“พี่ตวง พี่ตวงเป็นลม!”
****************
ใบหน้าที่ซีดขาวราวกระดาษนั้น ซูบ ตอบ...ผิดหูผิดตาจนน่าใจหาย จันทน์กะพ้อวางผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำลงในกะละมังใบเล็กที่ใครสักคนหามาให้ หยิบหนังสือมาพัดไล่ความร้อนอบอ้าวในห้องสี่เหลี่ยมนั่นระหว่างที่รอให้สามีไปหาพัดลมมาสักตัวหนึ่ง
ห้องพักของตวงทองทั้งแคบทั้งร้อน เป็นห้องว่างเปล่า มีหน้าต่างประตูอย่างละบาน และไม่มีข้าวของอื่นใดอีกนอกจากเสื้อผ้าของเจ้าของห้องที่พับวางไว้มุมหนึ่งข้างหม้อต้มเล็กๆ ผ้าห่มและที่นอนบางๆ จันทน์กะพ้อนึกไม่ออกเลยว่าหญิงสาวนอนหลับได้อย่างไรในยามกลางคืน หล่อนนึกเสียใจที่ไม่ได้บอกให้ช่างเอกอุ้มตวงทองไปพักในห้องสำนักงานที่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะคิดว่าอดีตเพื่อนร่วมงานคงต้องการความเป็นส่วนตัวเมื่อฟื้นขึ้นมา
“พัดลมได้แล้วจ้ะ”
เสียงห้าวหากนุ่มนวลดังมาจากร่างสูงที่หิ้วพัดลมตั้งโต๊ะตัวหนึ่งมาให้ ตามด้วยเด็กสาวที่ก่อนหน้านี้ยังยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าประตู แต่แล้วก็ฮึดตามตรีเมฆเข้ามาด้วยในที่สุด
“เธอช่วยเสียบปลั๊กเปิดให้ทีสิจ๊ะ” จันทน์กะพ้อบอกเด็กสาวคนนั้น ขณะเดียวกันก็มองไปที่ประตูเห็นใบหน้าหลากหลายพยายามสอดส่ายสายตาเข้ามาดู
“เมียจ๋า เราไปที่สำนักงานกันดีไหม เดี๋ยวให้เพื่อนเขาดูแลกันเองก็คงได้นะ เดี๋ยวลูกตื่นนะ ฝากให้เอกดูอยู่ เราก็มัวแต่รีบ ไม่รู้เป็นไงบ้าง”
“คุณเมฆก็ไปดูแลลูกก่อนสิคะ จันทน์จะอยู่ดูคุณตวงทองเธอหน่อย ป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลยเห็นไหมคะ อาจจะต้องส่งโรงพยาบาลนะคะ”
“ยายขาวีนนี่ไม่ตายง่ายๆ หรอกจ้ะ เชื่อสิ เคยร้ายกับคุณขนาดไหนจำไม่ได้เหรอ” คำพูดของนายช่างใหญ่ตรีเมฆทำให้คนงานซุบซิบกันขึ้นมาทันที
จันทน์กะพ้อตวัดตาสวยดุใส่สามีแล้วก็ไล่ให้ไปดูแลลูกอีกหน แต่ก่อนที่ตรีเมฆจะออกไปจากห้อง หล่อนขอให้เขาสั่งคนงานทั้งหลายแยกย้ายไปทำงานกันให้หมด เหลือไว้แค่เด็กสาวหน้าสวยที่ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยตวงทองอย่างเห็นได้ชัด
“คนไม่เคยทำงานหนัก ปุบปับมาทำแบบนี้เลยแย่เลยนะ”
จันทน์กะพ้อเปรยเบาๆ แม้ตวงทองจะเคยใส่ร้ายหล่อนสมัยที่ยังสอนหนังสืออยู่ที่วิทยาลัยด้วยกัน ด้วยข้อหาหนักที่ส่งผลต่อวิชาชีพไม่น้อย แต่ทว่าในยามนี้หล่อนกลับโกรธอีกฝ่ายไม่ลง ด้วยความที่เป็นลูกผู้หญิงขาดแม่เหมือนกัน และที่ผ่านมาได้รู้ว่าชะตาชีวิตของอาจารย์สาวดีกรีนักเรียนนอกผู้นี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง หล่อนยิ่งเกิดความสงสาร จันทน์กะพ้อติดตามสามีมาในวันนี้ก็เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายหลบมาของานศมาทำใช้หนี้อยู่ที่นี่ หล่อนหวังว่าจะพอช่วยอะไรได้บ้างก็พอดีมาเจอตวงทองเป็นลมล้มพับอยู่กลางแดดพอดี
“พี่ตวง พี่ตวงฟื้นแล้ว”
สำเนียงแปร่งหูของตูซา ทำให้จันทน์กะพ้อเผลอกระชับมือบางที่แตกช้ำของอีกฝ่ายไว้แน่น พอรู้ตัวจึงกุมไว้หลวมๆ พลางเรียกชื่อเบาๆ
“อาจารย์ตวงคะ เป็นยังไงบ้าง”
“อาจารย์จันทน์...” อีกฝ่ายเรียกด้วยเรี่ยวแรงที่พอเหลืออยู่ ดึงมือตนเองออกจากมือของอีกฝ่ายช้าๆ พยายามจะถดกายหนี ผมเผ้ายุ่งเหยิงเปียกชื้น ลมหายใจเข้าออกแผ่วหวิวราวจะปลิดปลิว หล่อนพูดอะไรต่อไปไม่ได้อีก รู้แต่ว่าอยากให้อีกฝ่ายหายวับไปกับตาเสียเหลือเกิน
ไปเสียจะได้ไม่ต้องเห็นหล่อนในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้
“ไม่มีอะไรค่ะ อย่าคิดมาก ฉันมาเยี่ยมคุณนะ”
“ก็อย่างที่เห็น ฉันสบายดี ตูซาช่วยปิดห้องให้ทีนะ พี่เหนื่อย อยากนอนพัก ข้างนอกนั่นเขาจะหักเงินเดือนหรือจะไล่พี่ออกอะไรก็ตามใจ” พูดจบตวงทองก็ผินหลังให้ ซบหน้าลงกับหลังมือแตกปริ เจ็บจนน้ำตาซึม หล่อนปิดเปลือกตาลงช้าๆ ความอดสูท่วมท้น วินาทีนี้หล่อนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมารดาถึงทนอยู่ในโลกใบนี้ไม่ได้อีกต่อไป
จันทน์กะพ้อมองแผ่นหลังบอบบางของอีกฝ่ายแล้วก็ทอดถอนใจด้วยความสงสาร
ตวงทองในยามนี้บอบช้ำราวนกน้อยๆ ที่ปีกหักทั้งสองข้าง ความสูญเสียในชีวิตได้ทำลายมาดนางหงส์ของหล่อนลงเสียสิ้น...
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ค. 2564, 09:33:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ค. 2564, 09:33:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 321
<< บทที่ 3 -100% | บทที่ 4 -65% >> |